ใช่แล้ว
นักร้องซึ่งร้องเสียงผู้หญิง ในวงการเพลงมีหลายคนทำได้ ทว่านักร้องชายประเภทนี้มีเสียงซึ่งค่อนไปทางคีย์ผู้หญิงเป็นทุนเดิม
นักร้องหญิงก็เช่นเดียวกัน
แต่หลานหลิงอ๋องกลับต่างออกไป เขามีเสียงผู้ชายบริสุทธิ์ จนไม่มีใครจินตนาการได้ว่าเสียงนี้จะกลายเป็นเสียงผู้หญิงได้
และเขาก็มีเสียงผู้หญิงบริสุทธิ์เช่นเดียวกัน
เสียงผู้หญิงนี้บริสุทธิ์ถึงขั้นที่เมื่อเขาเปล่งเสีย ทุกคนย่อมคิดไปตามสัญชาตญาณว่าเป็นนักร้องหญิง!
ตรงกันข้าม!
ตรงกันข้ามสุดขั้ว!
หลิ่วซวี่หันไปยิ้ม “เพราะฉะนั้นฉันจึงไม่สามารถตัดสินเพศของหลานหลิงอ๋องได้เช่นกัน ปริศนานี้อาจต้องส่งต่อให้อาจารย์อู่หลง”
“อย่าถามผม”
อู่หลงส่ายหน้า “ผมก็เหมือนคุณ เดาไม่ออกเลยว่าเสียงชายหญิงเมื่อกี้ เสียงไหนคือเสียงจริง น่าจะใช้เสียงจริงร้องใช่ไหมครับ”
“อื้ม”
หลินเยวียนยอมรับ
มีผู้ชมเริ่มสนทนากัน
ทำไมถึงรู้สึกว่าหลานหลิงอ๋องคนนี้เย็นชา ท่าทางไม่ค่อยกระตือรือร้นกับกรรมการตัดสินเลย
ไม่ยักเหมือนสองคนก่อนหน้า
ต่อให้เป็นหงส์ขาวผู้เย่อหยิ่ง ก็ยังมีท่าทีถ่อมตนเมื่ออยู่ต่อหน้ากรรมการตัดสินผู้ทรงคุณวุฒิทั้งสี่ท่านในวงการ
อู่หลงไม่ได้ใส่ใจท่าทีสงวนวาจาของหลินเยวียน “ใช้เสียงจริง นั่นหมายความว่ามีหนึ่งในสองเสียงเป็นเสียงจริง มีสองเสียงก็โหดเกินไป นักร้องคนอื่นร้องเดี่ยว แต่คุณเหมือนมีสองคนอยู่บนเวที เล่นแบบคู่ผสมชายหญิง มาหนึ่งได้ถึงสองไปเลย!”
ผู้ชมหัวเราะครืน!
นั่นสินะ!
มาหนึ่งได้ถึงสองไปเลย!
“ยังไม่ต้องพูดถึงปัญหานี้ ผมคิดว่าคุณเป็นผู้ชาย จากรูปลักษณ์ของหลานหลิงอ๋อง เว้นแต่ว่าจะมีหลักฐานยืนยันจากตัวตนจริง” อู่หลงกล่าว “ที่จริงสิ่งที่ทำให้ผมช็อกมากที่สุด กลับไม่ใช่เสียงสองเสียงของคุณ แต่เป็นเสียงร้องประโยคสุดท้าย…”
หลิ่วซวี่และเหมาเสวี่ยวั่งพยักหน้าพร้อมกัน ราวกับรู้ว่าอู่หลงกำลังจะพูดอะไร
“ประโยคสุดท้ายควรเป็นชายหญิงร้องประสานกัน แต่คุณมีเพียงคนเดียว จะเสียงผู้ชายหรือเสียงผู้หญิง ผมกำลังคิดว่าถ้ามีการออกแบบท่อนร้องเสียงประสาน คุณจะจัดการอย่างไร ปรากฏว่าคุณแสดงเสียงประสานชายหญิงให้เราเห็น ราวกับว่ามีสองเสียงผสมผสานกันอย่างไรอย่างนั้น ทั้งบลูสตาร์คงจะมีแต่คุณที่ทำได้ถึงระดับนี้” อู่หลงกล่าวด้วยท่าทีจริงจัง
ผู้ชมต่างมองไปด้านข้าง!
เป็นคำวิจารณ์ที่ระดับสูงมาก!
หลานหลิงอ๋องยังคงไม่พูดมาก
อันหงนึกสนุกขึ้นมา “มองออกว่าอาจารย์หลานหลิงอ๋องไม่ใช่นักร้องที่พูดเก่ง นี่อาจจะเป็นเบาะแสหนึ่ง อาจารย์หยางจงหมิงครับ…”
อันหงมองไปทางหยางจงหมิง
ทุกคนมองไปทางหยางจงหมิง
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับนักร้องซึ่งมีความพิเศษเช่นนี้ ทุกคนล้วนอยากรู้ว่าพ่อเพลงหยางจงหมิงจะมีความคิดเห็นว่าอย่างไร ปรากฏว่าหยางจงหมิงกลับจ้องไปทางหลินเยวียน พูดทีละคำ
“คุณมีสองเสียง”
หลินเยวียนได้ยินดังนั้น สีหน้าภายใต้หน้ากากก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
แต่เมื่อมีหน้ากากกั้นอยู่ ทุกคนจึงไม่เห็นสีหน้าของหลินเยวียน
เมื่อพูดจบหยางจงหมิงก็ส่ายหน้า
“แต่นั่นคือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้”
ผู้ชมยิ้ม ปรมาจารย์ก็หยอกล้อเก่งเหมือนกันนะเนี่ย
หยางจงหมิงก็ยิ้มตาม “เล่นแล้วสนุกไหม?”
นี่เป็นครั้งแรกที่หยางจงหมิงเผยรอยยิ้มสบายๆ เช่นนี้
และก่อนหน้านี้ หยางจงหมิงให้ความรู้สึกน่าเกรงขามอย่างบอกไม่ถูก ต่อให้เขายิ้มออกมา แต่ก็ให้ความรู้สึกบอกไม่ถูกเช่นกัน
เช่นเดียวกับเฉินเต้าหมิงบนโลก เขาเกิดมาพร้อมกับกลิ่นอายความน่าเกรงขาม ซึ่งไม่สามารถซ่อนงำได้
“สนุก”
ใบหน้าของหลินเยวียนภายใต้หน้ากากปรากฏรอยยิ้ม
เขารู้ว่าหยางจงหมิงคาดเดาบางอย่างออก ถึงอย่างไรทั้งสองคนก็เคยพบกันมาก่อน แต่ก็เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น
อย่างที่คิด
ประโยคถัดมาของหยางจงหมิงคือ “คุณเหมือนกับคนคนหนึ่งที่ผมรู้จัก”
ผู้ชมประหลาดใจ
หยางจงหมิงหมายถึงใครกัน
กรรมการตัดสินคนอื่นๆ มองไปยังหยางจงหมิง ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย “ใครหรือ”
หยางจงหมิงส่ายหน้า “บอกไม่ได้ ถ้าเกิดผมเดาถูกจริง พูดออกไปก็หมดสนุกสิ”
“เฮ้อ!”
ผู้ชมพลันรู้สึกจนปัญญาขึ้นมา ในใจคันยุบยิบด้วยความอยากรู้อยากเห็น
หยางจงหมิงเป็นพ่อเพลง นักร้องที่เขารู้จักมีมากมาย เบาะแสนี้จะให้ทุกคนเริ่มเดาจากตรงไหนดีล่ะ
“พูดถึงเพลงดีกว่า นี่เป็นเพลงใหม่ ชื่อเพลงว่าอะไรหรือ”
“‘เหน็บหนาว[1]’ เหน็บในคำว่าเหน็บชา”
“ใครเขียนเพลงนี้” หยางจงหมิงจ้องมองหลินเยวียน
เดิมทีหลินเยวียนอยากใช้แผนเดิม ใส่ชื่อหลานหลิงอ๋องในฐานะผู้สร้างสรรค์บทเพลง
แต่เมื่อมองไปยังหยางจงหมิงผู้ซึ่งเขาคุ้นเคยตรงหน้า ด้วยเหตุผลบางอย่าง จู่ๆ เขาก็เปลี่ยนใจ
“เซี่ยนอวี๋”
ชั่วขณะนั้นทั้งห้องส่งพลันเงียบกริบ!
ทันใดนั้นผู้ชมด้านล่างเวทีซึ่งเงียบกริบไปแล้ว ก็คึกคตักขึ้นมาเพราะชื่อ ‘เซี่ยนอวี๋’ นี้ทุกคนคุ้นเคยดีเหลือเกิน
“พระเจ้าช่วย!”
“เพลงของเซี่ยนอวี๋?”
“ที่แท้ก็เป็นเพลงของเทพเซี่ยนอวี๋ ถึงว่าสิทำไมถึงเพราะขนาดนี้ นึกไม่ถึงว่าอาจารย์เซี่ยอวี๋จะช่วยหลานหลิงอ๋อง!”
“คงไม่ใช่ซุนเย่าหั่วใช่ไหม?”
“ทำไมไม่บอกว่าเป็นเจียงขุย”
“เป็นไปได้ว่าจะเป็นเฉินจื้ออวี่”
“ราชาเพลงหลานเหยียนก็เป็นไปได้นะ!”
“ปัญหาคือเพลงที่เซี่ยนอวี๋เขียน หลานหลิงอ๋องร้องไปตั้งแต่เวทีแรก จะไม่เสียเปล่าไปหน่อยหรือ?”
“…”
ผู้คนในห้่องส่งตื่นเต้น
และในห้องรับรองของนักร้อง
หงส์ขาวก็ตะลึงเช่นกัน “ที่แท้ก็เป็นเพลงของอาจารย์เซี่ยนอวี๋…แต่ก็เข้าใจได้ มีแค่หลานหลิงอ๋องที่ร้องเสียงชายหญิงได้ต่างกันชัดเจนแบบนี้”
“อ๊าาาาา อิจฉาๆๆ!”
หุ่นยนต์ซึ่งมีท่าทางตลกขบขันมาโดยตลอด ก็ยิ่งเล่นใหญ่กว่าเดิม “ทำไมอาจารย์เซี่ยนอวี๋ไม่ช่วยผมล่ะ อาจารย์เซี่ยนอวี๋มองผมหน่อย!”
“อิจฉา!”
“ริษยา!”
“ตาร้อน!”
นักร้องคนอื่นรู้สึกอิจฉาขึ้นมา และแสดงความรู้สึกผ่านมุกตลก
หยางจงหมิงในตำแหน่งกรรมการตัดสินเลิกคิ้ว “เซี่ยนอวี๋มีความเข้าใจที่แม่นยำต่อทำนองเพลงพ็อป ส่วนของทำนองเพลงนี้ เหมือนมาจากจากปลายปากกาของเขาจริงๆ เพียงแต่เนื้อเพลงในครั้งนี้ของเขาทำแบบไก่เขี่ยเกินไปหน่อย”
“ฮ่าๆๆๆ!”
อู่หลงรู้สึกตลกขบขัน “ผมสงสัยว่าเซี่ยนอวี๋อาจรีบเขียนเพลงนี้ออกมา ดังนั้นเนื้อเพลงเลยยุ่งเหยิงเกินไปหน่อย”
หลิ่งซวี่หัวเราะ “อาจารย์เซี่ยนอวี๋ก็มีช่วยเวลาที่แอบอู้เหมือนกัน”
เหมาเสวี่ยวั่งพยักหน้า “ความสามารถในการเขียนเนื้อเพลงของอาจารย์เซี่ยนอวี๋อยู่ในระดับแนวหน้าของบลูสตาร์”
หลินเยวียน “…”
พวกคุณเข้าใจอะไรผมผิดไปหรือเปล่า?
เอาเถอะ บอกได้แค่ว่าความสามารถในการเขียนเนื้อเพลงของเซี่ยนอวี๋ได้หยั่งรากลึกในใจของผู้คนไปแล้ว
ข้อดีของสถานการณ์นี้ก็คือ
ต่อให้เนื้อเพลงไหนของเซี่ยนอวี๋เขียนออกมาได้ไม่ดี ทุกคนทำได้เพียงคิดว่าเซี่ยนอวี๋ไม่ได้ตั้งใจเขียน แต่ไม่มีทางคิดว่านี่คือขีดจำกัดความสามารถของเซี่ยนอวี๋
ทว่าความจริงคือ…
หลินเยวียนเองก็รู้ว่าเนื้อเพลงเหน็บหนาวขาดความน่าสนใจ เพียงแต่ทำนองนั้นยอดเยี่ยม ความยอดเยี่ยมของทำนองนี้เปรียบเทียบกับเพลงพ็อปทั่วไป
เพราะฉะนั้นในท่อนจบของเนื้อเพลง เขาจึงเปลี่ยนคำและวลีบางส่วน
และในเวทีซึ่งใช้การโหวตจากผู้ชมในห้องส่งเป็นหลัก การร้องเพลงพ็อปนั้นค่อนข้างได้เปรียบ!
เพราะเพลงนี้บรรลุจุดประสงค์ซึ่งติดหูมากพอในช่วงเวลาอันสั้น!
ดังนั้นต่อให้เนื้อเพลงจะด้อยไปสักหน่อย เขาก็ยังเลือกเพลงนี้
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ วิธีการร้องแบบชายหญิงร้องคู่กันนั้นสะดวกต่อการใช้ประโยชน์จากเสียงของเขา
หยางจงหมิงพยักหน้า
“เพลงใหม่ทำให้คุณได้เปรียบอย่างชัดเจน พรสวรรค์ในการร้องสองเสียงของคุณเป็นเอกลักษณ์เช่นกัน เพียงแต่ทักษะการร้องไม่สมบูรณ์แบบ แต่ข้อได้เปรียบทั้งสองข้อนี้เพียงพอที่จะชดเชยได้ แต่เมื่อการแข่งขันดำเนินไป สุดท้ายแล้วย่อมมีปัญหาบางส่วนที่คุณจะต้องเผชิญหน้า…”
“อื้ม”
หลินเยวียนรู้สึกคำวิจารย์ตรงประเด็นดีทีเดียว เขาจำเป็นต้องฝึกฝนทักษะในการร้องเพลงอีกจริงๆ
คณะกรรมการตัดสินกล่าวจบแล้ว
หลังจากนี้เข้าสู่ช่วงสนทนาของคณะกรรมการประเมินแล้ว
แต่ถึงกระนั้น ด้านหลังเวที
นักร้องคนที่สี่ซึ่งแต่งกายเป็นจอมเวท ยังไม่ทันได้ขึ้นเวทีก็กระวนกระวายเสียแล้ว!
คนที่หนึ่ง หน้ากากหุ่นยนต์ แสดงความสามารถได้โดดเด่น!
คนที่สอง หน้ากากหงส์ขาว ฝีมือระดับราชินีเพลง!
คนที่สาม หน้ากากหลานหลิงอ๋อง สั่นสะเทือนทั้งห้องส่ง!
ระลอกแล้วระลอกเล่า…
ตนจะรับมือยังไงต่อล่ะ…
เหน็บหนาวเลยทีนี้!
…………………………………..
[1] เหน็บหนาว (Bracing the Chill) เพลงประกอบเรื่องสามชาติสามภพ ป่าท้อสิบลี้ ขับร้องโดยหยางจงเหว่ย (Aska Yang) และ จางปี้เฉิน