ด้วยอิทธิพลของสายโลหิต ความสนใจของฉุ่ยอู๋เชวจึงมิใช่กระหายในพลังหากแต่เป็นกระบี่หนานฮวงที่ต้องแสวงหา สามปีก่อนได้ยินว่าเย่หวูเฉินทราบข่าวของกระบี่หนานฮวง จิตใต้สำนึกก็พลันผลักดันให้ไปหาเย่หวูเฉิน หากคาดไม่ถึงว่าฉุ่ยเมิ่งฉานจะห้ามปรามพร้อมบอกเรื่องข้อตกลงสามปีให้เขาฟัง ฉุ่ยอู๋เชวเชื่อฟังถ้อยคำพี่สาวอยู่เสมอ ฉะนั้นจึงอดกลั้นไว้ไม่ไปพบกับเย่หวูเฉิน
บัดนี้สามปีผ่านไป เย่หวูเฉินตามหาเขาด้วยตัวเอง นำเขามาอยู่ในตระกูลเย่ ตราบใดที่เขาไม่เผยตัวเองออกมาด้วยเจตนา ผู้คนย่อมไม่ทราบว่านายน้อยแห่งสำนักจักรพรรดิใต้กำลังอยู่ในตระกูลเย่
จินตนาการได้เลยว่าฉุ่ยเมิ่งฉานจะตกตะลึงเพียงใด แม้ว่าฉุ่ยอู๋เชวแทบใช้เวลาทั้งหมดเตร็ดเตร่อยู่ข้างนอก ทว่าระหว่างควบคุมสำนักจักรพรรดิใต้นางสามารถทราบอย่างง่ายดายว่าเขาอยู่แห่งใด หากตอนนี้เขากลับปรากฎตัวที่นี่ในตระกูลเย่ สำนักจักรพรรดิใต้ที่จับตามองอยู่ตลอดกลับไม่ทราบเรื่องราว นางต้องประเมินทักษะชั้นฟ้าของเย่หวูเฉินเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน
นางไม่ได้ตอบฉุ่ยอู๋เชวในทันที ทว่ามองเย่หวูเฉินด้วยแววตาไหวระยับ “ข้ากลับสำนักจักรพรรดิใต้เพียงไม่กี่วัน ท่านกลับพาอู๋เชวมาที่นี่อย่างคาดไม่ถึง ดูเหมือนว่า ท่านจะมั่นใจในตัวเองมาก”
หากไม่ใช่เพราะตนเองมั่นใจในการคาดเดา ไหนเลยเขาจะแบกรับความเสี่ยงใหญ่พาฉุ่ยอู๋เชวมาที่นี่ ทั้งยังให้แอบฟังบทสนทนาของนางกับเขา
“ฮี่ ฮี่ ฮี่ ฮี่ หากไม่เชื่อตนเอง โลกนี้ยังจะมีผู้ใดให้เชื่ออีก?” เย่หวูเฉินยิ้มผ่อนคลาย “อู๋เชว ตอนนี้เจ้าเชื่อหรือยัง?”
“พี่ใหญ่….”
สีหน้าเจ็บแค้นของฉุ่ยอู๋เชวยามนี้ กระทั่งฉุ่ยเมิ่งฉานหัวใจยังตื่นตระหนก นางกระซิบกล่าว “อู๋เชว ต่อให้เจ้าไม่อยู่ที่นี่ในวันนี้ ข้าก็ย่อมบอกเจ้าโดยเร็วที่สุด หากข้าต้องย้ำคำกล่าวของท่านพ่อที่เจ้าต้องจดจำ คนผู้มีสายเลือดจักรพรรดิใต้ไหลเวียนอยู่ในร่างย่อมไม่เลวทราม ไม่ทำร้ายผู้ใดที่ไม่มีความแค้น”
ฉุ่ยอู๋เชวกำหมัดไว้แน่น เข่นเขี้ยวกล่าว “อ่า…. แก้แค้น พวกมันทำให้ข้าไม่ได้เห็นท่านปู่ท่านย่า ทำร้ายบิดามารดาผู้ให้กำเนิด ทำร้ายครอบครัวของเรา ข้าหวังให้ตัวเองสามารถฉีกพวกมันเป็นชิ้นๆ ตั้งแต่เด็กข้าก็เกิดความสงสัยในคนผู้เป็นบิดา ตอนนั้นคิดเพียงว่าคงเพราะสัมพันธ์ที่เหินห่าง กลายเป็นว่าที่ข้ารู้สึกนั้นกลับไม่ผิดเลย”
เย่หวูเฉินเลิกคิ้วขึ้น กล่าววาจาดุจน้ำเย็นรดราดศีรษะของฉุ่ยอู๋เชว “แก้แค้น? ไม่ทราบเจ้าจะแก้แค้นยังไง? สำนักจักรพรรดิใต้กุมอำนาจอยู่ในมือ อู๋เชว เจ้าเพียงตัวลำพังในโลก จะคิดหวังให้ผู้ใดช่วยเจ้า ทั้งเทพธิดาฉุ่ยก็ไม่อาจขัดขืนต่อพวกมัน”
สิ่งที่เย่หวูเฉินกล่าวไหนเลยฉุ่ยอู๋เชวจะไม่ตระหนัก เขากล่าวตอบด้วยความชิงชัง “ความแค้นอันใหญ่หลวง ต่อให้ข้าต้องตาย ก็ต้องใช้ทุกอย่างฆ่าฉุ่ยหยุนหลันให้ได้”
เย่หวูเฉินส่ายศีรษะ แค่นเสียงเย็นชากล่าว “ใจเย็น วู่วามไปมีแต่จะนำหายนะมาสู่ หากใช้ทุกอย่างเพื่อฆ่าฉุ่ยหยุนหลันก็มีแต่เจ้าที่ตายกับตาย เจ้าคิดบ้างหรือไม่ว่าทันทีที่เรื่องนี้เผยออกมา พี่สาวเจ้า พ่อเจ้า รวมทั้งแม่เจ้าจะมีผลลัพธ์เป็นอย่างไร?”
ฉุ่ยอู๋เชวแข็งค้างทั่วร่างไม่อาจกล่าวคำอีก กัดฟันข่มใจตนให้สงบอย่างฝืดฝืน
“พี่ใหญ่ หรือว่าสิ่งเดียวที่พวกเราทำได้ในตอนนี้ คืออดทนอยู่เงียบๆและรอคอยโอกาส?” ต้องทนมองคนในครอบครัวโดยไม่อาจทำสิ่งใด จะมีใครให้เขาพึ่งพาได้บ้าง โอกาส? มดสองตัวเผชิญหน้ากับพฤกษาขนาดใหญ่ จะต้องรอคอยโอกาสถึงวันไหน?
“อู๋เชว” ฉุ่ยเมิ่งฉานไม่กล่าวตอบ หากถามด้วยสีหน้าซับซ้อน “เจ้าไม่รู้สึกแปลกใจบ้างหรือว่าเหตุใดถึงเขาถึงรู้เรื่องนี้ได้?”
ฉุ่ยอู๋เชวจ้องตาค้าง หลังจากตะลึงงันอยู่ครู่หนึ่ง ฉับพลันก็ราวกับตื่นจากฝัน ละล่ำกล่าวคำอย่างตื่นตระหนก “พี่สาวข้าพูดถูก เจ้ารู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้ยังไง…. แล้วตอนที่ข้าอยู่ในอาณาจักรคุยชุย เหตุใดถึงกลับมาโผล่อยู่ในอาณาจักรเทียนหลงได้ แล้วเด็กหญิงตัวเล็กๆที่ทุบข้าให้สลบนั่นเป็นใคร? ข้าหมดสติไปกี่วัน? เหตุใดเมื่อครู่นี้ข้าถึงขยับตัวไม่ได้?”
ความตกใจทำให้เขาลืมสถานการณ์ของตัวเองสิ้น ยามนี้ถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ วันนั้นในอาณาจักรคุยชุย อยู่ๆก็มีเด็กหญิงในชุดดำปรากฎตัวตรงหน้า เขายังไม่ทันได้อุทานตกใจ เด็กหญิงชุดดำก็ซัดเขาสลบอย่างงดงามไร้ที่ติ หลังจากตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่เห็นคือเย่หวูเฉินที่บอกกับตนเองว่า “นี่คือตระกูลเย่แห่งเมืองเทียนหลง”
คนที่ทุบเขาให้สลบคือทงซิน และพลังของเขาถูกหยุดไว้โดย ‘พันธนาการมืด’ จากนั้นเขาถูกส่งมาที่นี่โดย เซียงเซียง
“เจ้าถามข้าทีเดียวซะหลายอย่าง แล้วเจ้าอยากให้ข้าตอบคำถามใด?” มุมปากของเย่หวูเฉินยกขึ้นเล็กน้อย “บางเรื่อง เจ้าจะได้รู้ในไม่ช้า ตอนนี้ข้าให้สัญญาได้ว่าจะไม่ทำร้ายเจ้า อีกทั้งยังจะช่วยเจ้าด้วย โอ้? อย่าเพิ่งตื่นเต้นไป ข้าไม่ได้ช่วยเจ้าเพราะเพื่อเจ้า แต่เพื่อตัวข้าเอง พูดตามตรงก็คือ ข้ากำลังใช้เจ้าเพื่อช่วยข้าและช่วยตัวเจ้าเอง”
ฉุ่ยเมิ่งฉานนิ่งเงียบ เย่หวูเฉินทำให้พวกนางทราบความจริงที่ซ่อนไว้อยู่ลึกสุด แน่นอนเขาย่อมไม่ทำทุกสิ่งเพื่อพวกนางอย่างบริสุทธิ์ใจ ทว่าเพื่อตัวเขาเอง พี่น้องสองคนกำลังจะกลายเป็นเบี้ยหมากที่ถูกเขาใช้
หากในยามนี้ ‘เบี้ยหมาก’ สองตัวมีแต่ต้องยอมถูกใช้ด้วยไม่เหลือทางเลือกที่สองอีก
ฉุ่ยอู๋เชวขมวดคิ้วมุ่น “เจ้าจะช่วยพวกเรา? อาศัยเพียงตระกูลเย่ของเจ้า? อย่าพูดให้ขำนักเลย พลังของสำนักจักรพรรดิใต้ไม่ใช่สิ่งใดที่เจ้าจะจินตนาการได้ หากนับผู้คนของสำนักจักรพรรดิใต้ที่กระจายอยู่ทั่วหล้า ลำพังยอดฝีมือขอบเขตสวรรค์ก็มีอยู่ไม่น้อยกว่าร้อยคน!! เจ้าเข้าใจหรือไม่?”
ยอดฝีมือขอบเขตสวรรค์มากกว่าร้อยคน เป็นจำนวนน่าสะพรึงเพียงพอให้ผู้คนหยุดหายใจ หรือกระทั่งสลบไปด้วยความกลัว หากฉุ่ยอู๋เชวต้องสิ้นหวังเมื่อเย่หวูเฉินถามกลับมาว่า “แล้วยังไง?”
ฉุ่ยอู๋เชวพลันโง่งมเมื่อเจอประโยคถามกลับอย่างไม่ทันตั้งตัว เขาสามารถท่องทั่วหล้าได้ตามปรารถนา บางครั้งยังช่วยฉุ่ยเมิ่งฉานทำบางสิ่ง ยกตัวอย่างเช่น การทลายศาลาพันนักฆ่าเมื่อสามปีก่อน คนทั่วไปย่อมทราบว่ายอดฝีมือขอบเขตสวรรค์เป็นตัวตนแบบใด ทว่าเมื่อเอ่ยถึงยอดฝีมือขอบเขตสวรรค์ร้อยคนเขากลับไม่มีสีหน้าผิดแปลกไปแม้แต่น้อย ไม่ได้หวาดกลัวหรือบังคับตนเองให้สงบแต่อย่างใด
“งั้นข้าจะบอกเจ้าเพิ่มอีกสิ่ง ฉุ่ยหยุนหลันมีพรสวรรค์อันโดดเด่น ทั้งยังโหดเหี้ยมรับพลังหยกวารีจากท่านปู่ ตอนอายุ 25 ปีได้บรรลุพลังขอบเขตเทวะ ตอนนี้พลังย่อมล้ำลึกไม่อาจหยั่งคาด และนอกจากฉุ่ยหยุนหลัน ในสำนักจักรพรรดิใต้ยังมีคนที่ก้าวสู่วิถีเทวะอีกห้าคน!” ฉุ่ยอู๋เชวตะโกนเสียงต่ำ
“ห้าคน?” เย่หวูเฉินเมื่อได้ยินสีหน้าก็เปลี่ยนในที่สุด เขาไม่เคยคิดกล้าประมาทพลังสำนักจักรพรรดิใต้ ทว่าเมื่อนับประมุขเข้าด้วยกันก็มียอดฝีมือขอบเขตเทวะรวมทั้งหมดหกคน ข่าวนี้ส่งหัวใจที่สงบนิ่งให้กระเพื่อม บุคคลผู้ก้าวสู่วิถีเทวะแต่ละอาณาจักรมีอยู่เพียงหนึ่งคน และคนเหล่านี้ยืนอยู่จุดสูงสุดในโลกยุทธเวทย์ หากสำนักจักรพรรดิใต้กลับมีตัวตนระดับนี้มากกว่าสี่อาณาจักรรวมกัน ย่อมจินตนาการได้ว่า สำนักจักรพรรดิเหนือที่งัดคานกับสำนักจักรพรรดิใต้ย่อมมีพลังไม่ต่างกัน
ขณะที่ตกใจ เย่หวูเฉินไม่ได้แสดงอาการออกมาก สายโลหิตแห่งเทพย่อมไม่อาจเปรียบเทียบกับมนุษย์ธรรมดา ยิ่งกว่านั้น ทั้งสองสำนักเหนือใต้ยังสืบทอดกันมาแต่ครั้งกำเนิดมนุษยชาติ ไม่นับว่าเป็นการเกินเลยที่พวกมันมีพลังน่าหวาดหวั่นอย่างวันนี้
“ถูกต้อง ห้าคนรวมกับฉุ่ยหยุนหลันเป็นหกคนที่ย่ำอยู่บนวิถีเทวะ มีสี่คนอาศัยอยู่ในสำนักร่วมกับฉุ่ยหยุนหลัน พวกมันยังเป็นคนทำร้ายครอบครัวข้าเช่นกัน อีกสองคนที่ภักดีต่อท่านปู่ได้ตายไปคนหนึ่ง ส่วนอีกคนถูกส่งออกไปอยู่ห่างไกล” ฉุ่ยเมิ่งฉานตอบในรายละเอียด
เห็นเย่หวูเฉินมีสีหน้าตกใจ ฉุ่ยอู๋เชวริมฝีปากโค้งขึ้นและกล่าว “เป็นไงล่ะ กลัวแล้วหรือยัง? แม้ข้าไม่รู้ว่าเจ้าซ่อนขุมกำลังยิ่งใหญ่อะไรไว้ ทว่าต่อต้านสำนักจักรพรรดิใต้ก็มีแต่นำหายนะมาสู่ตน ความแค้นของพวกเรา ข้ากับพี่สาวจะช่วยกันหาทางเอง เจ้าย่อมไม่มีทางช่วยอะไรได้”
เย่หวูเฉินกล่าวไม่ใส่ใจเหมือนแต่ต้น “กลัว? ก็แค่ตกใจบ้างเล็กน้อย ใช่ถึงขนาดต้องใช้คำว่ากลัว ในทวีปเทียนเฉินไม่มีสิ่งใดทำให้ข้ากลัวได้ เทพธิดาฉุ่ย ท่านมีอะไรจะกล่าว?” สายตาเขาเคลื่อนไปยังฉุ่ยเมิ่งฉานที่ทำท่าจะพูดและหยุดลงด้วยความลังเล
เห็นเย่หวูเฉินเอ่ยถามออกมา ดวงตางดงามของฉุ่ยเมิ่งฉานก็สั่นไหวเล็กน้อย “ในเมื่อท่านต้องการช่วยพวกเรา เช่นนั้นควรช่วยพวกเราให้ได้รับกระบี่หนานฮวงก่อน มีเพียงสิ่งนั้นที่จะช่วยพ่อข้าได้ ตราบใดที่พ่อของข้าสามารถออกมา ความเสี่ยงทุกอย่างก็จะลดน้อยลง”
ฉุ่ยอู๋เชวพอได้ยินก็ตื่นเต้นและรีบก้าวไปข้างหน้า “เจ้ารู้ที่อยู่ของกระบี่หนานฮวงจริงๆเหรอ? บอกพวกเรามาเร็วเข้า….”
เย่หวูเฉินทอดสายตาลงต่ำและยิ้มกล่าว “ข้าบอกว่าจะช่วย แต่ไม่ได้บอกว่าจะช่วยเปล่าๆ เทพธิดาฉุ่ย ท่านคงรู้ว่าโลกนี้ไม่มีอาหารกลางวันฟรี”
“เจ้า….ก็ได้ เจ้าต้องการสิ่งใด? หากมีเงื่อนไขอะไรก็จงพูดออกมา” ฉุ่ยอู๋เชวหัวใจกระวนกระวาย แต่เขามิใช่คนโง่ ไม่ทำเสียการเพราะความตื่นเต้น
ฉุ่ยเมิ่งฉานย่อมไม่ไร้เดียงสาถึงขนาดคิดว่าเย่หวูเฉินจะยอมตกลงด้วยสัญญาเล็กน้อยก่อนหน้า นางสูดหายใจบางและกล่าว “ข้า….ยอมรับเงื่อนไขที่ท่านเสนอครั้งก่อน แต่หวังว่าท่านเย่หวูเฉินจะรักษาข้อตกลงด้วย!”
นางต้องร่วมคืนกับเย่หวูเฉินก่อน เย่หวูเฉินจึงจะบอกแก่นางว่ากระบี่หนานฮวงอยู่แห่งใด นี่คือข้อเสนออวดดีที่เย่หวูเฉินยื่นมาในคราวก่อน
มุมปากของเย่หวูเฉินยกขึ้น ดวงตาทั้งสองหรี่ลงเล็กน้อย ใบหน้าขบขันขณะมองสีหน้าซับซ้อนของฉุ่ยเมิ่งฉาน มองร่างงดงามตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ฉุ่ยเมิ่งฉานเบี่ยงหน้าออกไม่กล้าสบตา วันที่นางออกจากสำนักจักรพรรดิใต้ก็ได้ตัดสินใจ ทว่ายามนี้เมื่อกล่าวออกต่อหน้า นางยังคงรู้สึกกระดากอาย
อย่างไรก็ตาม นางได้ยินเย่หวูเฉินกล่าวคำช้าๆไม่รีบร้อน “เทพธิดาฉุ่ย เงื่อนไขที่ท่านพูดถึงคงไม่ใช่ที่ข้าเคยเสนอครั้งก่อน? เงื่อนไขนั่นก็นับว่าน่าดึงดูดอยู่ไม่น้อย เชื่อว่าในโลกนี้ย่อมไม่มีบุรุษธรรมดาใดปฏิเสธลง อย่างไรก็ตาม….” เย่หวูเฉินส่ายศีรษะแสดงสีหน้าจนใจ “หากท่านยอมรับตั้งแต่แรกโดยดี บางทีท่านคงได้ช่วยบิดาด้วยกระบี่หนานฮวงออกมาแล้ว ทว่าตอนนี้ เงื่อนไขนั่นไม่อาจทำให้ข้าพอใจ”
ฉุ่ยเมิ่งฉาน “……”