บรรยากาศภายในตำหนักค่อนข้างแปลกประหลาด อย่าว่าแต่คนอื่นเลย กระทั่งเฮยหมู่ตานก็มองหนิวโหย่วเต้าด้วยสายตาแปลกๆ เช่นกัน
โหวฉิงเทียนมองหนิวโหย่วเต้าแล้วหันไปมองอวิ๋นฮวน ไม่รู้ว่าอวิ๋นฮวนจะตอบตกลงหรือไม่
อวิ๋นฮวนลังเลเป็นอย่างยิ่ง พึมพำอยู่ในใจว่าคนผู้นี้เป็นใครมาจากไหน นี่มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่?
หนิวโหย่วเต้าเห็นเขาลังเลไม่ตอบรับ จึงเอ่ยด้วยความแปลกใจว่า “หรือว่าท่านผู้ดูแลรังเกียจ?”
อวิ๋นฮวนเอียงศีรษะส่งสัญญาณให้โหวฉิงเทียนเล็กน้อย โหวฉิงเทียนเดินเข้าไปหาหนิวโหย่วเต้าทันที รับตั๋วแลกทองทั้งสิบใบมา หมุนตัวคลี่กางออกแล้วกวาดตามองดู ลอบอุทานจุ๊ๆ อยู่ในใจ หนึ่งแสนเหรียญทองอีกแล้ว!
เขาเดินขึ้นบันไดไป มอบตั๋วแลกทองให้อวิ๋นฮวน เอ่ยกระซิบเสียงแผ่วเบาว่า “หนึ่งแสนเหรียญทองอีกแล้วขอรับ!”
เมื่อรับตั๋วแลกทองมาอยู่ในมือ คิ้วข้างหนึ่งของอวิ๋นฮวนพลันเลิกขึ้นมาเล็กน้อย นี่มิใช่เงินจำนวนน้อยๆ เลย
กระทั่งโหวฉิงเทียนเดินลงไปแล้ว อวิ๋นฮวนที่ถือตั๋วแลกทองยี่สิบใบไว้ในมือพลันเงยหน้าหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆ” ระหว่างที่หัวเราะก็ก้าวอาดๆ ลงบันไดไป เดินไปหยุดตรงหน้าหนิวโหย่วเต้า ยกมือตบไหล่หนิวโหย่วเต้าแรงๆ “น้ำใจยากจะปฏิเสธได้! น้องชายเป็นคนเปิดเผยตรงไปตรงมา ดี ข้าชอบ!”
เขาหันกลับไปโบกมือสั่งการโหวฉิงเทียนว่า “ข้ากับน้องเซวียนหยวนถูกชะตากันตั้งแต่แรกพบ ไปตั้งโต๊ะบวงสรวงสวรรค์ด้านนอกถ้ำ ให้สวรรค์เป็นพยานการสาบานเป็นพี่น้องต่างแซ่ของข้ากับน้องเซวียนหยวนในวันนี้!”
“ขอรับ!” โหวฉิงเทียนหันหลังเดินออกไป
หนิวโหย่วเต้าลูบอก ท่าทางดีใจเป็นอย่างยิ่ง ราวกับความปรารถนากลายเป็นจริงอย่างไรอย่างนั้น
“น้องชายมีสภาวะระดับใด?”
“สร้างฐาน”
มุมปากอวิ๋นฮวนกระตุกเล็กน้อย สภาวะของเขาอยู่ในระดับโอสถทอง คิดไม่ถึงเลยว่าจะต้องมาร่วมสาบานเป็นพี่น้องกับคนที่อยู่ในระดับสร้างฐาน พบว่าเจ้าหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ช่างกล้าเอ่ยปากโดยแท้
“น้องชายดูอ่อนเยาว์ แต่บุคลิกท่าทางกลับดูสูงส่งองอาจ…”
“ท่านผู้ดูแลต่างหากที่ดูห้าวหาญไม่ธรรมดา น่าเกรงขามดั่งพยัคฆ์หมอบ…”
เพียงพริบตาเดียวทั้งสองก็พูดคุยกันอย่างสนิทสนม ต่างฝ่ายต่างเยินยอกันไปมาไม่หยุด ราวกับเป็นพี่น้องแท้ๆ ก็มิปาน ไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบกันอย่างเป็นห่วงเป็นใย
เฮยหมู่ตานที่อยู่ด้านข้างเรียกได้ว่าตกตะลึงอย่างแท้จริง สมองขาวโพลนไปหมด เดิมทีนึกว่าหนิวโหย่วเต้ากินยาผิดสำแดงมา ผลปรากฏว่าอวิ๋นฮวนก็กินยาผิดสำแดงมาเหมือนกัน เป็นไปได้อย่างไร ไม่น่าเชื่อเลย ต่อให้อยู่ในความฝันก็ไม่มีทางคิดถึงว่าผู้ดูแลแห่งเขาข้ามเมฆาจะตอบตกลงร่วมสาบานเป็นพี่น้องต่างแซ่กับคนที่เพิ่งพบหน้าค่าตาได้ง่ายๆ เพิ่งจะพูดคุยกันได้ไม่กี่ประโยคเอง แม้แต่ประวัติความเป็นมาก็ไม่ทราบเลยด้วยซ้ำ
นางยอมรับว่าเงินสองแสนเหรียญทองเป็นเงินก้อนโต ทว่ามันมีอานุภาพถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
ติดตามหนิวโหย่วเต้ามาจนถึงตอนนี้ หนิวโหย่วเต้าใช่คนโง่หรือ? ไม่ใช่!
คนที่เป็นผู้ดูแลเขาข้ามเมฆาได้ ใช่คนโง่หรือ? ย่อมไม่ใช่เช่นกัน!
ดังนั้นภาพที่อยู่ตรงเบื้องหน้าเริ่มทำให้เฮยหมู่ตานนึกสงสัยขึ้นมาแล้วว่าใช่สมองตนมีปัญหาหรือไม่ หรือว่าความรู้ของตนจะตื้นเขินเกินไป?
เจ้าบ้านและอาคันตุกะยิ้มแย้มพูดคุยกันอย่างมีความสุข หลังจากพูดคุยกันไปได้สักพัก อวิ๋นฮวนอ้างว่าต้องไปจัดเตรียมเรื่องพิธีสาบานเล็กน้อย หนิวโหย่วเต้าจึงรีบบอกว่าตนเพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก ต้องการออกไปชมทิวทัศน์ด้านนอกเสียหน่อย อวิ๋นฮวนจึงให้คนพาหนิวโหย่วเต้าไปเดินเล่นด้านนอกทันที
หลังภายในตำหนักเหลืออวิ๋นฮวนเพียงคนเดียว อวิ๋นฮวนก็หยิบตั๋วแลกทองยี่สิบใบนั้นออกมาอีกครั้ง ตรวจสอบดูอย่างละเอียด แม้แต่ตัวเขาก็ยังนึกสงสัยอยู่บ้างว่าตั๋วแลกทองนี้จะเป็นของปลอมหรือไม่
โหวฉิงเทียนที่ออกไปจัดการเรื่องราวตามคำสั่งเสร็จเรียบร้อยเดินกลับเข้ามา ขยับมาอยู่ตรงหน้าเขา เอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า “ท่านผู้ดูแลขอรับ ท่านจะร่วมสาบานกับเขาจริงๆ หรือขอรับ?”
อวิ๋นฮวนเอ่ยว่า “อีกฝ่ายให้มาตั้งสองแสนเหรียญทองแล้ว ตั้งโต๊ะพิธีจะเสียเงินสักเท่าไรกันเชียว?”
โหวฉิงเทียนเอ่ยว่า “แต่เห็นๆ อยู่ว่าคนผู้นี้มิได้พูดความจริง พวกเราไม่ทราบตื้นลึกหนาบางของเขาเลยสักนิดนะขอรับ เกรงว่าจะมีเจตนาอื่นแอบแฝงอยู่ ท่านผู้ดูแลโปรดพิจารณาให้ถี่ถ้วนด้วยเถิดขอรับ!”
อวิ๋นฮวนปรายตามองเขาแวบหนึ่ง กล่าวว่า “ข้าไม่ได้ตาบอด เรื่องนี้ยังต้องให้เจ้าเตือนอีกหรือ? เอาเงินมาส่งให้ถึงที่ทำไมจะไม่รับไว้เล่า? เรื่องราวมันต้องว่ากันเป็นเรื่องๆ ไป เรื่องราววุ่นวายของคนอื่นมันไม่ได้เกี่ยวข้องอันใดกับพวกเราหรือเปล่า?”
โหวฉิงเทียนกระจ่างขึ้นมาทันที เข้าใจความหมายของเขาแล้ว รับเงินแต่ไม่รับงาน ไม่เข้าไปข้องแวะกับข้อพิพาทใดๆ จึงประสานมือกล่าวชื่นชมว่า “ท่านผู้ดูแลปราดเปรื่องยิ่งนัก!”
หนิวโหย่วเต้าและเฮยหมู่ตานที่อยู่ด้านนอกถ้ำถูกผนึกพลังเอาไว้ แม้นอยากจะชมทิวทัศน์ของเขาข้ามเมฆาก็ไปไหนไม่ได้ไกล ทำได้เพียงเดินเล่นอยู่ด้านนอกถ้ำเท่านั้น
แต่ลานด้านนอกถ้ำกลับคึกคักขึ้นมา กำลังตั้งโต๊ะสำหรับทำพิธีร่วมสาบานอยู่
เฮยหมู่ตานเรียบเรียงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเล็กน้อย ฉวยโอกาสตอนที่รอบข้างปลอดคนขยับเข้าไปใกล้หนิวโหย่วเต้า กระซิบเตือนด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “เต้าเหยี่ยเจ้าคะ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่คลายผนึกบนร่างให้พวกเราเลย เกรงว่าอวิ๋นฮวนคงมิได้อยากร่วมสาบานกับเต้าเหยี่ยด้วยใจจริง”
หนิวโหย่วเต้าหันกลับมาอย่างช้าๆ สายตาที่มองนางคล้ายกำลังมองดูคนโง่ไม่มีผิด ราวกับกำลังถามว่า หรือเจ้าคิดว่าข้าอยากร่วมสาบานด้วยใจจริง?
เฮยหมู่ตานอ่านสายตาของเขาออก เก้อกระดากเล็กน้อย รู้สึกว่าไม่ควรพูดอะไรปัญญาอ่อนเช่นนี้เลย
แต่มีเรื่องหนึ่งที่นางไม่เข้าใจ จึงเอ่ยถามหยั่งเชิงอีกครั้ง “เหตุใดอวิ๋นฮวนถึงตอบตกลงร่วมสาบานกับท่านง่ายๆ เช่นนี้ล่ะเจ้าคะ?”
หนิวโหย่วเต้าตอบว่า “ชัดเจนว่าเห็นแก่เงิน”
เฮยหมู่ตานสังเกตการณ์รอบข้างเล็กน้อย เอ่ยถามอีกครั้งด้วยความสงสัย “ตกลงร่วมสาบานเป็นพี่น้องเพื่อเงินเพียงสองแสนเหรียญทองน่ะหรือเจ้าคะ?”
สองแสนเหรียญทองอย่างนั้นหรือ? หนิวโหย่วเต้ายิ้มเยาะมุมปาก อีกฝ่ายไหนเลยจะทำไปเพราะเงินสองแสนเหรียญทอง อีกฝ่ายทำเช่นนี้เพราะเห็นว่าเขาควักเงินสองแสนเหรียญทองออกมาเป็นของขวัญพบหน้าได้ง่ายๆ ต่างหากล่ะ คงคาดหวังกับของขวัญชดเชยในวันหน้าที่เขาเอ่ยถึง!
แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยอธิบายออกไป ปล่อยให้เฮยหมู่ตานคิดเอาเอง
เมื่อเห็นเขาไม่พูด เฮยหมู่ตานก็ไม่ซักถามต่ออีก หากแต่ยังคงเอ่ยเตือนอีกประโยคว่า “เขาข้ามเมฆาแห่งนี้มิใช่สถานที่ที่ดีเด็ดขาด เต้าเหยี่ยเผยความมั่งคั่งออกมาเช่นนี้ ต้องระวังอีกฝ่ายคิดไม่ซื่อเพราะเห็นแก่ทรัพย์นะเจ้าคะ!”
หนิวโหย่วเต้ากล่าวอย่างเฉยชา “มาระวังเอาตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว หากฝั่งนั้นเกิดคิดไม่ซื่อขึ้นมาจริงๆ ตอนนี้พวกเราก็หนีไม่ได้อยู่ดี หากเขาไม่ยอมตกลงร่วมสาบาน พวกเราอาจจะเจอปัญหาเข้าจริงๆ ได้ แต่ในเมื่อเขาตอบตกลงแล้ว เจ้าก็คลายความกังวลเถอะ ไม่มีเรื่องอะไรหรอก”
เขาเป็นคนคิดแผนการนี้ขึ้นมาเอง ย่อมต้องทราบถึงความเสี่ยงที่แฝงอยู่ในแผนการดี
เขาบอกไปแล้วว่ามีของติดตัวแค่เพียงเท่านี้ หากอีกฝ่ายจะเล่นงานเขาก็ต้องใคร่ครวญให้ดีสักหน่อย เพราะถ้าเกิดเขามีของติดตัวมาแค่นี้จริงอย่างที่พูด หากเล่นงานเขาไปแล้วล่ะก็ ของขวัญชดเชยในอนาคตก็จะหายไปด้วย คนที่สามารถควักเงินสองแสนเหรียญทองมาเป็นของขวัญพบหน้าได้ จะไม่คู่ควรให้คาดหวังกับของขวัญชดเชยในอนาคตได้อย่างไร? คนที่มีกำลังทรัพย์และมีความมั่นใจเช่นนี้มาหาถึงที่ อวิ๋นฮวนที่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเขาเป็นใครมาจากไหนก็จำเป็นต้องชั่งน้ำหนักดูเช่นกันว่าควรล่วงเกินเขาส่งเดชหรือไม่ ต้องใคร่ครวญดูว่าจะชักนำความเดือดร้อนมาให้หรือไม่ novelgu.com
ในเมื่อเขากล้าขึ้นมาหาอวิ๋นฮวน แสดงว่าเขาจะต้องมีความมั่นใจอยู่บ้างถึงได้มา ไม่มีทางขึ้นมาบนนี้ด้วยคิดจะอาศัยโชคเพียงอย่างเดียวแน่นอน ก็เหมือนอย่างที่โบราณว่าไว้ ไม่มีความสามารถ ไม่อาจหาญขึ้นเขาเหลียงซาน!
หลังจัดวางโต๊ะพิธีเสร็จเรียบร้อยแล้ว โหวฉิงเทียนก็เดินเข้ามาเชื้อเชิญ ประสานมือคำนับ ชั่วขณะนั้นไม่ทราบว่าควรเปลี่ยนคำเรียกขานอย่างไรดี จึงเรียกตามเฮยหมู่ตานว่า “เต้าเหยี่ย เริ่มพิธีร่วมสาบานได้แล้วขอรับ”
“ฮ่าๆ!” อีกด้านหนึ่ง อวิ๋นฮวนเองก็เดินหัวเราะเสียงดังออกจากถ้ำ
หนิวโหย่วเต้ารีบเดินเข้าไปหา เมื่อทั้งสองพบหน้ากัน อวิ๋นฮวนยื่นมือมาจับมือเขาเอาไว้ ทั้งสองเดินจูงมือกันไปที่โต๊ะพิธีที่จัดไว้บนหน้าผา
เมฆหมอกลอยล่องอยู่เบื้องหน้าผาขาด สองฝั่งมีปีศาจสิบกว่าตนมาร่วมชมพิธี หลังจากทั้งสองคนไปยืนอยู่หน้าโต๊ะพิธี โหวฉิงเทียนก็จุดธูปสองดอกยื่นส่งให้ทั้งสอง
ทั้งสองยิ้มให้กัน ทยอยคุกเข่าลงบนเบาะกลม
อวิ๋นฮวนถือธูปพลางกล่าวปฏิญาณต่อฟ้าว่า “สวรรค์เบื้องบน ธรณีเบื้องล่าง ข้าอวิ๋นฮวนยินดีสาบานเป็นพี่น้องต่างแซ่กับเซวียนหยวนเต้า นับจากนี้ไปมีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน!”
คำปฏิญาณค่อนข้างเรียบง่าย ไม่ปรากฏถ้อยคำจำพวกจะร่วมเป็นรวมตาย หรือหากผิดคำสาบานขอให้เป็นอะไรๆ ไป คาดว่าคงเป็นเพราะกลัวจะไม่ค่อยเป็นมงคล
มุมปากของหนิวโหย่วเต้ามีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมา เอ่ยเช่นเดียวกันว่า “สวรรค์เบื้องบน ธรณีเบื้องล่าง ข้าเซวียนหยวนเต้ายินดีสาบานเป็นพี่น้องต่างแซ่กับอวิ๋นฮวน นับจากนี้ไปมีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน!”
หลังโขกศีรษะสามครั้งก็พากันลุกขึ้น ก้าวเข้าไปปักธูปลงในกระถาง
เมื่อหันกลับมามองหน้ากัน หนิวโหย่วเต้าประสานมือเอ่ยว่า “คารวะพี่อวิ๋น!”
อวิ๋นฮวนหัวเราะฮ่าๆ ตบแขนหนิวโหย่วเต้า “น้องเซวียนหยวน!”
ปีศาจบำเพ็ญเพียรที่อยู่รอบข้างได้รับสัญญาณจากโหวฉิงเทียน บ้างก็ไชโยโห่ร้อง บ้างก็ประสานมือกล่าวว่า “ยินดีกับท่านผู้ดูแล ยินดีกับเต้าเหยี่ยด้วย!”
หนิวโหย่วเต้าประสานมือขอบคุณปีศาจรอบข้าง
หลังจัดพิธีอย่างเรียบง่ายเสร็จเรียบร้อย อวิ๋นฮวนโบกมือไล่บริวารออกไป หันกลับมาเอ่ยกับหนิวโหย่วเต้าอีกครั้งว่า “น้องเซวียนหยวน อยู่ที่นี่นานสักหน่อยสิ จะได้เที่ยวเล่นอยู่ในเขาข้ามเมฆาให้เต็มที่”
เขากำลังครุ่นคิดว่าจะสามารถรั้งตัวหนิวโหย่วเต้าเอาไว้แล้วค่อยๆ สืบหาภูมิหลังของเขาได้หรือไม่
หนิวโหย่วเต้าถอนใจแล้วกล่าวว่า “ขอน้อมรับเจตนาดีของพี่อวิ๋นไว้ แต่ข้ามีนัดกับผู้อื่นแล้ว หากผิดคำพูดคงไม่ดี ยังต้องเร่งเดินทางต่อ ไม่อาจรั้งอยู่นานได้ แค่ได้มาพบพี่อวิ๋นก็ทำให้ข้ามีความสุขอย่างมากแล้ว ไว้จะกลับมารบกวนในภายหลัง”
ด้านนอกยังมีคนตามล่าตัวอยู่ เขาเองก็ไม่สะดวกจะรั้งอยู่ที่นี่นานนัก
“รีบร้อนขนาดนี้เชียวหรือ?” อวิ๋นฮวนค่อนข้างแปลกใจพอสมควร เนื่องจากไม่เห็นหนิวโหย่วเต้าเผยเจตนาที่แท้จริงออกมาเลย อีกทั้งตอนนี้ก็จะจากไปแล้ว หรือว่าตนจะคิดมากไปจริงๆ?
“จริงสิ!” หนิวโหย่วเต้าตบหน้าผากเล็กน้อย เอ่ยขึ้นว่า “เกือบลืมไปเลย ยังไม่ได้ไปคารวะท่านป้าเลย ไปคารวะท่านป้าก่อนแล้วค่อยไปก็ยังไม่สาย!”
เขาเองก็อยากถือโอกาสนี้ไปทำความรู้จักอวิ๋นจีผู้มีชื่อเสียงโด่งดังผู้นั้นเช่นกัน
อวิ๋นฮวนกล่าวด้วยความเสียดาย “ตอนนี้เกรงว่าคงจะไม่ได้ ท่านแม่อยู่ระหว่างเก็บตัวบำเพ็ญเพียร ไม่รับแขก!”
ความจริงคือไม่สามารถพาใครไปพบอวิ๋นจีส่งเดชได้
หนิวโหย่วเต้าร้องโอ้คำหนึ่ง พยักหน้าหงึกๆ “แบบนั้นก็ไม่ควรรบกวนจริงๆ เช่นนั้นเอาไว้ครั้งหน้ามีโอกาสแล้วค่อยว่ากันใหม่แล้วกัน ข้าต้องขอตัวลาก่อนล่ะ…โอ้ใช่ ก่อนไปข้ามีเรื่องหนึ่งอยากขอร้อง หวังว่าพี่อวิ๋นจะให้ความช่วยเหลือได้!”
อวิ๋นฮวนใจเต้นเล็กน้อย มาแล้ว คาดว่าคงจะเข้าประเด็นแล้ว จึงยิ้มละไมเอ่ยไปว่า “ว่ามาสิ!”
หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “หลายวันก่อนข้าไปล่วงเกินคนบางคนในเมืองไจซิงเข้า สังหารศิษย์ของสำนักเซียนสถิต สำนักเมฆาล่องและสำนักคีรีพิลาสไปสามสี่คน ถูกตามพัวพันมาตลอดทาง ประเดี๋ยวข้าจะให้คนล่อพวกเขามาที่นี่ รบกวนพี่อวิ๋นช่วยจัดการพวกเขาให้ข้าได้หรือไม่?”
แววตาอวิ๋นฮวนวูบไหว สามสำนักนี้เขาก็เคยได้ยินชื่อมาบ้าง แต่ไม่เคยคบค้าสมาคมอันใด จึงยิ้มแล้วตอบไปว่า “ไม่มีปัญหาๆ ให้เป็นหน้าที่ข้าเอง”
“พี่อวิ๋นเป็นคนพูดง่ายตรงไปตรงมาจริงๆ ด้วย เช่นนั้นข้าคงไม่จำเป็นต้องกล่าวอะไรไม่จำเป็นอีก ข้าขอลาตรงนี้เลยแล้วกัน!”
ทั้งสองสนทนากันครู่หนึ่ง จนกระทั่งหนิวโหย่วเต้าเป็นฝ่ายเอ่ยออกมาด้วยตัวเอง อวิ๋นฮวนจึงคล้ายนึกขึ้นมาได้ว่าบนร่างของน้องชายผู้นี้ยังมีผนึกอยู่ พลันโมโหขึ้นมา เรียกคนมาคลายผนึกทันที
จากนั้นอวิ๋นฮวนอ้างว่ามีธุระปลีกตัวไปไม่ได้ จึงไม่ได้ไปส่งด้วยตัวเอง แต่สั่งให้โหวฉิงเทียนไปส่งแทน
เมื่อออกจากเขาข้ามเมฆา ระหว่างที่เดินทางกลับไปยังสถานที่ซ่อนตัวก่อนหน้านี้ เฮยหมู่ตานยังคงรู้สึกเหมือนเพิ่งชมละครปาหี่ไป
ระหว่างที่เหินทะยานกันอยู่ เฮยหมู่ตานเอ่ยถามว่า “เต้าเหยี่ย ท่านคิดว่าอวิ๋นฮวนจะช่วยจัดการคนของสามสำนักให้จริงไหมเจ้าคะ?”
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยเยาะหยันกับตัวเอง “ข้าก็ไม่ได้คาดหวังอะไรอยู่แล้ว! แต่แน่นอน หากเขามีน้ำใจช่วยเหลือจริงๆ นั่นย่อมเป็นเรื่องดี”
เฮยหมู่ตานไม่เข้าใจว่าเขาคิดอะไรอยู่ จึงยิ้มเจื่อนแล้วเอ่ยว่า “เต้าเหยี่ยใจกว้างนัก เสียเงินสองแสนเหรียญทองไปง่ายๆ เช่นนี้เลย”
หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ย่ำม้าท่องทั่วหล้า ลมก็ดี ฝนก็ช่าง ไม่อาจขัดขวางข้าได้! เหยียบย่างไปตามเส้นทาง ทำความรู้จักสร้างสหาย อย่าไปคิดเล็กคิดน้อยเรื่องเงิน”
เฮยหมู่ตานเอ่ยว่า “ขออภัยที่ข้าต้องพูดตรงๆ แต่ข้าไม่เห็นว่าอวิ๋นฮวนจะมีท่าทีอยากคบท่านเป็นสหายเลยนะเจ้าคะ”
“เจ้ายึดติดไปแล้ว บนโลกนี้ไหนจะเลยมีคนที่ถูกใจเจ้ามากมายปานนั้นได้ พงพนากว้างใหญ่วิหคพันธุ์ใดล้วนมีทั้งสิ้น อันว่าคบหาสหายล้วนต้องมีจุดเริ่มต้น เมื่อมีจุดเริ่มต้นแล้วถึงจะมีอนาคต ส่วนเรื่องราวในอนาคตก็เอาไว้ว่ากันในอนาคต”