ฉู่จิงเทียนราวได้ยินเสียงฟ้าฟาด รีบหันขวับไม่สนสิ่งใดอีก เงากระบี่นับร้อยสลายในพริบตา กระบี่ชางหมิงพุ่งโค้งกลับเข้าสู่ฝักที่สะพายอยู่ด้านหลัง
ฉู่จิงเทียนรีบวิ่งไปที่ขอบผา ทว่าเพียงเข้าใกล้ ก็มีร่างสีดำกระโดดขึ้นฟ้าข้ามร่างเขา จากนั้นลงแตะพื้นอยู่เบื้องหลัง คิดไม่ถึงเลยว่า….จะเป็นเล่งหยาที่ถูกเหยียนเจิ้งทำร้ายสาหัสและหล่นลงสู่ทะเลสาบดาวตก
การปรากฎตัวของเล่งหยา ทำให้บรรยากาศแปลกประหลาดไปทันที ราวกับว่าสายลมได้พลันเย็นเยียบลง แววตาผู้คนจากแปลกใจกลายเป็นหวาดกลัว
ฉู่จิงเทียนไม่มีกะจิตกะใจสัมผัสถึงอากาศที่เปลี่ยนไป เขาหันร่างและวิ่งไปที่เล่งหยา ตื่นเต้นดีใจแทบกระโดดโลดเต้น “เจ้าหน้าน้ำแข็ง ประเสริฐนักที่เจ้าไม่เป็นไร! ข้านึกว่าเจ้า….เจ้า….! ตาเจ้าเป็นอะไร!”
ราวกับตื่นขึ้นเมื่อเห็นดวงตาของเล่งหยา เขาสัมผัสถึงอากาศที่เปลี่ยนไปได้ในที่สุด เล่งหยายามนี้แผ่ความรู้สึกเย็นเยียบถึงไขกระดูกอย่างชัดเจน ทำให้เขาต้องล่าถอย ในใจตื่นตระหนกอย่างยิ่ง
เล่งหยาชุ่มโชกไปทั่วร่าง มุมปากและอกยังมีรอยเลือดปรากฎอยู่ และดวงตาของเขานั้น….ไม่อาจเรียกได้ว่าดวงตา อย่างน้อยก็ไม่ใช่ดวงตาของมนุษย์หรือสัตว์….พวกมันไม่อาจมีดวงตาที่น่ากลัวเช่นนี้….จะน่าเชื่อกว่าหากบอกว่านี่คือดวงตาของปีศาจ
ไร้ม่านตาดำ ไร้เนื้อตาขาว ดวงตาสองข้างแดงก่ำดุจโลหิตไม่มีสีอื่น ม่านตาสีแดงฉายแสงโลหิตออกมา….ทำผู้คนเลือดลมปั่นป่วนและแทบคลื่นเหียนอาเจียน
“…..ทะ….ทำไมตาของเจ้าถึง….” ฉู่จิงเทียนพบว่าฟันสั่นกระทบกันอย่างไม่อาจห้าม กระทั่งน้ำเสียงยังสั่นสะท้าน
“ปล่อยมันให้ข้า….” เล่งหยาสีหน้าไร้อารมณ์ ดวงตาแดงก่ำจดจ้องที่ร่างเหยียนเจิ้ง กระบี่คร่าสายลมในมือขวาเปล่งแสงสีเขียว หยดน้ำเย็นเชียบหยดลงจากปลายกระบี่
“ดะ…ได้” ฉู่จิงเทียนพยักหน้าแทบไม่รู้ตัว และรีบก้าวหลีกทางให้ เขารู้จักนิสัยของเล่งหยา หากเล่งหยากล่าวด้วยน้ำเสียงนี้เขาย่อมไม่กล้าขัดขืน เวลานี้ เล่งหยาแผ่ความกดดันที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
“เนตรปีศาจสังหารโลหิต!” ในสายลมอ่อนโชย ในที่สุดก็มีคนตะโกนนามที่สั่นสะเทือนหัวใจผู้คน และเป็นอันยืนยันสิ่งที่พวกเขาคาดเดาในใจ
ดวงตา….ที่มีนามอันน่ากลัวนั้น….ต้องมีคนดับดิ้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ซึ่งหากไม่ใช่เขาก็ต้องเป็นฝ่ายตรงข้าม
ฉู่จิงเทียนกลับไปที่กลุ่มเหยียนเทียนเว่ย เสียงแตกตื่นยังไม่อาจสงบลง เขาเอ่ยถามออกมา “เนตรปีศาจสังหารโลหิต? มันคืออะไรกัน?”
“เนตรปีศาจสังหารโลหิตเป็นดวงตาของปีศาจ มันเคยปรากฎขึ้นครั้งแรกเมื่อ 3,000 ปีก่อน เป็นปีศาจบ้าคลั่งที่ผู้คนไม่กล้าเข้าใกล้ และเมื่อ 700 ปีที่แล้ว ก็มีอีกผู้หนึ่งที่มีเนตรปีศาจสังหารโลหิต ทั่วร่างของมันยังชะโลมไปด้วยเลือด” เหยียนชิงหงมองร่างของเล่งหยา หัวคิ้วขมวดมุ่น
“นี่….หรือเจ้าหน้าน้ำแข็งจะ….นี่ไม่ถูกต้อง เขาไม่เคยมีดวงตาเช่นนี้มาก่อน” ฉู่จิงเทียนสั่นศีรษะไม่อยากเชื่อ ในใจตกตะลึงซับซ้อน
“เนตรโลหิตจะเกิดขึ้นในเฉพาะผู้มีจิตสังหารรุนแรงถึงขีดสุด ยามปกติไม่มีสิ่งใดแตกต่างจากดวงตาคนธรรมดา เพราะในการปรากฎของเนตรโลหิตนั้น เขาจะต้องปล่อยจิตสังหารเหนือคนธรรมดาไม่รู้กี่เท่า ไม่ว่าคนทั่วไปจะกระหายเลือดเพียงใด ก็ไม่อาจใกล้เคียงกับสัญชาตญาณการฆ่า แต่คนที่มีเนตรปีศาจสังหารโลหิตนั้น ราวกับว่ามีชีวิตเพื่อการสังหาร แม้เป็นการสังหารครั้งแรกก็ไม่ประหวั่นพรั่นพรึง เมื่อใดที่เนตรปีศาจสังหารโลหิตปรากฎออกมา หัวใจจะท่วมท้นด้วยปรารถนาสังหาร มีเพียงต้องฆ่าคนเท่านั้น จึงจะสามารถระงับจิตสังหารลงได้ และดวงตานั้นจะหายไป อีกทั้ง ยามที่เนตรปีศาจสังหารโลหิตปรากฎขึ้น….ยังนับเป็นช่วงเวลาที่เขาแข็งแกร่งที่สุด! หากเทพขวางเขาก็จะสังหารเทพ หากโพธิสัตว์ขวางเขาก็จะสังหารโพธิสัตว์!”
ฉู่จิงเทียน “!!”
เหยียนชิงหงเคลื่อนตามองฟ้าปราดหนึ่ง จากนั้นกล่าวเสียงเบา “เจ้านายคาดการณ์ได้แม่นยำนัก ดวงตาของเขา กลับเป็นเนตรปีศาจสังหารโลหิตจริงๆ”
“เจ้านาย? น้องเย่รู้เรื่องนี้ด้วยหรือ?”
“เปล่า” เหยียนชิงหงสั่นศีรษะ “เจ้านายเพียงคาดเดาเท่านั้น เพราะพรสวรรค์บุคคลล้วนสามารถสืบทอด กลิ่นอายก็สามารถสืบทอดได้ แต่จิตสังหารเป็นสิ่งเฉพาะตัวที่เกิดขึ้นภายหลัง ตอนที่เจ้านายพบกับเล่งหยาครั้งแรก เขายังรู้จักโลกนี้เพียงผิวเผิน มีความเป็นไปได้มากมายที่เขาสงสัย ก่อนหน้านั้นอาจเป็นเพราะไร้ศัตรูที่ชิงชังอย่างแท้จริง แม้เขาจะเกลียดชังบิดาตนเอง หากไม่ได้มีจิตคิดสังหาร ทว่าจิตสังหารที่เขาแผ่ออกมากลับเข้มข้นเหนือพลังมากเกินไป ข้อนี้ทำให้เจ้านายสงสัยอย่างยิ่ง หลังจากนั้น เจ้านายบังเอิญได้ยินเรื่องของเนตรปีศาจสังหารโลหิตในตำนานเข้า เขาจึงเริ่มสงสัยและให้ความสนใจ ทักษะชั้นฟ้าของเจ้านายไม่อาจมีผู้ใดเทียบ เล่งหยาพ่ายแพ้แก่เหยียนเจิ้งในหนึ่งกระบวนท่า ถูกทำร้ายสาหัสจนร่วงสู่ทะเลสาบดาวตก ถูกบีบคั้นให้ตกตาย ทว่ากลับเป็นการกระตุ้นโทสะให้พุ่งทะลักถึงขีดสุด คนปรารถนาทำลายและสังหาร….จนปรากฎเนตรปีศาจสังหารโลหิตนี้ขึ้นมา!”
“นี่สมควรเป็นเหตุผลที่เจ้านายห้ามไม่ให้พวกเราสอดมือ แม้ว่าเล่งหยาจะเข้มแข็งเพียงใด แต่ก็ไม่อาจรับมือโดยตรงจากผู้ที่แข็งแกร่งกว่าได้ งานชุมนุมยุทธเวทย์ที่มียอดฝีมือมาบรรจบกัน การปราณีมีแต่จะขัดขวาง หากด้วยวิธีโหดเหี้ยมนี้…. ทุกสิ่งล้วนไม่ผิดไปจากที่เจ้านายคาดการณ์ เจ้านายได้กล่าวไว้นานแล้วว่าด้วยจิตสังหารและพรสวรรค์ของเขา วันหน้าเขาย่อมกลายเป็นเทพสังหารอันน่าสะพรึง ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ผิดพลาดแล้ว” เหยียนเทียนเว่ยกล่าวคำ
“สามารถทำให้เจ้านายยอมรับ ไหนเลยจะธรรมดาได้” เหยียนกงลั่วเอ่ยปาก สีหน้าชื่นชมมองที่ฉู่จิงเทียน จากนั้นมองไปที่เล่งหยา จิตสังหารอันหวาดหวั่นทำให้ผู้คนเย็นเยียบจับจิต เขาเองก็เพิ่งจะได้รู้ในวันนี้ว่า จิตสังหารของบุคคลสามารถน่ากลัวได้เพียงใด หัวใจที่ปรารถนาสังหารสามารถแผ่พลังกดดันถึงขั้นนี้ เขาแทบจะเชื่อว่าเฉพาะไอสังหารที่แผ่ออกมาก็เพียงพอที่จะสังหารผู้คนได้
เนตรปีศาจสังหารโลหิตที่เปิดออก ทำให้หัวใจมากมายเต้นกระหน่ำ กลุ่มเมฆบนฟ้าเกิดคลื่นปั่นป่วน ค่อยๆกลายเป็นรอยยิ้มปีศาจที่น่ากลัวยิ่ง
สองเนตรโลหิตเพียงมอง ก็ทำให้อาวุโสแห่งสำนักจักรพรรดิเหนือดวงตาสั่นไหวด้วยความกลัว ราวกับว่ากำลังจะถูกปีศาจกลืนกิน
“นายน้อย คนผู้นี้….”
“ดูเฉยๆพอ”
“หรือว่าพวกเราจะปล่อยให้อาวุโสใหญ่….”
“ท่านหมายถึงผู้อาวุโสใหญ่จะตกตายด้วยน้ำมือคนผู้นั้นอย่างนั้นหรือ?” เหยียนซีหมิงถาม
“ไม่ผิด….ตำนานกล่าวไว้ว่า หากเมื่อใดเนตรปีศาจสังหารโลหิตบังเกิดขึ้น เมื่อนั้นจะต้องมีผู้คนตกตาย หากไม่ใช่เขาตายก็เป็นคนอื่น ตอนนี้อาวุโสใหญ่บาดเจ็บอย่างหนัก ขณะที่คนผู้นั้น….นายน้อย จากจิตสังหารของเขา ตอนนี้เขาคือคนที่นายน้อยสมควรหวั่นกลัว! เขาในยามนี้ต่างจากเขาคนก่อนอย่างสิ้นเชิง ผู้อาวุโสใหญ่ในสภาพเช่นนั้นไม่อาจเป็นคู่มือของเขาได้”
เหยียนซีหมิงขมวดคิ้วมุ่น จดจ้องไปยังที่เดียวกัน เหยียนเจิ้งลงมือหนักเพื่อทำลายเล่งหยาล้วนเป็นสิ่งที่เขาต้องการ ทว่าเขาไม่คิดเลยว่ากลับต้องประสบความหวาดกลัวเย็นเยียบเป็นสิ่งตอบแทน ดวงตาวาบแสงโลหิตประดุจปีศาจ หากทุกสิ่งเป็นอย่างที่พวกเขาพูด…. ชะตาของเหยียนเจิ้งในวันนี้คือตกตายอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง เหยียนเจิ้งเจ็บหนักในคราแรก หากตอนนี้เขายอมแพ้ สำนักพรรดิเหนือย่อมเสียหน้าและ “ภาพลักษณ์” อย่างหนัก บิดาของเขาเหยียนต้วนหุน รวมถึงคนอื่นๆในสำนักจักรพรรดิเหนือย่อมไม่อาจยอมรับได้
“วันนี้นับว่ามาไม่เสียเปล่า งานชุมนุมยุทธเวทย์แห่งเทียนเฉินสมควรน่าสนใจเช่นนี้ เดิมทีข้าคิดว่ายอดฝีมือของโลกล้วนธรรมดา คิดไม่ถึงเลยว่า…. กลับเป็นข้าที่นั่งก้นบ่อและมองฟ้า ไม่ทราบว่าหากท่านพ่อรู้เรื่องนี้เข้า เขาจะเสียใจแค่ไหนที่ไม่ได้มา” เหยียนซีหมิงกล่าวช้าๆ
“นายน้อย โปรดอย่ากล่าวเช่นนั้น เจ้าคนชื่อเล่งหยากับทายาทของเทพกระบี่ ผู้ชราชีวิตนี้ก็เพิ่งได้เคยเห็น หากทวีปเทียนเฉินมีตัวตนเช่นนี้ปรากฎขึ้นอีกคน อีกหลายปีนับจากนี้ นายน้อยคงต้องระวังตัวอย่างยิ่งแล้ว”
เหยียนซีหมิงไม่กล่าวคำ เขาไม่คิดเลยว่าในหมู่รุ่นเยาว์นอกจากฉุ่ยอู๋เชว นายน้อยแห่งสำนักจักรพรรดิใต้แล้ว ยังจะมีผู้ใดเทียบกับเขาได้อีก ทว่าวันนี้ การปรากฎตัวของฉู่จิงเทียนและเล่งหยาทำให้เขาตกตะลึงจนไม่อาจบรรยาย ในปากเปล่งสี่คำออกมาช้าๆ “ปล่อยเอาไว้ไม่ได้!”
บรรยากาศโดยรอบสงบอย่างน่ากลัว กดดันบีบคั้นจนยากจะเอ่ยคำพูด เหยียนเจิ้งค่อยๆลุกขึ้นจากพื้น ร่างกายเจ็บปวดจากแผลน้อยใหญ่จนแทบไม่อาจทานทน เขาส่งเสียงแหบพร่ากล่าวคำ “ผู้ชราต้องการเอาชีวิตเจ้า ตอนนี้เจ้าสมควรอยากฉีกร่างของผู้ชรา….คิดไม่ถึงเลยว่า ผู้ชรากลับปลุกเนตรปีศาจสังหารโลหิตในตำนานขึ้นมา เมื่อ 700 ปีก่อน บุคคลผู้หนึ่งประดุจปีศาจ ครองเนตรปีศาจสังหารโลหิตสร้างบาดแผลให้แก่ประมุขสำนักจักรพรรดิเหนือได้ ทั้งที่มันมีเพียงพลังขอบเขตสวรรค์ชั้นต้นเท่านั้น สามารถตกตายด้วยเนตรปีศาจสังหารโลหิต ชายชราผู้นี้ไม่มีสิ่งใดให้เสียใจแล้ว!”
คำกล่าวนี้ บ่งบอกว่าแม้เขาจะตกตายก็จะไม่แก้แค้นกับเล่งหยา สำนักจักรพรรดิเหนือถือเกียรติภูมิสำคัญยิ่งกว่าชีวิต สามารถทำให้ยอดฝีมือขอบเขตสวรรค์ยอมจำนนและตกตาย เห็นได้ชัดว่าเมื่อเผชิญหน้ากับเนตรปีศาจสังหารโลหิต กลิ่นอายความตายนั้นแผ่ทะลักเพียงใด เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะได้ประสบกับตนเองในงานชุมนุมยุทธเวทย์แห่งเทียนเฉิน
ซวี้!!!
มือขวาของเล่งหยาตวัดขึ้นโดยไร้สัญญาณเตือน กระบี่คร่าสายลมตัดออกเป็นแสงเขียวราวกับดาวตก เสียงกรีดอากาศเสียดหูและหัวใจ ทำให้ผู้คนสะท้านสั่นกลัว
เขาตวัดมือขวาขึ้นบนอากาศ หากร่างกายมิได้เปลี่ยนตำแหน่งแม้แต่น้อย พวกเขาเห็นเพียงเส้นเงาบางเบา ราวกับว่า….มิติถูกตัดออกอย่างไรอย่างนั้น
“แข็งแกร่งมาก….สมแล้วที่มีดวงเนตรปีศาจสังหารโลหิต” เหยียนเทียนเว่ยอุทานเสียงต่ำ ใบหน้าฉายแววตะลึง
“รวดเร็วจริงๆ!” เหยียนกงลั่วเอ่ยขึ้นอีกคน
“ไม่ นั่นไม่ใช่ความเร็ว….เหยียนเจิ้งได้ตายไปแล้ว” เสียงเย็นเยียบของเหยียนชิงหงทำให้เหยียนกงลั่วต้องตะลึง กระบี่ของเล่งหยากลับน่ากลัวถึงเพียงนี้ ในบรรดายอดฝีมือแห่งทวีปเทียนเฉินนับร้อยคน ผู้ที่มองทันมีเพียงเหยียนชิงหง , เหยียนชิงปิง , เหยียนเทียนเว่ย , และเหยียนต้วนชางเท่านั้น ผู้อื่นเพียงอุทานในความเร็วของเล่งหยา แต่กระบี่ตัดมิติเล่มนี้ล้วนไม่มีผู้ใดทราบ….