📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยาย Heavenly Star สวรรค์มวลดาว – เล่ม 4 ตอนที่ 219

บทที่ 219 - งานสมรสที่พลิกผัน
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

หลังสิ้นสุดฤดูใบไม้ร่วง ก็ย่างเข้าสู่ฤดูหนาว

สงครามอุบัติขึ้นทำลายสัญญาสันติภาพ 5 ปี ระหว่างอาณาจักรเทียนหลงและอาณาจักรต้าฟง…. แต่แม้จะเรียกว่าสงคราม ทั้งสองฝ่ายกลับไม่ได้รบพุ่งกันเอาเป็นเอาตาย เพียงยันกันอยู่ตรงชายแดนเท่านั้น ราวกับแค่หยั่งเชิงกันอยู่

และในวันนี้ คือวันครบรอบอายุ 20 ปี ของเหยียนจื่อเมิ่ง ทั้งยังเป็นวันแต่งงานของนาง

งานสมรสอันยิ่งใหญ่ของนายน้อยสำนักจักรพรรดิเหนือย่อมไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย ประมุขสำนักจักรพรรดิเหนือ-เหยียนต้วนหุนมีบุตรชายทั้งสิ้นสามคน เหยียนซีหมิงคือบุตรชายคนโต , เหยียนซีชานเป็นบุตรชายคนรอง และ เหยียนซีเหอเป็นบุตรชายคนสุดท้อง บุตรชายทั้งสามต่างมีหน้าที่รับผิดชอบและไม่ค่อยได้พบกันเท่าใดนัก ในเวลานี้ ตระกูลเหยียนได้แทรกซึมไปทั่วอาณาจักรคุยชุย สำนักจักรพรรดิเหนือสืบทอดกันมานับปีไม่ถ้วน เหตุใดจะไม่รู้ถึงความสำคัญของการ “กลมกลืน” ยิ่งกว่านั้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา พวกเขาสืบสายโลหิตส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น รักษาพลังอำนาจไว้ได้โดยที่ไม่ต้องดิ้นรน ทว่าการจะยืนอยู่บนจุดสูงสุดของพลัง พวกเขาจะต้องจดจำไว้อยู่เรื่องหนึ่ง กฎสำคัญแห่งการอยู่รอดบางครั้งอาจถูกทำลายลงโดยง่ายด้วยความทะเยอทะยาน

และนอนว่า การ “กลมกลืน” นี้ย่อมมีกฎของมันอยู่ด้วยเช่นกัน

ที่แห่งนี้คือดินแดนต้องห้ามแห่งอาณาจักรคุยชุย ซึ่งไม่อนุญาตให้ผู้ใดเหยียบย่างเข้ามาได้ โดยปกติจะมียอดฝีมือชั้นสูงจำนวนมากคอยป้องกัน การจะเข้าไปย่อมถูกปฏิเสธหรือถูกโจมตีสังหาร เนื่องจากภายหลังมีผู้คนจำนวนมากเข้าไปแล้วไม่อาจกลับออกมา ภายหลังผู้คนจึงเริ่มไม่กล้าเข้าใกล้ ไม่มีใครรู้ว่าภายในนั้นกลับมีคฤหาสน์ขนาดมหึมา ที่ทั้งหรูหราและงดงามตั้งอยู่

วันนี้ คฤหาสน์ที่สงบเงียบในยามปกติ ได้ถูกประดับประดาด้วยโคมไฟและริ้วธง สะท้อนสรวลเสด้วยเสียงหัวเราะและพูดคุย ในห้องโถงหลักเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย แต่ละคนล้วนมีพลังแกร่งกล้า ปรากฎตัวในรูปลักษณ์แตกต่างกัน บ้างก็มาในชุดขุนนาง บ้างก็มาในชุดคนตัดไม้ กระทั่งบางคนยังมาในชุดขอทาน ทว่าหากคนหนึ่งคนใดเปิดเผยตัวตนยังโลกภายนอก แต่ละคนย่อมสามารถสร้างความสะเทือนไปทั่วทั้งปฐพี

เมื่อไม่อาจค้นพบเบาะแสของเป้าหมายหลักตั้งแต่ครั้งบรรพบุรุษ หลายปีผ่านไปพวกเขาจึงเริ่มเพิกเฉยต่อเหตุผลที่พวกตนดำรงอยู่ และด้วยพลังเหนือล้ำเกินคนทั่วไปจะคิดจินตนา พวกเขาสามารถทอดตามองทั่วทั้งแผ่นดิน สำนักจักรพรรดิเหนือเริ่มฝ่าฝืนคำสั่งของบรรพบุรุษ ค่อยๆรุกคืบแทรกซึมยังโลกภายนอก พวกเขาแทรกซึมมานานเพียงใด และขยายอิทธิพลไปมากเท่าไหร่ มีเพียงผู้นำระดับสูงเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ แน่นอนว่ามันเป็นความลับยิ่งยวด พวกเขาจะไม่ยอมให้ผู้คนภายนอกใดๆได้รับรู้

“โอ้ เจ้าเฒ่าสิบแปด ไม่ได้พบกันเพียงไม่กี่ปี ดูอ้วนท้วนสมบูรณ์ขึ้น ธุรกิจนอกกฎหมายทำกำไรให้ดีสิท่า? วันนี้เจ้านำของขวัญปานใดมามอบให้กับนายน้อย?”

“หุบปากของเจ้าซะ ถ้าขืนเจ้ายังพูดเรื่องนี้อีก ข้าจะถล่มรังปักษาเน่าๆของเจ้าทิ้ง แน่นอนข้าไม่กลัวที่จะบอกกับเจ้าว่า ครั้งนี้ ข้านำอัญมณีสามกล่องพร้อมทั้ง 800,000 ตำลึงเงินมาเป็นของขวัญ ‘38’ แล้วเจ้าล่ะ?”

“ไอ๊ ข้าไม่ได้ล่ำซำเท่าไหร่ ครั้งนี้ข้านำมาเพียงไม่ต่ำกว่า 1,000,000….”

ความทะเยอทะยานของสำนักจักรพรรดิเหนือไม่ใช่เพื่อควบคุมอาณาจักรทั้งสี่ หากแต่เป็นสำนักจักรพรรดิใต้ที่มีพลังเหนือกว่าพวกเขาอยู่เล็กน้อย ปัจจัยสำคัญที่สุดคือเรื่องทรัพยากร เช่นเดียวกับสำนักจักรพรรดิใต้ พวกเขาเลือกที่จะทุ่มเทแทรกซึมเข้าไปในอาณาจักรทั้งสี่มาตลอดหลายปี มากกว่าที่จะก่อสงคราม การสะสมเงินตรากลายเป็นความสำคัญอันดับแรกสำหรับพวกเขา

ด้านนอกห้องโถงหลัก มีสองบุคคลค่อยๆก้าวเข้ามา ในพริบตานั้น ความรู้สึกในใจคล้ายพลันพลุ่งพล่าน ขณะที่พวกเขาก้าวเท้าเข้ามา สายตาของทุกคนจับจ้องไม่ละวาง เป็นเวลานานที่ห้องโถงอันเปี่ยมชีวากลายเป็นเงียบสงัด ทุกคนเคลื่อนร่างออกเป็นทาง ถอยขนาบออกอยู่ทั้งสองข้าง ยืนนิ่งด้วยความเคารพ สายตาเป็นประกายมองที่บุคคล แฝงแววแห่งความชื่นชม ราวกับว่ากำลังมองยังเทพผู้ไร้ต้าน

ชายผู้นี้อายุราว 40 ปี สวมใส่เสื้อครุยยาวสีแดงเพลิงทั่วร่าง ตัวสูงยาวผิวขาว ใบหน้าดูสงบราบเรียบธรรมดา ทว่าในความธรรมดานั้น กลับแฝงความทรนงอันน่าสะพรึง ด้านข้างเขา มีสตรีงดงามจับแขนเขาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า ท่าทางสง่าขณะที่เดินมาเคียงคู่กัน ความสูงส่งของนางไม่อาจพบได้ในสตรีตระกูลมั่งคั่งใด เฉพาะจักรพรรดินีและชนชั้นสูงเท่านั้นถึงจะมีมัน

บุคคลที่สามารถเผยรูปลักษณ์ภายนอกถึงเพียงนี้ได้ มีเพียงประมุขคนปัจจุบันแห่งสำนักจักรพรรดิเหนือ ข้างกายเขาคือภรรยาเพียงคนเดียว-ท่านหญิงเหยียน ทั่งคู่นั่งอยู่ตรงตำแหน่งสูงสุดของห้องโถง หลังจากนั้น ผู้คนกล่าวคำนับพร้อมเพรียง “คารวะท่านประมุข คารวะท่านหญิง”

เหยียนต้วนหุนพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าว “ทุกคนไม่จำเป็นต้องมากพิธี วันนี้ทุกคนมาร่วมงานสมรสครั้งใหญ่ของบุตรชายคนโตของข้า ละวางธุระน้อยใหญ่หรือแม้กระทั่งเดินทางพันลี้เพื่อมาร่วมงาน ครั้งนี้ย่อมลำบากพวกเจ้า ดังนั้นงานแต่งวันนี้ขอให้ทุกคนจงผ่อนคลาย ไม่จำเป็นต้องเข้มงวดมากพิธี จงปล่อยตนเองให้รื่นรมณ์และหรรษา”

“น้อมรับบัญชาท่านประมุข!”

เหยียนต้วนหุนอยู่ที่ใดมักไม่ปรากฎ มีคนจำนวนน้อยเท่านั้นที่รู้ว่าแต่ละวันเขาไปที่ไหน ประมุขแห่งสำนักจักรพรรดิเหนือทุกๆรุ่น แน่นอนว่าเป็นบุคคลที่มีพลังแกร่งกล้าสูงสุดในสำนัก เหยียนต้วนหุนมีพลังก้าวล้ำกว่าเล่าลูกพี่ลูกน้อง หลังจากได้รับตำแหน่งประมุข เขาได้รับการ ‘เจิมศีรษะส่งพลังแห่งสวรรค์และปฐพี’ จากประมุขคนก่อน ทำให้เขามีพลังลึกล้ำยิ่งยวด นอกจากตัวของเขา ก็ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าพลังของเขาแข็งแกร่งถึงระดับใด และหากตรวจสอบสัมผัสอย่างละเอียด จะพบว่าตัวตนของเหยียนต้วนหุนในเวลานี้ กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากร่างราวกับคนที่ไร้พลังวรยุทธใดๆ และคล้ายบัณฑิตวัยกลางคนผู้มีใบหน้าขาว

งานแต่งของสำนักจักรพรรดิเหนือเหมือนกับงานแต่งของคนทั่วไป เพียงแต่ขนาดของงานยิ่งใหญ่กว่า การกราบเคารพบรรพบุรุษเป็นหนึ่งในพิธีที่จำเป็น ดังนั้นเหยียนต้วนหุนจึงปรากฎกายในวันนี้ ไม่ช้า เหยียนซีหมิงในชุดเจ้าบ่าวเดินออกมาด้วยความสุข ทักทายแขกผู้มีเกียรติที่นั่งประจำที่ทีละคน “ท่านลุงสอง…. ท่านลุงเจ็ด…. ท่านป้าสิบสาม…. ยินดีที่พวกท่านมาร่วมงาน…”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า งานสมรสยิ่งใหญ่ของนายน้อย พวกเราจะไม่มาร่วมพิธีได้อย่างไร ไม่พบกันเพียงแค่ปีเดียว เจ้ายิ่งไม่ธรรมดามากขึ้น เหนือกว่าน้องชายอายุ 16 ปีของเจ้าไปมากมาย”

“ท่านลุงเก้ายกย่องข้าเกินไปแล้ว ทั้งหมดนี้ เป็นเพราะความเอ็นดูของเหล่าผู้อาวุโส….”

เหยียนจื่อเมิ่งนั่งอยู่ในห้องของตนเอง มองภาพในกระจกด้วยใบหน้าไรความรู้สึก เป็นเวลาเนิ่นนานที่ไม่กล่าววาจาใด ในหัวใจไร้ความยินดีตื่นเต้น กระทั่งยังไร้ความเสียใจ ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง ครั้งหนึ่งนางเคยคาดหวังถึงวันนี้ เพราะหลังจากที่นางแต่งงาน พลังเสียงปีศาจจะทะลวงคอขวด เชื่อมต่อบรรลุระดับใหญ่ ทั้งยังกลายเป็นคนของสำนักจักรพรรดิเหนือ และอาศัยประโยชน์เหล่านี้ในการแก้แค้น ทว่าเมื่อวันนี้มาถึง ยามเผชิญหน้ากับงานสมรสครั้งใหญ่ของตนเอง หัวใจนางกลับไม่กระเพื่อมแม้แต่เล็กน้อย นางทราบข่าวการตายของเย่หวูเฉินได้เกือบครบหนึ่งเดือน ในช่วงเวลานั้น ความเจ็บปวดรวดร้าวในใจค่อยๆกลายเป็นเย็นชา ราวกับว่าความรู้สึกในหัวใจได้ตายตามเขาไปตลอดกาล

“คุณหนู ท่านคือเจ้าสาวที่งดงามที่สุดในโลก….อ้า ไม่สิ คุณหนูคือผู้ที่งดงามที่สุดในโลกอยู่แล้ว กระทั่งนายน้อยที่ได้แต่งงานกับคุณหนูยังนับเป็นวาสนาสำหรับเขา” ปิงเอ๋อร์ยืนอยู่ข้างหลังขณะกล่าวด้วยรอยยิ้ม นางเคียงข้างเหยียนจื่อเมิ่งอยู่ตลอดทุกวัน ไหนเลยนางจะไม่สังเกตถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของเหยียนจื่อเมิ่ง แม้กระทั่งวันนี้ นางยังคงกังวลอยู่ในใจ ปิงเอ๋อร์พยายามสุดตัวหยอกล้อให้นางมีความสุข หากแต่ไม่มีครั้งใดที่ทำสำเร็จ นานมากแล้วที่นางได้เห็นเหยียนจื่อเมิ่งยิ้มเป็นครั้งสุดท้าย

ข้างหูสะท้อนเสียงพูดคุยและหัวเราะแห่งความสุข รวมทั้งเสียงแห่งการเฉลิมฉลอง “เหล่ายอดยุทธผู้เหนือสามัญ” ยามนี้ราวกับเด็กที่กำลังสุขสันต์ พวกเขาต่างคุยกันรื่นรมณ์ ตรงกันข้ามกับร่างชืดชาที่อยู่ในห้อง เหยียนจื่อเมิ่งไม่ได้ตอบปิงเอ๋อร์ นางเพียงมองกระจกอย่างว่างเปล่า นางได้สวมชุดเจ้าสาวสีแดงเพลิง ใบหน้างามล้ำเลิศซ่อนความขื่นระทมไว้เบาบาง

หลังจากเงียบงันอยู่นาน ปิงเอ๋อร์ก็ทุ่มความพยายามครั้งที่สอง บีบชายเสื้อ เม้มริมฝีปากตัวเอง รวบรวมความกล้าและถาม “คุณหนู….ท่าน ชอบพอบุรุษอื่นหรือ?”

สายตาของเหยียนจื่อเมิ่งพร่าไหว นางส่ายศีรษะและกล่าว “อย่าพูดจาส่งเดช”

“แต่ว่าคุณหนู…. ท่านรู้ตัวหรือเปล่าว่าตั้งแต่ที่ท่านกลับมา ในยามนอนหลับท่านมักเอ่ยชื่อของบุคคลผู้หนึ่ง ข้า….” ปิงเอ๋อร์เอ่ยออกมาในที่สุด หัวใจเต้นรัวเร็วขึ้น นางกลัวว่าเมื่อเหยียนจื่อเมิ่งแต่งงานกับเหยียนซีหมิงไปแล้ว หากนางถูกจับได้ในภายหลัง ผลลัพธ์ที่ตามมาย่อมน่ากลัวอย่างยิ่ง

เหยียนจื่อเมิ่ง “……..”

“บุรุษที่คุณหนูชอบพอ แท้จริงแล้วก็คือ….เย่หวูเฉินที่ตกตายไปแล้วใช่หรือไม่?” ปิงเอ๋อร์ถามอย่างระมัดระวัง

“ในเมื่อเจ้ารู้อยู่แล้ว เหตุใดจึงยังถามอีก?” เหยียนจื่อเมิ่งเอ่ยวาจาล่องลอย ไร้ความตกใจ และไม่กังวลว่าเมื่อปิงเอ๋อร์รู้เรื่องนางจะนำไปบอกต่อ คนที่อยู่เคียงข้างนางทุกวันคือปิงเอ๋อร์ หากนางไม่รู้เรื่องนี้คงจะเป็นเรื่องแปลก

“อ๊า? แต่ว่า แต่ว่า….” เมื่อได้รับคำตอบยืนยัน ความสงสัยสุดท้ายของปิงเอ๋อร์ได้กลายเป็นความกังวลและหวาดกลัว

“ตอนนี้เวลาเท่าไหร่?” เหยียนจื่อเมิ่งถาม

“เกือบเที่ยงแล้ว พวกเขาอยู่ข้างนอกรอนานมากแล้ว คุณหนู…”

“ไปกันเถอะ” เหยียนจื่อเมิ่งลุกขึ้นและเดินออกไปจากประตู ปิงเอ๋อร์รีบตามไปช่วยประคองนาง

นับแต่วันนี้ไป นางจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้เหยียนซีหมิงจับได้ นางไม่อาจสารภาพเรื่องนี้กับเขา ไม่อย่างนั้น ผลลัพธ์ที่ตามมาย่อมไม่อาจทานทน ทั้งไม่อาจหลบหนีและหลีกเลี่ยง อุบัติเหตุในคืนนั้น นางไม่เสียใจแม้แต่นิดเดียว ถึงแม้มันแทบจะทำลายชีวิตของนางลง ก่อนหน้าที่เขาจะตาย นางเคยมีความสุขได้อยู่ใกล้ชิดกับเขา นางไม่เพียงไม่เสียใจ แต่ยังยินดี ค่ำคืนวันนั้นจะเป็นช่วงเวลาที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิตของนาง อีกทั้ง ยังเป็นความสุขสุดท้ายของนาง

เวลายามเที่ยง ในที่สุดงานสมรสครั้งใหญ่ก็ได้เริ่มขึ้น เหล่าเครื่องบรรเลงต่างพร้อมเพรียง พร้อมเสียงตะโกนกู่ร้องของผู้คน ในเวลานี้ ผู้คนของสำนักจักรพรรดิเหนือได้มารวมตัวกัน แต่ละคนล้วนเป็นผู้ที่มีพลังในระดับสูงสุด เมื่อเหยียนซีหมิงผู้มีรอยยิ้มเปื้อนหน้า เห็นเหยียนจื่อเมิ่งถูกประคองมาโดยปิงเอ๋อร์ เหล่าผู้คนก็ระเบิดเสียงเรียกดังเป็นคลื่น ด้วยเหยียนต้วนหุนบอกว่าวันนี้เป็นวันงานสมรสครั้งใหญ่ พวกเขาไม่จำเป็นต้องรักษามารยาทอันใด และสามารถรื่นรมณ์ได้สุดตัว

“ในที่สุดหมิงเอ๋อร์กับเมิ่งเอ๋อร์ก็ได้ร่วมเรียงเคียงคู่ เป็นคู่ที่สวรรค์อำนวยพร หมิงเอ๋อร์ได้แต่งกับเมิ่งเอ๋อร์ สตรีผู้งามล้ำไร้ที่เทียบ ช่างทำให้ผู้คนอิจฉาโดยแท้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

“อิจฉากับตาแก่ท่านสิ เวลาจะพูดถึงเรื่องอิจฉา….อย่าเอาบุตรชายทั้งสามของข้าเข้าไปเกี่ยวข้อง”

เหยียนต้วนหุนและท่านหญิงเหยียนนั่งอยู่ในห้องโถง ท่านหญิงเหยียนใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าของเหยียนต้วนหุนยากนักที่จะเผยวี่แววความสุขออกมา เขาพยักหน้าไม่เต็มใจ แต่อารมณ์ยอดเยี่ยมยินดีอย่างเห็นได้ชัด เหยียนซีหมิงและเหยียนจื่อเมิ่งมาถึงเบื้องหน้าพวกเขาและหยุดลง เหยียนต้วนหุนยกมือขึ้นทำสัญญาณ ผู้คนหยุดเสียงลง เขาผงกศีรษะและกล่าว “หมิงเอ๋อร์ ปีนี้เจ้าอายุครบ 23 แล้ว และวันนี้ครบรอบอายุ 20 ปีของเมิ่งเอ๋อร์ ในที่สุดก็ถึงเวลาสมรสยิ่งใหญ่ของพวกเจ้า มาจบงานสำคัญในหัวใจข้ากัน ข้าไม่มีถ้อยคำจะกล่าวมากนัก หลังจากที่พวกเจ้าทั้งสองแต่งงานกัน จงเคารพยกย่องต่อกัน ทุกสิ่งให้ถือเป็นเรื่องเล็ก เรื่องครอบครัวให้ถือเป็นเรื่องใหญ่ และจงปรองดองรักใคร่สามัคคี”

“บุตรจะจดจำคำสั่งสอน ไม่ทำให้ท่านพ่อและทุกคนในตระกูลต้องผิดหวัง” เหยียนซีหมิงกล่าวตอบด้วยความเคารพเคร่งขรึม

“ดี เอาละ วันนี้คือวันแต่งงานของเจ้า อย่าได้ลืมถ้อยคำที่บิดาบอกกล่าว เจ้ากับเมิ่งเอ๋อร์รู้จักกันมานานหลายปี ข้าไม่มีสิ่งใดให้ต้องกังวล เมื่อถึงคราวดอกไม้แย้มบาน” ท่านหญิงเหยียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม นางไม่มีสิ่งใดต้องกังวลอีก เมื่อใดที่สตรีเสียงปีศาจกลายเป็นของบุรุษ นางจะรักบุรุษผู้นั้นไปจนวันตาย เหตุใดนางจะไม่รู้เรื่องนี้

เหยียนต้วนหุนเคารพรักภรรยา เมื่อได้ฟังคำกล่าวเขาคิดนิดหนึ่งและหัวเราะ ฮี่ๆ จากนั้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถึงเวลาอันควรแล้ว ข้าไม่มีสิ่งใดจะกล่าวอีก มาเริ่มพิธีกัน ก่อนอื่น จงกราบบิดามารดา กราบบรรพบุรุษ!”

ในพิธีงานแต่ง สิ่งแรกที่ต้องกราบไหว้สมควรเป็นฟ้าดิน ทว่าในสำนักจักรพรรดิเหนือไม่ได้กราบไหว้ฟ้าดิน หากแต่เป็นการกราบไหว้ต่อจักรพรรดิเหนือ เพราะว่าทั้งสวรรค์และปฐพี ล้วนถือกำเนิดขึ้นจากบรรพบุรุษของพวกตน คือจักรพรรดิเหนือและจักรพรรดิใต้ ฟ้าดินมีอะไรคู่ควรให้พวกเขากราบไหว้ ขณะที่เหยียนซีหมิงรีบย่อกายลง ปิงเอ๋อร์ก็ลอบเขย่าเหยียนจื่อเมิ่งผู้ร่างแข็งทื่อ ดึงนางให้คุกเข่าลงช้าๆ…..

หากแต่ในขณะนี้เอง เหยียนจื่อเมิ่งพลันยื่นมือจับปิงเอ๋อร์ ปิดปากตนเองด้วยด้วยความคลื่นไส้อาเจียน ร่างกายไหวเอน ปิงเอ๋อร์พลันตระหนกรีบประคองนาง “คุณหนู? เกิดอะไรขึ้นกับท่าน….”

Facebook Twitter Telegram Pinterest
Heavenly Star สวรรค์มวลดาว (จบ)
Score 9.2
สถานะนิยาย: Completed ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เด็กหนุ่มลึกลับผู้ลืมเลือนอดีต ตื่นขึ้นมาในทวีปเทียนเฉิน ถูกเข้าใจว่าเป็นบุตรชายตระกูลเย่ เขาจึงใช้สถานะนี้เฝ้าสังเกตโลกอันยุ่งเหยิง รวมทั้งสืบหาอดีตของตน หากแต่โชคชะตาที่ต้องประสบกลับมีเพียงความน่าหวั่นสะพรึง เขาจึงหัวเราะเยาะโชคชะตา และเผยพลังสะท้านแดนดินใต้ผืนสวรรค์.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset