📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยาย Heavenly Star สวรรค์มวลดาว – เล่ม 4 ตอนที่ 242

บทที่ 242 - สำนักจักรพรรดิเหนือที่แท้จริง
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ชายชรายังไม่ลุกขึ้น เขากล่าวหนักแน่นด้วยร่างกายสั่น “ผู้ที่คันศรบาปวิบัติยอมรับเป็นเจ้านาย ผู้นั้นคือจอมราชันสำหรับพวกเรา! พวกเราจะติดตามต่อสู้ถวายชีวิต จะไม่มีวันทรยศ! เราตามหาจอมราชันและคันศรบาปวิบัติมากว่าหมื่นพันปี เป็นเหตุผลเดียวที่สำนักจักรพรรดิเหนือของพวกเราดำรงอยู่ เป็นสิ่งที่บรรพบุรุษสั่งสอนสืบต่อกันมา หายนะในวันนั้น แท้จริงเป็นพรประทานจากฟ้า ปู่ของข้ามีชีวิตรอดได้เพราะสวรรค์อำนวยพร ไหนเลยพวกเราจะกล้าขัดขืนคำสั่งของบรรพบุรุษ หรือขัดขืนต่อจอมราชัน! ข้าเหยียนเทียนเว่ยพร้อมสู้จนตัวตายถวายความภักดีต่อท่าน หากมีวันใดที่ข้าคิดคด ขอให้ถูกฟ้าดินลงทัณฑ์! ข้าเชื่อว่าสภาพร่างของจอมราชันย่อมเป็นเพียงชั่วคราว ต้องมีวันหนึ่งที่ท่านนำพาสำนักจักรพรรดิเหนือของพวกเราออกไปจากที่แห่งนี้ ออกไปสู่โลกหล้าที่แท้จริง!”

ทุกถ้อยคำกล่าวด้วยความหนักแน่น แต่ละคำเปล่งออกมาจากก้นบึ้งแห่งจิตใจ ไม่มีเสแสร้งแม้เพียงครึ่งคำ เย่หวูเฉินพยักหน้าเล็กน้อย ยามอยู่ต่อหน้าสำนักจักรพรรดิใต้ เขาไม่คิดเผยกระบี่ตัดดารา ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าประมุข “อีกคน” ของสำนักจักรพรรดิเหนือ เขากลับเผยคันศรบาปวิบัติออกมา เพราะว่ากลุ่มแรกหากเขาเผยกระบี่ออกมา เขาย่อมถูกเข่นฆ่าแย่งชิง ขณะที่กลุ่มหลังพวกเขาจะถวายชีวิตติดตามและต่อสู้จนตัวตาย

“ท่านปู่ลุกขึ้นเถอะ” เย่หวูเฉินกล่าวอย่างพึงพอใจ เขาเป็นเพียงคนพิการคนหนึ่ง หากชายชรามีจิตคิดไม่ซื่อแม้นิดน้อย เขาย่อมสังหารแย่งชิงคันศรได้โดยง่าย แต่กระนั้น เขาก็ยังกระแทกเข่าลงบนพื้น สาบานต่อหน้าว่าจะภักดี เย่หวูเฉินไม่จำเป็นต้องกังวลสิ่งใด ทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาคิดไว้ ไม่อย่างนั้นหากมีสิ่งผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว เขาย่อมไม่นำคันศรบาปวิบัติออกมา

“ขอบคุณจอมราชัน!” ยามนี้เมื่อชายชราอยู่ต่อหน้าเย่หวูเฉิน เขาราวกับเป็นขุนนางที่ภักดีต่อกษัตริย์ เขาลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้นไม่จางคลาย “คิดไม่ถึงเลยว่าท่านคือจอมราชัน….เป็นประสงค์ของสวรรค์โดยแท้ ฟ้าได้ส่งท่านลงมา เพราะความยืนกรานภักดีของพวกเรา ในที่สุดสวรรค์จึงเมตตาสงเคราะห์”

เย่หวูเฉินกล่าว “ด้วยคันศรแค่คันหนึ่ง ท่านปรารถนาภักดีต่อบุคคลที่เพียงพบโดยบังเอิญ ทั้งไม่ลังเลถวายชีวิตรับใช้จนตัวตายอย่างนั้นเลยหรือ?”

“จะติดตามชั่วนิจ ไม่มีวันคิดทรยศ! มิเช่นนั้น จะต้องถูกฟ้าดินลงทัณฑ์!”

“หากข้าอยากให้ท่านล้างบางสำนักจักรพรรดิเหนืออีกแห่งหนึ่ง ท่านก็จะทำอย่างนั้นหรือ?” เย่หวูเฉินครึ่งสงสัย ครึ่งทดสอบ

สีหน้าของชายชราไร้ความหวั่นไหว เขากล่าวด้วยใบหน้าราบเรียบ “ถึงแม้ไม่มีท่านจอมราชัน พวกเราก็อยากสังหารพวกมันอยู่แล้ว!”

“โอ้? ถึงแม้รุ่นปู่ของท่านถูกพวกเขาบังคับให้กระโดดลงจากผา แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขามีสายเลือดจักรพรรดิเหนือเช่นเดียวกันกับท่าน ท่านจะไม่นับพวกเขาเป็นคนในครอบครัวหรือ?”

“ไม่!” ชายชราสั่นศีรษะ สีหน้าดูเกรี้ยวกราด “พวกมันไม่อาจเรียกว่าสำนักจักรพรรดิเหนือ เพราะกลุ่มคนที่ข้านำอยู่คือสำนักจักรพรรดิเหนือที่แท้จริง!”

“โอ้?”

ชายชรากล่าวต่อ “ในสำนักจักรพรรดิเหนือของพวกเรา คนที่สืบสายเลือดโดยตรงของจักรพรรดิเหนือ ทุกรุ่นล้วนให้กำเนิดธิดาได้หลายคน แต่บุตรชายจะถือกำเนิดได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ผู้ที่มีสายเลือดโดยตรงจะเป็นประมุขแห่งสำนักจักรพรรดิเหนือ ข้ามีธิดาอยู่เจ็ดคน แต่มีบุตรชายเพียงคนเดียวคือเหยียนต้วนชาง บุตรชายข้ามีธิดาสามคน ธิดาเขาตายไปหนึ่งจึงเหลือแค่สอง เขามีบุตรชายเพียงคนเดียวคือเหยียนกงลั่ว ทั้งสตรีและผู้ที่แต่เดิมไม่ได้ใช้แซ่เดียวกัน เมื่อใช้แซ่เหยียนก็จะเป็นส่วนหนึ่งภายใต้สำนักจักรพรรดิเหนือ หลายชั่วรุ่นผ่านไปพร้อมผู้คนมากมาย แต่สายเลือดบริสุทธิ์แห่งจักรพรรดิเหนือ คนที่จะขึ้นเป็นประมุขย่อมมีได้เพียงหนึ่งเดียว ส่วนที่จอมราชันรู้จัก….มันมีเพียงแค่เลือดผสม! ไม่คู่ควรที่จะเรียกว่าสำนักจักรพรรดิเหนือ กลุ่มที่พวกมันกล่าวอ้างไม่ใช่สำนักจักรพรรดิเหนือ!”

เย่หวูเฉินมุ่นคิ้วแน่นจนชิดติดกัน ผ่านไปครู่ใหญ่เขาจึงพยักหน้าเล็กน้อย “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”

สำนักจักรพรรดิเหนือแห่งทวีปเทียนเฉินในเวลานี้ แท้จริงมีสายเลือดจักรพรรดิเหนืออยู่เพียงเจือจางเท่านั้น แต่นั่นไม่ได้ขัดขวางการฝึกฝนวิชาเพลิงวิญญาณ รวมถึงทักษะเจิมศีรษะส่งพลังแห่งสวรรค์และปฐพี มันไม่ถูกกีดกั้นด้วยสายเลือดที่ไม่บริสุทธิ์ แต่อย่างไรก็ตาม เลือดผสมและเลือดบริสุทธิ์ย่อมมีความแตกต่าง และความแตกต่างนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย ยามนี้ไม่ทราบว่าชายชรามีพลังแกร่งกล้าถึงระดับใด

“จอมราชัน ไม่ทราบว่าท่านได้คันศรบาปวิบัตินี้มาจากที่ใด?” ยามมองคันศรบาปวิบัติ ท่าทางของชายชราเปี่ยมไปด้วยความนับถือศรัทธา

“มันอยู่ใต้ฝ่าเท้าของพวกท่าน ข้าพบมันเพราะการเรียกหาของมัน”

“ใต้ฝ่าเท้า?” ชายชราจิตใจว่างเปล่าไปชั่วครู่ เขายิ้มกล่าวเย้ยหยันตัวเอง “ปู่ของข้า , พ่อของข้า , และตัวข้า ไหนเลยจะคิดว่าคันศรบาปวิบัติที่ตามหามาตลอดจะอยู่ใต้ฝ่าเท้า ทั้งยังอยู่กับมันมาตลอดหลายปี นึกภาพไม่ออกเลยว่า หากท่านปู่และท่านพ่อที่พักผ่อนอยู่ในสุสานทราบเรื่องนี้ พวกท่านจะรู้สึกอย่างไร” เขาถอนหายใจ จากนั้นกล่าวด้วยความเคารพ “จอมราชันโปรดวางใจ ข้าจะสละชีวิตที่เหลืออยู่เพียงนิดน้อย ช่วยท่านให้ฟื้นฟูกลับมาให้จงได้”

“แล้ว เรื่องของข้ากับซื่อหยา….” เย่หวูเฉินถามด้วยรอยยิ้ม

ชายชราสะดุ้งเฮือก จากนั้นยิ้มกล่าว “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า สตรีที่มีสายเลือดโดยตรงของจักรพรรดิเหนือ ย่อมเป็นสตรีที่มีชีวิตอยู่เพื่อเป็นของจอมราชัน หากไม่พบจอมราชันหลังจากอายุครบ 25 ปี นางถึงจะแต่งงานกับผู้อื่นได้ ความผิดที่ซื่อหยากระทำลงไป กลับกลายเป็นรอดพ้นจากหายนะได้ในที่สุด มิเช่นนั้น ข้าคงลำบากใจนักที่จะจัดการ….พวกเจ้าทั้งหมด เข้ามา”

เย่หวูเฉินแปลกใจเล็กน้อย เขารู้สึกได้เลือนรางว่าด้านนอกมีหลายเงาร่างยืนอยู่ เมื่อชายชราออกคำสั่ง พวกเขาจึงไม่อาจรั้งรอ ผลักประตูเปิดและก้าวเข้ามา

“สำนักจักรพรรดิเหนือทายาทรุ่นแรก เหยียนต้วนชาง ขอคารวะต่อจอมราชัน!” บุตรชายเพียงคนเดียวของชายชรา ลุงวัยกลางคนที่ดูคล้ายโง่งม เขาคุกเข่าคำนับลงกับพื้นอย่างจริงจัง ภรรยาของเขาทำตาม

“สำนักจักรพรรดิเหนือ เหยียนชิวชา คารวะท่านจอมราชัน!”

“สำนักจักรพรรดิเหนือทายาทรุ่นสอง เหยียนกงลั่ว คารวะท่านจอมราชัน!”

“….. เหยียนกงเยว่ คารวะท่านจอมราชัน”

เมื่อเห็นบิดามารดา รวมทั้งพี่ชายพี่สาวที่นบนอบ ซื่อหยาตะลึงและรื่นเริงใจ นางทำความเคารพอยู่ด้านหลัง ส่งสายตาลอบมองที่เย่หวูเฉิน และตะโกนกล่าวน่ารัก “เหยียนกงรั่วคารวะพี่จอมราชัน”

พอชายชราได้ยินก็ยิ้มด้วยเข้าใจความหมาย ทว่าจากนั้นปลายหนวดลุกชูชัน เขากล่าวอย่างเคร่งเครียด “พวกเราผู้สืบสายเลือดแห่งจักรพรรดิเหนือ จอมราชันคือเทพของพวกเรา อย่าได้เสียมารยาท”

“แต่ว่า เมื่อครู่นี้ท่านปู่พูดออกมาเอง ว่าข้าเป็นสตรีของจอมราชัน” ก่อนหน้านางหวาดผวาครั้งใหญ่ ตอนนี้ซื่อหยาเล่นลิ้นไม่กลัวสิ่งใด จากนั้นลุกขึ้นถลาเข้าไปอยู่ข้างกายของเย่หวูเฉิน โน้มกายกอดรอบลำคอพร้อมหัวเราะคิกคัก “พี่จอมราชัน ข้าคือสตรีของท่าน ฮิๆ…..”

ชายชราดวงตาจ้องกว้าง เขาลอบหัวเราะอยู่ในใจและไม่กล่าวสิ่งใด เพราะเย่หวูเฉินไม่ได้มีท่าทีต่อต้าน

“พวกท่านรีบลุกขึ้นเร็ว ตอนนี้พวกเราคือครอบครัวเดียวกัน พวกท่านสุภาพกับข้าเกินไป ตรงกันข้ามกลับจะทำให้ข้ารู้สึกอึดอัดใจ”

พวกเขาลุกยืนขึ้น เหยียนต้วนชางคืนสติกลับมาในที่สุด เขาหัวเราะและกล่าว “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าเด็กซานหวาของข้า จะเก็บจอมราชันกลับมาได้ นี่มันช่างเหลือเชื่อยิ่งนัก….”

เพียงกำลังพูดได้ครึ่งหนึ่ง หลังศีรษะก็รู้สึกเจ็บปวด เหยียนชิวชากล่าวตำหนิด้วยกิริยาของสตรีมีสกุล “พูดออกมาได้ว่าเก็บกลับมา เห็นได้ชัดว่าจอมราชันลงจากฟ้าสรวงสวรรค์ จอมราชันก็คือจอมราชัน เพียงเฉพาะรูปโฉมที่สง่างาม ก็ไม่อาจหาบุคคลใดเสมอเหมือน”

เหยียนต้านชางลูบหลังศีรษะ หัวเราะ ฮี่ๆ อย่างงมงาย เหยียนกงลั่วถูมือด้วยความตื่นเต้น ทว่าถูกเหยียนชิวชาดึงเอาไว้ นางยิ้มและกล่าวเบิกบานดุจดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ “ดูสิบุตรของพวกเราช่างมีโชคยิ่งนัก บรรพบุรุษตามหาจอมราชันชั่วชีวิตมิอาจหาเจอ บุตรของพวกเราอยู่เฉยๆกลับได้พบ รวมทั้งธิดาของพวกเราด้วยเช่นกัน”

เอ้อหยาหรือเหยียนกงเยว่ใบหน้าแดงเรื่อ สายตาลอบมองที่เย่หวูเฉิน

ซื่อหยาหรือเหยียนกงรั่วคว้าคันศรบาปวิบัติมาจากมือของเย่หวูเฉิน นางอุทานเสียงดัง “ว้าว! นี่คือคันศรบาปวิบัติที่พวกท่านพูดถึงอยู่บ่อยๆงั้นเหรอ? มันดูน่าดึงดูดและน่ากลัว ท่านปู่ แล้วลูกศรล่ะ? ข้าอยากจะลองดู อยากเห็นว่าคันศรที่ท่านกล่าวถึงร้ายกาจเพียงใด”

เมื่อเห็นนางไร้ความสำรวมต่อ “จอมราชัน” กระทั่งหยิบคว้าคันศรบาปวิบัติมาถือไว้ เหยียนเทียนเว่ยและเหยียนต้วนชางมองหน้ากันและยิ้มขื่น อย่างไรเสียเหยียนกงรั่วก็ยังเยาว์นัก หลายสิ่งยังอบรมได้เพียงเล็กน้อย ยังไม่ได้ปลูกฝังความภักดีให้ฝังลึกถึงกระดูก เหยียนเทียนเว่ยส่ายศีรษะและกล่าว “ซื่อหยา คันศรนี้นอกจากจอมราชันแล้ว ผู้อื่นไม่มีใครสามารถใช้มันได้ แม้ว่าเจ้าจะมีสายเลือดของจักรพรรดิเหนือ แต่ก็ไม่อาจฝืนใช้คันศรบาปวิบัติ ทั้งไม่มีวันดึงสายหรือโก่งคันศรได้”

“หา?” เหยียนกงรั่วประหลาดใจอย่างมาก ด้วยความสงสัยนางจึงจับลงบนสายธนูบาง ออกเรี่ยวแรงจนเจ็บนิ้ว ทว่าสายธนูไม่ขยับแม้แต่น้อย นางยังคงทดสอบอยู่อีกหลายครั้งด้วยไม่อยากยอมแพ้ คันศรบาปวิบัติในมือกลายเป็นแสงโลหิตในทันที มันพุ่งกลับไปที่หว่างคิ้วของเย่หวูเฉิน

เหยียนกงรั่วบุ้ยปากขัดใจ นางกระซิบพึมพำ “ชิ ขี้เหนียว”

เหยียนเทียนเว่ยกล่าวด้วยความเคารพ “จอมราชัน พวกเรามีคนอยู่ทั้งหมด 339 คน ทุกคนล้วนแต่เป็นคนของสำนักจักรพรรดิเหนือ ไม่มีคนนอกแม้แต่ผู้เดียว หลังจากนี้ทุกคนจะเชื่อฟังถ้อยคำของจอมราชัน ไม่ทราบว่าตอนนี้จอมราชันมีคำสั่งใดหรือไม่?”

เย่หวูเฉินคิดเล็กน้อยและกล่าว “ข้าอยากไปดูพื้นที่ต้องห้ามที่อยู่ทางด้านเหนือ”

“เรื่องนี้…. ในเมื่อเป็นคำสั่งของจอมราชัน พวกเราจะพาท่านไปดู”

เย่หวูเฉินพยักหน้า “ให้พี่กงลั่วพาข้าไปก็พอ”

เหยียนกงลั่วเมื่อได้ยินก็ตื่นตระหนก เขารีบกล่าว “คำว่าพี่อย่าได้เรียกหาอีกเลย ท่านคือจอมราชัน หน้าที่ของพวกเราคือติดตามและภักดีต่อท่าน คำๆนี้….ไหนเลยข้าจะทนแบกรับได้”

เย่หวูเฉินถอนหายใจบาง ส่ายศีรษะและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ความเป็นพี่น้องของพวกเราข้ารู้สึกพอใจมาก แต่ตอนนี้กลับต้องกลายเป็นเหินห่าง หากเป็นแบบนี้ ข้าไม่รับชื่อจอมราชันเสียยังดีกว่า”

เหยียนต้วนชางหัวเราะลั่น “ซานหวา จอมราชันเมตตาแล้ว หากเจ้ายังขัดขืนอีกก็เป็นได้เพียงคนหลอกลวง ทุกสิ่งล้วนขึ้นอยู่กับจอมราชัน หากเจ้าไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ก็รีบพาจอมราชันไปยังทางเหนือโดยเร็ว และจงจำไว้ว่า อย่าให้จอมราชันได้รับอันตรายใดๆ”

Facebook Twitter Telegram Pinterest
Heavenly Star สวรรค์มวลดาว (จบ)
Score 9.2
สถานะนิยาย: Completed ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เด็กหนุ่มลึกลับผู้ลืมเลือนอดีต ตื่นขึ้นมาในทวีปเทียนเฉิน ถูกเข้าใจว่าเป็นบุตรชายตระกูลเย่ เขาจึงใช้สถานะนี้เฝ้าสังเกตโลกอันยุ่งเหยิง รวมทั้งสืบหาอดีตของตน หากแต่โชคชะตาที่ต้องประสบกลับมีเพียงความน่าหวั่นสะพรึง เขาจึงหัวเราะเยาะโชคชะตา และเผยพลังสะท้านแดนดินใต้ผืนสวรรค์.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset