📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยาย Heavenly Star สวรรค์มวลดาว – เล่ม 3 ตอนที่ 180

บทที่ 180 - ดินแดนสาบสูญ
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

“เดินทางผ่านห้วงมิติ กงล้อแห่งชะตาที่หมุนเวียนบรรจบ บุตรแห่งเทพที่สูญเสียอดีต กับสองธิดาแห่งเทพที่สูญเสียอดีตได้มาพบกัน สวรรค์ที่สงบกำลังจะระส่ำในไม่ช้า ด้วยสังสารวัฏแห่งเหนือ-ใต้… ข้าสละอายุขัยห้าหมื่นปีเพื่อคำทำนายคลุมเครือ… ไป จงไปพิสูจน์มัน พิสูจน์ว่าเจ้าคือเจ้าของคำทำนายนี้…”

น้ำเสียงจางห่างออกไปเรื่อยๆ ความรู้สึกอบอุ่นได้หายไป เบื้องหน้าของพวกเขาเป็นโลกสีแดง พวกเขากำลังเดินทางผ่านมิติ

อาณาจักรคุยชุย วิหารสาบสูญ?

เป็นครั้งแรกที่เย่หวูเฉินได้ยินชื่อนี้ เช่นเดียวกับชื่อที่แปลก ถ้อยคำของมังกรเพลิงฟ้าทำให้เขารู้สึกไม่สงบใจด้วยเช่นกัน สองธิดาแห่งเทพที่สูญเสียอดีต…ทงซินและหนิงเสวี่ย หรือพวกนางจะเป็นเทพธิดาปีกขาวและเทพธิดาปีกดำที่ฉู่ชางหมิงกล่าวถึงจริงๆ? ถ้อยคำที่ว่า “ที่แท้ก็เป็นเจ้า” ของมังกรเพลิงฟ้าได้ทำให้ข้อสงสัยเกือบทั้งหมดในใจหายไป

ส่วนประโยคที่ว่าบุตรแห่งเทพที่สูญเสียอดีต… เย่หวูเฉินหลับตาลงจัดเรียงความคิดอันสับสน เขาเชื่อในคำทำนาย เพราะเขาเองก็ครอบครองพลังล่วงรู้อนาคตอันเบาบาง อีกทั้งมังกรเพลิงฟ้าไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องโกหกเขา

“เดินทางผ่านห้วงมิติ…” ถ้อยคำนี้ทำให้เย่หวูเฉินต้องตกใจ เพราะว่าเขามาจากมิติอื่นจริงๆ

การเคลื่อนย้ายไม่ได้ใช้เวลานานนักและโลกสีแดงได้หายไปอย่างรวดเร็ว สภาพแวดล้อมโดยรอบค่อยๆมืดลง เมื่อทุกสิ่งกลับมาเป็นปรกติ เขาลืมตาขึ้นแล้วมองไปรอบๆ

ตอนนี้เป็นเวลาใกล้ค่ำ แต่กระนั้นบรรยากาศยังดูคล้ายกลางคืน ทั้งมืดและเงียบอย่างมาก ท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยเมฆทะมึน บรรยากาศโดยรอบไร้ชีวิต สร้างความรู้สึกกดดันไร้ตัวตน โดยรอบมีต้นไม้กระจายอยู่ห่าง แต่ละต้นลำหนาและแข็งแรง เห็นได้ชัดว่าตอนนี้คือฤดูใบไม้ร่วง แต่กระนั้นต้นหญ้ายังเป็นสีเขียวน้ำทะเลเข้ม ใบไม้แห้งตายไม่ค่อยมี พื้นดินสีดำจาง ชื้นแฉะราวกับเพิ่งผ่านฝนมา พื้นดินแห้งไม่อาจมองเห็น

สถานที่แห่งนี้คือ…

ตามที่มังกรเพลิงฟ้ากล่าว ที่นี่ย่อมเป็นอาณาจักรคุยชุยที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของทวีปเทียนเฉิน เย่หวูเฉินไม่ค่อยรู้เรื่องราวของอาณาจักรนี้มากนัก เขารู้เพียงว่าที่นี่มีสัตว์อสูรดุร้ายอาละวาดอยู่ทั่ว จำนวนของสัตว์อสูรมากยิ่งกว่าจำนวนผู้คน กระทั่งมากกว่าสามอาณาจักรรวมกัน พลังของพวกมันเหนือกว่าของมนุษย์ ด้วยการปรากฎตัวของสัตว์อสูรอยู่บ่อยครั้ง ทำให้เกิดยอดฝีมือคอยระวังภัยอยู่มากมาย นอกจากหญิงสาวที่ไม่ค่อยออกจากบ้าน แทบทุกคนล้วนฝึกฝนบ่มพลัง

เมื่อเทียบกันแล้ว สภาพแวดล้อมของอาณาจักรเทียนหลงนับว่าสุขสบายกว่า ทำให้ยอดฝีมือมีจำนวนน้อยตาม

เย่หวูเฉินมองไปทั่วทิศ เขาไม่อาจพบร่างของหนิงเสวี่ยและทงซิน สายตาเพ่งมอง จิตใจเพ่งสมาธิ เขาปลอดปล่อยกลิ่นอายในระดับสูงสุดเพื่อให้ทงซินพบตำแหน่งเขาโดยง่าย เขาเชื่อว่าทั้งสามคนถูกส่งมายังสถานที่เดียวกัน เพียงอยู่ต่างจุดกันและคงไม่อยู่ห่างกันมากนัก เรื่องเดียวที่เขากังวลคือหนิงเสวี่ยกับทงซินจะยังคงอยู่ด้วยกันหรือไม่?

เขาไม่ได้เดินไปไหนเพียงแค่รอเงียบๆให้ทงซินมาหา

อย่างไรก็ตาม สิ่งแรกที่มาถึงไม่ใช่ทงซิน แต่เป็นสัตว์อสูรประหลาดมีแสงสีม่วงรอบกาย กลิ่นอายของมนุษย์ดึงดูดสัตว์ดุร้ายจำนวนมาก

ภายนอกมันดูเหมือนหมาป่า แต่ร่างของมันใหญ่กว่าสองเท่า มันอ้าปากชุ่มเลือด ดวงตาน่ากลัวแผ่รังสีอำมหิต สายฟ้าสีม่วงห้อมล้อมรอบกาย เห็นได้ชัดว่ามันเป็นสัตว์อสูรที่มีพลังสายฟ้าและหายาก เมื่อเย่หวูเฉินมองที่มัน ในใจเขาเห็นข้อมูลของหมาป่าตัวนี้โดยอัตโนมัติ

หมาป่าสายฟ้าต้องสาป ระดับขอบเขตวิญญาณชั้นกลาง สัตว์อสูรสายฟ้า ดุร้ายกระหายเลือด ร่างกายยืดหยุ่น กรงเล็บแข็งแกร่งพอจะทำลายก้อนหินให้แหลกเป็นชิ้น สามารถสร้างสายฟ้าโจมตีได้ในระยะปานกลาง ขณะที่มันจู่โจมบางครั้งจะปลดปล่อยคำสาปไม่ทราบชนิดทำให้ร่างกายชะงักและเจ็บปวด จุดอ่อนของมันคือดวงตา และมันกลัวพลังความร้อนทุกชนิด

หรือว่านี่คือ ‘เนตรวิญญาณ’ ที่มังกรเพลิงฟ้ามอบให้? มันใช้พลังจิตใจในการระบุชื่อของเป้าหมาย , ลักษณะจำเพาะ และกระทั่งจุดอ่อนของมัน!

หมาป่าสายฟ้าต้องสาปดูคู่ควรกับชื่ออันดุร้ายของมัน มันไม่พูดพล่ามทำเพลงหรือหยั่งเชิงใดๆ ด้วยเสียงคำรามเหี้ยมโหด มันทะยานเข้าหาเย่หวูเฉินในทันที กรงเล็บวาบแสงเย็นเยียบราวน้ำแข็ง พุ่งตรงเข้าที่ลำคอ เย่หวูเฉินไร้ความตระหนกและหลบอย่างง่ายดาย ฝ่าเท้าพริ้วทะยานร่างขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่ที่หนาราวครึ่งเมตร เขายืนอยู่บนกิ่งต่ำสุดและมองลงมา

หมาป่าสายฟ้าต้องสาปไม่มีความสามารถในการบิน ทั้งการกระโดดของมันยังด้อยกว่าเย่หวูเฉิน แสงสีม่วงเปล่งออกจากดวงตา และสายฟ้าสองเส้นพุ่งเข้าใส่เย่หวูเฉินที่อยู่ข้างบน แต่ขณะที่สายฟ้าถูกปล่อยออกมา เย่หวูเฉินก็โยนอัสนีลั่นสะเทือนฟ้าเข้าใส่ในขณะเดียวกัน

ตอนที่ฮั่วเจิ้นเทียนโยนถุงอัสนีลั่นสะเทือนฟ้าให้เขา เขาบอกอย่างอวดเบ่งว่า “นอกจากเจ้าจะพบกับพวกชั่วระดับขอบเขตสวรรค์ ด้วยอัสนีลั่นสะเทือนฟ้าพวกนี้ พวกมันย่อมไม่อาจสังหารเจ้าได้ง่ายๆ” แม้ว่าพลังของอัสนีลั่นสะทือนฟ้าไม่อาจต่อต้านยอดฝีมือระดับสวรรค์ แต่ใช้รับมือกับยอดฝีมือขอบเขตวิญญาณนับว่าเป็นเรื่องง่าย

สายฟ้าสองสายพุ่งเข้าใส่ทรวงอกของเย่หวูเฉินทำให้เขาร่างกายไหวเอนสองครั้งเท่านั้น หมาป่าสายฟ้าต้องสาปไม่มีเวลาพอที่จะหลบ และมันถูกอัสนีลั่นสะเทือนฟ้าระเบิดใส่โดยตรง มันร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดและกลิ้งเกลือกอยู่บนพื้นนับสิบตลบ ร่างกายส่วนที่ถูกระเบิดเละเทะอย่างรุนแรง

กลิ่นคาวเลือดยิ่งทำให้หมาป่าสายฟ้าต้องสาปคลุ้มคลั่ง มันยืนขึ้นไม่สนใจความเจ็บปวดของบาดแผล สายฟ้าแตกปะทุล้อมร่างกาย มันพุ่งเข้าใส่ต้นไม้ที่เย่หวูเฉินยืนอยู่ ใช้พลังกร้าวแกร่งพุ่งชนต้นไม้หนา ต้นไม้สะเทือนไหวอย่างรุนแรง จากนั้นมันฉีกต้นไม้ด้วยกรงเล็บหมาป่า กรงเล็บจมลงในเนื้อไม้เหมือนมันเป็นเต้าหู้

หนึ่งครั้ง , สองครั้ง , สามครั้ง…

ระหว่างที่มันคำรามบ้าคลั่ง เบื้องล่างต้นไม้หนาก็กำลังฉีกออกเป็นชิ้นทีละน้อย ด้วยกรงเล็บน่ากลัวของหมาป่า ตอนนี้ต้นไม้กำลังใกล้จะล้มลง เย่หวูเฉินยังคงยืนนิ่งอยู่บนกิ่ง มองดูมันบ้าคลั่งอย่างเงียบงันและยังคงไม่เคลื่อนไหว หมาป่าสายฟ้าต้องสาปพุ่งชนต้นไม้อีกครั้ง ก่อนที่ต้นไม้ล้มลง เย่หวูเฉินก็กระโดดลงมาบนร่างของหมาป่า ในมือถือกระบี่หนานฮวงที่ไม่ค่อยได้ใช้งานนัก

ต้นไม้ล้มลงเสียงดังสนั่นขณะที่หมาป่าสายฟ้าต้องสาปมองขึ้นไปด้านบน มันมองเห็นแสงสีทองค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นในม่านตา

ฉึก

กระบี่หนานฮวงแทงลงไปในดวงตาข้างขวาของมัน เย่หวูเฉินพริ้วร่างออกมาอย่างราบลื่น ทิ้งกระบี่ไว้และหนีออกมาไกลเพื่อหลีกเลี่ยงการสวนกลับของหมาป่าสายฟ้าต้องสาป

ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์อสูร จุดอ่อนสำคัญสุดในร่างย่อมคือดวงตา สำหรับหมาป่าสายฟ้าต้องสาป ดวงตาไม่เพียงเป็นจุดอ่อนสำคัญ แต่ยังเป็นแหล่งกำเนิดสายฟ้า เมื่อดวงตาถูกแทงด้วยกระบี่หนานฮวง หมาป่าสายฟ้าต้องสาปก็เกลือกกลิ้งบนพื้นด้วยความทรมาน มันร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดอย่างยิ่ง

“หนานเอ๋อร์ กลับมา”

เย่หวูเฉินผ่อนคลายลงเล็กน้อยและยื่นมือออก กระบี่หนานฮวงพุ่งกลับมาที่มือด้วยตนเอง ใบกระบี่ยังคงสว่างและสะอาดเหมือนกระจก ไร้คราบโลหิตหรือสิ่งสกปรกใด ไม่ต้องกล่าวถึงการโจมตีสวนกลับ หมาป่าสายฟ้าต้องสาปสมควรลืมตัวตนของเหยื่อไปแล้ว เพราะตอนนี้มันกำลังเจ็บปวดอย่างยิ่ง

แต่ปัญหายังไม่จบ เพราะเย่หวูเฉินกำลังยืนอยู่ในที่ๆเรียกว่า “ดินแดนสาบสูญ” ในวันนั้น เย่ซีได้เล่าเรื่องเกี่ยวสถานที่ที่น่ากลัวที่สุดในทวีปเทียนเฉินให้เขาฟัง หนึ่งในนั้นคือพื้นที่ต้องห้ามแห่งอาณาจักรคุยชุย สถานที่ซึ่งไม่มีผู้ใดต้องการเหยียบเท้าเข้ามา เนื่องจากมันมีสัตว์อสูรโบราณดุร้ายจำนวนมาก หมาป่าสายฟ้าต้องสาปที่เย่หวูเฉินพึ่งพบตัวนี้ นับได้ว่าเป็นจ้าวอสูรเมื่อเทียบกับสถานที่อื่นในทวีปเทียนเฉิน แต่ในดินแดนสาบสูญแห่งนี้ มันเป็นได้เพียงสัตว์อสูรธรรมดาที่สามารถพบได้ทั่วไป

หมาป่าสายฟ้าต้องสาปร้องโหยหวนทรมานไร้ทีท่าว่าจะหยุด เย่หวูเฉินรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายทรงพลังที่ใกล้เข้ามาจากรอบทิศ เขาปลดปล่อยกลิ่นอายเพื่อให้ทงซินหาตำแหน่งของเขาได้เจอ แต่นอกจากนั้น เขายังดึงดูดสัตว์อสูรน่ากลัวเหล่านั้นเข้ามาด้วย

เย่หวูเฉินขมวดคิ้วและกำลังจะหาที่หลบ แต่ทันใดนั้นหัวใจเขารู้สึกเย็นเยียบ เขาสัมผัสได้ถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามา และก่อนที่เขาจะทันได้คิดสิ่งใด เขารีบโคจรพลังทั้งหมดแล้วกระโดดสุดแรง มีเงาสีดำพุ่งผ่านเกือบถูกอกเขา ตามด้วยเสียง ‘ซวบ’ มันหายเข้าไปในพุ่มไม้ใกล้ๆ ชั่วพริบตาที่เขาไม่ทันตั้งตัว เย่หวูเฉินไม่อาจมองเห็นมันได้ชัดเจน เขาเห็นเพียงเส้นสีดำยาวประมาณครึ่งเมตรเท่านั้น

เย่หวูเฉินยืนนิ่ง เขาสัมผัสถึงอันตรายได้อีกครั้ง เขาหรี่ตาและย่อกายลง ขณะที่เส้นสีดำพุ่งออกมาจากพุ่มไม้ผ่านเหนือศีรษะเขาไป มันมีความเร็วเหนือล้ำอย่างมาก เย่หวูเฉินรู้สึกได้เพียงลมพัดเย็นเยียบผ่านเหนือศีรษะไป

เจ้าเส้นดำนี้พุ่งออกมาและหยุดอยู่ห่างจากจุดที่มันกระโดด บังเอิญมันไปอยู่ใกล้หมาป่าสายฟ้าต้องสาป มันจึงเปลี่ยนเป้าหมายและโจมตีใส่หมาป่าที่ร้อง ‘เอ๋ง’ เมื่อถูกปะทะร่าง

ตอนนี้ เขาใช้เนตรวิญญาณตรวจดูข้อมูลของมัน

เส้นฉกวิญญาณ ระดับขอบเขตสวรรค์ สัตว์อสูรประเภทงู เชี่ยวชาญในการปกปิดกลิ่นอาย มีพิษร้ายแรงสุดขั้ว หากผู้ถูกกัดมีพลังต่ำกว่าขอบเขตเทวะ ผู้นั้นจะหมดสติทันทีและตายภายในหนึ่งนาที เพราะความเร็วที่ราวกับสายฟ้า มีคนไม่มากนักที่สามารถหลบพ้นหรือโจมตีถูกมัน คนที่รู้จักอสูรชนิดนี้เมื่อได้พบเห็นมัน พวกเขาจะรีบออกห่างและวิ่งหนีไปให้ไกล จุดอ่อนของมันคือร่างที่เปราะบางอย่างมาก ปัจจุบันในทวีปเทียนเฉินเหลืออสูรชนิดนี้อยู่เพียงตัวเดียว แต่กระนั้นมันก็ยังน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง

เย่หวูเฉินมองดูลักษณะของมัน ตัวมันหนาเท่ากับนิ้วยาว น้อยกว่าหนึ่งเมตร ร่างเป็นสีดำสนิท สัตว์ที่ดูเหมือนไม่มีอะไรเป็นพิเศษตัวนี้กลับครอบครองพลังระดับขอบเขตสวรรค์ ความสามารถในการปกปิดกลิ่นอายทำให้เย่หวูเฉินไม่รู้สึกถึงตัวตนของมันเมื่อครู่ที่ผ่านมา

ขณะถัดมาทำให้เขาตระหนักถึงความน่ากลัวของเจ้าเส้นฉกวิญญาณตัวนี้

วินาทีที่ถูกเส้นฉกวิญญาณกัด หมาป่าสายฟ้าต้องสาปที่ร้องโหยหวนอยู่ร่างกลายเป็นแข็งค้าง เสียงร้องขาดห้วงในทันที มันหยุดกลิ้งเกลือกบนพื้น ขณะต่อมามีสีดำจางแพร่จากจุดที่ถูกกัด มันค่อยๆเข้มขึ้นและแพร่ไปทั่วร่าง เปลี่ยนหมาป่ากลายเป็นสีน้ำตาล… สีน้ำตาลเข้ม… และในที่สุดก็กลายเป็นสีดำ…

หมาป่าสายฟ้าต้องสาป อสูรระดับขอบเขตวิญญาณชั้นกลาง ไม่สามารถต้านทานพิษของเส้นฉกวิญญาณได้แม้แต่น้อย เพียงไม่กี่อึดใจ พิษได้แพร่กระจายไปทั่วร่างมัน

นอกจากมีพลังขอบเขตเทวะ หากถูกมันกัดจะต้องตกตายเป็นแน่แท้… เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวอย่างยิ่ง และเห็นได้ชัดว่า มันไม่ได้ล่าเพื่อเป็นอาหาร แต่ล่าเพื่อสังหารเท่านั้น มันเลื้อยออกจากร่างของหมาป่าสายฟ้าต้องสาป สองตาเล็กๆเปล่งแสงสีดำน่าสยดสยอง ขณะที่มันมองมาที่เย่หวูเฉิน

Facebook Twitter Telegram Pinterest
Heavenly Star สวรรค์มวลดาว (จบ)
Score 9.2
สถานะนิยาย: Completed ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เด็กหนุ่มลึกลับผู้ลืมเลือนอดีต ตื่นขึ้นมาในทวีปเทียนเฉิน ถูกเข้าใจว่าเป็นบุตรชายตระกูลเย่ เขาจึงใช้สถานะนี้เฝ้าสังเกตโลกอันยุ่งเหยิง รวมทั้งสืบหาอดีตของตน หากแต่โชคชะตาที่ต้องประสบกลับมีเพียงความน่าหวั่นสะพรึง เขาจึงหัวเราะเยาะโชคชะตา และเผยพลังสะท้านแดนดินใต้ผืนสวรรค์.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset