แม้ว่าเขาจะเป็นมือสังหารอันดับหนึ่ง แต่ถูกปั่นหัวขนาดนี้ไม่ว่าใครย่อมมีโทสะ กระบี่สั้นในมือเปล่งแสงสีเลือดรัศมีแผ่ยาวถึงสองเมตร สายตาแดงก่ำดุจโลหิต เขาฟาดกระบี่ในมือต้นไม้หนาสองต้นที่ขวางทางอยู่ก็ขาดลงตรงกลาง เขาตะโกนคำรามดั่งสัตว์อสูร พวยพุ่งด้วยจิตสังหาร เขาปรี่เข้าหาเย่หวูเฉินพร้อมกวัดแกว่งกระบี่ในมือ รังสี-สีแดงไร้เสียง ตัดสองต้นไม้ใหญ่ราวกับเป็นเต้าหู้ แล้วเล็งที่อกของเย่หวูเฉิน แต่เย่หวูเฉินยังคงถลาร่างหนีออกไปไกลพร้อมกับโบกมือให้เขา
เถาไปไปที่เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งจากแรงระเบิดก่อนหน้า ยามนี้มีรูเพิ่มและชุ่มเลือด เท้าของเขามีเลือดไหลซึมด้วยเช่นกัน แต่ภายใต้ความเดือดดาล เขาไม่สนบาดแผลที่ร่างกายหรือที่เท้า เขาพุ่งเต็มกำลังโดยไม่แบ่งสมาธิใช้พลังภายในเพื่อบรรเทาอาการบาดเจ็บที่เท้า แผลของเขาย่อมเปิดออกระหว่างที่วิ่ง และความเจ็บปวดย่อมส่งผลต่อความเร็ว เย่หวูเฉินรู้ว่าถ้าเถาไปไปสูญเสียพลังความเร็วของเขาจะค่อยๆตกลง ทำให้ระยะห่างระหว่างพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก
พวกเขาเข้าใกล้หอคอยปีศาจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เย่หวูเฉินตั้งใจมุ่งไปทิศทางนั้น เพราะในที่แห่งนั้นเขาซ่อนไพ่ลับไว้เพื่อรับมือกับเถาไปไป
แม้แต่เพลิงโทสะที่รุนแรงที่สุดยังไม่อาจตั้งได้อยู่นาน เงาร่างสีขาวสองสายผ่านพัดราวกับสายลมในป่าดำ โทสะของเถาไปไปสงบลงในที่สุด เขาเห็นเย่หวูเฉินหันมามองด้วยรอยยิ้มพิกล ฉับพลันใต้ฝ่าเท้าของเขาก็ยวบยุบลงอีกครั้ง
เถาไปไปเคยได้รับบทเรียน ดังนั้นในครั้งนี้เขาจะไม่ยอมประมาทอีกครั้ง เขาเกร็งพลังทั่วร่างตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ด้วยพลังคุ้มกัน แม้กระทั่งกระบี่ที่คมที่สุดยังไม่อาจทิ่มแทงฝ่าเท้าของเขาได้
แผละ
เถาไปไปย่ำลงไปในบางสิ่งที่หนาและเหนอะหนะ สสารกึ่งเหลวมีกลิ่นเหม็นกระเด็นทั่วทิศ เปรอะเปื้อนทั่วร่างของเถาไปไป กลิ่นอันร้ายกาจทำให้ความโกรธปะทุขึ้นเนื่องจากถูกหยามเหยียด แต่คิดไม่ถึงว่าจะรุนแรงถึงขนาดทำให้มือสังหารอันดับหนึ่งจิตใจกลวงโบ๋
ถังอุจจาระที่เล่งหยาแบกมาพร้อมกับอั้นน้ำตาในที่สุดก็มีประโยชน์ใช้งาน
“ไอ้หยา เถาไปไปตัวหอม ท่านชื่นชอบงานอดิเรกแบบนี้ด้วย ข้าคิดว่าคงไม่อาจเรียกท่านว่าเถาไปไปได้อีกต่อไป เพราะชื่อของท่านไม่น่าประทับใจ มีเพียงคนใช้ของข้าไม่กี่คนที่รู้จัก แต่ถ้าเรียกท่านว่า เถาอุจจาระ รับรองว่าทุกคนที่ได้ยินต้องร่ำร้องเสียงดังสนั่นแก้วหู”
ถ้อยคำเหยียดหยามของเย่หวูเฉินฟาดเขาราวถูกขว้างด้วยก้อนหิน เย่หวูเฉินพิงร่างกับต้นไม้มองดูเถาไปไปกระโดดออกมาจากหลุม ทั่วร่างเคลือบคลุมไปด้วยสิ่งเหนียวสีเหลือง
ยามที่คนโกรธถึงขีดสุด พวกเขาจะไม่แสดงความโกรธ ตรงกันข้าม เขากลับสงบด้วยจิตสังหารที่อัดแน่น ดวงตาของเถาไปไปแดงก่ำดุจโลหิต ใบหน้าของเขาอำมหิตอย่างน่ากลัว จิตสังหารของเขาในยามนี้ไม่ได้แผ่ทะลักออกมา แต่กลับนำพาความรู้สึกเย็นเยียบเสียดกระดู พอเผชิญหน้ากับเย่หวูเฉิน เขาไม่ได้ลงมือจู่โจมด้วยความโหดเหี้ยม แต่ทำเพียงจ้องอยู่ราวอสรพิษ จดจำทุกลักษณะของร่างที่อยู่เบื้องหน้า
รอยยิ้มบนใบหน้าของเย่หวูเฉินหายไปในฉับพลัน สีหน้าของเขากลับกลายเป็นทะมึน “ใครก็ตามที่กล้าเป็นศัตรูกับเย่หวูเฉิน จะต้องสำนึกเช่นนี้ หากเจ้าคิดปลิดชีวิตข้า ต่อให้เจ้าเป็นมือสังหารอันดับหนึ่ง ข้าก็จะทำให้เจ้าต้องสำนึกเสียใจ… เอาละ เจ้าสำนึกเสียใจบ้างแล้วใช่หรือไม่ เถาไปไปตัวหอม?”
“ข้าเสียใจ….” เถาไปไปกล่าวราบเรียบ น้ำเสียงของเขาชวนสยดสยอง ราวกับซากศพที่เน่าเปื่อยมาตลอดหลายปีแล้วจู่ๆก็เปิดปากขึ้น เขารู้สึกเสียใจโดยแท้จริงที่รับงานนี้มา เขาไม่รู้ตัวเลยว่าเย่หวูเฉินจะคาดเดาการมาถึงของเขาและวางแผนทุกอย่างไว้ในขณะที่รอ
“เช่นนั้น เจ้าสมควรตาย!”
เย่หวูเฉินยักไหล่ ยื่นนิ้วออกกวักและกล่าว “หากเจ้ายังกล้าพอ จงตามข้ามา”
เย่หวูเฉินหันกายและหายไปราวหมอกควัน
เถาไปไปตามไปโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย หากว่าเขาฉลาด เขาควรหันกลับไปเสียเนิ่นๆ เพราะอันตรายมีอยู่ทั่วทุกมุมในป่าดำแห่งนี้ แต่หากกลับไปหลังจากถูกหยามเหยียดมากมาย เขาย่อมเสียชื่อในฐานะนักฆ่าอันดับหนึ่ง ยิ่งกว่านั้น เมื่อเขาพบว่าเย่หวูเฉินมีความทนทานที่ต่ำกว่าตน เขาย่อมทำให้เย่หวูเฉินหมดแรงได้เพียงขึ้นอยู่กับเวลา ไม่ว่าจะมีกับดักมากเท่าไหร่ พวกมันก็ไม่ได้เป็นอันตรายร้ายแรง แม้กระทั่งอัสนีลั่นสะเทือนฟ้ายังไม่อาจทำให้เขาเจ็บหนักได้
แผลเล็กน้อยที่เท้าของเถาไปไปทำให้เขาเคลื่อนไหวได้ช้าลง แต่ระยะห่างระหว่างพวกเขาไม่ได้ต่างกันมากจนเกินไป หนึ่งอยู่เบื้องหน้า อีกหนึ่งอยู่เบื้องหลัง ระห่างคือประมาณ 30 เมตร หากเถาไปไปใช้ท่าสุดยอดอย่าง “คลื่นทะลวง” ระยะทางแค่นี้ย่อมไม่นับเป็นสิ่งใด แต่เขาไม่ต้องการใช้ท่านี้
สำหรับเย่หวูเฉินระยะทาง 30 เมตร นับว่าไม่เพียงพอ เขาต้องการอย่างน้อย 100 เมตร สีหน้าของเขายังคงทะมึน คำนวณนับระยะทางขณะที่ดิ่งลึกเข้าไปในป่าดำ ตรงไปหาหอคอยปีศาจ
ตอนนี้เองที่ ฟง , ฮั่ว , เสวี่ย และเยว่ ได้มาถึงป่าดำ กลิ่นอายน่ากลัวของป่าแห่งนี้ไม่ส่งผลต่อการตัดสินใจเข้าไปในป่า พวกนางตรงเข้าไปยังทิศตะวันออกโดยไม่ลังเล
หกลี้… เจ็ดลี้…. แปดลี้……
เมื่อเข้าไปได้ลึกประมาณแปดลี้ในป่าดำ เย่หวูเฉินกัดฟันและทะยานร่าง ฝืนเร่งความเร็วเพิ่มระยะขึ้นทีละน้อย
สามสิบเมตร , สี่สิบเมตร , ห้าสิบเมตร…. แปดสิบเมตร
เก้าลี้!
ในที่สุดระยะห่างระหว่างเขากับเถาไปไปก็ห่างกันร้อยเมตร เขาสามารถใช้ไพ่ลับได้ทันเวลา เบื้องหน้าสายตา คือสถานที่ๆเขาฝังวัตถุระเบิดเอาไว้ ยิ่งกว่านั้นยังเป็นระเบิดที่หนักถึงสิบชั่ง แรงระเบิดของมันเพียงพอที่จะทำลายคฤหาสน์ตระกูลเย่ให้ราบลง
ปลายนิ้วของเย่หวูเฉินแปลบประกายแสงสีแดง เขาจุดชนวนด้ายสีเทาที่พันไว้รอบต้นไม้ เขาไม่ลังเลทะยานร่างโกยแนบอย่างบ้าคลั่ง หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ เขาก็อยู่ห่างจากเถาไปไปร้อยเมตร เขาโดดลงหลุมลึกสามเมตรที่ขุดเตรียมไว้แล้วอุดหูของตัวเองทันที
ความเร็วของเขาและเถาไปไป ระยะห่างระหว่างพวกเขา เวลาที่ชนวนใช้ในการไหม้…. ทุกรายละเอียดเย่หวูเฉินคำนวนอย่างระมัดระวัง ชั่วขณะที่ชนวนไหม้หมด เป็นเวลาที่เถาไปไปเหยียบอยู่บนกองระเบิดพอดี ในเสี้ยวอึดใจนั้น ความเย็นยะเยือกท่วมทั่วร่าง เกิดความรู้สึกที่บีบรัดด้วยวิกฤตการที่ไม่เคยประสบมาก่อน เขาขดตัวลงด้วยสัญชาตญาณ
เป็นความรู้สึกสิ้นหวัง….
ตูม ! ! ! !
เมืองเทียนหลงที่อยู่ห่างออกไป 20 ลี้ เกือบแทบทุกคนได้ยินเสียงดังสนั่นมาจากทางทิศตะวันออก ผู้คนที่อาศัยอยู่ทางฝั่งตะวันออกของเมืองเหลียวมองดูกลุ่มควันประหลาดที่พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
ที่ใจกลางป่าดำ แรงระเบิดสะเทือนเลือนลั่นทำให้ต้นไม้พังราบลง รอยแยกน้อยใหญ่ปรากฎบนบนผืนดิน ตรงใจกลางของการระเบิดเป็นหลุมลึกดูน่ากลัว
ฟง , ฮั่ว , เสวี่ย และเยว่ เวลานี้อยู่ลึกเข้าไปในป่าดำ แต่ยังนับว่าอยู่ห่างจากจุดระเบิด แต่กระนั้นแรงระเบิดก็ทำให้พวกนางโอนเอนและต้องหยุดฝีเท้าลง พวกนางเห็นแสงสีแดงสว่างวาบตามมาด้วยกลุ่มควันพุ่งทะยานขึ้นฟ้า
แม้ว่าเขาจะปิดหูไว้และอยู่ห่างออกไปร้อยเมตรจากจุดระเบิด เย่หวูเฉินก็ยังได้ยินเสียงระเบิดราวกับอยู่ข้างหู เสียงดังเสียดสะท้านเข้าไปในสมองดังก้องอื้ออึง เวลาถัดมามีกลุ่มฝุ่นดินพัดร่วงลงมาในหลุมที่เขาหลบอยู่
เย่หวูเฉินสลัดดินดำออกจากศีรษะ ทะยานร่างออกมาจากหลุม เขาตบฝุ่นผงออกจากร่างกาย ยามนี้ทั่วบริเวณมีแต่เศษกิ่งและใบไม้ แรงระเบิดดูเหมือนทำให้ต้นไม้พังราบลง กระทั่งต้นที่ล้มนอนลงยังไม่มีสักต้นที่มีสภาพสมบูรณ์ แรงระเบิดฉีกต้นไม้เป็นเศษกระจายไปทั่วบริเวณ
ควันขาวโขมงจากแรงระเบิดยังคงไม่จางหาย ดังนั้นระยะสายตาจึงยังไม่พ้นหมอกควัน เย่หวูเฉินริมฝีปากมีรอยยิ้ม “ข้าไม่เชื่อว่าสิ่งนี้จะสังหารเจ้าไม่ได้”
ระเบิดนี้คือไพ่ลับใหญ่ที่สุดที่เขาใช้สำหรับรับมือเถาไปไป กลอุบายก่อนหน้านั้นเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย เมื่อเขาคาดเดาได้ว่าหลงหยินต้องจ้างนักฆ่าให้ไล่ล่าสังหารตน สิ่งแรกที่แวบเข้ามาในใจคือระเบิดลูกนี้ หากฝ่ายตรงข้ามมีพลังขอบเขตสวรรค์ เขาย่อมไม่อาจเป็นคู่มือ หากเขาใช้กำลังทหารของตระกูลเย่ เขาย่อมไม่อาจจับตัวฝ่ายตรงข้ามและไม่อาจอยู่อย่างสงบได้ในอนาคต ศัตรูจะต้องตาย นั่นคือทางที่ดีที่สุด และเขาต้องใช้วิธีที่ไม่มีผู้ใดเคยรู้บนโลกใบนี้ ระเบิดนี้สามารถผลิตและใช้สังหารได้อย่างง่ายดาย
ทุกๆสิ่งเป็นไปตามที่เขาคาดการณ์ไว้ ไม่มีสิ่งใดหลุดรอดไปจากการคำนวณ อย่างน้อยก็จนถึงในจุดนี้
โดยปกติ ทุกอย่างสมควรจบลงและเขาสามารถกลับไปยังคฤหาสน์ตระกูลเย่ได้อย่างปลอดภัยราวกับเรื่องทุกอย่างไม่เคยเกิดขึ้น ยกเว้นแต่ เกิดข้อผิดพลาดในขั้นตอนสุดท้าย และอุบัติเหตุเล็กน้อยกลับนำมาซึ่งราคาหนักหนาที่ต้องจ่าย เพียงพอที่จะพลิกผันผลลัพธ์ ร่างของบุรุษค่อยๆปรากฎออกมาจากกลุ่มควัน เสื้อผ้าของเขาฉีกเป็นชิ้นๆจนไม่อาจปกปิดร่างกายได้ทั้งหมด เส้นผมบนศีรษะหายไปครึ่งแถบ ผิวเปลือยเปล่ามีร่องรอยบาดแผลเล็กน้อย มีรอยกระอักเลือดบนเศษผ้าขาว ฝีเท้าของเขายังมั่นคงและสงบ รังสีของกระบี่ยังคงเหมือนดังเดิม จิตสังหารที่วาบออกมาจากสายตายังคงรุนแรง เขาไม่สูญเสียสง่าราศีแม้แต่เพียงนิดน้อย
ยืนอยู่ตรงใจกลางจุดระเบิด เขามีบาดแผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่มีจุดใดที่บาดเจ็บร้ายแรง
ม่านตาของเย่หวูเฉินหดลีบลงอย่างรุนแรง หัวใจเย็นเยียบแข็งทื่อด้วยไม่เชื่อสายตา