📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 69

บทที่ 69 - โอสถแลกโอสถ ห้าขอบเขตหลอมกำเนิด
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ยิ่งยามราตรีดำเนินไป บรรยากาศภายนอกยิ่งมืดครึ้ม

ภายนอกวัดร้างขณะนี้มืดมิดราวถูกแต่งแต้มด้วยน้ำหมึกอันหนาเตอะ เสียงสัตว์ป่าร้องดังประปราย บางครั้งยังมีเสียงร้องโหยหวนปะปน คล้ายคลึงกับเสียงกระซิบอันชั่วร้ายจากภูตผี

กองไฟในโถงสว่างเจิดจ้า ส่งเสียงคุเป็นครั้งคราว

หลังได้ทราบคำตอบอันเกินคาดจากซูอี้ หยวนลั่วซีเกิดนึกถึงครั้งเซียวเทียนเชวี่ยมาเยือนเป็นแขกที่บ้าน และพูดคุยกับหยวนอู่ทงผู้เป็นบิดานาง

“ยอดฝีมือผู้นั้นยังหนุ่ม ทั้งยังฉลาดมากไหวพริบประหนึ่งเทพเซียนในตำนาน ขนาดอายุเช่นข้ายังคาดเดาไม่ออก!”

ครั้งนั้น หลังจากได้ยินประโยคนี้จากปากของเซียวเทียนเชวี่ย หยวนอู่ทงผู้เป็นบิดาของนางกล่าวถามกลับด้วยความสงสัยถึงตัวตนยอดฝีมือดังกล่าว

แต่น่าเสียดายที่เซียวเทียนเชวี่ยเก็บงำเอาไว้ เพียงส่ายศีรษะและยิ้มตอบ ไม่พูดกล่าวมากไปกว่านั้น

หยวนลั่วซีซึ่งรับฟังโดยตลอดเกิดประทับใจ ‘ยอดฝีมือ’ ผู้สามารถช่วยชีวิตเซียวเทียนเชวี่ยอย่างอัศจรรย์

ครั้งมาถึงเมืองกว่างหลิง นางตั้งใจทดสอบดวงโดยคาดหวังว่าจะได้พบเจอ ‘ยอดฝีมือ’ ที่เซียวเทียนเชวี่ยนับถือและกล่าวถึง

ผู้ใดกันคาดคิด นางได้พบแล้ว แต่กระนั้นกลับเข้าใจตัวเขาผิดตั้งแต่แรกพบ

ครู่หนึ่ง หยวนลั่วซีบังเกิดความขมขื่นอีกประการขึ้นในใจ

ขณะนี้ตัวนางได้ตระหนักถึงความจริงประการหนึ่ง ยอดฝีมือแท้จริงหาได้ชอบแสดงออกเหมือนผู้คนทั่วไปไม่

นางลุกขึ้น ก่อนจะโค้งกายก้มศีรษะลงประสานมือคารวะ ถ้อยคำกล่าวออกชัดถ้อย “ท่านเซียน ตัวข้า… ข้านั้นมองท่านผิดไป ข้า…ข้าต้องการขออภัยจากใจ ไม่ว่าต้องชดใช้ด้วยสิ่งใดข้ายินดีน้อมรับ โปรด…โปรดท่านให้อภัยต่อการล่วงเกินก่อนหน้านี้ที่ข้ากระทำ”

น้ำเสียงนี้จริงใจ แสดงถึงเจตนาการปรับความเข้าใจ

เฉิงอู้หย่งและผู้อื่นต่างประหลาดใจ

นี่นับเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นคุณหนูของตนกล่าวขออภัยต่อผู้อื่นจากใจ ราวกับเป็นคนละคนกับตัวนางในอดีตอย่างสิ้นเชิง!

พบเห็นอาการตกใจของเฉิงอู้หย่งและผู้อื่น หยวนลั่วซีเกิดไม่สบายใจ ละอายใจ และอับอาย นี่ตัวนางก่อนหน้านี้ ไร้เหตุผลและไม่รู้ความขนาดนั้นเลยหรือ?

ซูอี้มองยังหยวนลั่วซีพลางกล่าว “เจ้าเคยกล่าวว่าต้องการกำจัดคนพรรคมารหยินที่นี่ ขจัดความชั่วร้ายในโลก ความคิดเช่นนี้ของเจ้าบ่งบอกว่าเจ้ามิได้เป็นคนชั่วช้า เพียงแต่ที่ผ่านมาถูกเลี้ยงดูเอาใจมากจนเกินไป เอาเถอะ ข้าไม่สนใจเรื่องราวที่ผ่านพ้น นั่งลงเสีย ไม่ต้องมากมารยาทไป”

“ขอบคุณท่านเซียน…”

หยวนลั่วซีตื่นตะลึง โดยไม่คาดคิด เพียงเพราะสิ่งที่นางกล่าวออกไปมันกลับทำให้ซูอี้ไม่ติดใจเอาความใดต่อนาง

ยามเมื่อนางครุ่นคิดทบทวน ในใจยิ่งบังเกิดเป็นความนับถือ

หรือนี่คือความคิดที่ยอดฝีมือพึงมี?

“คุณหนู หากบิดาท่านทราบความเปลี่ยนแปลงในวันนี้ นายท่านคงวางใจได้อีกไม่น้อย” เฉิงอู้หย่งผ่อนลมหายใจคราหนึ่ง

สัจธรรมแห่งโลก ไม่จำเป็นต้องกล่าวซ้ำ

มนุษย์ คือตัวตนที่ต้องผ่านความยากแค้น จึงจะเกิดความแปรเปลี่ยนที่แท้จริง

ผู้คุ้มกันคนอื่นต่างร่วมพยักหน้า

หยวนลั่วซีเผยสีหน้ายิ้มแย้มออกมา ความทุกข์ใจของนางเลือนหาย ถ้อยคำกล่าวออก “อาหย่ง เมื่อใดพวกเราพบเจอหญ้าหกหยิน เมื่อนั้นพวกเราจะเดินทางกลับ”

ซูอี้เอ่ยคำขึ้น “หญ้าหกหยินนั้นอยู่กับข้า”

หยวนลั่วซีนิ่งไปครู่หนึ่ง ถ้อยคำถามออกอย่างระมัดระวัง “ท่านเซียน… คือ… ข้ามีความจำเป็นยิ่งยวดโปรดท่านช่วยตัดใจจากมันและขายหญ้าหกหยินให้ข้าได้หรือไม่?”

เฉิงอู้หย่งและกลุ่มคนเกิดกระวนกระวายทันที เพราะเกรงว่าคำพูดที่คุณหนูพวกตนเอ่ยนี้อาจทำซูอี้เข้าใจผิด

กระนั้นพวกเขากลับต้องประหลาดใจ ยามได้ยินซูอี้กล่าวคำเรียบเฉย “ตอนนี้ข้ายังไม่จำเป็นต้องใช้หญ้าหกหยิน หากว่าเจ้ายินดีนำสมุนไพรวิญญาณระดับหนึ่งมาสักสามสิบต้น หญ้าหกหยินนี้จะเป็นของเจ้า”

หยวนลั่วซีพลันประหลาดใจ ถ้อยคำกล่าวตอบโดยไม่คิด “ข้ายินดีมอบสมุนไพรวิญญาณระดับหนึ่งแก่ท่านห้าสิบต้น!”

เฉิงอู้หย่งและคณะหลั่งเหงื่อกาฬเย็นเยียบ “คุณหนู ท่านเสียมารยาทแล้ว ท่านเซียนเป็นถึงยอดฝีมือ มีหรือจะใส่ใจเรื่องปริมาณสมุนไพรวิญญาณ?”

หยวนลั่วซีเกิดนึกขึ้นได้ ถ้อยคำกล่าวอย่างเขินอาย “ท่านเซียน เมื่อครู่นี้ข้ายินดีจนเกินไป เพราะเหตุนั้น…”

ซูอี้โบกมือตอบ “ข้าเข้าใจ”

เขาลอบถอนใจ เฉิงอู้หย่งผู้นี้คล้ายคิดจนเกินไป ทราบได้อย่างไรว่าตัวเขาไม่สนเรื่องจำนวนสมุนไพรวิญญาณ?

หลังส่ายศีรษะ ซูอี้ก็นำหญ้าหกหยินออกมาจากจี้หยก และส่งมอบมันออกไป “เจ้าจงเตือนปรมาจารย์ขอบเขตหลอมกำเนิดผู้ที่จะใช้สมุนไพรวิญญาณนี้ด้วยว่า ในระหว่างที่ใช้มันขัดเกลาตำแหน่งไต จดจำเอาไว้ว่าต้องทยอยดึงฤทธิ์ของมันมาใช้งาน หรือจะให้ดีที่สุดจงใช้มันพร้อมกับสิ่งที่เต็มไปด้วยพลังหยาง หากไม่แล้วฤทธิ์ของสมุนไพรอาจกลายเป็นพิษ ทำร้ายถึงรากฐานการบ่มเพาะของผู้ใช้”

การบ่มเพาะขอบเขตหลอมกำเนิดคือการขัดเกลาอวัยวะภายในทั้งห้า ได้แก่ หัวใจ ตับ ม้าม ปอด และไต ซึ่งทั้งหมดสอดคล้องกับธาตุทั้งห้า คือ ไฟ ทอง ดิน น้ำ และไม้

การขัดเกลาอวัยวะดังกล่าวสอดคล้องให้ขอบเขตหลอมกำเนิดแบ่งออกเป็นห้าขั้นย่อย ยามที่หนึ่งตำแหน่งอวัยวะภายในถูกขัดเกลาหมดจด จะถูกนับเป็นขอบเขตหลอมกำเนิดที่หนึ่ง

ในโลกปุถุชนเรียกขานตัวตนเช่นนี้เป็น ‘ปรมาจารย์เขตแดนหนึ่ง’

และสิ่งควรรู้อีกอย่างคือการขัดเกลาอวัยวะภายในทั้งห้า ไม่มีลำดับตายตัว ผู้บ่มเพาะสามารถเลือกได้ตามแต่ชอบว่าจะขัดเกลาอวัยวะไหนก่อนก็ได้

ส่วนหญ้าหกหยินที่เป็นสมุนไพรวิญญาณระดับสาม มันสามารถใช้ได้เพียงขัดเกลา ‘ตำแหน่งไต’ อย่างเดียวเท่านั้น

หยวนลั่วซีรับไว้ด้วยสองมือ ถ้อยคำกล่าวออก “ขอบคุณท่านเซียน!”

เฉิงอู้หย่งและคณะผู้คุ้มกันเกิดประหลาดใจ

ไม่เพียงซูอี้จะยอมมอบสมุนไพรให้ แต่อีกฝ่ายยังกล่าวแนะนำถึงวิธีการใช้งานเพื่อขัดเกลาตำแหน่งไต นี่มันเทียบเท่าชี้แนะปรมาจารย์ให้ฝึกฝน!

ความหมายของเรื่องราวนี้ เพียงแค่คิดยังต้องเกิดนึกทึ่ง

ทั้งนี้เฉิงอู้หย่งยังได้ตระหนักสังเกต พบว่าซูอี้นำหญ้าหกหยินออกมาจากจี้หยกสีดำประหนึ่งน้ำหมึกข้างเอว ดวงตาเขาถึงกับเบิกกว้าง

สมบัติคลังมิติ!โนlวลกูดอทคoม

มันคือสมบัติอันหาได้ยากยิ่ง ที่แม้ผู้บ่มเพาะปรมาจารย์หลายคนยังไม่อาจครอบครอง!

‘ซูอี้ผู้นี้มาอยู่เป็นบุตรเขยผู้หนึ่งของตระกูลเหวินได้เช่นไร? ที่มาที่ไปของเขาต้องไม่ใช่ธรรมดาแน่แล้ว!’

เฉิงอู้หย่งครุ่นคิดในใจ ยิ่งได้ตระหนักทราบเรื่องของซูอี้ มันยิ่งทำเขายำเกรงมากขึ้น

“อาหย่ง ท่านนำสมบัติติดตัวมาด้วยเพียงใด?”

คำเรียกของหยวนลั่วซี ทำเฉิงอู้หย่งได้สติจากห้วงความคิด

เขานำถุงสะพายออกมาเปิดออก หลังตรวจสอบโดยคร่าว ถ้อยคำกล่าวออกอย่างลังเล “ข้านำสมุนไพรวิญญาณระดับหนึ่งมาด้วยเพียงสิบสองต้น สมุนไพรวิญญาณระดับสองอีกห้าต้น นอกจากนี้แล้วยังมีศิลาวิญญาณขั้นที่หนึ่งจำนวนเจ็ดสิบแปดก้อน ศิลาวิญญาณขั้นที่สองอีกสามก้อน”

ซูอี้รับฟัง ในใจเกิดได้ตระหนัก

ตระกูลใหญ่เช่นตระกูลหยวน ช่างห่างชั้นหากเทียบเปรียบกับตระกูลในเมืองกว่างหลิง

แค่ทรัพย์สินที่คณะผู้คุ้มกันพกติดตัวมา มันเทียบเท่ากับสมบัติที่ตระกูลเหวินสะสมรวบรวมในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านพ้น!

หยวนลั่วซีกล่าวคำเสียงอ่อนนุ่ม “ท่านเซียน พวกเราขอเปลี่ยนแปลงจากสมุนไพรวิญญาณระดับที่หนึ่งจำนวนสามสิบต้นที่ท่านต้องการ เป็นสมุนไพรวิญญาณระดับที่สองห้าต้น และระดับหนึ่งอีกสิบสองต้นได้หรือไม่?”

ซูอี้พยักหน้าตอบรับ

โดยเชิงมูลค่า สมุนไพรวิญญาณระดับที่สองมีมูลค่าต่างชั้นกับสมุนไพรวิญญาณระดับที่หนึ่งมหาศาล

หยวนลั่วซีผ่อนลมหายใจโล่งอก คิ้วเลิกขึ้นยินดี เห็นได้ชัดว่าสุขใจที่ได้รับหญ้าหกหยิน

เฉิงอู้หย่งนำส่งสมุนไพรวิญญาณมอบให้ ก่อนซูอี้จะเก็บเข้าไว้ด้านในจี้หยกดำ

พบเห็นเรื่องราว หยวนลั่วซีและผู้คุ้มกันคนอื่นต่างตระหนก

พวกเขาค่อยรู้ตัวก็ตอนนี้ ว่าสิ่งที่ได้เห็นอยู่กับตัวซูอี้ คือสมบัติคลังมิติ!

ทางด้านซูอี้นึกพอใจไม่ใช่น้อย

ระดับบ่มเพาะของตัวเขาขณะนี้ยังไกลห่างจากปรมาจารย์ และยังไม่ใช่อยู่ในจุดที่จำเป็นต้องใช้สมุนไพรวิญญาณเช่นหญ้าหกหยิน ดังนั้นจึงเผยเจตนาแลกเปลี่ยนมันเป็นสมุนไพรวิญญาณระดับที่หนึ่งและระดับที่สอง

“ด้วยสมุนไพรวิญญาณที่ได้รับเพิ่มขึ้นนี้ มันน่าจะเพียงพอให้ใช้ขัดเกลากระดูกถึงขั้นสมบูรณ์ได้”

ซูอี้พูดกล่าวกับตนเอง

“ท่านเซียน ข้าตั้งใจไปจากที่นี่ในวันรุ่งขึ้นตอนฟ้าสาง สอบถามได้หรือไม่ว่าท่านคิดกลับยามใด?”

เฉิงอู้หย่งกล่าวถาม

“ข้ายังมีสถานที่อื่นในภูเขามารดาภูตผีต้องไปเยือนอีก”

สิ้นคำซูอี้ เขาพลันลุกขึ้นยืน

“ท่านเขย คิดไปตอนนี้เลยหรือ?”

กัวปิ่งเกิดประหลาดใจ

“ไม่ผิด ในช่วงเวลาค่ำคืน อาจได้พบเห็นสิ่งที่ไม่อาจพบเห็นในยามฟ้าสาง”

ซูอี้พยักหน้ากล่าวตอบรับ

“แต่ภูเขามารดาภูตผียามค่ำคืนนั้นอันตรายสุดหยั่ง ท่าน…”

ยังไม่ทันสิ้นคำของกัวปิ่ง ซูอี้ยิ้มตอบรับ “ภูตผีต่างหากต้องกลัวข้า ตาเฒ่ากัว เจ้าอยู่กับพวกเขาไปก่อน หากข้ากลับมาก่อนรุ่งสาง ถึงตอนนั้นพวกเราค่อยกลับเมืองพร้อมกัน”

“แต่ถ้าหากรุ่งสางแล้วข้ายังไม่มา เจ้าเดินทางกลับไปก่อนได้เลย”

สิ้นคำ ซูอี้ก้าวเดินออกจากโถงพร้อมซีกไม้ไผ่ในมือ ร่างสูงเดินลิ่วเฉยชาเลือนหายวับไปกับความมืด

หยวนลั่วซีและเฉิงอู้หย่งมองหน้ากันเอง กระนั้นใจไม่นึกห่วงความปลอดภัยของซูอี้

แม้แต่ซากศพหยินหกสมบูรณ์ยังถูกท่านเซียนสังหารในหนึ่งดาบ เช่นนั้นภูตผีตนใดบนภูเขามารดาภูตผีแห่งนี้จะสามารถต่อกรท่านเซียนได้?

ราตรีมืดมิด ขุนเขาปรากฏหมอกหนาทึบ

ซูอี้เดินพ้นจากวัดร้าง พร้อมตบน้ำเต้าปลุกวิญญาณข้างเอวเบามือ “ชิงหว่าน”

วิ้ว~

น้ำเต้าปลุกวิญญาณเผยหมอกสีขาวออก ก่อนที่หญิงสาวใบหน้างดงามในชุดสีเลือดจะลอยออกมา

นับตั้งแต่ฝึก ‘เคล็ดวิชามหาวิญญาณทศทิศ’ จนถึงเวลานี้ ชิงหว่านจึงมีความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด

ประการแรกคือกายวิญญาณของนางชัดเจนมั่นคงขึ้น ไร้สีที่ซีดและโปร่งใส ทั้งยังเงางามประหนึ่งหยกอันกระจ่าง

ดวงตางดงามทอเสน่ห์ของนางเปล่งประกายเจิดจ้ากว่าที่เคยจากพลังที่เพิ่มพูน ยิ่งพินิจมองเท่าไหร่ ยิ่งรู้สึกเหมือนติดบ่วงเสน่ห์อันยากถอดแก้โดยไม่รู้ตัว

ซูอี้ลอบพยักหน้าเงียบงัน ค่อนข้างพึงพอใจไม่น้อย

พรสวรรค์ของชิงหว่านช่างโดดเด่น พบเห็นความเปลี่ยนแปลงของนางขณะนี้ กลายเป็นคาดหวังว่าภายหน้านางจะยิ่งแปรเปลี่ยนไปเพียงใด

แน่นอนว่าสำหรับซูเสวียนจวินผู้เคยชินกับความงามไร้ใดเทียบเปรียบในชาติก่อน ชิงหว่านผู้นี้ยังมีเสน่ห์ดึงดูดเพียงเล็กน้อย ห่างไกลเกินกว่าจะกระตุ้นความสนใจของตัวเขาได้

ยามที่ชิงหว่านปรากฏตัว ดวงตากลมโตของนางก็สำรวจมองรอบ ถ้อยคำกล่าวออกอย่างเขินอาย “นายท่าน ที่นี่ภูเขามารดาภูตผีงั้นหรือ? น่ากลัวนัก…”

น้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนหวานเอ่ยคำ

“เจ้าคือภูตผี ไม่ใช่คนเป็น”

ซูอี้แก้ไขความเข้าใจผิดให้นาง พร้อมกล่าวคำบอก “ใช้พลังญาณรับรู้ของเจ้า ตรวจสอบว่าที่ใดมีปราณหยินรุนแรงที่สุด”

เนื่องจากซากศพหยินหกสมบูรณ์ไร้ซึ่ง ‘ชีพจรวิญญาณหยิน’ ซูอี้จึงต้องออกมาค้นหาด้วยตนเอง

ชิงหว่านรับฟัง ดวงตาหลับลง พร้อมเรียกญาณรับรู้

ฟู่ว~

ชุดสีเลือดของนางพลิ้วไหวราวอัคคีในยามค่ำคืน เผยให้เห็นขาเรียวงามประหนึ่งหยกที่อ่อนนุ่ม พร้อมพลังวิญญาณเจือจางปรากฏจากร่าง

นับเป็นภูตผีที่ชวนตะลึง เพราะความงามและเสน่ห์

ในไม่ช้า ชิงหว่านลืมตาขึ้น ก่อนจะหันมองไปยังห้วงความมืดไกลห่าง

“รับรู้ถึงสิ่งใดได้บ้าง?” ซูอี้เอ่ยถาม

ชิงหว่านกล่าวคำติดขัด “นายท่าน ด้วยพลังข้าในตอนนี้ ข้าทราบแค่เพียงโดยคร่าวว่าทางตะวันตกเฉียงเหนือไกลห่าง มันมีพลังหยินอันรุนแรงยิ่งกว่าสถานที่อื่นใด เพียงแต่ไม่ทราบว่าใช่สถานที่ซึ่งท่านตามหาหรือไม่”

“ตะวันตกเฉียงเหนือน่าจะเป็นทิศทางที่มี ‘ป่าท้อ’ ดังที่กัวปิ่งกล่าวบอกไว้”

ซูอี้ครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะออกคำสั่ง “เจ้านำทางไป”

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset