📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยาย Heavenly Star สวรรค์มวลดาว – เล่ม 6 ตอนที่ 328

บทที่ 328 - สี่สุดยอดแห่งสำนักจักรพรรดิใต้
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

สายลมเย็นเชียบพุ่งพัดเข้ามาในพริบตา ฉุ่ยหยุนหลันอัดแรงลงเท้าเบี่ยงร่างหลบ ปลายกริชสะท้อนแสงเย็นพุ่งเฉียดปลายจมูกไปเพียงนิด เผชิญหน้ากับความเร็วไร้ที่เปรียบ ฉุ่ยหยุนหลันไม่อาจห้ามเหงื่อเย็นที่หลั่งหยด แม้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ต่อสู้กับสตรีเทพพิโรธ แต่นี่คือครั้งแรกที่เผชิญหน้าเพียงลำพัง เป็นความกดดันหนักหน่วงที่ไม่เคยสัมผัส หัวใจแน่นรัดอึดอัดไม่สบาย

“หยกวารีพร่าสวรรค์!!” เผชิญหน้ากับสตรีเทพพิโรธ หมายถึงพร้อมถูกสังหารทุกขณะ ไหนเลยฉุ่ยหยุนหลันจะกล้ายั้งมือ เขาคำรามก้องคำหนึ่ง ไอปราณแห่งเทวะพวยพุ่งออกจากร่าง เหนือฝ่ามือสองข้างปรากฎน้ำแข็งขึ้นมาทันที…. แต่นั่นไม่ใช่น้ำแข็ง หากเป็นพลังหยกวารีที่ควบกลั่นจนแข็งกล้า

เฟี้ยว!!

หยกวารีพุ่งออกจากมือ ตรงดิ่งไปที่ร่างงามบอบบางของทงซิน นั่นไม่ใช่ผลึกธรรมดาแค่สองก้อน แต่หยกวารีที่ยิงออกจากมือของฉุ่ยหยุนเทียนยังยิ่งทวีความเร็ว ราวสายลมที่กลายเป็นพายุคลั่ง พร้อมกระทบร่างทงซินอย่างรุนแรง

ทงซินเบี่ยงร่างหลบเมื่อหยกวารีพร่าสวรรค์พุ่งเข้าหา ทว่าขณะที่หลบเลี่ยง มือสองข้างของฉุ่ยหยุนหลันก็ขยับตาม หยกวารีล็อคตรึงที่ร่างนาง ดวงตาดารารัตติกาลของทงซินไหววับด้วยแสงเย็น นางไม่หลบอีกต่อไปและต้านรับหยกวารีพร่าสวรรค์ของฉุ่ยหยุนหลัน….

……

หยกวารีรวดเร็วดุจวายุคลั่ง ทว่าความเร็วของทงซินเหนือล้ำกว่า ระหว่างการบินว่อนดุจห่าฝน ทงซินเหวี่ยงกริชเทพพิโรธเกิดสายแสงแดง ผ่าหยกวารีก้อนหนึ่งออกเป็นสองซีก แม้ว่าหยกวารีจะรวดเร็ว แต่การกวัดแกว่งของนางรวดเร็วกว่า หยกวารีก้อนที่สองถูกกริชเทพพิโรธผ่าครึ่งติดตาม หลังถูกผ่าพลังของมันก็สลายไปในอากาศ ไม่มีสิ่งใดหลงเหลืออยู่

เวลานั้น ทงซินทะยานร่างเข้าหาพร้อมกับการเหวี่ยงตัด มือขวาเปล่งแสงทมิฬ กริชเทพพิโรธกรีดเส้นโลหิตในอากาศ

พลัง ‘หยกวารีพร่าสวรรค์’ ของฉุ่ยหยุนหลันแตกออก มือซ้ายเกิดรอยเลือดลึก เขาแค่นเสียงและสืบเท้ามาเบื้องหน้าก้าวหนึ่ง มือขวาเปลี่ยนเป็นกำปั้น เกร็งพลังหยกวารีลงที่หมัด ทั้งแขนขวาครอบคลุมด้วยแสงฟ้าทันที มันเข้มขึ้นจนเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน จากนั้นเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้ม สุดท้ายราวกับกลายเป็นผลึกน้ำแข็ง เขาเหวี่ยงหมัดใส่ทงซิน

มือที่พลันเปลี่ยนเป็นหมัดชกผ่านอากาศเย็นเยียบใส่ทงซิน กริชเทพพิโรธเพิ่งเหวี่ยงออกจึงช้าไปที่จะดึงกลับ ฝ่ามือซ้ายน้อยๆยื่นเข้าปะทะกับหมัดที่ส่งมา สองมือยังไม่ทันสัมผัสกัน อากาศก็แตกร้าวด้วยพลังที่กระทบ เกิดเสียงกัมปนาทสะเทือนในโสต ท้องฟ้าหม่นลง อุณภูมิโดยรอบลดลงอย่างฉับพลัน จากนั้นกลับคืนสู่ภาวะปกติอย่างรวดเร็ว ทงซินเคลื่อนร่างกลางอากาศอย่างคล่องแคล่ว โจมตีอีกครั้งใส่ฉุ่ยหยุนหลัน แขนขวาของฉุ่ยหยุนหลันสั่นสะท้าน เพียงการปะทะพลังกับทงซิน พลังหยกวารีที่แขนกลับเสื่อมสลายไปกว่าครึ่ง แขนขวาร้าวชาไร้ความรู้สึกไปชั่วขณะ ร่างกายเซถอยไปตั้งหลัก ในอกเกิดความปั่นปั่วน เพียงการประมือไม่กี่กระบวน เขาก็รู้แจ่มแจ้งว่ายังคงอ่อนด้อยห่างไกลจากสตรีเทพพิโรธเหมือนเช่น 20 ปีก่อน

เขาคลายมือขวาออก ดึงกระบี่อ่อนที่คาดไว้กับเอวออกมา นี่คือครั้งแรกในรอบหลายปีที่กระบี่หยกวารีได้เห็นแสงตะวัน ลักษณะของมันราวกับมีประกายน้ำกระเพื่อมบนผิว เขาเหวี่ยงวาดกระบี่เข้าปะทะกับกริชเทพพิโรธของทงซิน แคร้ง แคร้ง แคร้ง แคร้ง…. เพียงหนึ่งชั่วลมหายใจ คมกระบี่ก็ปะทะกันไม่รู้กี่ครั้ง ทว่าศาตราระดับเทวะแห่งทวีปเทียนเฉินไหนเลยจะต้านทานศาสตราแห่งเทพสูงสุดจากทวีปเทวะ พลังของทงซินเหลือล้ำกว่าฉุ่ยหยุนหลัน แม้ไม่ถึงขอบเขตเหนือเทพแต่ก็ไม่ห่างมาก ฉุ่ยหยุนหลันปะทะศาสตรากับนางแต่ละครั้ง จะรู้สึกได้ถึงพลังทมิฬที่แตกออกตรงจุดที่ขอบคมกระทบกัน พลังบิดผันน่าหวาดกลัว ทำให้ทั่วร่างอึดอัดไม่สบาย ขณะที่ในใจแตกตื่น ฝ่าเท้าก็ถอยหลัง

ปัง!

พลังทมิฬอันยากต้านทานแผ่พุ่งที่มามือ กระทบแขนขวาจนสั่นสะท้าน กระบี่หยกวารีหลุดร่วงจากมือ แม้ว่าฉุ่ยหยุนหลันตกใจแต่ไม่สับสน เมื่อกระบี่หยกวารีหลุดปลิวไป เขาก็ผลักฝ่ามือทั้งสองพร้อมแสงฟ้าไปด้านหน้า สร้างม่านปราการหยกวารีอันแข็งแกร่งขึ้นมา พลังเพลิงวิญญาณของสำนักจักรพรรดิเหนือเด่นเรื่องการจู่โจม ส่วนพลังหยกวารีของสำนักจักรพรรดิใต้เด่นเรื่องการป้องกัน และการป้องกันยังเด่นล้ำกว่าการโจมตีอยู่หลายส่วน ปราการหยกวารีคือทักษะพื้นฐานที่สุดในการป้องกัน มันมีพลังแห่งหยกในการปัดป้อง

ทว่าแม้เป็นปราการหยกวารีที่สร้างขึ้นโดยเทวะ แต่มันก็ไม่อาจทานทนต่อกริชเทพพิโรธ ผิวปราการถูกกริชเทพพิโรธปักลง ปราการหยกวารีที่เพิ่งถูกสร้างก็ร้าวออก กริชถูกกดลงพร้อมพลังทมิฬที่ระเบิดออก ปราการหยกวารีแตกเป็นเสี่ยงราวกระจก กริชเทพพิโรธเปล่งแสงแดงเยียบและไม่หยุดลง มันพุ่งตรงไปที่หน้าผากของฉุ่ยหยุนหลัน

ในการต่อสู้พัวพัน เขารักษาชีวิตไม่ให้ตายได้ตามที่หวัง ทว่าพลังป้องกันของหยกวารีถูกนางทำลายอย่างง่ายดาย เขาไม่ได้แปลกใจเรื่องนี้เท่าใดนัก แม้ไม่ทันเตรียมตัวแต่ไม่มีทางเลือกอื่นอีก เขาถอยร่างด้วยความเร็วสูงสุด หากความเร็วของทงซินเป็นสิ่งที่เขาไม่อาจเทียบได้ แสงแดงของกริชคมกล้า พุ่งใกล้หน้าผากเข้ามาเรื่อยๆ

“ย้าก!!”

เสียงคำรามดังสนั่น เลือนลั่นสะทือนไปทั้งสี่ทิศ ที่พื้นแข็งยังแตกออก ฝุ่นทรายกระจายฟุ้งทุกทิศทาง มีร่างสูงใหญ่วิ่งมาจากทางใต้ แล้วกระโดดลิ่วขึ้นสูงดุจอินทรี มือสองข้างประสานกัน สร้างหยกวารีสีฟ้าขนาดราวสองเมตรแล้วปล่อยออก จากแนวเส้นที่มันตรงมา ไม่นานมันย่อมกระทบฉุ่ยหยุนหลันและทงซิน

แรงกดดันหนักหน่วงท่วมทับจากด้านบน ทงซินหันมองฉับพลันและหยุดนิ่ง เหวี่ยงมือขวาพร้อมกริชเทพพิโรธออกตัดอากาศเป็นแสงสีแดง หยกวารีขนาดใหญ่บนฟ้าแตกออก เปลี่ยนเป็นพลังมหาศาลกระจัดกระจาย คนในชุดดำลอยร่างลงจากอากาศ ยืนอยู่อีกด้านของทงซินทางซ้าย ส่วนอีกหนึ่งฉุ่ยหยุนหลันยืนอยู่ด้านขวา ขนาบทงซินไว้ตรงกลาง

ฉุ่ยหยุนหลันประมือกับสตรีเทพพิโรธเพียงไม่นาน ภาพเหตุการณ์ตรงหน้าทำผู้คนสำนักจักรพรรดิใต้ไม่อาจยอมรับได้ เวลานี้เมื่อเห็นคนชุดดำปรากฎกาย หัวใจพวกเขาก็ผ่อนคลายลง หากประมุขร่วมมือกับคนผู้นี้ พวกเขาสมควรเอาชนะสตรีเทพพิโรธลงได้

“นางคือสตรีเทพพิโรธอย่างนั้นหรือ?” เห็นได้ชัดว่าคนชุดดำมีอายุราว 70 ปี เขามองเด็กหญิงงดงามที่แผ่กลิ่นอายสงบเงียบไม่เปลี่ยนแปลง นางยังงามเลิศล้ำจนคนตะลึงไม่อยากเชื่อ ไม่ว่าใครที่เห็นสตรีเทพพิโรธครั้งแรกย่อมมีอาการเช่นนี้ ชายชราผู้ไม่ธรรมดาระงับสีหน้าและกล่าวทันที “สตรีเทพพิโรธ คู่ควรกับชื่อเสียงจริงๆ”

พลังแกร่งกล้าของหยกวารี ไม่มีใครรู้จักมากไปกว่าพวกเขา หยกวารีขนาดใหญ่ที่เขาสร้างขึ้นสมควรกดดันให้นางล่าถอย กลับคิดไม่ถึงว่านางจะใช้กริชผ่ามัน ภายใต้ความสงบที่ผิวภายนอก ในหัวใจกำลังสะท้านไหวรุนแรง

“ถูกต้อง” ฉุ่ยหยุนหลันปรับลมหายใจและพยักหน้า “พ่อบุญธรรม ข้ารู้ว่าท่านไม่เคยร่วมมือกับคนอื่นต่อสู้กับศัตรู แต่วันนี้คงต้องยอมเสียหน้าเพื่อช่วยกันรับมือนาง”

ชายในชุดดำคือ ฉุ่ยเสวียนฟง สถานะแท้จริงของเขาคือบิดาของฉุ่ยหยุนหลัน หลังเหตุการณ์พลิกผันเมื่อหลายปีก่อน ฉุ่ยเสวียนฟงได้ ‘ตัดสัมพันธ์ครอบครัว’ กับ ‘ฉุ่ยหยุนหลัน’ และจับเขามาลงโทษ ในสำนักไม่มีผู้ใดกล่าวโทษทั้งยังยกย่องในความเที่ยงธรรม เนื่องจากฉุ่ยหยุนเทียนและฉุ่ยหยุนหลันมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกันยิ่ง ‘ฉุ่ยหยุนเทียน’ จึงเสนอตนเป็นบุตรบุญธรรม เป็นตัวแทน ‘บุตรที่ไม่อาจพบหน้า’ และดำเนินมาจนถึงทุกวันนี้ ชายชราคือหนึ่งในหกยอดฝีมือเทวะแห่งสำนักจักรพรรดิใต้

ฉุ่ยเสวียนฟงพยักหน้าอย่างองอาจ จากนั้นส่ายศีรษะและกล่าว “ความปลอดภัยของประมุขเกี่ยวพันถึงอนาคตของสำนักจักรพรรดิใต้ ข้าย่อมไม่อาจยอมให้ท่านเป็นอะไร แต่เหตุใดท่านถึงรีบออกมาต่อสู้กับคนอันตรายเช่นนี้” เขาปราดสายตามองยังคนที่ล้อมวงอยู่ห่างไกล กดน้ำเสียงทะมึนต่ำตะโกนออกไป “เหตุใดพวกเจ้าถึงปล่อยให้ท่านประมุขเผชิญอันตรายเช่นนี้!!”

ยอดฝีมือสำนักจักรพรรดิใต้ที่ล้อมอยู่ต่างละอาย ไม่มีใครกล้าเอ่ยตอบ การรุกรานของคนภายนอกสมควรเป็นพวกเขาที่รับมือ ทว่าเมื่อเผชิญกับสตรีเทพพิโรธ พวกเขาเป็นได้เพียงเศษฟางเท่านั้น การต่อสู้ระหว่างนางกับประมุขอาจดูคล้ายธรรมดา ทว่าไม่ใช่ใดสิ่งที่พวกเขาจะเข้าไปพัวพันได้

“อย่าตำหนิพวกเขาเลย หากพวกเขาร่วมต่อสู้มีแต่จะเพิ่มจำนวนผู้สูญเสีย สถานการณ์ยามนี้พวกเราต้องรักษาขุมพลังไว้ให้มากที่สุด แม้ข้าจะไม่ใช่คู่มือนาง แต่ก็ต้านทานจนท่านมาถึงนี่ได้อย่างไร้ปัญหา” ฉุ่ยหยุนหลันจ้องไปข้างหน้าด้วยแววตาเคร่งเครียด

“ฮี่ ฮี่ ฮี่ ฮี่ เสวียนฟงกล่าวได้ถูกต้อง ท่านประมุขสำคัญดุจสวรรค์ สตรีเทพพิโรธพวกเราจะรับมือเอง”

น้ำเสียงดังก้องมาจากที่ไกล ราวกับว่าสะท้อนมาจากเส้นขอบฟ้า ผู้คนโดยรอบเหมือนได้ยินเสียงนี้ดังขึ้นในหูตัวเอง ความรู้สึกนุ่มนวลแผ่ชะโลมหัวใจ เมื่อได้ยินเสียงนี้ทุกผู้คนต่างเผยสีหน้าแห่งความยินดี

“อาวุโสเทียมฟ้า!”

“ในที่สุดอาวุโสเทียมฟ้าก็มาถึง ในที่สุดพวกเราก็วางใจได้แล้ว”

“ฮี่ ฮี่ หากอาวุโสเทียมฟ้าและลุงเสวียนฟงร่วมมือกัน ในโลกนี้ย่อมไร้เทียมทาน ว่าแต่เหตุใดสตรีเทพพิโรธถึงปรากฎตัวขึ้นที่นี่?”

การปรากฎตัวของอาวุโสเทียมฟ้าราวกับหลักประกันให้ผู้คนของสำนักจักรพรรดิใต้ ขจัดความกังวลทั้งหมดสิ้น เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นที่เคารพเชื่อถือเพียงใดในสำนักจักรพรรดิใต้ และเมื่อพวกเขาเริ่มสงบใจลง ในที่สุดจึงผุดคำถามสำคัญ ว่าเหตุใดสตรีเทพพิโรธถึงปรากฎตัวขึ้นที่นี่?

เหตุผลหนึ่งเดียวคือเย่หวูเฉินถูกนำตัวมา ยุแหย่โทสะของดาราปีศาจตนนี้

ชายชราลอยร่างลงจากฟ้าราวเทพเซียนอันศักดิ์สิทธิ์ สีหน้าแย้มยิ้มขณะหยุดลงตรงหน้าทงซิน สายตาปราดมองทั่วกายนาง พู่ไหมในมือเป็นประกายด้วยแสงขาว การปรากฎตัวของเขาเหนี่ยวนำพลังโดยรอบให้อ่อนโยนลงอย่างไร้ที่เปรียบ

“ปราบนางก่อนแล้วค่อยอธิบาย” สัมผัสพลังสังหารน่าหวาดหวั่นของเด็กหญิงที่อยู่ตรงหน้า อาวุโสเทียมฟ้าไม่ไต่ถามถึงคำตอบ เขากล่าวคำอย่างสงบพร้อมร่างที่เปล่งแสงสีฟ้า เพียงพริบตาแสงฟ้าก็กลายเป็นหยกวารีปกคลุมทั่วร่าง สร้างเกราะป้องกันขึ้นเป็นชั้นแรก

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า นานแล้วที่สำนักจักรพรรดิใต้ของข้าไม่ได้คึกคักมีชีวิตชีวา วันนี้ ในเมื่อตาเฒ่าถูกบังคับให้ออกมา แล้วจะขาดข้าอีกคนได้อย่างไร”

ต่างจากเสียงอ่อนโยนชะโลมใจของอาวุโสเทียมฟ้า เสียงนี้แม้ว่ามีอายุเช่นเดียวกัน ทว่าโผงผางและดุดัน เมื่อเสียงนี้จบลง คนผู้หนึ่งก็ลอยร่างลิ่วลงมา เขาสวมชุดยาวสีเทา รูปลักษณ์ดูหยาบกร้าน หนวดเคราและผมเผ้าสีขาวชี้ชูชัน เขามองสตรีชุดดำที่ถูกล้อมรอบด้วยพวกตนสี่คน แล้วกล่าวเสียงดังลั่น “ประเสริฐ สตรีเทพพิโรธปรากฎตัวในสำนักจักรพรรดิใต้ของพวกเรานับเป็นเรื่องที่ดี ชีวิตที่เฉื่อยชาของข้าจะได้มีสีสันเสียบ้าง เสวียนฟง เจ้าวางใจได้ เมื่อพวกเราสี่คนร่วมมือกันย่อมไร้เทียมทานในแผ่นดิน หากปล่อยสตรีเทพพิโรธผู้นี้ให้ทำร้ายท่านประมุขได้ พวกเราคงไม่มีหน้าอาศัยอยู่ในโลกนี้อีกแล้ว”

Facebook Twitter Telegram Pinterest
Heavenly Star สวรรค์มวลดาว (จบ)
Score 9.2
สถานะนิยาย: Completed ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เด็กหนุ่มลึกลับผู้ลืมเลือนอดีต ตื่นขึ้นมาในทวีปเทียนเฉิน ถูกเข้าใจว่าเป็นบุตรชายตระกูลเย่ เขาจึงใช้สถานะนี้เฝ้าสังเกตโลกอันยุ่งเหยิง รวมทั้งสืบหาอดีตของตน หากแต่โชคชะตาที่ต้องประสบกลับมีเพียงความน่าหวั่นสะพรึง เขาจึงหัวเราะเยาะโชคชะตา และเผยพลังสะท้านแดนดินใต้ผืนสวรรค์.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset