📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 97

บทที่ 97 - สนทนาครื้นเครง ห้วงจิตคิดแตกต่าง
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ชั้นเก้าของภัตตาคารกำเนิดสมบูรณ์

โถงห้วงสมุทร

ตำแหน่งหน้าต่าง โจวจือหลีเพ่งมองออกไป สีหน้าพลันแปรเปลี่ยน

อีกด้านหนึ่ง ชิงจินเอ่ยถ้อยคำเกียจคร้าน “เห็นหรือไม่ ไม่จำเป็นเลยที่เราจะต้องออกไป ขณะนี้ซูอี้เข้ามาได้แล้ว”

ครั้งเมื่อตอนซูอี้และคณะมาถึงภัตตาคารกำเนิดสมบูรณ์ ชิงจินที่มองออกไปนอกหน้าต่างก็สังเกตเห็น

หลังจากนั้น โจวจือหลีใคร่รู้ราวถูกดึงดูด รับชมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหน้าประตูภัตตาคารกำเนิดสมบูรณ์อย่างตั้งใจจากหน้าต่างกว้าง

“เสี่ยวเอ้อต่ำต้อยเช่นนั้น แน่นอนย่อมไม่อาจล่วงรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของซูอี้ ข้าอุตส่าห์คิดจะใช้โอกาสนี้ ผูกสัมพันธ์เชื้อเชิญเขามาเพื่อพูดคุย แต่บทสรุป ข้ากลับไม่มีโอกาสออกหน้าแม้แต่ครึ่งคำ” โจวจือหลีถอนหายใจ

มู่จงถิงผู้ว่าเขตปกครองหย่งเหอ ชายชราก็อยู่ที่นี่ด้วย

ขณะนั้นเอง เขาพลันกล่าวขึ้น “ข้าจำชายหนุ่มชุดเขียวคนนั้นได้ ก่อนที่องค์ชายหกและทุกคนจะเดินลงบันไดมา เขามองตรงมายังข้าจากระยะไกล และยังดูเหมือนจะมองทะลุตัวตนที่แท้จริงของข้าออก”

ได้ยินเช่นนี้โจวจือหลีก็ตกใจ

ชิงจินครุ่นคิด “เขาคงไม่ได้ล่วงรู้ถึงตัวตน แต่น่าจะมองระดับการบ่มเพาะของท่านออก”

ข้อสรุปในประโยคเดียว

มู่จงถิงอดสงสัยไม่ได้ “บุรุษผู้นั้นเป็นใครกัน? เหตุใดท่านทั้งสองจึงสนใจนัก?”

ชิงจินหวนนึกย้อนภาพของซูอี้บนเรือ นางจึงอดไม่ได้ที่จะเผยร่องรอยความหมองเศร้าและความสูญเสียในหัวใจอย่างไม่อาจอธิบาย ก่อนกล่าวถ้อย “ท่านมู่ควรเอ่ยถามองค์ชายหก”

นางยืนนิ่งข้างหน้าต่าง แขนสองข้างโอบรอบหน้าอก ขณะรับชมแสงไฟบ้านเรือนนับพันจากระยะไกล นัยน์ตาสวยคมดุจคมดาบ

“ท่านมู่ มานั่งคุยกันเถอะ”

โจวจือหลีดูสำราญใจ ใบหน้าประดับรอยยิ้มกล่าวออก

โถงธารคีรี

พรมแดงทอดยาว เทียนไขห้อยระย้าจากที่สูง ส่องสว่างทั่วบริเวณ

ภายในแจกันศิลาขนาดใหญ่สูงเท่าเอว ช่อดอกไม้บานสะพรั่งงามงด ม้วนภาพวาดขุนเขาและลำธารสูงสามจั้งแขวนบนผนัง เพิ่มพูนความสวยงามให้แก่ห้อง

โต๊ะไม้จันทน์ขนาดใหญ่จุแขกได้กว่ายี่สิบคนวางอยู่กลางห้อง ผักและผลไม้ตามฤดูกาล รวมถึงของหวานชั้นเลิศถูกตระเตรียมวางไว้เรียบร้อย

ข้างกำแพงโถงยังมีสาวใช้อีกห้าคนรออยู่

ครั้งเดินเข้ามายังโถงธารคีรี เฝิงเสี่ยวหรานและอาเฟยหันรีหันขวางระวังตัว ราวกับกลัวย่างเหยียบลงบนพรมแดง

แม้แต่เฝิงเสี่ยวเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงงัน

เขาเกิดในครอบครัวยากไร้ แม้จะมีโอกาสได้เป็นศิษย์สายนอกของสำนักดาบชิงเหอ ทว่าเขาไม่เคยได้เข้าออกสถานที่หรูหราราคาแพงเช่นนี้

ไม่ต้องพูดถึงว่า นี่คือชั้นเก้าของภัตตาคารกำเนิดสมบูรณ์อันโด่งดังของมหานครอวิ๋นเหอ

หวงเฉียนจวินมองสำรวจพลางออกความเห็น “ไม่เลว ไม่เลว ดูหรูหรากว่าภัตตาคารรวมเซียนในเมืองกว่างหลิงมากโข!”

จากนั้นเขาก็หัวเราะเยาะตนเองทันใด “ก่อนหน้านี้ข้าเคยมาที่ภัตตาคารกำเนิดสมบูรณ์หลายครั้งครา แต่ไม่เคยมีโอกาสมาทานอาหารที่ชั้นเก้าแม้แต่ครั้งเดียว”

นายหญิงชุ่ยอวิ๋นเผยยิ้มสดใส ถ้อยคำสุภาพเอ่ยขึ้น “นายน้อยโปรดให้อภัยภัตตาคารกำเนิดสมบูรณ์ในความเลินเล่อที่แล้วมาด้วย แต่จากนี้ไป เมื่อใดที่นายน้อยมาหาความสำราญ เราขอรับปากจะดูแลนายน้อยเป็นอย่างดีชดเชยความพลาดพลั้งในอดีต”

หวงเฉียนจวินอดหัวเราะไม่ได้ ปกติแล้วเขาไม่เคยใส่ใจ ทว่าที่ได้รับความเพลิดเพลินอยู่ขณะนี้ เขาทราบดีแก่ใจว่าทุกสิ่งอย่างเป็นเพราะอำนาจอันเรืองรองของซูอี้

หากไร้ซึ่งซูอี้แล้ว หวงเฉียนจวินคงไม่อาจมีตัวตนอยู่ในสายตาของนายหญิงชุ่ยอวิ๋นผู้ทรงอำนาจนี้

มีเพียงซูอี้ที่ยังสงบนิ่งดังเดิม เมินเฉยต่อการตกแต่งอันหรูหราและสง่างามของโถงใหญ่ ก่อนผลักรถเข็นของเฝิงเสี่ยวเฟิงไปยังหน้าโต๊ะอาหาร

ทั้งยังบอกกล่าวเฝิงเสี่ยวหรานและอาเฟยให้นั่งลง

จากนั้นเขาก็หันไปทางนายหญิงชุ่ยอวิ๋นและกล่าวคำ “สถานที่ของเจ้าไม่เลวทีเดียว เอาล่ะ นำอาหารมาตั้งโต๊ะได้แล้ว”

นายหญิงชุ่ยอวิ๋นกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม “ตามดังคุณชายปรารถนา… เช่นนั้นข้าไม่รบกวนแล้ว หากมีคำสั่งใดโปรดเรียกใช้เสี่ยวเอ้อเหล่านั้นได้เลยเจ้าค่ะ”

สิ้นเสียงกล่าว นางก็หันกลับเดินจากไป

กระทั่งประตูโถงใหญ่ปิดลง เฝิงเสี่ยวเฟิงและคนอื่นดูเหมือนจะลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทั้งยังมีท่าทีผ่อนคลาย

ด้วยประสบการณ์การเติบโตอันย่ำแย่ตั้งแต่วัยเด็ก พวกเขาจึงปรับตัวเข้ากับโอกาสเช่นนี้ได้ยากในเวลาอันสั้น และเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่เผยท่าทีตื่นตระหนกอย่างคนช่ำชองแบบหวงเฉียนจวิน

ตรงกันข้าม ซูอี้กลับไม่สนใจเรื่องเหล่านี้

ในชีวิตแต่กาลก่อน เขาได้รับการปฏิบัติเสมือนเป็นจักรพรรดิ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดในเก้ามหาแดนดินล้วนแล้วแต่จำเป็นต้องมอบความบันเทิงชั้นเลิศแก่เขา

เมื่อเทียบกันแล้ว ทุกสิ่งอย่างในโลกนี้ย่อมไม่อาจทำให้เขาตื่นตา

เมื่อซูอี้และหวงเฉียนจวินเข้ามายังโต๊ะ เหล่าสาวใช้ที่รออยู่เริ่มรินน้ำชาและน้ำ ทุกนางล้วนมีหน้าตาสะสวยและคล่องแคล่ว บริการทุกคนอย่างพิถีพิถัน

แม้จะสวมใส่เสื้อผ้าเก่าซอมซ่อ เฝิงเสี่ยวเฟิงและอีกสองก็ไม่ถูกละเลย

ไม่นาน อาหารชั้นเลิศจึงถูกนำมาวางทีละอย่าง กลิ่นหอมเย้ายวนลอยกรุ่นในควันขาว พวกมันล้วนมีส่วนผสมคุณภาพชั้นยอดที่หายาก ซึ่งทำให้รสชาติแตกต่างจากอาหารธรรมดาทั่วไปราวฟ้าและเหว

ซูอี้ยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายปราณวิญญาณเจือจางลอยขึ้นมาจากอาหารแต่ละจาน ตระหนักรู้ในใจว่าส่วนผสมเหล่านี้น่าจะถูกแช่ในโอสถวิญญาณเพื่อให้มีปราณวิญญาณดังกล่าว

ในคราแรก เฝิงเสี่ยวเฟิงและผู้อื่นมีท่าทีระมัดระวัง แต่ไม่นานพวกเขาก็ผ่อนคลายและลงมือทานอย่างมีความสุข

เฝิงเสี่ยวหรานนั่งข้างซูอี้ นางไม่ลืมที่จะตักอาหารแก่เขา ครั้งเห็นจอกสุราว่างเปล่า นางก็ช่วยเทสุราเพื่อไม่ให้สาวใช้ด้านข้างเข้ามาวุ่นวาย

“สุรานี้ไม่เลว ฤทธิ์แรงมาก สมแล้วที่เป็นของสะสมส่วนตัวของนายหญิงชุ่ยอวิ๋น”

หวงเฉียนจวินชื่นชอบการดื่มสุราและกินเนื้อสัตว์มากที่สุด

มันเป็นครั้งแรกที่เขาได้เพลิดเพลินกับการปฏิบัติดูแลอย่างดีจากที่นี่ เขาจึงทานอาหารอย่างมีความสุข

“พี่หวง มื้อนี้เสียเงินเยอะไหม?” อาเฟยเคี้ยวเนื้อในปากพลางถามอย่างสงสัย

“เงิน?”

หวงเฉียนจวินส่ายศีรษะกล่าวตอบ “เจ้าจำสิ่งที่ข้าพูดก่อนมาที่นี่ได้ไหม ทุกสิ่งอย่างแก้ไขได้ด้วยเงิน ทว่าอาหารเบื้องหน้าเหล่านี้ ข้ากลับใช้เงินแก้ไขไม่ได้”

อาเฟยเบิกตากว้างโพล่งถามทันใด “แล้วสิ่งใดจะแก้ไขได้?”

“จำเป็นต้องมีสถานะสูงส่งและอำนาจมากพอ จึงจะสามารถแก้ไขได้” หวงเฉียนจวินกล่าวถ้อยคำใส่อารมณ์

ดูเหมือนอาเฟยจะเข้าใจโนlวลกูดอทคoม

และแม้แต่ซูอี้ยังต้องลอบเห็นด้วยในใจ โลกนี้บางครั้งการมีอำนาจก็ทำให้แก้ปัญหาได้ง่ายดายขึ้น

ดังที่เซียวเทียนเชวี่ยกล่าวไว้ครั้งที่มอบป้ายหยก การเดินทางย่อมพบเจอปัญหาเล็กน้อยที่ไม่คุ้มค่ากับการใช้กำลังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เช่นเดียวกับคืนนี้ แม้ว่าดาบของเขาจะคมถึงขนาดพรากชีวิตปรมาจารย์วิถียุทธ์ได้ภายในดาบเดียว แต่เมื่อไร้สถานะสูงส่ง เสี่ยวเอ้อตัวเล็ก ๆ เช่นนั้นจะไว้หน้าเขาหรือไม่?

ในเวลานี้ พลังอำนาจป้ายหยกที่ได้รับมาจากเซียวเทียนเชวี่ยนั้นมีประโยชน์อย่างแท้จริง

ชั้นเจ็ดของภัตตาคารกำเนิดสมบูรณ์

โถงประดับอาภรณ์

วันนี้เหนียนอวิ๋นเฉียวมาถึงพร้อมกับหญิงสาวคนสนิท แต่ด้วยความสามารถของเขา เขาจึงได้เพียงนั่งลงยังที่นั่งปลายสุดโต๊ะ

เพราะเจ้าภาพงานเลี้ยงนี้เป็นถึงตัวตนอันทรงพลังที่สุดในหมู่ศิษย์สายในแห่งสำนักดาบชิงเหอ

เฉินจินหลง!

เฉินต้ากง บิดาของเขาเป็นหนึ่งในตัวตนอหังการแห่งมหานครอวิ๋นเหอ กลุ่มลำน้ำนิรันดร์ภายใต้คำสั่งของเขามีสมาชิกหลายพันคน ทั้งยังควบคุมธุรกิจขนส่งทางน้ำครึ่งหนึ่งในเขตปกครองอวิ๋นเหอ

เฉินต้ากงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้ว่าฉินเหวินเยวียน กล่าวกันว่าเป็นพี่น้องร่วมสาบานตั้งแต่ยังเยาว์

เมื่อมีฉินเหวินเยวียนเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ กลุ่มลำน้ำนิรันดร์ภายใต้เฉินต้ากงก็ยิ่งเจริญรุ่งเรืองและมั่งคั่งโดยธรรมชาติ

ในฐานะที่เฉินจินหลงเป็นบุตรชายของเฉินต้ากง ดังนั้นเหล่าทายาทตระกูลทั่วไปจึงย่อมต้องหวาดเกรงและพูดจาสุภาพอยู่สามส่วน

นอกจากเฉินจินหลงที่อยู่ที่นี่แล้ว หนุ่มสาวมากมายที่นั่งอยู่ที่นี่บางคนเป็นคนดังที่ผู้คนรู้จักกันดี

อย่างเหนียนอวิ๋นเฉียว หนึ่งในศิษย์สายนอกสำนัก แม้จะมาจากตระกูลเหนียน กระนั้นก็ไม่อาจเทียบเทียมกับเหยียนเฉิงหรงเมื่อพูดถึงสถานะตัวตน

อย่างหลี่โม่อวิ๋นจากตระกูลหลี่ ตระกูลอันดับหนึ่งในเมืองกว่างหลิง หนึ่งในบุคคลทรงพลังในหมู่ศิษย์สายในของสำนัก หากพูดถึงการบ่มเพาะ แม้แต่เฉินจินหลงก็ยังด้อยกว่าเล็กน้อย

งานเลี้ยงครึกครื้นมาก ส่วนใหญ่เป็นเฉินจินหลงที่พูดคุยเสียงดัง ขณะที่คนอื่นหัวเราะดังกังวาน

แม้แต่ดวงตาของหญิงสาวในโถงยังมักหันจับจ้องไปที่เฉินจินหรงด้วยแววตาหวั่นไหว

ในที่สุด เหยียนเฉิงหรงก็คว้าโอกาสเป็นฝ่ายกล่าวบ้าง เขากระแอมก่อนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้ารู้หรือไม่ ว่าข้าพบเจอผู้ใดระหว่างขึ้นมาที่นี่เมื่อครู่นี้?”

“ภัตตาคารกำเนิดสมบูรณ์มีคนใหญ่โตเข้าออกทุกวัน เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้ากำลังพูดถึงใคร อย่าลีลานักเลย พวกเรารอฟังอยู่”

เหนียนอวิ๋นเฉียวกล่าวยิ้ม

เขาสวมชุดสีน้ำเงิน ข้างแก้มตอบยาว รอบตาดำคล้ำ บ่งบอกสัญญาณความอ่อนแอบางประการ

“ใช่ รีบพูดมาเถอะ”

อวี๋เชี่ยนที่นั่งถัดจากเหนียนอวิ๋นเฉียวรบเร้าเช่นกัน

ใบหน้างามประณีต ผิวขาวบางดุจหิมะ ดวงตากลมโตหวานหยาดเยิ้ม ท่าทีดูน่ารัก

เมื่อตระหนักว่าทุกสายตาจับจ้องมอง เหยียนเฉิงหรงลอบพึงพอใจ คำตอบที่เฝ้ารอถูกกล่าวออก

“เป็นซูอี้และเฝิงเสี่ยวเฟิง สองพี่น้องเจ้าปัญหา”

ทันใดนั้น บรรยากาศอันครึกครื้นพลันเงียบสงัด ท่าทีของทุกคนแปรเปลี่ยนไป

แสงเย็นเยือกวาบผ่านดวงตาเหนียนอวิ๋นเฉียว

ใบหน้างามของอวี๋เชี่ยนแข็งค้างเล็กน้อย ใจบีบรัดน่าอึดอัด

หลี่โม่อวิ๋นราวกับมีสายฟ้าผ่ากลางใจ มือถือที่จอกกำแน่นในทันใด

ซูอี้!

ชายผู้นี้มาถึงมหานครอวิ๋นเหอแล้วหรือ??

เมื่อวานซืน เขาได้รับจดหลายลับจากหลี่เทียนหานผู้เป็นบิดา เนื้อความอธิบายรายละเอียดไว้ว่า หยวนลั่วซีคุณหนูตระกูลหยวนปฏิบัติต่อซูอี้ดั่งแขกผู้ทรงเกียรติภายในงานเลี้ยงของภัตตาคารรวมเซียน

ตอนท้ายของจดหมาย เขาเตือนหลี่โม่อวิ๋นอย่างเข้มงวดถึงที่สุด… ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น ห้ามเป็นศัตรูกับซูอี้เด็ดขาด ในฐานะทายาทตระกูลหลี่ ตัวเขาห้ามเข้าไปยุ่งเกี่ยว!

หลังจากอ่านจดหมาย หลี่โม่อวิ๋นหดหู่ใจจนแทบอาเจียนเป็นเลือด

ในคืนงานประลองประตูมังกร เขาวางแผนซุ่มโจมตีเพื่อลอบฆ่าซูอี้

ไหนเลยจะคาดคิด ซูอี้ได้รับอันดับหนึ่งในงานประลองประตูมังกร สร้างชื่อเสียงให้ตัวเองจนเลื่องลือไปทั้งสองฝั่งแม่น้ำต้าฉาง

มากเสียจนเขาต้องล้มเลิกแผนการ และภายใต้คำสั่งของผู้เป็นบิดา เขาจึงถูกบังคับให้ออกจากเมืองกว่างหลิงในคืนนั้น

แล้วไม่กี่วันต่อมา ซูอี้ก็กลายเป็นแขกผู้ทรงเกียรติของหยวนลั่วซี!

ข่าวนี้ทำให้หลี่โม่อวิ๋นแทบเสียสติ

หยวนลั่วซี!

ไข่มุกล้ำค่าแห่งตระกูลหยวน หนึ่งในสี่มหาอำนาจแห่งมหานครอวิ๋นเหอ ตัวตนอันสูงส่งของนาง ยังเหนือชั้นกว่ามากแม้เทียบกับทุกคนที่นี่รวมกัน!

วันนี้เป็นวันที่แปดเดือนสอง ซูอี้มาถึงมหานครอวิ๋นเหอแล้ว…

ในเวลานี้ หน้าอกหลี่โม่อวิ๋นบีบรัดแน่น ราวกับตกอยู่ในภวังค์ที่แลเห็นเงาปกคลุมผืนฟ้าและแสงอาทิตย์ ส่งผลให้จิตใจมืดมัวในบัดดล

ชายคนนี้จะเป็นศัตรูในชีวิตเขาใช่หรือไม่?

หลี่โม่อวิ๋นหายใจเข้าลึก ระงับความหงุดหงิดและความหดหู่ในหัวใจ

ในเวลานี้ ในฐานะเจ้าภาพงานเลี้ยง เฉินจินหลงอดหัวเราะไม่ได้ก่อนกล่าวถ้อยคำ

“คนหนึ่งเป็นคนพิการ คนหนึ่งเป็นขยะไร้การบ่มเพาะ แต่กลับต้องการจัดงานเลี้ยงในภัตตาคารกำเนิดสมบูรณ์แห่งนี้? ฮ่า ๆ น่าขันสิ้นดี เกรงว่าแม้แต่ผ่านประตูหน้า พวกมันก็คงทำไม่ได้หรอก!”

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset