📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยาย Heavenly Star สวรรค์มวลดาว – เล่ม 4 ตอนที่ 239

บทที่ 239 - เจ้าเอาจริงเหรอ?
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

เย่หวูเฉินดูคลับคล้ายยิ้มแห้ง จนถึงตอนนี้เขาไม่ได้ปฏิเสธ หนิงเสวี่ยบีบมือเขาด้วยความงุนงง

“ท่านพี่ ท่านจะแต่งพี่เอ้อหยาเป็นภรรยาเหรอ?” หนิงเสวี่ยเอ่ยถามดูเหมือนจะเข้าใจ แต่แท้จริงไม่ได้เข้าใจ

“น่าจะอย่างนั้น” เย่หวูเฉินหยิบพวงมาลัยขึ้นมา และกล่าวด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว นับเป็นวาสนาที่มีสตรีงดงามให้ความชมชอบ หากแต่ตอนนี้กลับไม่ใช่เวลาที่จะคิดเรื่องอื่น เขายังไม่อยากคิดถึงมันในขณะที่หัวใจยังมีห่วงกังวลอีกมากมาย

“ท่านพี่แต่งกับพี่เอ้อหยาเถอะ ข้าชอบพี่หญิงเอ้อหยามากๆ” หนิงเสวี่ยกล่าว

อีกด้านหนึ่ง พ่อของเอ้อหยาที่ยามนี้มีใบหน้าฝาดแดงเล็กน้อย เขาลุกขึ้นมาและปรบมือ “ในที่สุดเอ้อหยาของตาแก่อย่างข้าก็ได้แต่งงานเสียที เอ้อหยาของบ้านข้าเกิดมาเป็นคนขี้อาย นางไม่กล้าพบปะผู้คน ไม่ต้องเรียกนางออกมา ขอให้ทุกคนดื่มกินกันให้สำราญ รื่นรมณ์กันให้เต็มที่” เขากวักมือเรียกเย่หวูเฉิน “มาๆ มานี่เร็ว”

เย่หวูเฉินเดินผ่านสายตาแห่งมิตรหลากหลาย จากนั้นนั่งลงตรงตำแหน่งสำหรับเอ้อหยา พ่อของเอ้อหยาหัวเราะและกล่าวอย่างตื่นเต้น “นับจากนี้ไป พวกเราก็ถือเป็นครอบครัวเดียวกันอย่างแท้จริง” เขาตบอกตัวเอง กล่าวสาบานอย่างจริงจัง “เรื่องสภาพร่างกายของเจ้าอย่าได้เป็นห่วง เมื่อเจ้าได้ชื่อว่าเป็นลูกเขยข้า ข้าจะทุ่มเทเสี่ยงชีวิตหาวิธีรักษาเจ้าให้ได้”

“จริงจังเกินไปแล้วท่านพ่อ” กงลั่วกล่าวและหันไปทางเย่หวูเฉิน เขาหัวเราะ “ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะกลายเป็นพี่เขยข้า เฮ้ เจ้าไม่คิดจะปกปิดพรสวรรค์ของตัวเองเลยสินะ ทำให้พี่สาวข้าหลงใหลได้เร็วนัก”

เย่หวูเฉินไม่ทราบสมควรหัวเราะหรือร้องไห้ ปากยังคงยิ้มบิดเบี้ยว หากเพียงแต่….ทางด้านขวาเป็นซื่อหยาที่นั่งอยู่ไม่พูดไม่จา สีหน้านั้น ซ่อนความเสียใจล้ำลึกราวกับสตรีที่สามีนอกใจ

เมื่อผู้คนแยกย้ายกันออกไป ตอนนี้เป็นเวลา “เลยเที่ยงคืน” หลังจากนี้อีกสามวันจะเป็น “งานสมรสใหญ่” เย่หวูเฉินลากสังขารอ่อนแอกลับไปที่ห้องของตน เพียงไม่นาน บรรยากาศโดยรอบพลันเงียบสงบลง ผู้คนสมควรกลับไปหลับนอน หนิงเสวี่ยเห็นเขามีสีหน้าไม่มีความสุขจึงถาม “ท่านพี่ ท่านไม่ดีใจเหรอ?”

“ใช่ว่าไม่ดีใจ” เย่หวูเฉินถอนหายใจ “แต่ข้าไม่อาจแต่งกับนางได้”

“ทำไมล่ะ? ทำไมท่านพี่ถึงแต่งกับพี่หญิงเอ้อหยาไม่ได้? เพราะอะไรเหรอ?” หนิงเสวี่ยถามด้วยความสงสัย

“เพราะถ้าข้าแต่งงานกับพี่หญิงเอ้อหยา เจ้ากับข้าจะไม่อาจนอนด้วยกันได้อีก” เย่หวูเฉินตอบ

“เอ๋?” หัวใจของหนิงเสวี่ยพลันกระตุกวูบ “ทำไมเป็นงั้นล่ะ?”

เย่หวูเฉินส่ายศีรษะ “เรื่องบางอย่าง เจ้าต้องโตขึ้นก่อนถึงจะเข้าใจ….”

พอกล่าวคำว่า “โตขึ้น” เสียงของเย่หวูเฉินพลันหยุดชะงักลง เขาสลบไสลมาตลอดสองปี ร่างกายยังเจริญเติบโตแม้อยู่ในสภาพเป็นตาย ตัวเขาในวัย 19 ปีในตอนนี้ เมื่อมองดูเงาสะท้อนของตนจากผิวน้ำ เขาพบว่าตนเองเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แต่ทว่าหนิงเสวี่ย ด้วยสาวน้อยในวัยนี้ ตลอดสองปีย่อมเปลี่ยนไปอย่างมาก แต่นางกลับไม่เปลี่ยนแปลงเลย อายุที่แท้จริงของนางไม่ใช่อายุที่เห็นจากภาพภายนอก บางทีนางอาจไม่เติบโตขึ้นอีกเลย

“ข้ากับพี่หญิงโหรวโหรวของเจ้าได้หมั้นหมายกันไว้ก่อน ตอนนี้นางสมควรเสียใจเพราะข้าอยู่ ไหนเลยข้าจะเพิกเฉยต่อนางและแต่งกับคนอื่นได้ และต่อให้ข้าต้องการ ข้าก็ต้องออกไปจากสถานที่แห่งนี้ก่อน มิเช่นนั้น ข้าขอไม่แต่งงานตลอดไปเสียยังดีกว่า” เขาหลับตาลงและเอ่ยแช่มช้า

หนิงเสวี่ยกอดเขาไว้แน่นและไม่กล้าพูดอีก นางหวาดกลัวเพราะถ้อยคำที่ว่า “ไม่อาจนอนด้วยกัน”

หนึ่งอ่อนแอปวกเปียก อีกหนึ่งหลงใหลกับการหลับนอนอย่างหนัก พวกเขาจ่อมจมลงสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว ลมหายใจกลายเป็นเรียบยาว เพียงไม่นานหลังจากที่เขาหลับ เรือนร่างสูงเพรียวก็แอบแง้มประตูเปิด จากนั้นเดินเข้ามาเงียบๆ

เป็นซื่อหยา กงรั่ว

เมื่อนางมาถึงข้างเตียง นางค่อยๆแกะหนิงเสวี่ยออกจากเย่หวูเฉิน จากนั้นหิ้วเย่หวูเฉินออกไปจากห้องราวกับสายลม เมื่อเย่หวูเฉินลืมตาตื่นขึ้นมา ภาพในสายตาปรากฎเป็นเส้นสายเคลื่อนผ่านอย่างรวดเร็ว เขากำลังจะร้องเปล่งเสียง ก็ถูกสิ่งนุ่มนิ่มอุดปากไว้

“ชิ! อย่าส่งเสียง!” ซื่อหยากล่าวเตือนเสียงต่ำ

แต่ละครัวเรือนที่อยู่ที่นี่ ล้วนแต่ “กลางคืนนอนไม่ต้องใส่กลอน” พวกเขาไม่จำเป็นต้องป้องกัน ไม่ต้องระวังสิ่งใด ระหว่างหลับนอนไม่จำเป็นต้องระแวงภัย ต่างหลับไหลสบายใจ ซื่อหยาหิ้วคนออกไปไกลด้วยความเร็วยิ่ง ทั้งยังไม่ปลุกสัตว์ประหลาดเหล่านี้ให้ตื่นขึ้นมาแต่อย่างใด

เพียงไม่นาน ซื่อหยาก็หิ้วเขามาไกลจนถึงริมขอบทะเลสาบเล็กๆทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ก่อนจะวางเขาลงและมองด้วยความโกรธเคือง ที่ตรงนี้นางถูกเย่หวูเฉินแอบมองขณะอาบน้ำ

เย่หวูเฉินร่างกายอ่อนแอ พอถูกสายลมยิ่งอ่อนแอลงไปอีก เขาไม่อาจลุกขึ้นยืนและทำได้เพียงนั่งพิงอยู่กับต้นไม้ เขากล่าวเสียงป้อแป้ “น้องหญิงซื่อหยา ดึกดื่นป่านนี้เจ้าจับข้ามายังสถานที่ไร้ผู้คน คิดจะทำมิดีมิร้ายข้าหรือยังไง?”

เย่หวูเฉินพูดโดยไม่คิด เมื่อสิ้นเสียงเขาลง ใบหน้าของซื่อหยากลายเป็นเรื่อแดงจริงๆ นางกัดฟันและรวบรวมกำลังใจฝืนกล่าว “ถ้าข้าจะทำมิดีกับท่าน แล้วท่านจะทำอะไรได้!”

“เอาสิ อยากทำอะไรก็เชิญ” เย่หวูเฉินสีหน้าไม่แยแส เขาหลับตาลง ครุ่นคิดอยู่ในใจว่าแท้จริงนางต้องการสิ่งใด…. หรือนางอยากได้ชุดสวยๆเหมือนเอ้อหยา? ไม่น่าใช่…. ด้วยนิสัยและอารมณ์ของหญิงสาวผู้นี้ นางต้องการอะไรกันแน่

นางเลียมุมปาก มองเขาราวกับมองกระต่ายที่จับมา หัวใจยิ่งมายิ่งเต้นรัว เมื่อคิดถึงเป้าหมายที่มาที่นี่ นางกัดฟัน “มาถึงขนาดนี้หันหลังกลับไม่ได้แล้ว” นางดึงกางเกงขาบานลง พร้อมถอดกางเกงในออก นางกระทำการอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าแอบซ้อมมา เมื่อเย่หวูเฉินได้ยินเสียงจึงลืมตาขึ้น เพียงพบว่านางกำลังเตะกางเกงขาบานและกางในออกจากเท้า นางเลิกชายเสื้อด้วยสองมือ ขางดงามเรียวยาวสองข้างคร่อมอยู่บนร่างของเย่หวูเฉิน เผยดินแดนต้องห้ามของหญิงสาวต่อหน้าต่อตา

ลมหายใจของเย่หวูเฉินชะงักขาดห้วง หลังจากนั้นสามวินาทีจึงตอบสนองราวกับฟ้าผ่า เขาหลับตาลงแน่นปี๋ “เจ้า….เจ้าเอาจริงเหรอ?”

ภาพที่เพิ่งปรากฎในครรลองจักษุ เป็นฉากหนึ่งที่ตราตรึงอย่างที่สุด ขาเรียวงามเป็นลำยาว ดั่งหยกสลักเกลากลึง ทำคนให้หยุดหายใจ ทว่าจุดประสานของขาทั้งสองนั้นปรากฎรางๆ มันไร้ต้นหญ้าขึ้นปกคลุม ราวกับหยกและหิมะ กระจ่างและสะอาดไร้ที่ติ กระทั่งเย่หวูเฉินที่ร่างกายอ่อนแอ ยังรู้สึกเลือดลมพลุ่งพล่าน ทั้งอยากทะยานเข้าหา

หญิงสาวนางนี้….บ้าไปแล้ว!

เมื่อซื่อหยาเห็นท่าทีของเขา สีหน้านางผิดหวังทั้งรู้สึกน้อยใจ นางกัดเม้มริมฝีปากและกล่าวเสียงเบา “น่าเกลียดมากหรือไง? ข้ารู้ว่าของข้าไม่เหมือนคนอื่น….ทั้งพี่สาวข้า , ทั้งเสี่ยวหัว , ทั้งเสี่ยวฟูเจี่ย ทั้งหมดต่างมีขนอุกอุย แต่ข้ากลับไม่มีสักเส้น….”

“ใช่ ดูไม่ดีเลย ฉะนั้นเจ้ารีบใส่เสื้อผ้าได้แล้ว อย่าให้ข้าต้องมองมันอีก” เย่หวูเฉินพูดขณะระบายลมร้อนออกจากปากและจมูก นางไม่รู้หรือไงว่าด้วยเรือนร่างและการกระทำของนาง มันสร้างความทรมานต่อจิตใจบุรุษแค่ไหน

ซื่อหยาจมูกเริ่มแดง น้ำตาแทบไหลร่วง นางส่ายศีรษะอย่างดื้อรั้น “ข้าไม่ใส่ ต่อให้มันจะดูไม่ดี แต่ข้า ข้ากับท่านก็ต้อง….”

นางพลันย่อกายลง แกะสายคาดเอวของเย่หวูเฉินออกอย่างเงอะงะ เย่หวูเฉินจับข้อมือนางไว้และกล่าวด้วยเสียงเย็นเยียบ “เจ้าจะทำอะไร? เลิกล้อข้าเล่นได้แล้ว!”

“ข้าไม่ได้ล้อเล่น ข้าแค่….ข้าแค่ชอบท่าน ข้าอยากให้ท่านแต่งงานกับข้า!” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดจากความไม่เป็นธรรม ไม่สนใจเย่หวูเฉินที่ดิ้นรนขัดขืน นางแกะเสื้อผ้าเขาเหมือนสตรีอันธพาล

เย่หวูเฉินถูกนางจ้องดุ เขาออกแรงดันมือนางออก ทว่าด้วยเรี่ยวแรงของเขาในยามนี้ ไหนเลยจะเทียบกับซื่อหยาได้ การดิ้นรนของเขาไม่มีผลอันใดกับนาง

ไม่ว่าสตรีใดเมื่อประสบกับชะตากรรมถูกบังคับขืนใจ นางย่อมตื่นตระหนกโดยสัญชาตญาณ และเมื่อเกิดกับบุรุษย่อมเป็นเช่นเดียวกัน

เย่หวูเฉินไม่อาจรักษาความสงบเยือกเย็นภายใต้สถานการณ์ยามนี้ สองมือปัดป้องเป็นพัลวัน แต่ไม่ว่าเขาจะป้องกันอย่างไร ชุดที่สวมใส่ก็ถูกซื่อหยาถอดออกอย่างเร่งรีบ หากกล่าวถึงความลุกลน ซื่อหยาอาการหนักกว่านักเมื่อเทียบกับเย่หวูเฉิน เป็นครั้งแรกที่นางถอดชุดของบุรุษออก แต่นิสัยหัวรั้นยืนกรานของนางนั้น ไม่อาจมีสตรีธรรมดาใดสามารถเทียบได้

เย่หวูเฉินเลิกดิ้นรนขัดขืนในที่สุด เขาขมวดคิ้วมุ่นและกล่าว “เจ้ายังเยาว์วัยนัก ไม่รู้ตัวว่ากำลังทำสิ่งใด อย่าปิดกั้นตัวเองเพียงเพราะข้าบังเอิญเห็นร่างกายเจ้า หากทำเช่นนี้เจ้าจะทำลายชีวิตของตัวเอง เมื่อถึงตอนนั้นย่อมสายเกินไปที่จะเสียใจ!”

คำแนะนำเคร่งเครียดของเย่หวูเฉินได้ผล ซื่อหยาหยุดชะงักลง “เยาว์วัย….พี่สาวข้าก็บอกเหมือนกันว่าข้ายังเยาว์วัยนัก เพียงเพราะข้ายังเยาว์เกินไป ถึงได้….”

“เจ้า….” เย่หวูเฉินแปลกใจ

“ข้าไม่สนแล้ว ไม่ว่าจะอย่างไร หากท่านกับพี่สาวข้าแต่งงานกัน ชีวิตข้าคงถึงคราวพังทำลายจริงๆ! ข้าชอบท่าน!”

เย่หวูเฉินไม่อาจสรรหาเหตุผลมาพูดกับนางได้อีก เขามองนางเงียบๆอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพลันเอ่ยถาม “เจ้าจะแต่งงานได้ตอนอายุ 25 ปีอย่างนั้นหรือ?”

“แคว่ก” ด้วยความร้อนรน ซื่อหยาเผลอฉีกชุดของเย่หวูเฉิน นางเอามือปิดหน้าโง่งม เจ็บใจกับความไม่ยุติธรรม “ข้าจะไม่รอจนอายุครบ 25 เหมือนพี่สาว ข้าไม่อยากให้ท่านกับพี่สาวแต่งงานกัน….ดังนั้นถ้าหากข้ามอบร่างกายให้กับท่าน ท่านปู่ย่อมตกลงให้ข้ากับท่านแต่งงานกัน ท่านแม่เคยบอกว่า หากลูกสาวบ้านใดมอบร่างกายให้ชายหนุ่ม นางจะต้องแต่งงานกับเขา!”

หญิงสาวที่ยังไม่เติบใหญ่เต็มที่เดินหน้าต่อ นางกำลังจะทำบางสิ่งที่เป็น “เรื่องใหญ่”

เย่หวูเฉินหนาวเย็นผิวกาย ในที่สุดผ้าปิดร่างชิ้นสุดท้ายก็จากไป เขาไม่ได้ดิ้นรนหรือเกลี้ยกล่อมอีก เขาแหงนหน้ามองใบไม้ด้านบน ไม่ทราบเพราะหญิงสาวตัดสินใจแน่วแน่ หรือเป็นเพราะเขายอมรับชะตากรรม

เป็นครั้งแรกที่ซื่อหยาเห็นร่างกายของบุรุษ หัวใจนางเต้นระส่ำรัวเร็วถึงขีดสุด หลังจากหายใจแรงอยู่ชั่วขณะ นางจึงคิดถึงเป้าหมายของตัวเอง สายตามองตรึงอยู่ที่เขาด้วยความเพ่งพิศ

Facebook Twitter Telegram Pinterest
Heavenly Star สวรรค์มวลดาว (จบ)
Score 9.2
สถานะนิยาย: Completed ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เด็กหนุ่มลึกลับผู้ลืมเลือนอดีต ตื่นขึ้นมาในทวีปเทียนเฉิน ถูกเข้าใจว่าเป็นบุตรชายตระกูลเย่ เขาจึงใช้สถานะนี้เฝ้าสังเกตโลกอันยุ่งเหยิง รวมทั้งสืบหาอดีตของตน หากแต่โชคชะตาที่ต้องประสบกลับมีเพียงความน่าหวั่นสะพรึง เขาจึงหัวเราะเยาะโชคชะตา และเผยพลังสะท้านแดนดินใต้ผืนสวรรค์.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset