ในเวลากลางคืน เย่หวูเฉินยังเข้านอนพร้อมกับหนิงเสวี่ย นางต้องอยู่ใกล้กับเขาเท่านั้นถึงจะหลับสบาย ถึงแม้อันที่จริงที่นี่จะไร้ราตรี แต่มันก็มีสิ่งบ่งบอกที่เด่นชัด กลางวันจะเป็นเวลาทำงาน ส่วน “ค่ำคืน” จะเป็นเวลาพักผ่อนอันเงียบสงบ พวกเขามีนาฬิกาทรายขนาดใหญ่ ส่วนบนกับส่วนล่างของมันแยกกันเป็นเวลากลางวันและกลางคืน
หมีตัวใหญ่ที่พ่อของกงลั่วลากมาถูกแบ่งออกนับร้อยส่วน และคนกว่า 300 คน กินมันหมดในวันเดียว เนื่องจากดินแดนนี้มีพื้นที่น้อยเกินไป ผู้คนจึงตั้งกฎเข้มงวดในการล่าสัตว์เพื่อรักษามันไว้ หากล่าบ่อยเกินไปพวกมันย่อมสูญสิ้นไปจากพื้นที่แห่งนี้ สิ่งที่น่าเสียใจที่สุดคือดินแดนแห่งนี้ไม่มีเกลือ ดังนั้นเมื่อเย่หวูเฉินนำ “เกลือ” ในตำนานจำนวนมากออกมาจากแหวนเทพกระบี่ ทุกคนต่างตื่นเต้นและเติมเกลือใส่ลงบนเนื้อและน้ำซุป พวกเขาตะโกนสุดเสียงด้วยความอร่อยจนแทบจะกัดลิ้นตัวเอง
ด้วยความมีอยู่ของแหวนเทพกระบี่ ก่อนที่เย่หวูเฉินจะเดินทางไปยังภูเขาไฟเทียนเม่ย หวังเวิ่นชูผู้รักบุตรชายตนเองยิ่ง จึงเตรียมทุกสิ่งอย่างล้นเหลือ กระทั่งเกลือที่ต้องการเพียงเล็กน้อยนางยังใส่มาให้เป็นกระสอบ เย่หวูเฉินกับหนิงเสวี่ยกินตลอดปียังไม่หมด แต่สำหรับ 300 กว่าคนที่อยู่ที่นี่ มันหมดลงเพียงไม่กี่วัน แต่ว่าอย่างน้อยๆ ทุกคนก็ได้สัมผัสความสุขที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ไม่มีคำขอบคุณสำหรับเย่หวูเฉินเพราะตอนนี้พวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว
ในทุกคืน ผู้คนที่ทำงานมาตลอดวันจะมานั่งรอบวง ล้อมรอบเย่หวูเฉินกับหนิงเสวี่ย ฟังทั้งสองเล่าเรื่องราวของโลกภายนอก ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ทุกคนต่างเงี่ยหูตั้งใจฟัง เย่หวูเฉินกับหนิงเสวี่ยเหมือนของขวัญที่ตกลงมาจากฟ้า สร้างความหรรษาให้พวกเขาในแต่ละวัน
เย่หวูเฉินเล่าถึงเหตุผลที่เขากับหนิงเสวี่ยตกลงมา ตั้งแต่ชิงตัวเย่ฉุ่ยเหยาไปจนถึงหนิงเสวี่ย ถูกบีบบังคับให้ตกลงสู่หุบเหวปลิดวิญญาณ เขาไม่ปิดบังใดๆ เมื่อเล่าถึงการเผชิญหน้า ผู้คนที่ฟังต่างมีสีหน้าตกใจ , กระวนกระวาย , โมโห , และกระทั่งตะโกน พวกเขาบอกว่าหากมีวันใดที่สามารถออกไป พวกเขาจะต้องช่วยเหลือเย่หวูเฉินกับหนิงเสวี่ย แน่นอนว่า “คนไร้ศีลธรรม” เหล่านั้นย่อมเป็นฝ่ายผิด เพราะสำหรับพวกเขาแล้วเย่หวูเฉินนั้นคือ “ครอบครัว”
พวกเขาประทับจับใจกับคำสาบานปกป้องหนิงเสวี่ยของเย่หวูเฉิน หัวใจของเขาควรค่ากับการชื่นชม ทั้งสองคนกลายเป็นที่ชมชอบของทุกคน ไม่ว่าเย่หวูเฉินกับหนิงเสวี่ยจะไปแห่งใด ผู้คนที่นี่จะต้อนรับด้วยความอบอุ่น อาจกล่าวได้ว่าเพียงไม่กี่วัน สองคนหน้าใหม่ได้กลายเป็น “ดารา” ของที่นี่ไปแล้ว ทุกคนต่างคิดหาหนทางช่วยเย่หวูเฉินให้ฟื้นฟูสภาพกลับมา
เมื่อผู้คนถามถึงสาเหตุที่เขาตกลงมาสูงเพียงนั้นแต่ไม่ตาย เย่หวูเฉินเพียงส่ายศีรษะและตอบว่า “พระเจ้าเมตตา”
ห้าวันผ่านไป
ในระหว่างห้าวันนี้ กงลั่วกับพ่อแม่ของเขายุ่งอยู่กับการทำงานตามปกติ หน้าที่ทำอาหารให้เย่หวูเฉินตกเป็นของเอ้อหยา ส่วนปู่….ชายชราที่ผู้คนต่างเรียกว่าผู้เฒ่า เมื่อร่างกายของเย่หวูเฉินยังไม่กระเตื้องขึ้น ชายชราจึงไม่อาจใช้พลังของตนรักษา และทำได้เพียงลองใช้หยูกยา และยาทั้งหมดถูกนำมาส่งให้โดยเอ้อหยา ดังนั้นหลายวันที่ได้ใกล้กัน ในที่สุดเอ้อหยาก็มีความกล้ากล่าวคำบ้างเล็กน้อย
เอ้อหยานำยาต้มอีกถ้วยมาส่ง มันมีกลิ่นฉุนรุนแรงไปถึงหน้าบ้าน หนิงเสวี่ยยื่นมือออกรับและยิ้มให้นาง “ขอบคุณ พี่หญิงเอ้อหยา”
เอ้อหยาตอบกลับด้วยรอยยิ้ม จากนั้นลอบมองที่เย่หวูเฉิน และพบว่าเขากำลังมองตรงมาที่ใบหน้า นางถอนสายตาหลบด้วยความตระหนกและเตรียมหนี
“พี่หญิงเอ้อหยา” เย่หวูเฉินส่งเสียงหยุดนาง จากนั้นกล่าวยิ้มๆ “หลายวันมานี้ได้ท่านคอยดูแล คงลำบากกับท่านมาก ข้ามีของขวัญเล็กน้อยจะมอบให้ ท่านช่วยรับไว้ได้หรือไม่?”
เอ้อหยาหันกลับมาและพบว่าในมือของเขากลับปรากฎชุดสีเหลืองอ่อนที่ไม่ทราบว่ามาจากไหน ลายลูกไม้ตรงขอบประดับด้วยอัญมณีวิบวับงดงาม มีดอกไม้บานอยู่ตรงเอวพร้อมสายคาดบาง ชุดนี้เย่หวูเฉินซื้อมาตอนอยู่ที่เมืองเหยียนหลง เดิมทีเขาเตรียมไว้มอบให้กับฮั่วฉุ่ยโหรว แต่เนื่องจากพบกันกระชั้นเกินไปจึงไม่ทันมอบให้ นางมีส่วนสูงและโครงร่างใกล้เคียงกัน ดังนั้นเขาจึงมอบชุดนี้เพื่อขอบคุณ เขารู้ว่านางไม่อาจปฏิเสธ
เอ้อหยาไม่อาจปฏิเสธจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นที่ใดและเมื่อไหร่ จิตใต้สำนึกของสตรีล้วนชมชอบสิ่งสวยงาม ชุดนี้กระทั่งในเมืองเทียนหลงยังนับว่าสุดยอดงดงาม ดังนั้นในดินแดนเล็กๆแห่งนี้ที่มีเพียงเสื้อผ้าหยาบกร้าน มันจึงดึงดูดใจร้ายกาจต่อเอ้อหยาผู้เป็นหญิงสาวเต็มวัย
เอ้อหยาจ้องมองอย่างลุ่มหลง นางไม่เคยเห็นอาภรณ์ที่งดงามถึงเพียงนี้มาก่อน นางแทบจะยื่นมือออกไปรับมา ทว่าต้องยับยั้งตัวเองอย่างหนักขณะกล่าวด้วยใบหน้าแดง “มันสวยงามมาก….จะให้ข้าจริงๆเหรอ?”
น้ำเสียงนางเบาและอ่อนหวานเช่นเดียวกับใบหน้า เย่หวูเฉินยิ้มกล่าว “แน่นอนอยู่แล้ว ชุดนี้เหมาะกับท่านมาก”
“พี่หญิงเอ้อหยาเป็นคนสวยมาก ดังนั้นนางต้องใส่ชุดสวยๆ” หนิงเสวี่ยเองก็พูดด้วยความสุข นางเริ่มจินตนาการว่าเอ้อหยาจะงดงามเพียงใดในชุดนี้
ความยับยั้งในใจของเอ้อหยาในที่สุดก็ทลายลง นางรับชุดมาแล้วก้าวเท้าเล็กๆออกไปทันที นางพลันรู้สึกว่าเสียมารยาท จึงหันกลับมาและกล่าวด้วยใบหน้าแดง “ข้าชอบมันมาก” จากนั้นนางวิ่งหนีไปเหมือนเช่นทุกครั้ง
“ดูเหมือนว่าพี่หญิงจะชอบท่านพี่นะ” หนิงเสวี่ยยิ้มกล่าว
เย่หวูเฉินลูบผมนาง ยิ้มให้และสั่นศีรษะเบาๆ “จะเป็นแบบนั้นได้ไง?”
“ต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ” หนิงเสวี่ยยังไม่ลดละ “ถ้านางไม่ชอบท่านพี่ ถึงแม้ชุดนั้นจะสวย แต่นางก็ย่อมไม่ดีใจขนาดนั้น อีกอย่างนางหน้าแดงมากๆด้วย”
มีเสียงเอะอะดังมาจากประตู จากนั้นประตูก็ถูกผลักเปิด ตามมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “พี่หวูเฉิน พี่หวูเฉิน พวกเราเอาของดีมาให้ ออกมาดูสิ”
เย่หวูเฉินลุกขึ้นจากเตียงและเดินออกจากบ้านโดยการประคองของหนิงเสวี่ย ที่จอดอยู่กลางลานนั้น เป็นเก้าอี้ที่ทำจากไม้ ติดล้อที่ทำจากไม้ มีเพียงจุดเชื่อมต่อเท่านั้นที่ใช้เหล็ก จากหน้าตาของมันเห็นได้ชัดว่านี่คือเก้าอี้ล้อเข็น
“ดูสิ พวกเราหลายคนยุ่งกันอยู่หลายวันจนในที่สุดก็ทำสำเร็จ ฮี่ๆ” เด็กหนุ่มผอมบางผิวคล้ำดันเก้าอี้ล้อเข็นมาด้วยความภาคภูมิใจ เขาคือลูกคนที่สามของป้าชุน ผู้คนเรียกเขาว่าซานลู่จื่อ(ลาสาม) เพื่อช่วยเย่หวูเฉินให้ไปมาได้สะดวก เขากับต้าลู่จื่อ(ลาใหญ่) , เอ้อลู่จื่อ(ลาสอง) , ตี้กัว(มันฝรั่งหวาน) , ชาเติ้ง(จงรอ) และเด็กหนุ่มคนอื่นๆไม่ทำสิ่งใดอยู่หลายวัน พวกเขาลองทำเก้าอี้รถเข็นและล้มเหลวอยู่หลายครั้ง จนในที่สุดวันนี้ก็สำเร็จลง แม้ว่ามันจะทำมาจากไม้เนื้อแข็ง แต่ไม้เนื้อแข็งเหล่านี้ถูกบรรจุด้วยพลังแกร่งกล้าของพวกเขาลงไปเป็นเวลานาน จึงทำให้มันแข็งแรงราวกับเหล็ก ยากนักที่มันจะเสียหายในเวลาสั้นๆ
เย่หวูเฉินเดินมาและนั่งลงบนนั้น ทั้งขนาด , ทั้งความกว้าง , และความสูงของพนักแขนล้วนพอดี เขากล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ยอดเยี่ยม ด้วยสิ่งนี้ ข้าสามารถไปที่ใดก็ได้ที่อยากไป” จากนั้นเขายกนิ้วโป้งให้กับซานลู่จื่อ
สำหรับพวกเด็กหนุ่มที่กระตือรือร้น หากกล่าวคำว่าขอบคุณมีแต่จะทำให้เหินห่าง
เมื่อเห็นเย่หวูเฉินพึงพอใจ ซานเกาซื่อ(หมาสาม) พลันรู้สึกว่าที่ทุ่มเทเรี่ยวแรงลงไปไม่เสียเปล่า เขากล่าวด้วยความตื่นเต้น “ดีจริงๆที่สามารถช่วยพี่หวูเฉินได้ หากว่ามีปัญหาอะไรสามารถบอกข้าได้ ข้าคิดว่าฝีมือช่างไม้ของข้าพัฒนาขึ้นบ้างแล้ว ฮี่ๆ”
เขายิ้มร่าคุยกับเย่หวูเฉินอยู่พักใหญ่
“ท่านพี่ เก้าอี้ล้อเข็นนี่ดูแปลกจัง แต่ว่าในที่สุดท่านพี่ก็สามารถ….”
“เสวี่ยเอ๋อร์ เจ้าดันล้อเข็นให้ข้าที” เย่หวูเฉินขยับตำแหน่งให้นั่งสบาย เขากล่าวอย่างพึงพอใจ ไม่คิดเลยว่าจะมีวันหนึ่งที่ต้องนั่งบนนี้
“อื้ม!”
เป็นครั้งแรกที่หนิงเสวี่ยได้เห็นเก้าอี้ล้อเข็น แต่สิ่งนี้เพียงปราดตามองก็รู้ว่าใช้ทำอะไร นางเดินมาอยู่ข้างหลังและค่อยๆออกแรง แม้จะกล่าวได้ว่าเก้าอี้รถเข็นนี้มีรูปร่างที่หยาบ ทว่ามันถูกออกแบบมาอย่างประณีต หนิงเสวี่ยออกแรงนิดเดียวก็สามารถผลักมันให้เคลื่อนได้ เจ้าลาสามด้วยคำนึงถึงหนิงเสวี่ยผู้บอบบาง เขาจึงเค้นสมองหาวิธีลดแรงเสียดทานให้เหลือน้อยที่สุด
“เราไปทางใต้กัน” เย่หวูเฉินมองไปทางทิศใต้ ผ่านมาหลายวันในที่สุดก็ถึงเวลาไปดู
หนิงเสวี่ยดันล้อเข็นออกจากลานและมุ่งหน้าไปทางใต้
เอ้อหยากลับมาที่ห้องของตัวเองและปิดประตูแน่น นางเปิดประตูออกมาเหลียวซ้ายแลขวาอีกครั้งด้วยยังไม่วางใจ จากนั้นปิดประตูอีกครั้ง เดินไปที่ข้างเตียงแล้ววางชุดในมือลงอย่างระมัดระวัง ราวกับว่ากลัวมันฉีกขาด
เมื่อวางแผ่ชุดลง ใบหน้าเอ้อหยาที่แดงเรื่ออยู่แล้วพลันแดงก่ำ กลายเป็นว่าชุดนี้ไม่ใช่เป็นเพียงชุดกระโปรงยาว มันมีชั้นในและชั้นนอก…..ทั้งสองส่วนต่างบอบบางและนุ่มมาก ชั้นในนั้นนุ่มยิ่งกว่า เนื้อผ้าทำมาจากไหมอย่างดี สัมผัสละมุนและให้ความรู้สึกสบาย
เอ้อหยากรีดร้องในลำคอเบาๆ แล้วซุกหน้าลงบนเตียง มุดศีรษะซ่อนไว้ในผ้าห่ม แม้ว่าที่นี่จะไม่มีผู้ใด แต่เมื่อนึกถึงว่าชุดนี้เป็นบุรุษมอบให้ ความอับอายพลันรึงรัดในจิตใจ คนปรารถนาอยากหายร่างไปให้ได้เสียตอนนี้
แต่ไม่ว่าหัวใจจะอายเพียงใด ชุดนี้ไม่ได้ลดความตื่นเต้นของนางลงแม้แต่น้อย หลังจากขัดขืนดิ้นรนกับตัวเองชั่วขณะ นางก็สูดลมระงับทำใจ ปลดชุดของตัวเองออก เรือนร่างงดงามค่อยๆปรากฎออกมา ชุดที่นางสวมใส่กล่าวได้ว่าเป็นหนึ่งในชุดที่งดงามที่สุดในโลกเล็กๆแห่งนี้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับชุดนั้นแล้วมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ไม่ช้าตัวนางก็เปลือยเปล่า นางยกแขนขึ้นบังทรวงอกโดยสัญชาตญาณ ก้มศีรษะลงชื่นชมกับผิวขาวหิมะของตัวเองอยู่เงียบๆ นางอายุเกือบครบ 25 ปีและยังไม่ได้แต่งงาน เรือนร่างนี้มีเพียงนางที่ชื่นชม ไม่ทราบวันนี้เป็นเพราะเหตุใด เมื่อเห็นร่างกายของตนเองถึงได้มองอย่างหลงใหล สองมือแทบอดไม่ได้และกุมหน้าอกของตนไว้แน่น สัมผัสถึงน้ำหนักและความนุ่มนวล
ความรู้สึกตอนนี้ซับซ้อนไม่อาจอธิบายให้ตัวเองได้ เป็นความตื่นเต้นที่ทำให้นางสับสนและโหยหา
นางยื่นแขนหยกขาวออกมา เหยียดยื่นไปที่ชุดสีเหลืองอ่อนช้าๆ….