📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยาย Heavenly Star สวรรค์มวลดาว – เล่ม 6 ตอนที่ 338

บทที่ 338 - เรื่องราวที่ผ่านมาไม่นาน
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ปลาถูกย่างอย่างรวดเร็ว หนิงเสวี่ยและทงซินถือขึ้นมาคนละไม้ จากนั้นกัดกินโดยไม่สนมารยาทบนโต๊ะอาหาร เศษอาหารติดทั่วปากของหนิงเสวี่ย เย่หวูเฉินกัดเคี้ยวทีละคำช้าๆ มองดูหนิงเสวี่ยกินอย่างมูมมามด้วยความรื่นรมณ์

“ท่านปู่ฉู่ ไม่มาลองด้วยกันหน่อยหรือ” เย่หวูเฉินพลิกไม้เสียบปลาที่ย่างอยู่บนกองไฟ เขาส่งเสียงกล่าวไปเบื้องหน้า

หนิงเสวี่ยหันมองตามทิศที่เย่หวูเฉินมอง และพลันพบว่าฉู่ชางหมิงนั่งอยู่บนตอไม้ส่งยิ้มมาทางพวกเขา นางโบกปลาที่เสียบอยู่ในไม้และกินไปแล้วครึ่งตัว ตะโกนขณะยิ้มแฉ่ง “ท่านปู่ฉู่ มาสิ ปลาที่ท่านพี่ย่างอร่อยมากเลย….” กล่าวจบนางก็หยิบปลามาตัวหนึ่งและลุกขึ้น จากนั้นวิ่งต้อยๆไปที่ฉู่ชางหมิง “ท่านปู่ฉู่ ท่านลองชิมดูเร็วเข้า ท่านจะต้องชอบมันมากแน่ๆ”

ฉู่ชางหมิงหัวใจบริสุทธิ์ยิ่ง น้อยนักที่จะทานเนื้อสัตว์ หลังจากที่ฉู่จิงเทียนจากไปแล้ว เขาก็ทานอาหารน้อยลง เวลานี้ เขาไม่อาจปฏิเสธความตั้งใจของหนิงเสวี่ย เขารับมาพลางหัวเราะ กัดลงคำหนึ่งต่อสายตาที่คาดหวังของหนิงเสวี่ย เขาขยับปากเคี้ยวและพยักหน้าหัวเราะกล่าว “อร่อย อร่อย ไม่แปลกใจเลยที่หนิงเสวี่ยจะชอบมันมาก”

“ฮี่ ฮี่” หนิงเสวี่ยหัวเราะอย่างมีความสุข “ถ้าท่านปู่ฉู่ชอบ ยังมีอีกเยอะเลยนะ”

“ฮี่ ฮี่ ดี ดี” ฉู่ชางหมิงพยักหน้า มองนางด้วยสายตาอ่อนโยนเป็นที่สุด ราวกับว่า นางทำให้เขาอารมณ์ดีเป็นอย่างยิ่ง

สาวน้อยผมขาวที่อยู่ตรงหน้า…. ยามที่มองหนิงเสวี่ย ในใจของฉู่ชางหมิงไม่ได้สงบเหมือนอารมณ์ที่ปรากฎภายนอก ในอดีตเขาเห็นความไม่ปกติของเย่หวูเฉิน ดังนั้นเหตุใดจะไม่เห็นความผิดปกติของหนิงเสวี่ย ร่างกายนางมีเรื่องเหลือเชื่อมากเกินไป ที่เห็นได้ชัดคืออายุและชุดของนาง มันไม่ต่างจากสามปีก่อนแม้แต่น้อย ทว่าสิ่งที่เขาจดจำได้ดีเมื่อสามปีก่อน คือตอนที่เย่หวูเฉินจากไปโดยทิ้งนางไว้ เวลานั้นด้วยอารมณ์รุนแรง นางแผ่กลิ่นอายที่ทำให้เขาตกใจ…. กลิ่นอายนั้นเบาบางยิ่ง หากไม่อยู่ในวิถีเทวะย่อมไม่อาจสัมผัส ทว่าแม้กลิ่นอายจะบางเบา แต่เห็นได้ชัดว่าเป็นกลิ่นอายเทวะ ไม่สิ มันเหนือล้ำยิ่งกว่าเทวะ! เป็นกลิ่นอายน่าหวาดหวั่นที่กระทั่งเขายังต้องยอมจำนน

และเมื่อวานนี้ เขาก็ค้นพบว่าชุดของนางและสตรีเทพพิโรธทงซินนอกจากสีดำขาวที่แตกต่างกัน อย่างอื่นล้วนเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน

สิ่งต่างๆในโลกนี้ มีน้อยนักที่เขย่าความรู้สึกของเขาได้ เวลานี้เมื่อได้เห็นหนิงเสวี่ยอีกครั้ง เขาไม่อาจห้ามคลื่นกระเพื่อมในหัวใจได้

ลิขิตชะตา? เมื่อมองดูเย่หวูเฉิน , หนิงเสวี่ย และทงซินที่ตามติดกันแจ ในใจของฉู่ชางหมิงก็ผุดคำว่า ‘ลิขิตชะตา’ สองคำซ้ำๆ บางสิ่งในโลกนี้สามารถใช้ได้เพียงสองคำนี้อธิบายเท่านั้น

“ท่านปู่ฉู่ช่วยเล่าเรื่องให้พวกเราฟังได้หรือไม่?” เย่หวูเฉินวางปลาย่างลงจากปาก เขาเงยหน้ามองและยิ้มบางตรงมุมปาก หากแววตาอันภาคภูมินั้นฉู่ชางหมิงสามารถเข้าใจ

“โอ้?” ฉู่ชางหมิงดูคล้ายจะรู้ตัวแล้ว ทว่ายังคงส่งเสียงสงสัย

เย่หวูเฉินยิ้มกล่าว “ตอนนั้นเมื่อข้าตื่นขึ้นจากการหลับไหลกว่าสิบปี สิ่งแรกที่ได้ยินคือเสียงของท่านปู่ฉู่ เวลานั้นท่านกำลังเล่าตำนานหนึ่งให้พวกเด็กๆฟัง ท่านจะเล่าเรื่องนั้นให้ข้ากับเสวี่ยเอ๋อร์และทงซินฟังได้รึเปล่า?”

“เอ๋? จริงเหรอ? เรื่องอะไร? ท่านปู่ฉู่ ข้าอยากฟัง” หนิงเสวี่ยนั่งลงที่ข้างเย่หวูเฉิน ใบหน้าคาดหวังมองที่ฉู่ชางหมิง สามารถเล่าเรื่องให้พี่ชายนางอยากฟัง ไหนเลยนางจะไม่อยากรู้

ฉู่ชางหมิงและเย่หวูเฉินมองหน้ากันเล็กน้อย สื่อความหมายหนึ่งต่อกันอย่างล้ำลึก จากนั้นถอนสายตาออกไป เขาเงยหน้าขึ้น ปิดดวงตาชราลง รำลึกถึงตำนานที่ได้ยินจากปากของปู่ตน เขาไม่ปล่อยให้พวกเย่หวูเฉินรอนาน ฉู่ชางหมิงเริ่มเล่าช้าๆ “เรื่องราวนี้ อันที่จริงไม่ได้ผ่านมานานนัก มันเกิดขึ้นเมื่อร้อยกว่าปีก่อน”

“ร้อยกว่าปีก่อน? หรือว่าเรื่องนี้….เป็นเรื่องจริง?” หนิงเสวี่ยเอ่ยถามอย่างสงสัย

“ฮี่ ฮี่ หากเจ้าคิดว่าจริง มันก็จริง แต่หากเจ้าคิดว่าไม่ใช่เรื่องจริง มันก็ไม่ใช่เรื่องจริง อย่างไรเสียมันก็แค่เรื่องราวหนึ่ง เหตุใดต้องสนใจว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่” ฉู่ชางหมิงกล่าวด้วยรอยยิ้มสงบ สายตาเคลื่อนมองหนิงเสวี่ยและทงซินช้าๆ จากนั้นถอนกลับมา ดวงตากระเพื่อมไหวรุนแรง

“อื้ม….” หนิงเสวี่ยพยักหน้าเหมือนเข้าใจ แต่ที่จริงไม่เข้าใจ นางไม่ถามแทรกอีกและเริ่มกัดปลาต่อ รอฟังเรื่องราวที่ฉู่ชางหมิงกำลังจะเล่า

“ตำนานลึกลับนี้ ราวกับไม่ใช่เรื่องจริง ในอดีตผู้ที่ทราบเรื่องนี้มีอยู่จำนวนมาก ทว่าตอนนี้ผู้ที่ทราบเรื่องมีอยู่น้อยยิ่ง ข้าได้ยินเรื่องนี้มาจากปู่ของข้า และปู่ของข้าได้ยินมาจากปู่อีกที เพราะปู่ของปู่ข้าคือผู้ที่ประสบเหตุการณ์นั้นด้วยตัวเองในอดีต เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ทราบสาเหตุของหายนะในครั้งนั้น” ฉู่ชางหมิงระลึกถึงอดีต กล่าวคำด้วยสีหน้าเหม่อลอย

เย่หวูเฉินพยักหน้าเล็กน้อย รอฟังเรื่องราวต่อ ร้อยกว่าปีที่ผ่านมา ดูจากเวลาแล้วคล้ายกับว่าสำนักจักรพรรดิเหนือจะแตกแยกในเวลานั้นเช่นกัน เหตุการณ์ทั้งสองอย่างนี้ มีส่วนเกี่ยวพันกันหรือไม่?

“ในตอนนั้น ทวีปเทียนเฉินมีสี่อาณาจักรเช่นเดียวกับปัจจุบัน คุยชุย , ชางหลาน , และเทียนหลงดำรงอยู่อย่างสงบ อาณาจักรต้าฟงเริ่มเกิดความเคลื่อนไหวทะยาน อย่างก็ตาม แม้ในยุคนั้นมีสงครามเกิดขึ้นประปราย ทว่าไม่ได้รุนแรงมากนัก จนกระทั่งวันหนึ่ง หายนะใหญ่ได้ร่วงลงจากฟ้า ทำลายความสงบแห่งทวีปเทียนเฉิน”

ร่วงลงจากฟ้า…. เย่หวูเฉินขมวดคิ้ว

“เป็นกลุ่มๆหนึ่งมีจำนวนเพียงไม่กี่ร้อย ทั้งหมดมีลักษณะเหมือนมนุษย์ สวมใส่อาภรณ์สีดำประหลาด ปกคลุมตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ไม่มีผู้ใดเห็นหน้าตาของพวกมัน และพวกมันเรียกตัวเองว่า ‘ปีศาจ’”

“ปีศาจ…. ผู้คนเพียงทราบถึงการดำรงอยู่ของทวีปเทวะ ส่วนปีศาจมักปรากฎอยู่ในตำนานอันไม่ทราบที่มา เมื่อ ‘ปีศาจ’ เหล่านี้ปรากฎกายในทวีปเทียนหลง และสำแดงพลังแกร่งกล้าของปีศาจออกมา ทั่วทั้งทวีปเทียนเฉินก็ตกอยู่ในความตื่นตระหนก ปีศาจมีพลังเทียบเท่ากับเหล่าเทพ และนี่คือทวีปเทียนเฉินแห่งมวลมนุษย์ ผู้คนไม่เห็นเหล่าเทพลงมาช่วยเหลือ มีเพียงปีศาจหลายร้อยตนที่สร้างหายนะไปทั่วทิศในทวีปเทียนเฉิน ในชั่วเวลาสั้นๆ ทั้งสี่อาณาจักรที่ไม่ค่อยสามัคคีกันนักก็จำต้องร่วมมือกัน ต่อต้านปีศาจเหล่านั้นที่ไม่ทราบว่ามาจากไหน”

“แต่ทว่า เหล่าปีศาจมีพลังแกร่งกล้าเกินกว่าที่ผู้คนคาดไว้ เวลานั้นยอดฝีมือระดับสูงสุดแห่งทวีปเทียนเฉินกว่าจะเอาชนะทหารปีศาจธรรมดาได้สักตนก็สูญสิ้นพลังไปมากมาย ตอนนั้นกระทั่งสำนักจักรพรรดิเหนือและสำนักจักรพรรดิใต้ที่ไม่สนใจโลกยังถูกกดดันให้ออกมา เพื่อต่อต้านเผ่าพันธุ์ปีศาจที่รุกราน พวกเขาสามารถชะลอฝีเท้าของพวกมันได้ด้วยพลังกล้าแกร่ง ทำให้เผ่าพันธุ์ปีศาจเสียหายเป็นอย่างมาก ทว่าฝ่ายของตนก็สูญเสียหนักเช่นกัน”

สูญเสียหนัก…. สำนักจักรพรรดิเหนือสูญเสียหนักเพราะหยุดยั้งการรุกรานของเผ่าพันธุ์ปีศาจ หรือว่าเพราะเหตุนั้นจึงเป็นโอกาสก่อความแตกแยก…. แน่นอนนี่คือคำอธิบายที่ดี ว่าเหตุใดประมุขสำนักจักรพรรดิเหนือผู้แกร่งกล้าปานนั้น จึงถูกบีบคั้นให้โดดลงสู่หุบเหวปลิดวิญญาณได้

“ท่านปู่ฉู่” เย่หวูเฉินส่งเสียงขัดจังหวะ จากนั้นขมวดคิ้วถาม “ต้องมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เผ่าพันธุ์ปีศาจรุกรานทวีปเทียนเฉิน กล่าวได้ว่าการจะตัดผ่านมิติมานั้นยากลำบากเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งกว่านั้น พวกมันย่อมตระหนักว่ามีโอกาสที่ชาวทวีปเทวะจะลงมาช่วย แล้วเหตุใดพวกมันถึงยังมาที่นี่อีก? หากจะบอกว่าพวกมันต้องการครอบครองทวีปเทียนเฉินก็ไม่น่าเป็นไปได้ ไม่อย่างนั้นเหตุใดจึงส่งทัพปีศาจมาเพียงไม่กี่ร้อยตน แท้จริงแล้วพวกมันต้องการอะไรกันแน่?”

ฉู่ชางหมิงสายตาขยับไหว เขาถอนหายใจพลางชื่นชม “ถูกต้อง…. เวลานั้นแทบทุกคนล้วนคิดว่าพวกปีศาจต้องการครอบครองทวีปเทียนเฉิน เปลี่ยนทวีปเทียนเฉินให้เป็นทาสของพวกมัน ทว่าปู่ของปู่ข้าทราบว่าที่จริงแล้วพวกมันตามหาของบางสิ่ง…. เพราะในเวลานั้น มีปีศาจตนหนึ่งปรากฎกายต่อหน้าเขาและซักถามหาที่อยู่ของสิ่งของเหล่านั้น”

“ซักถาม? แล้วพวกมันตามหาของสิ่งใด?” เย่หวูเฉินถาม

“เวลานั้น ปู่ของปู่ข้าได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งสุดในทวีปเทียนเฉิน หัวหน้าของเผ่าปีศาจได้ตามกลิ่นอายของเขาจนพบ มันคิดว่าผู้ที่มีกลิ่นอายแข็งแกร่งสุดย่อมทราบที่อยู่ของสิ่งที่พวกมันตามหา…. ทว่า ปู่ของปู่ข้าไม่รู้จักสิ่งของที่พวกมันตามหา ทั้งยังไม่เคยได้ยิน สุดท้ายเขาพ่ายแพ้ย่อยยับด้วยน้ำมือหัวหน้าเผ่าปีศาจและเกือบถูกสังหาร หัวหน้าเผ่าปีศาจตนนั้นแข็งแกร่งถึงขีดสุด ปู่ของปู่ข้าพ่ายแพ้ในการโจมตีเดียว หากเขายังคงจดจำทุกคำพูดที่มันกล่าวกับเขาได้ รวมถึงสิ่งที่พวกมันตามหา….”

“มุกจิตวารี , มุกมังกรอัคคี , มุกสลายวายุ , และมุกเรืองปฐพี ของเหล่านี้คือสิ่งที่พวกมันตามหา หัวหน้าเผ่าปีศาจยังกล่าวอีกว่านี่คือ 4 ใน 10 มุกเซียนแห่งโกลาหล ซึ่งมุกเซียนทั้ง 4 เม็ดนี้อยู่ในทวีปเทียนเฉิน แต่ละเม็ดบรรจุพลังสูงสุดของแต่ละธาตุไว้ มุกจิตวารีบรรจุพลังโกลาหลสูงสุดของธาตุน้ำ , มุกมังกรอัคคีบรรจุพลังโกลาหลสูงสุดของธาตุไฟ , มุกสลายวายุบรรจุพลังโกลาหลสูงสุดของธาตุลม , และมุกเรืองปฐพีบรรจุพลังโกลาหลสูงสุดของธาตุดิน”

มุกจิตวารี , มุกมังกรอัคคี , มุกสลายวายุ , และมุกเรืองปฐพี…. สี่มุกเซียน…. มุกเซียนทั้งสิบ….

เย่หวูเฉินทวนชื่อเหล่านี้ซ้ำๆในใจ…. พลังโกลาหลแห่งธาตุที่แข็งแกร่งสุด…. มุกเซียนทั้งสิบเม็ด….สิบเม็ด? วารี , อัคคี , วายุ , ปฐพี , อัสนี , แสงสว่าง , และความมืด คือธาตุธรรมชาติทั้งเจ็ด รวมกับธาตุลิขิตชะตาคือ ชีวิต , มรณะ , และจิตใจ ทั้งหมดก็รวมเป็นสิบเช่นเดียวกัน…. หรือว่าแต่ละธาตุล้วนเกี่ยวข้องกับมุกเซียนแห่งโกลาหล

หากเป็นอย่างที่หัวหน้าเผ่าปีศาจกล่าวไว้ ว่าวารี , อัคคี , วายุ , และปฐพี สี่ในสิบมุกเซียนอยู่ในทวีปเทียนเฉิน ถ้าอย่างนั้น หรือว่าอีกหกเม็ด….จะอยู่ในทวีปเทวะ? กระบี่ตัดดาราและคันศรบาปวิบัติมีเศษเสี้ยวความทรงจำที่เกี่ยวกับทวีปปีศาจอันลึกลับผนึกไว้อยู่

หัวใจเกิดคลื่นทะมึนกระเพื่อม ภายนอกเย่หวูเฉินยังดูสงบเหมือนปกติ นั่งนิ่งฟังเรื่องเล่าของฉู่ชางหมิง

“ปู่ของปู่ข้ายังจำถ้อยคำสุดท้ายที่มันพูดได้…. หัวหน้าเผ่าปีศาจกล่าวว่ามันพบที่อยู่ของมุกมังกรอัคคีแล้ว ทางทิศใต้ของอาณาจักรเทียนหลง มีภูเขาไฟเทียนเม่ยที่ก่อตัวขึ้นจากมุกมังกรอัคคี และมีมังกรเพลิงฟ้าที่ถือกำเนิดขึ้นจากมุกมังกรอัคคี ตราบใดที่สังหารมังกรเพลิงฟ้าได้ ก็สามารถนำมุกมังกรอัคคีออกจากร่างของมัน”

เย่หวูเฉินหัวใจกระตุกวูบ ไม่อาจควบคุมความสงบได้อีก

มังกรเพลิงฟ้า….มุกมังกรอัคคี

เช่นนั้น ความตายของมัน ก็เป็นเพราะ….

Facebook Twitter Telegram Pinterest
Heavenly Star สวรรค์มวลดาว (จบ)
Score 9.2
สถานะนิยาย: Completed ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เด็กหนุ่มลึกลับผู้ลืมเลือนอดีต ตื่นขึ้นมาในทวีปเทียนเฉิน ถูกเข้าใจว่าเป็นบุตรชายตระกูลเย่ เขาจึงใช้สถานะนี้เฝ้าสังเกตโลกอันยุ่งเหยิง รวมทั้งสืบหาอดีตของตน หากแต่โชคชะตาที่ต้องประสบกลับมีเพียงความน่าหวั่นสะพรึง เขาจึงหัวเราะเยาะโชคชะตา และเผยพลังสะท้านแดนดินใต้ผืนสวรรค์.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset