📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน – ตอนที่ 271

บทที่ 271 - อมิตาภพุทธ อาตมาเจอผีเข้าแล้ว!
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

เมื่อเห็นภาพตรงหน้า เสิ่นเทียนขนลุกในใจเล็กน้อย

แม้จะเคยเห็นภาพนี้ในภาพโชคลิขิตของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงมาแล้ว

แต่ภาพสองดีกับสามดีให้ความรู้สึกต่างกัน ภาพสามดีกับภาพวีอาก็ให้ความรู้สึกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ตอนนี้อยู่ในเขตแดนพิลึกแห่งนี้ เสิ่นเทียนรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว เหมือนถูกจับตามองอยู่

เสิ่นเทียนกำป้ายคำสั่งบุตรศักดิ์สิทธิ์ในมือเงียบๆ มั่นใจว่าพร้อมปล่อยพลังของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ออกมาปกป้องทุกเมื่อ

ขณะเดียวกันพลังเถากลืนกินเซียนในตัวเขายังอยู่ในสภาพเตรียมพร้อม

หากเจออันตรายที่รับมือไม่ไหวก็จะซ้อนการป้องกันทันที จากนั้นค่อยมุดดินไปยังส่วนลึกคอยควบคุมทางไกล

อย่าถามว่าผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงบัวกับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่จะทำอย่างไร

พวกนางเป็นผู้สูงศักดิ์สวรรค์ระดับสุดยอด ร่วมมือกันต้านผู้อริยะได้ครู่หนึ่ง

ถ้าเสิ่นเทียนอยู่ข้างกายมีแต่จะมัดมือมัดเท้าพวกนาง กลัวว่าจะทำให้ตนโดนลูกหลงเข้า บางทีอาจจะโดนอีกฝ่ายเพ่งเป้าหมายมาจับตัวและใช้ข่มขู่ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงกับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่ก็เป็นได้

มิสู้หนีไปรอกำลังเสริม เหลือเขาเขียวชอุ่มไว้ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีฟืนใช้จะดีกว่า

แค่กๆ แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะกลัว ไม่ใช่เด็ดขาด!

นี่เป็นเพียงทางเลือกที่ถ้าหากเกิดเหตุขึ้น ตามหลักแล้วไม่น่าจะดวงซวยขนาดนั้น

ถึงอย่างไรหลังจากได้รับโชคลิขิตจากคนพวกนี้มา ตอนนี้วงรัศมีเหนือศีรษะเสิ่นเทียนก็เป็นสีแดงเข้มแล้ว เหลือจุดสีเขียวเล็กน้อยเท่านั้น

ตอนนี้เสิ่นเทียนก็ถือว่าเป็นบุตรแห่งโชคฉบับหยาบๆ แล้ว ยามเสี่ยงอันตรายก็ยังมีความมั่นใจอันน้อยนิดอยู่บ้าง

สามคนเลียบถนนดินเลนยมโลกสายเล็กนี้มุ่งหน้าไปยังส่วนลึกเรื่อยๆ

ตอนนี้เองไข่มุกในอกเสื้อเสิ่นเทียนสั่นไหวขึ้นมา

เสียงของจิ่วเอ๋อร์ดังขึ้นในความคิดเขา เหมือนจะดีใจมาก “นายท่าน มีพลังหยินบริสุทธิ์มาก!”

“หืม นี่คือที่ใด นะ…นี่หรือว่าจะเป็นทางยมโลก ดอกไม้ฟากฝั่งในตำนาน ฮือๆ หรือว่านายท่านตายไปแล้ว”

เสิ่นเทียนงุนงง

เหตุใดภูตสาวซื่อบื้อนี่ถึงพูดเช่นนี้

ไม่ฝึกบำเพ็ญอยู่ในลูกประคำเฉยๆ จะออกมาด่าข้าเพื่อ?

เสิ่นเทียนหยิบไข่มุกเก้าโอรถออกมาจากอกเสื้อก่อนจะวนแรงๆ “ข้ายังไม่ตาย ที่นี่คือเขตแดนพิเศษที่ลัทธิวิญญาณร้ายวางค่ายกลไว้ อาจจะใช้เลี้ยงภูตผี เลยมีพลังหยินสูงมาก”

ลัทธิวิญญาณร้ายหรือ

เมื่อได้ฟังคำนี้ จิ่วเอ๋อร์ก็หน้าเปลี่ยนสีไป

ครอบครัวนางตายด้วยน้ำมือลัทธิชั่วร้าย มีความแค้นดั่งมหาสมุทรกับกลุ่มอำนาจนี้

ยามนี้เมื่อรู้ว่าที่นี่คือฐานใหญ่ของลัทธิวิญญาณร้ายก็หน้าแดงโมโหขึ้นมา แน่นอนว่าอาจจะเป็นเพราะถูกวนด้วย

“เจ้าวางใจเถอะ ลัทธิวิญญาณร้ายกับแดนศักดิ์สิทธิ์อยู่ร่วมกันไม่ได้อยู่แล้ว ข้าจะล้างแค้นแทนเจ้าเอง”

เสิ่นเทียนวนลูกประคำเก้าโอรสไปพลางเดินไปพลาง

ด้วยการปลอบใจจากเสิ่นเทียน ทำให้แรงอาฆาตจากตัวจิ่วเอ๋อร์ค่อยๆ สงบลงและสลายไป

แต่กลับมีเสียงของเยี่ยฉิงชางดังขึ้นในความคิดของเสิ่นเทียน “โอ้ว เจ้าเด็กโง่ยังเลี้ยงผีอีก เพลินเลยทีเดียวนะ!”

เสิ่นเทียน “เยี่ยเหล่าเข้าใจผิดแล้ว ก่อนหน้านี้ข้าช่วยนางไว้…”

เยี่ยฉิงชางพูด “ไม่ต้องอธิบายหรอก เข้าใจๆ ตอนหนุ่มใครบ้างไม่เคยทำสิ่งไม่ถูกต้อง แค่เลี้ยงปีศาจสาวเลี้ยงภูตผี มีภรรยาเป็นเซียนมีอนุเป็นปีศาจมีคนรักเป็นภูตผีเท่านั้นเอง!

ปู่บุญธรรมเองก็ใช่ว่าจะไม่เคยทำ เหอะๆ คนรักเจ้านี่ใช้ได้เลย มีสายตาใช้ได้! เดี๋ยวข้าจะหาทางมอบโชควาสนาของขวัญพบหน้ากันให้กับคนรักของเจ้า”

เมื่อเห็นตาแก่นี่พูดเองเออเอง เสิ่นเทียนก็จนปัญญาขึ้นมา

โลกเซียนเขาเล่นกันแบบนี้หรือ ยังมีคนเลี้ยงหญิงปีศาจเลี้ยงภูตผี มีภรรยาเป็นเซียนมีอนุเป็นปีศาจมีภูตผีเป็นคนรักกันหรือ

นี่ช่างน่าโมโห(อิจฉา)จริงๆ!

………

เสิ่นเทียนตามหลังผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงกับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่ไปพลางคิดอะไรเรื่อยเปื่อยในใจ

ไม่รู้ว่าเดินไปนานเท่าไร สามคนก็มาอยู่หน้าแท่นบวงสรวงยักษ์แห่งหนึ่ง แท่นบวงสรวงนี้เป็นสีแดงทุกส่วน สูงราวสิบจั้ง ด้านบนมีขั้นบันไดเก้าสิบเก้าขั้น ทุกขั้นมีไฟแรงกรรมลุกโชติช่วง

ไฟแรงกรรมชนิดนี้พุ่งขึ้นมาจากดิน ก่อตัวขึ้นจากเขตแดนภูมิประเทศพิเศษ มีพลังเหนี่ยวนำความคิดชั่วร้าย ความโกรธและแรงกรรมของคน

เมื่อเข้าใกล้แท่นบวงสรวงนี้ เสิ่นเทียนรู้สึกว่ามีความโกรธ ฉุนเฉียว และกระหายการเข่นฆ่าเกิดขึ้นในใจ ดีที่เสิ่นเทียนมีจิตใจดั่งเหล็ก มั่นคงแข็งแรง ประกอบกับถาดวัฏจักรหกมรรคช่วยด้วยนิดหน่อย ถึงได้กดอารมณ์ด้านลบนั่นลงไปได้

“พลังแห่งไฟกรรมรุนแรงมาก” ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่ตาเปล่งแสงสีทอง “ปรมาจารย์เขตแดนคนนี้ใช้พลังแห่งเขตแดนสร้างไฟกรรมนรกขึ้นมา หล่อหลอมเป็นแท่นบวงสรวงไฟกรรม

มีแท่นบวงสรวงนี้อยู่ ลัทธิวิญญาณร้ายจะสร้างผีชั่วร้ายได้ประสิทธิผลเพิ่มเป็นสิบเท่าขึ้นไป! ขณะเดียวกัน คนอื่นจากข้างนอกจะข้ามผ่านแท่นบวงสรวงไฟกรรมนี้ได้ยากมาก ยังเดินหน้าต่อได้ยากยิ่งด้วย!”

ชิ้ง~

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ผ่าแท่นบวงสรวงนี่เสีย!”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่เพิ่งพูดจบ ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงก็เรียกดาบใหญ่ขึ้นมาในมือ ปราณดาบที่รวมกันถึงจุดสูงสุดสี่สิบเมตรแผ่ออกมา ก่อนจะฟันใส่แท่นบวงสรวง

บึ้ม!

คลื่นแรงระเบิดมหาศาลโหมกระหน่ำ

ปราณดาบของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงฟันใส่แท่นบวงสรวงอย่างแรง ผ่าแท่นบวงสรวงเป็นสองส่วน ทว่าเมื่อปราณดาบของนางหายไป แท่นบวงสรวงที่เดิมทีถูกผ่าเป็นสองส่วนและถล่มลงก็กลับคืนสภาพขึ้นมาอีกครั้ง

มันตั้งขวางทางยมโลกเส้นนี้ ปิดผนึกมิติบนล่างสี่ทิศอย่างมั่นคงไม่สั่นคลอน ราวกับว่าไม่เคยถูกโจมตีมาก่อน!

“ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดง เจ้าบุ่มบ่ามไปแล้ว!”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่พูดด้วยความจำใจ “แท่นบวงสรวงไฟกรรมนี่ไม่ใช่อาวุธวิเศษสมบัติวิญญาณอะไร แต่รวมขึ้นมาจากแดนปรโลกทั้งหมด เว้นแต่จะทำลายทั้งเขตแดนนี้ได้ ไม่อย่างนั้นไม่ว่าจะใช้วิธีการปกติใดๆ ก็ไม่อาจทำลายแท่นบวงสรวงไฟกรรมนี้ได้”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงแค่นเสียงขึ้นจมูกทีหนึ่ง “มันก็ไม่แน่ ก็แค่ไฟกรรมนรกเล็กจ้อยไม่ใช่รึ!”

นางเหมือนนึกอะไรได้จึงประสานมุทรา ดอกบัวสีแดงระดับเจ็ดดอกหนึ่งลอยออกมาจากระหว่างคิ้ว ก่อนจะตกลงบนแท่นบวงสรวงไฟกรรมอย่างมั่นคง

เมื่อดอกบัวปรากฏขึ้น ไฟกรรมบนแท่นบวงสรวงก็ถูกบัวแดงนั้นสูบเข้ามาทีละนิด ส่วนบัวแดงหลังจากสูบกินไฟกรรมพวกนี้แล้วก็เหมือนกับได้พลังงาน เปล่งแสงสีสันสวยงามมากขึ้นกว่าเดิม

กลีบดอกคึกคักราวกับเปลวไฟ ทั้งแปลกและชั่วร้าย ทว่าสวยงาม

เมื่อเห็นบัวแดงของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงแล้ว ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่เผยแววตาชื่นชม

นางพูดด้วยรอยยิ้ม “เกือบลืมไปเลย ตอนนั้นศิษย์พี่ฉู่เหอก็เคยพาเหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องไปผจญภัย เจอกับสระบัวแห่งหนึ่งบนเกาะเซียนนอกทะเล ในนั้นมีบัวเซียนสีสันต่างๆ หลายดอก

ศิษย์พี่หญิงบัวแดงเลือกดอกบัวแดงไฟกรรม ซึ่งชนะทางไฟกรรมชนิดนี้ สามารถดูดซับพลังไฟกรรมนรกเพิ่มความเร็วในการเติบโตได้ ดังนั้นถ้าดูดซับไฟกรรมพวกนี้ไป อย่างน้อยก็ทำให้แท่นบวงสรวงไฟกรรมเสียพลังงานสะสมไปพันปี!”

…….

ทุกสรรพสิ่งจากธรรมชาติ หนึ่งชิ้นสยบหนึ่งชิ้น

ไฟกรรมนรกไม่ใช่ของดีอะไรสำหรับสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ในโลก

ทว่าสำหรับบัวแดงไฟกรรมแล้วกลับเป็นสารอาหารที่ดีที่สุด ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงรู้สึกได้ว่าบัวแดงไฟกรรมกำลังดีใจ

ก็เหมือนกับเด็กน้อยเห็นเค้กที่ตนชอบกิน

ทว่าตอนนี้เอง ร่างร่างหนึ่งปรากฏขึ้นบนขั้นบันไดแท่นบวงสรวงไฟกรรม

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงกับผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่มองไป พบว่าเป็นเสิ่นเทียนนั่นเอง

“เสิ่นเทียน เจ้าจะทำอะไร! อย่าขึ้นไป!”

“รีบลงมา เดี๋ยวธาตุไฟเข้าแทรก!”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์สองคนหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง ก่อนจะรีบเอ่ยเตือน

ทว่าเสิ่นเทียนเหมือนไม่ได้ยินคำเตือนของพวกนาง เขาเดินขึ้นบันไดไฟกรรมไปทีละก้าว ปล่อยให้เปลวไฟประหลาดถาโถมเข้ามา

เสียงเยี่ยฉิงชางดังขึ้นในความคิด “ไม่เลว อย่างนี้แหละ ดูดซับพวกมันให้หมด”

เสิ่นเทียนพยักหน้าเล็กน้อย พลังคัมภีร์คบเพลิงในกายเริ่มหมุนโคจรอย่างบ้าคลั่งด้วยความเร็วเหนือกว่าปกติ

ความรู้สึกโกรธรุนแรงหลั่งทะลักขึ้นมาในใจเสิ่นเทียน ทำให้เขาเกิดความคิดเข่นฆ่าทุกสรรพสัตว์ตรงหน้า ทว่าความคิดนี้มาแล้วก็ถอยไปเร็วยิ่งกว่า

ถาดวัฏจักรหกมรรคในตัวเสิ่นเทียนแค่หมุนโคจรเบาๆ ก็ทำให้ความรู้สึกด้านลบหายไปทั้งหมด เหลือไว้เพียงพลังงานธาตุไฟที่บริสุทธิ์ที่สุด ซึ่งถูกกายเนื้อเสิ่นเทียนดูดซับอย่างบ้าคลั่ง

พลังธาตุไฟแบบใหม่หลั่งไหลเข้าไปในหัวใจเสิ่นเทียน มันหลอมรวมกับอัคคีอรุณใต้ แม้จะไม่มีคุณภาพสูงเท่าต้นกำเนิดอัคคีอรุณใต้ แต่ก็มีผลมหัศจรรย์อีกอย่าง

เสิ่นเทียนรู้สึกได้รางๆ ว่าอัคคีอรุณใต้เกิดการเปลี่ยนสภาพเล็กน้อย พละกำลังการเต้นของหัวใจตนแกร่งขึ้นกว่าเมื่อก่อน!

…….

เมื่อสัมผัสได้ถึงผลประโยชน์จากไฟกรรมแล้ว เสิ่นเทียนก็เดินขึ้นบันไดไปสูงกว่าเดิม

ทุกครั้งที่ก้าวขึ้นไปสูงขึ้น ไฟกรรมจะเข้มข้นขึ้นกว่าขั้นก่อน ก็ยิ่งรู้สึกสบายมากขึ้น

เสิ่นเทียนรู้สึกว่ากายเนื้อตนกำลังผลัดเปลี่ยน จุดคอขวดที่เดิมทีต้องใช้เวลาสักระยะกว่าจะทะลวงได้ ตอนนี้กลับทะลวงผ่านไปทันที

ทะลวงเยื่อบางนั้นไปแล้ว!

ผิวกายเสิ่นเทียนเปล่งแสงสีทองสว่างจ้า

กายทองรอบสองพร้อมทะลวงขั้นแล้ว อีกทั้งยังเสริมรากฐานอย่างมั่นคงและรวดเร็วโuเวลกูดoทคอม

สิบขั้น ยี่สิบขั้น สามสิบขั้น…

เจ็ดสิบขั้น แปดสิบขั้น เก้าสิบขั้น…

เร็วมาก เสิ่นเทียนขึ้นไปถึงแท่นบวงสรวงไฟกรรมแล้วนั่งขัดสมาธิลงด้านบน

ถาดวัฏจักรหกมรรคในกายหมุนโคจรเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน กลืนกินไฟกรรมบนแท่นบวงสรวงอย่างคลุ้มคลั่ง

เดิมทีไฟให้กำเนิดดิน โดยเฉพาะไฟกรรมเจอกับดินบริสุทธิ์วัฏจักร ก็เหมือนหนูเจอกับแมว

เปลวไฟทั้งแท่นบวงสรวงหลั่งไหลเข้าไปในกายเสิ่นเทียนอย่างบ้าคลั่งด้วยความเร็วระดับสายตามองทัน กระทั่งบนแท่นบวงสรวงไฟกรรมยังเกิดรอยร้าวทีละนิด ทั้งยังลุกลามไปอย่างเร็วไว สุดท้าย…

รอยร้าวลุกลามไปทั้งผิวแท่นบวงสรวง เมื่อเชื่อมเข้าด้วยกันก็พังทลายลง

พลังงานทั้งแท่นบวงสรวงไฟกรรมหมดสิ้น กลายเป็นผุยผง

ตึง~!

ชั่วขณะที่เสิ่นเทียนกำลังตกอยู่ในห้วงความสุขที่หลั่งไหลเข้ามาดั่งคลื่นน้ำ ก็พลันรู้สึกตัวเบาขึ้นมา ทั้งตัวเขาตกจากกลางอากาศสูงสิบกว่าจั้ง ก้นลงถึงพื้นระเบิดเป็นหลุมใหญ่

“เกิดอะไรขึ้น เหตุใดถึงหายไปเลย!”

เสิ่นเทียนลืมตาด้วยความงงงวย ทำหน้าเหมือนยังสนุกไม่สุด

เอามาอีกหน่อยสิ กินไม่อิ่มจะทำอย่างไร!

เขาสัมผัสได้ถึงเยื่อบางของกายทองรอบสาม ขอแค่เอาไฟกรรมมาขัดเกลาร่างกายอีก เขารู้สึกว่าจะทะลวงผ่านไปได้

หมุนตัวกลับมามองบัวแดงไฟกรรมระดับแปดที่เบ่งบานกลีบดอกมามากกว่าครึ่งพลางแสยะปากยิ้ม “เจ้าดอกไม้แดงน้อย เจ้าแบ่งให้ข้าหน่อยได้หรือไม่”

บัวแดงไฟกรรมสั่นไหวอย่างรุนแรง รีบไปหลบหลังผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดง ทั้งตัวสั่นงันงก

นี่มันบ้าอะไรกัน เจ้าหนุ่มนี่น่ากลัวเกินไปแล้ว!

ข้ากินไฟกรรมทีละคำ แต่เจ้านี่กินไฟกรรมอย่างกับเอาหัวจุ่มลงไป

ไม่กลัวกินไม่ไหวหรือ ไม่กลัวอาหารไม่ย่อยหรือ ในแท่นบวงสรวงไฟกรรมมีไฟกรรมมากขนาดนั้น ข้ากินไปสองส่วนก็สำลักแล้ว

แต่เจ้านี่กินพลังงานทั้งแท่นบวงสรวงหมด ตอนนี้ยังไม่หนำใจยังกินไม่อิ่มอีก?

แล้วยังจะให้ข้าแบ่งให้เจ้าอีก ข้าไม่ใช่คน แต่เจ้ามันเป็นสุนัขจริงๆ!

………

ขณะเดียวกัน ที่บางแห่งในอาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยง

“เจ้าผู้คุ้มกฎอู๋เซิง กลุ่มผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงมาถึงแท่นบวงสรวงไฟกรรมแล้ว”

“ไม่เป็นไร ถึงผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงจะมีบัวแดงไฟกรรมอยู่ แต่ก็ดูดซับไฟกรรมได้สองส่วนเท่านั้น อีกทั้งอย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาหลอมรวมหนึ่งชั่วยาม ถึงตอนนั้น แผนการของข้าก็คงจะสำเร็จไปนานแล้ว”

“แต่ว่าท่านเจ้าผู้คุ้มกฎ ไฟกรรมในแท่นบวงสรวงไฟกรรมหมดไปแล้ว แม้แต่แท่นบวงสรวงยังถล่ม”

“?!”

“มะ…ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร อาตมาผนึกสมบัติสุดยอดนั่นไว้ในค่ายกล ใครก็แก้ไม่ได้!”

………

หลังจากดูดซับแท่นบวงสรวงไฟกรรมแล้ว เสิ่นเทียนรู้สึกชัดเจนว่าพลังโลหิตบริสุทธิ์ในกายตนแกร่งขึ้นกว่าเดิม หากบอกว่าอัคคีอรุณใต้เป็นตัวแทนของไฟแห่งหยาง เช่นนั้นไฟกรรมนรกนี่ก็เป็นไฟแห่งหยิน ต่างมีความมหัศจรรย์ของตน

เมื่อหลอมรวมไฟสองชนิดเข้าด้วยกัน ไม่ใช่แค่ไม่เกิดการปะทะกันแล้ว แต่ยังเหมือนกับฟืนเจอไฟร้อนแรง หญิงแพศยาพบกันราชามหาสมุทร พลันหลอมรวมเข้าด้วยกันทันที

เปลวไฟที่กำเนิดขึ้นมาใหม่เหมือนจะแกร่งอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!

ทางด้านกายทองของเสิ่นเทียน หลังจากดูดซับพลังงานมากพอแล้วก็ยังบริสุทธิ์ขึ้นกว่าเดิม

เขารู้สึกว่าห่างจากรอบสามอีกไม่ไกลแล้ว อีกทั้งพลังมหาศาลในกายตนยังเหนือกว่ารอบสามไปไกล

พลังงานที่เขายังไม่ได้ดูดซับพวกนั้นซ่อนอยู่ในตัว ภายภาคหน้าต้องขุดออกมาเงียบๆ และหลอมรวม

“ทำได้ไม่เลว!”

เสียงของเยี่ยฉิงชางดังในความคิดเสิ่นเทียนอย่างปลื้มอกปลื้มใจ “ไปต่อเถอะ! เดี๋ยวของดีนั่นจะมาแล้ว!”

……

เสิ่นเทียนพยักหน้าก่อนจะตามหลังผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวแดงและผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่

สามคนทิ้งสัญลักษณ์ให้กับผู้ฝึกบำเพ็ญฝ่ายเซียนอื่นๆ ตามทางแล้วก็เดินเลียบเส้นทางยมโลกไปต่อ เดินไปอีกหลายร้อยลี้ ในที่สุดก็มาถึงสุดเส้นทางยมโลก

สิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือทะเลบุปผาฟากฝั่งไร้พรมแดน ตรงเขตใจกลางสุดของทะเลบุปผานี้เป็นตำหนักสีดำเข้มหลังหนึ่ง

ตำหนักหลังนี้ดูมืดทึมน่ากลัว ประตูใหญ่เป็นสีแดงเข้ม เหมือนกับปากใหญ่โลหิตจะเขมือบทุกคนที่เข้าไป

ด้านหน้าของตำหนักมีศิลาโบราณตั้งอยู่อันหนึ่ง ด้านบนแกะสลักอักษรตัวใหญ่ว่า…ตำหนักปรโลกเล็ก!

“หากข้าเดาไม่ผิด ตำหนักนี้น่าจะเป็นเขตใจกลางของแดนปรโลกแล้ว”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่พูดด้วยแววตาจริงจัง “อย่ามองว่าตำหนักนี่มีขนาดแค่หลายลี้ แต่ในนั้นมีการเปลี่ยนแปลงของเขตแดนมากมายนับไม่ถ้วน บางทีหลังจากพวกเราเข้าไปแล้วจะพบว่ามิติในนั้นใหญ่กว่าที่พวกเราคิดไว้ มีอันตรายซ่อนอยู่มากกว่าที่เราคิด

คนนี้ชำนาญด้านค่ายกลเขตแดน บรรลุถึงระดับผู้อริยะแล้วอย่างแน่นอน ข้าเทียบไม่ได้เลย!”

เห็นได้ชัดว่าผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่กลัว ‘ผู้อริยะเขตแดน’ คนนี้มาก

นางยอมรับว่าวิชาด้าน ‘ค้นวิญญาณประเมินแร่’ ของตนเทียบกับคนผู้นี้ไม่ได้เลย

“เราทำสัญลักษณ์ตามทางให้พวกเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ ก็รอพวกเขาก่อนแล้วค่อยเข้าไปสำรวจวิหารโบราณ…”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่ยังพูดไม่จบก็หยุดไป

เพราะนางพบว่าเสิ่นเทียนที่อยู่ข้างหลังในตอนแรก ตอนนี้เดินหน้าไปแล้ว

ก่อนจะเห็นเขายืนตรงหน้าตำหนักปรโลกเล็ก เริ่มประสานมุทราด้วยสองมือไม่หยุด ส่งประทับลึกลับเข้าไปในชอากาศ

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่เพ่งสายตาเล็กน้อย นางมองออกว่าตอนนี้เสิ่นเทียนกำลังประสานมุทราที่นักชีพจรวิญญาณใช้กันโดยเฉพาะเพื่อควบคุมค่ายกลชีพจรดิน

หรือบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียนจะใช้วิชาค้นวิญญาณประเมินแร่ของตนเปิดค่ายกลของตำหนักปรโลก?

นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปหน่อยแล้ว ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นของผู้อริยะ!

……

และที่น่าเหลือเชื่อกว่านั้นคือเมื่อมุทราเข้าไปในอากาศมากขึ้นเรื่อยๆ ตำหนักปรโลกเล็กก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง จากนั้นเริ่มกลายเป็นผุยผงจากยอดลงมาถึงข้างล่าง

ใช่ มันถล่มลง~

ตำหนักปรโลกเล็กที่ผู้อริยะเขตแดนใช้ค่ายกลสร้างขึ้นอย่างตั้งอกตั้งใจและยังทำให้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ตันอู่หวาดกลัวอย่างยิ่ง พังลงทั้งๆ อย่างนี้!

บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ทำได้อย่างไร ความชำนาญในด้านเขตแดนชีพจรวิญญาณของเขาเทียบเท่ากับผู้อริยะเลยหรือ

จะเป็นไปได้อย่างไร!

พึงรู้ไว้ว่า การพิสูจน์ด้านค่ายกลเขตแดนให้ถึงขั้นผู้อริยะยากยิ่งกว่าการฝึกบำเพ็ญเป็นผู้อริยะเสียอีก

ด้วยอายุของเสิ่นเทียนในตอนนี้จะทำได้อย่างไร!

สารภาพตามตรง ตันอู่สงสัยในชีวิตขึ้นมาบ้างแล้ว

“สำเร็จแล้ว!”

เสิ่นเทียนไม่รู้และไม่สนใจความคิดในใจตันอู่

เขาเผยรอยยิ้ม มีขวดแก้วเล็กสีขาวเงินลอยออกมาจากในตัวเขาช้าๆ ก่อนจะสาดแสงสว่างไปรอบๆ

เมื่อแสงเงินส่องสะท้อน ก็มีแสงสีแดงสายหนึ่งพุ่งออกมาจากกลางหมอกดำหนาที่เกิดขึ้นจากเศษฝุ่นของตำหนักปรโลก ทันทีที่ปรากฏแสงสีแดงนี้ ทะเลบุปผาฟากฝั่งที่ไร้พรมแดนนั้นก็ค่อยๆ กดหัวลง

ดอกไม้ที่บานสะพรั่งในตอนแรก ตอนนี้หุบเป็นดอกตูมทั้งหมด

ราวกับกำลังกราบไหว้แสงสีแดงนั้น!

…….

ขณะเดียวกัน บางแห่งในอาณาจักรโบราณอู๋เลี่ยง

บุรุษที่ทางซ้ายแต่งเป็นนักบวช ทางขวาสวมเกราะเทพอสุรากำลังสวดมนต์อยู่ อักขระประหลาดกำลังลอยวนเวียนรอบตัวเขาพลางเปล่งแสงหม่น แฝงไว้ด้วยความลึกลับและพิเศษ

ทันใดนั้นนักบวชพิลึกกระอักเลือดออกมา อักขระข้างกายระเบิดออกทั้งหมด

“อมิตาภพุทธ อาตมาเจอผีเข้าแล้ว!”

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน (จบ)

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน (จบ)

I Am Really Not The Son of Providence, I am Really not a Child of Luck(mtl), ข้าไม่ใช่บุตรแห่งโชคชะตาจริงๆนะ(ก่อนlc), 我真的不是气运之子
Score 9
สถานะนิยาย: Completed ประเภท: , ผู้แต่ง: , ต้นฉบับ: 510 Chapters (จบแล้ว)
หลังจากข้ามมิติมาอยู่ในร่างของเสิ่นเทียน องค์ชายสิบสามแห่งราชวงศ์ผู้หล่อเหลาที่สุด แต่เขากลับอับโชคราวกับเป็นเทพหายนะ เสิ่นเทียน (คนใหม่) พบว่าเขามองเห็นวงรัศมีสีต่างๆ เหนือศีรษะของตนเองและผู้อื่น นั่นคือ ‘ตัวบอกระดับโชควาสนา’ และวงรัศมีเหนือศีรษะของเขาก็เป็นสีดำทะมึน สื่อถึงความซวยขั้นสุด! โชคยังดี เขาสามารถเห็นภาพ ‘โชคลิขิตและวาสนา’ ผ่านวงรัศมีพวกนั้นเช่นกัน.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset