📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยาย Heavenly Star สวรรค์มวลดาว – เล่ม 10 ตอนที่ 546

บทที่ 546 - ทำลายล้าง!
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ทันใดนั้น เสียงหัวเราะของราชันจอมปีศาจได้หยุดลง หมอกทมิฬที่ผันผวนได้หยุดนิ่ง กระแสการไหลของสรรพสิ่งได้หยุดลง กระทั่งดาราที่โคจรยังหยุดเคลื่อน ราวกับเวลาถูกหยุดไว้ในยามนี้ อีกทั้งยังหยุดนิ่งเป็นเวลานาน

ท่ามกลางความเงียบงัน เย่หวูเฉินปล่อยสายธนูที่น้าวจนสุดออก ศรทองคำแล่นออกไปอย่างเงียบงัน ทว่าคราวนี้นอกจากแสงทองคำที่เคลื่อนไปแล้ว บริเวณโดยรอบกลับยังคงหยุดนิ่ง ศรทองคำราวกับแล่นไปอย่างเชื่องช้า ไร้แรงกดดัน ไร้สุ้มเสียง ไร้ระลอกของพลัง แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากศรตามจิตโลหิตดำก่อนหน้านี้ มันแล่นเชื่องช้าอย่างเห็นได้ชัด ทว่าเพียงพริบตาเดียว มันกลับแล่นไปถึงร่างราชันจอมปีศาจที่เพิ่งคืนรูป

สีขาว , สีทอง , และสีแดง…. สามแสงสีระเบิดออกท่วมท้นรัศมีนับหมื่นๆลี้ กลืนกินร่างราชันจอมปีศาจ กลืนกินร่างของเย่หวูเฉิน และกลืนกินทุกสรรพสิ่งในระยะรัศมี

เวลานี้ ราชันจอมปีศาจกระทั่งไม่ทันส่งเสียงกรีดร้องครั้งสุดท้าย ร่างที่เพิ่งคืนรูปของมันกลายเป็นหมอกควันและเถ้าธุลี เถ้าธุลีแปรเปลี่ยนเป็นความว่างอีกครั้ง…. ความว่างเปล่ากลับไม่ใช่จุดจบ ภายใต้พลังที่ไม่อาจเข้าใจได้ บางสิ่งถูกลากออกจากความว่างและถูกทำลาย….

“วิญญาณปีศาจถือกำเนิดขึ้นจากความมืด แต่หากรอบรัศมีหมื่นลี้ธาตุทมิฬถูกทำลายจนหมด เจ้าก็ไม่มีหวังเกิดใหม่ได้อีก…. อยู่มาจนถึงวันนี้ได้ นับว่าสวรรค์เมตตาต่อเจ้ามากแล้ว ศรสังสารวัฎทะเลเลือดนี้…. คือจุดจบของเจ้า!”

ถ้อยคำแจ่มชัดดังก้องด้วยพลังไร้ขอบเขต ไม่อาจได้ยินเสียงตอบกลับของราชันจอมปีศาจอีก บริเวณโดยรอบเป็นสีขาว , สีทอง , และสีแดงผสานกัน ทุกอย่างถูกกลืนกินและทำลายสิ้น มีเพียงตัวเขาที่ยืนอยู่ตรงใจกลางของพลัง คลื่นพลังยิ่งใหญ่สงบลงโดยไร้บาดแผลใดๆบนตัวเขา เขาใช้พลังจิตใจยืนยันเป็นครั้งสุดท้ายด้วย จนกระทั่งไม่อาจสัมผัสถึงกลิ่นอายของราชันจอมปีศาจอีก จากนั้นจึงเคลื่อนความคิด แสงทองคำบินลิ่วมาจากที่ใดไม่ทราบกลับสู่มือขวา แสงขาวคลายออกอย่างเงียบงันและรวมตัวอีกครั้งกลายเป็นสาวน้อยอยู่ข้างกายเขา

ราชันจอมปีศาจถูกทำลาย ดับสูญอย่างสิ้นเชิงทั้งร่างกายและวิญญาณปีศาจ ก่อนตกตายมันใช้สูงสุดเข้าต้านรับ ทว่าต่อหน้าพลังของสามศาตราต้องห้าม มันล้วนหมดโอกาสดิ้นรน เหตุใดจึงเรียกว่าศาสตราต้องห้าม? ต้องห้ามคือพลังที่ไม่สมควรมีอยู่ ก่อนหน้านี้กระบี่ตัดดาราและคันศรบาปวิบัติแสดงพลังอันแกร่งกล้า ทว่านั่นยังไม่ใช่พลัง ‘ต้องห้าม’ ที่แท้จริง เมื่อผสานกับพลังของจิ้งจอกมังกรเท่านั้น มันถึงจะสำแดงพลังที่ไม่สมควรมีอยู่อย่างแท้จริง

พลังของศรสังสารวัฎทะเลเลือดค่อยๆคลายออก หลุมดำขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นค่อยๆยุบตัวลงช้าๆ เย่หวูเฉินมองกระบี่และคันศรในมือ กล่าวพึมพำเสียงเบา “จบแล้ว…. กระบี่ตัดดารา คันศรบาปวิบัติ นี่คือภารกิจที่พวกเจ้ามอบให้ข้า ในวันที่พวกเจ้ายอมรับข้าเป็นนาย” เขาหลับตาลง แย้มยิ้มและกล่าวในห้วงความคิด “หนานเอ๋อร์ ราชันจอมปีศาจถูกทำลายแล้ว ภารกิจของเจ้าก็เสร็จสมบูรณ์แล้วเช่นกัน”

“อื้ม….” หนานเอ๋อร์กล่าวตอบ ที่น่าแปลกใจคือน้ำเสียงของนางมิได้ตื่นเต้นดีใจแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับเต็มไปด้วยความเหม่อลอย

สัมผัสถึงกลิ่นอายสองสายที่แผ่ออกมาฉับพลัน เย่หวูเฉินไม่ไต่ถามหนานเอ๋อร์อีก เขาลืมตาขึ้นและมองไปเบื้องหน้า กล่าวเสียงแผ่วอย่างเสียไม่ได้ “ดูเหมือนจะยังไม่จบ”

พลังของศรสังสารวัฎทะเลเลือดคลายออกจนหมดสิ้น หลุมดำยุบตัวและแทนที่ด้วยความว่างเปล่า ฉับพลันมีสองร่างสูงใหญ่ปรากฎต่อหน้าเย่หวูเฉิน ร่างหนึ่งเป็นสีทองคำ อีกร่างเป็นสีแดง แม้ว่าสองร่างนี้เลือนรางเป็นอย่างมาก หากยังคงสามารถจำแนกได้ชัดเจนว่าร่างสีทองเป็นบุรุษ และร่างสีแดงเป็นสตรี

“ราชันจอมปีศาจถือกำเนิดขึ้นเพราะพวกเจ้า รากเหง้าของหายนะทั้งปวงล้วนเป็นผลสืบเนื่องมาจากพวกเจ้า วิญญาณปีศาจเกิดขึ้นจากพวกเจ้าเช่นเดียวกัน ตอนนี้ราชันจอมปีศาจได้ตกตายแล้ว พวกเจ้าสามารถพักผ่อนได้…. จักรพรรดิใต้ , จักรพรรดิเหนือ!” มองดูเงาร่างสองบุคคลที่อยู่ตรงหน้า เขากล่าวคำอย่างราบเรียบ

การปรากฎตัวของทั้งสอง เย่หวูเฉินไม่แปลกใจ จักรพรรดิใต้และจักรพรรดิเหนือได้ตายไปแล้ว ทว่าลึกลงไปในคันศรบาปวิบัติมีห้วงสติสุดท้ายที่ถูกผนึกไว้ มีเพียงการปลดปล่อย ‘ศรสังสารวัฎทะเลเลือด’ ครั้งแรกเท่านั้นจึงจะทำลายผนึกนี้ได้ เพราะนี่เป็นกระบวนท่าสูงสุดที่ต้องใช้การผสานระหว่างกระบี่ตัดดาราและคันศรบาปวิบัติ เมื่อใดที่ ‘ศรสังสารวัฎทะเลเลือด’ ถูกปล่อยออกไป เมื่อนั้นราชันจอมปีศาจย่อมถูกทำลายจนดับสูญ

“จักรพรรดิใต้…. จักรพรรดิเหนือ….” ในห้วงสติของเย่หวูเฉินพลันแว่วเสียงแปลกใจของหนานเอ๋อร์ ทว่าน้ำเสียงยังแฝงด้วยความเหม่อลอย เย่หวูเฉินสัมผัสได้กระทั่งการสั่นเทาของกระบี่ตัดดาราที่เกิดจากอารมณ์สั่นไหวของหนานเอ๋อร์

สองร่างสูงใหญ่ของจักรพรรดิใต้และจักรพรรดิเหนืออยู่ตรงหน้า ทั้งสองโน้มกายลง คุกเข่าลงต่อหน้าเขาช้าๆ

“จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ โปรดช่วยลูกสาวของพวกเราด้วย” พวกเขาส่งเสียงอ่อนแอและเลือนราง ห้วงสติที่คลายออกจากผนึกในคันศรบาปวิบัตินี้ไม่อาจคงอยู่ได้นานนัก

“จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์?” เย่หวูเฉินชะงักเล็กน้อย

“ตัดดาราและบาปวิบัติยอมรับเป็นนาย ครอบครองพลังของมุกเซียนโกลาหลทั้งสิบ ทำลายรากเหง้าของปีศาจ…. ท่านคือตัวตนสูงสุด คือจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีใครก้าวข้าม” พวกเขาก้มศีรษะลงอย่างนอบน้อม แสดงความเคารพอย่างจริงใจ

เย่หวูเฉินหลับตาลง ก่อนลืมตาขึ้นทันทีแล้วกล่าว “พวกเจ้าไปเถิด ข้ารู้แล้วว่าวิญญาณลูกสาวของพวกเจ้าอยู่ที่ไหน รู้ว่าร่างจริงของนางอยู่ไหน นางเป็นเด็กสาวที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา ย่อมให้อภัยให้แก่พวกเจ้า”

“ขอบคุณจอมจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ พวกเราไม่หวังให้นางให้อภัย ปรารถนาเพียงนางสามารถได้อยู่ข้างกายจอมจักรพรรดิ ไร้ความอนาทรร้อนใจตลอดกาล…. พวกเราต้องไปแล้ว หวังเพียงฝากฝังความปรารถนาสุดท้ายไว้กับท่าน….”

ท่ามกลางน้ำเสียงที่ยิ่งมายิ่งรางเลือน ร่างของพวกเขาจางลงจนหายไปในที่สุด พวกเขาปรากฎกายและจากไปอย่างรวดเร็ว และนี่คือการจากไปอย่างแท้จริง ไม่อาจหวนกลับมาดำรงอีก ห้วงสติสุดท้ายของพวกเขามิได้รออยู่เพื่อเป็นพยานต่อการดับสูญของราชันจอมปีศาจ หากแต่เพื่อฝากฝังถ้อยคำสุดท้ายเพื่อความสุขของลูกสาว

ในเมื่อรักใคร่ห่วงใยลูกสาวเช่นเดียวกัน เหตุใดในอดีตจึงผิดใจถึงขั้นต้องต่อสู้กัน…. เย่หวูเฉินได้แต่ถอนใจบางอย่างเสียไม่ได้

“เจ้านาย…. ทำไมหัวใจของข้าเต้นเร็วเหลือเกิน ยิ่งกว่านั้นยังเจ็บปวดด้วย…. อีกอย่าง จักรพรรดิใต้กับจักรพรรดิเหนือตายไปแล้วไม่ใช่หรือ? ทำไมพวกเขายังปรากฎตัวได้…. พวกเขามีลูกสาวด้วยเหรอ? เห็นอยู่ชัดๆว่าพวกเขาเป็นศัตรูกัน ทำไมถึงมีลูกสาวด้วยกันได้…. ลูกสาวของพวกเขาอยู่ไหน…. ข้าอยากรู้เหลือเกินว่าทำไมข้าถึงโชคร้ายมาติดอยู่ในกระบี่เล่มนี้…. ข้าเป็นใคร…. หรืออย่างที่เจ้านายเคยบอก…. ที่ข้าเป็นจิตกระบี่จริงๆ?” น้ำเสียงของหนานเอ๋อร์สั่นเครือจนผู้คนที่ได้ยินเกิดความรู้สึกสงสาร นางกระซิบถามคำแล้วคำเล่า มีหลายสิ่งมากมายที่อัดอั้นในใจและนางอยากรู้คำตอบ

เย่หวูเฉินยิ้มอ่อนโยน “หนานเอ๋อร์ เรื่องบางอย่างหากไม่รู้ตลอดไปจะเป็นการดีกว่า ตอนนี้หนานเอ๋อร์อยู่ในที่เดียวกันกับข้า เป็นสหายคนแรกๆ ของข้าตอนที่มาถึงยังโลกแห่งนี้ หากหนานเอ๋อร์ชื่นชอบสภาพที่เป็นอยู่และมีความสุขดี อดีตจะเป็นอย่างไรสำคัญด้วยหรือ? หากหนานเอ๋อร์ชื่นชอบเป็นจิตกระบี่ เช่นนั้นเจ้าสามารถเป็นจิตกระบี่ได้ตลอดไป แต่หากหนานเอ๋อร์อยากเป็นเด็กสาวที่แท้จริง…. ก็สามารถเป็นได้อย่างง่ายดายยิ่ง”

“เอ๋? จริง…. จริงเหรอ?” ประโยคแรกๆของเย่หวูเฉินทำให้นางลังเลเล็กน้อย ทว่าประโยคท้ายๆ ทำให้นางแทบไม่อาจควบคุมตัวเอง นางอุทานออกมาอย่างตื่นเต้น

“ต้องจริงสิ หนานเอ๋อร์อยากเป็นเด็กสาวที่แท้จริงหรือเปล่าล่ะ?” รอยยิ้มของเย่หวูเฉินยิ่งนุ่มนวลขึ้น

“อยากสิ…. ข้าอยาก”

“ถ้าอย่างนั้น หนานเอ๋อร์ยังอยากรู้เรื่องราวที่ไม่น่าสุขใจเหล่านั้นอีกหรือเปล่า?”

“อืม…. ฮี่ ข้าไม่อยากรู้แล้วล่ะ ตราบใดที่สามารถเป็นเด็กสาวที่แท้จริงได้ เรื่องอื่นๆข้าไม่ต้องรู้ก็ได้ ว่าแต่เจ้านาย…. ท่านทำได้จริงๆเหรอ?” หนานเอ๋อร์เอ่ยถามแผ่วเบาเพื่อยืนยันอีกครั้ง

“หากหนานเอ๋อร์ยังไม่เชื่อ…. งั้นวันนี้พวกเรามาเปลี่ยนเจ้าให้เป็นเด็กสาวที่แท้จริงกัน! ดีมั้ย!”

“ว้าว!!”

นี่คือสิ่งที่เด็กสาวธรรมดาผู้นี้ปรารถนาสูงสุดในชีวิต เป็นความหวังสูงสุดที่นางโหยหามายาวนาน ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง ในหูมีแต่เสียงดีใจของหนานเอ๋อร์ที่ใกล้บ้า เย่หวูเฉินกุมคันศรบาปวิบัติและกระบี่ตัดดารา ยืนอยู่ท่ามกลางห้วงอวกาศไร้ขอบเขต ตอนนี้เขากลับไม่ทราบว่าควรเดินต่อไปทางไหน

“เซียงเซียง ทุกอย่างจบรึยัง?” เย่หวูเฉินลดหัวคิ้วลง เอ่ยถามสาวน้อยผมขาว

เซียงเซียงมองเขาด้วยแววตากระจ่าง หากกลับไม่ทราบสมควรตอบเขาอย่างไร

“ช่างเถอะ” แววสับสนหายไปจากใบหน้าของเย่หวูเฉิน แทนที่ด้วยปณิธานอันแน่วแน่ เขามองตรงไปยังที่ห่างไกล ก่อนกล่าวช้าๆ “ยังเหลืออีกหนึ่งบททดสอบสุดท้าย…. บททดสอบที่ไม่อาจพ่ายแพ้”

บนยอดหอคอยผ่านเทพ เขากับชายชุดดำลึกลับผู้ทรงพลังนั้น ได้ทำข้อตกลงสามปีหลังจากตอนนั้นไว้ด้วยกัน

พลังหวูเฉินขั้นที่เจ็ด…. ในห้วงสติสะท้อนก้องด้วยคำเหล่านี้ พลังหวูเฉินขั้นที่หกสามารถเอาชนะราชันจอมปีศาจ เช่นนั้น พลังหวูเฉินขั้นที่เจ็ดจะแกร่งกล้าปานใด จะเพียงพอเอาชนะชายชุดดำลึกลับที่กระทั่งพลังหนึ่งในพันยังแกร่งกล้าราวเทพเซียนได้หรือไม่

กระบี่ตัดดาราและคันศรบาปวิบัติถูกเก็บคืน เขายกมือสองข้างขึ้นตรงหน้า แสงขาวสว่างวาบ ปรากฎกระจกศักดิ์สิทธิ์เปล่งรัศมีเรืองรองขึ้นในมือ เขาทาบกระจกลงบนอกตน ปกป้องด้วยสองมืออย่างทะนุถนอม แหงนหน้าขึ้นมองฟ้าและกระซิบแผ่วเบา “ขอบคุณ…. ซือเฉิน…. ลูกสาวข้า….”

กระจก…. คุน…. หลุน….

Facebook Twitter Telegram Pinterest
Heavenly Star สวรรค์มวลดาว (จบ)
Score 9.2
สถานะนิยาย: Completed ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เด็กหนุ่มลึกลับผู้ลืมเลือนอดีต ตื่นขึ้นมาในทวีปเทียนเฉิน ถูกเข้าใจว่าเป็นบุตรชายตระกูลเย่ เขาจึงใช้สถานะนี้เฝ้าสังเกตโลกอันยุ่งเหยิง รวมทั้งสืบหาอดีตของตน หากแต่โชคชะตาที่ต้องประสบกลับมีเพียงความน่าหวั่นสะพรึง เขาจึงหัวเราะเยาะโชคชะตา และเผยพลังสะท้านแดนดินใต้ผืนสวรรค์.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset