📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 655

บทที่ 655 - ตะเกียงฟ้า ผมขาว ดุจเซียนเยี่ยงมาร
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

“ไม่สิ”

ทันใดนั้น ซูอี้ก็ขมวดคิ้วน้อย ๆ

หนิงซือฮวาซึ่งตัวสั่นงันงกด้วยความกลัวไปแล้ว ตัวแข็งทื่อเล็กน้อย ก่อนเอ่ยถามว่า “สหายเต๋าสังเกตเห็นบางอย่างผิดปกติหรือ?”

ซูอี้ถาม “หากเจ้าเป็นไป๋จ่างเฮิ่น ซึ่งรู้แก่ใจอยู่แล้วว่าการ ‘ใช้ร่างตนเลี้ยงดาบ’ นั้นแสนยากเย็น และง่ายต่อการถูกดาบกลืนกิน เจ้าจะไม่เตรียมการป้องกันใด ๆ ไว้เลยหรือ?”

หนิงซือฮวากล่าวโดยไม่ลังเล “ไม่มีทาง”

เขาจะไม่รู้เชียวหรือว่าใช้ร่างเลี้ยงดาบอันตรายเพียงไร?

ซูอี้กล่าว “นี่ยังหมายความว่า ไป๋จ่างเฮิ่นไม่ได้ถูกฆ่าโดยดาบปีศาจเทวทัณฑ์ในทันที แต่เกิดเหตุอื่นขึ้น จึงสร้างโอกาสให้ดาบปีศาจเทวทัณฑ์ฉกฉวย”

หนิงซือฮวาตะลึงตื่นกลัว

ฆาตกรที่สังหารไป๋จ่างเฮิ่นและสร้างหายนะวิปโยคแก่หอเซียนดาบ ไม่ได้มีเพียงดาบปีศาจเทวทัณฑ์?

ความจริงเช่นนี้รบกวนจิตใจเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย!

ยามนี้ ซูอี้มองขึ้นไปยังเพดานโถง

โถงแห่งนี้โอ่อ่าสูงใหญ่ยิ่ง ส่วนบนสุดของมันเป็นราวร่มทรงกลมยักษ์โอบล้อม ใจกลางร่มมีตะเกียงทองแดงสีฟ้าขนาดราวฝ่ามืออยู่ดวงหนึ่ง

ตะเกียงทองแดงไม่ได้ถูกจุดไฟ และอยู่แสนไกลจากพื้นดิน ทำให้ง่ายต่อการเมินการคงอยู่ของมัน

ทว่าเมื่อเห็นตะเกียงทองแดงอันไร้ความโดดเด่นนี้ ซูอี้ก็หรี่ตาลงน้อย ๆ

เขาเบือนสายตาไปมองแท่นเต๋าทั้งเจ็ดสิบสองในโถงอีกครั้ง

ยามนี้เอง…

น้ำมันตะเกียงสีเลือดในตะเกียงทองแดงสีฟ้าซึ่งแขวนอยู่เหนือโถงพลันสั่นไหวเล็กน้อยอย่างเงียบ ๆ และไส้เทียนที่มีรูปร่างคล้ายนกก็ยื่นออกมาโดยพลัน

ไส้เทียนถูกจุดไฟขึ้นกะทันหัน และเงาของตะเกียงก็ยื่นออกมาเป็นภาพสตรีในชุดสีแดงผู้หนึ่ง ซึ่งดูเลือนรางยิ่ง

เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!

แทบจะเป็นในยามเดียวกัน เสียงระเบิดหนาหูก็ดังขึ้น

รังไหมหลิงหลงบนแท่นเต๋าทั้งเจ็ดสิบสองต่างปริร้าวราวเปลือกไข่ที่ถูกกะเทาะ

ปราณซากศพอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ออกมาจากรังไหมแต่ละแห่ง

สีหน้าของหนิงซือฮวาเปลี่ยนไปทันที นางตกใจกับภาพที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้

“อย่าแตกตื่น”

ซูอี้เอื้อมมือไปตบบ่าของนาง สีหน้านิ่งสงบเช่นเคย

มีเพียงดวงตาลึกล้ำมองกลับไปยังตะเกียงทองแดงสีฟ้าที่ห้อยอยู่เหนือห้องโถงเท่านั้น

เงาของตะเกียงดูราวกับเลือด มีเงาร่างเลือนรางของสตรีผู้หนึ่งวูบไหว แผ่บรรยากาศพิลึกชวนกระสับกระส่าย

เมื่อซูอี้มองมา สตรีในเงาตะเกียงดูจะจับสายตานั้นได้ นางยกมือขึ้นดีดนิ้ว

เป๊าะ!

แท่นจองจำทั้งเจ็ดสิบสองแท่นในห้องโถงส่งเสียงคำรามกะทันหัน ลวดลายอักขระที่สลักอยู่ดูราวมีชีวิต มันเกี่ยวพันสร้างขึ้นเป็นค่ายกลขนาดยักษ์

ซูอี้และหนิงซือฮวาซึ่งติดอยู่ในนั้นพลันตกสู่วิกฤต!

วูบ! วูบ!

แทบจะในยามเดียวกัน เงาร่างต่าง ๆ ก็ปรากฏขึ้นจากในปราณซากศพ มีทั้งหญิงชาย ล้วนแล้วแต่ดูเยาว์วัยนัก พวกเขาสวมชุดนักพรตเต๋าสีทองเข้ม ถือดาบวิญญาณกันทั้งสิ้น

แต่เดิม พวกเขาดูเหมือนนักดาบอนาคตไกล

ทว่าปราณซากศพสีเลือดและบรรยากาศบนร่างของพวกเขาดุร้ายน่ากลัวยิ่งนัก ดวงตาเปล่งประกายสีแดงฉานเย็นชา

จิตซากศพเจ็ดสิบสองตน!

ทว่าต่างจากจิตซากศพนอกโถงหลัก จิตซากศพทั้งเจ็ดสิบสองนี้สมบูรณ์อย่างยิ่ง และปราณของพวกเขาก็หนาแน่นเกินจินตนาการ

ไม่มีผู้ใดอ่อนแอไปกว่าวิถีวิญญาณเลย

ซ้ำยังมีจิตซากศพบางตนในหมู่พวกเขาที่เทียบได้กระทั่งกับขอบเขตสยายวิญญาณ!

หนิงซือฮวาตื่นกลัว หัวใจของนางร่วงลงสู่หุบเหว

นางอยู่เพียงในขอบเขตไร้เบญจธัญ แม้จะถูกบังคับให้รักษาความเยือกเย็น แต่นางก็ยังรู้สึกอึดอัดสิ้นหวังเมื่อเผชิญบรรยากาศจากซากศพเหล่านี้

เมื่อคิดดูแล้ว การที่มหาปราชญ์สวรรค์ในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณเจ็ดสิบสองคนลงมือพร้อมกันนั้นน่าหวาดหวั่นเพียงไร?

“สหายเต๋า เราจะรอดจากซากศพเหล่านี้ได้หรือไม่?”

หนิงซือฮวาถามอย่างติดขัด

“แน่นอน”

ซูอี้กล่าวอย่างเฉยเมย “ทว่าเราต้องใช้วิธีอื่น”

ชิ้ง!

เสียงยังไม่ทันขาดหาย ดาบนิลกาฬกลืนฟ้าก็ร่วงลงสู่มือของซูอี้

ด้วยการฝึกฝนของซูอี้ ใบดาบงดงามราวรัตติกาลของดาบนิลกาฬกลืนฟ้าเปล่งแสงทองแห่งพุทธะเจิดจ้า

สิ่งอันน่าอัศจรรย์นั้นคือรอบ ๆ ดาบนิลกาฬกลืนฟ้ามีคลื่นแสงสว่างแห่งพุทธะกระเพื่อมออกมา แต่ละคลื่นดูราวแท่นปทุม และบนแท่นปทุมก็มีเงาพระพุทธองค์ฉายอยู่

เสียงสวดภาวนา เสียงสวดของพระวิถีเซน เสียงเครื่องเคาะจังหวะและเสียงกราบกรานถักทอเป็นเสียงสันสกฤตอันกังวานเกินคณา สะท้อนในโถงอย่างไร้สิ้นสุด

ดาบมหาธรรมสว่างหล้า!

หนึ่งในสี่มรดกวิถีดาบหลักแห่งแดนบูรพาน้อย เช่นเดียวกับ ‘ดาบข้ามกังวลสู่สรวง’ ‘ดาบสลักเมตตาถามฤทัย’ และ ‘ดาบสะท้อนสว่างว่าง’ ซึ่งล้วนแต่เป็นคัมภีร์ดาบพุทธะขั้นสุดยอด

แม้ว่าซูอี้จะไม่ใช่ผู้ฝึกตนในวิถีพุทธ ทว่าในอดีตชาติ เขาเคยนั่งสนทนากับ ‘หลวงจีนเยี่ยนซิน’ ผู้อยู่ในขอบเขตมหาจักรพรรดิแห่งแดนบูรพาน้อยถึงความเข้าใจและมรดกวิถีพุทธ ซึ่งทำให้หลวงจีนเยี่ยนซินชมเขาไม่หยุดปาก

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากมีผู้ฝึกตนจากแดนบูรพาน้อยผู้ใดมาเห็น ‘ดาบมหาธรรมสว่างหล้า’ ที่ชายหนุ่มใช้ พวกเขาจะตกตะลึงเป็นแน่แท้

และเมื่อได้เห็นวิชาดาบอันงดงามตระการตานี้ หัวใจของหนิงซือฮวาก็อดสั่นสะเทือนไม่ได้ ประโยคหนึ่งพลันปรากฏขึ้นในใจนาง ‘วิชาดุจเทพ คว้าทุกวาสนา’!

วงคลื่นแสงพุทธะเจิดจ้ากระเพื่อมไหว ชะความหดหู่ในใจของหนิงซือฮวาราวกระแสน้ำอุ่น ร่างของนางดูเหมือนได้รับการปลดปล่อยจากพันธนาการ

“ฆ่า!”

“ฆ่า!”

“ฆ่า!”

เสียงตะโกนสะเทือนเลือนลั่น

จิตซากศพทั้งเจ็ดสิบสองตนใช้ดาบวิญญาณเบื้องหลังพวกเขา พุ่งเข้าใส่ซูอี้และหนิงซือฮวาพร้อมด้วยปราณซากศพแข็งกล้าโuเวลกูดoทคอม

อำนาจที่จิตซากศพแต่ละตนสำแดงออกมาต่างดุร้ายไร้ขอบเขต มากพอจะทำให้ผู้อยู่ในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณหวาดกลัวได้

และเมื่อพวกเขารวมตัวกันพุ่งทะยานเข้ามา ก็เหมือนดั่งกองทัพวิญญาณร้ายจากเบื้องลึกแห่งปรโลก!

กระทั่งผู้ที่อยู่ในขอบเขตสยายวิญญาณยังต้องหลบคมดาบพวกเขา!

“ช่างน่าสงสารจริง ๆ ถูกควบคุมแม้หลังความตาย”

ซูอี้ถอนหายใจเบา ๆ

ดาบนิลกาฬกลืนฟ้าในมือของเขาแทงสู่อากาศ

ลำแสงพุทธะและเงาดาบกวาดวูบ ดูนุ่มนวลเยี่ยงระลอกคลื่น ทว่ายามฟันออกไป มันกลับตามติดด้วยลำแสงพุทธะอันไร้ประมาณ และเสียงสวดสันสกฤตดังก้องสะเทือนหล้า!

ตู้ม!

ดาบวิญญาณที่จิตซากศพเหล่านั้นสำแดงออกมาแข็งแกร่งและน่ากลัวยิ่งนัก ทว่าพวกมันก็ถูกขวางกลางอากาศโดยเพลงดาบมหาธรรมสว่างหล้าอันแข็งแกร่ง

ไม่อาจเข้ามาได้!

จิตซากศพที่พุ่งมาตรงหน้าสุดเป็นชายร่างสูง เขาถูกดาบมหาธรรมสว่างหล้ากวาดกระเด็น ร่างของเขามอดไหม้หายไปอย่างไร้ร่องรอยในพริบตา

จากนั้น ซูอี้ก็ก้าวเข้ามาพลางกวัดแกว่งดาบอย่างต่อเนื่อง เงาดาบกระเพื่อมกวาดเป็นวงซ้อนกันวงแล้ววงเล่า เสียงบริกรรมสันสกฤตกึกก้องกังวาน ภาพฉายที่ดูประดุจพระพุทธองค์ปรากฏขึ้นบนแท่นปทุมสยบมารครั้งแล้วครั้งเล่า

เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!

จิตซากศพที่เทียบได้กับผู้อยู่ในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณในยามนี้ดูราวกับตกสู่ทะเลแสงพุทธะ

ปราณดาบกวาดผ่าน เสียงของมันดังราวเกลียวคลื่น แผดเผาร่างของพวกเขาเปลี่ยนเป็นธุลีละลิ่วล่อง

กระทั่งจิตซากศพในขอบเขตสยายวิญญาณยังถูกกดข่มอย่างหนักภายใต้อำนาจแห่งเพลงดาบธรรมะขั้นสูงสุด

ภาพเหล่านั้นทำให้หนิงซือฮวานิ่งอึ้งราวเสียวิญญาณ

ยามนี้ ซูอี้ดูราวกับเป็นพระพุทธองค์เดินดิน สังหารปีศาจปราบมาร ทำลายบรรยากาศชั่วร้าย ส่องแสงธรรมสว่างหล้า

ภายในเวลาไม่ถึงสิบอึดใจ

จิตซากศพทั้งเจ็ดสิบสองตนก็ถูกชำระล้างสิ้น!

และเรื่องยังไม่จบ

แขนเสื้อของซูอี้สะบัดไหว เขาพลันฟาดดาบนิลกาฬกลืนฟ้าสู่ความว่างเปล่า

ตู้ม!

ปราณดาบเจิดจ้าแผดเผาแผ่ไปรอบ ๆ และแท่นจองจำทั้งเจ็ดสิบสอง ซึ่งตั้งอยู่ในตำแหน่งต่าง ๆ กันก็พังทลาย

พลังของค่ายกลจองจำซึ่งแต่เดิมปกคลุมบริเวณโดยรอบก็สลายหายสูญ

ในขณะเดียวกัน สายตาของซูอี้หันไปมองตะเกียงทองแดงสีฟ้าเหนือห้องโถงพลางกล่าวอย่างเฉยเมย “เจ้ายังอยากเล่นอยู่อีกหรือไม่?”

หนิงซือฮวามองตามซูอี้อย่างไม่ตั้งใจ

และนางก็เห็นเงาสีแดงสดของตะเกียงทองแดงสีฟ้าสั่นไหว เงาร่างเลือนรางของสตรีผู้หนึ่งผลุบโผล่ท่ามกลางแสงเงา

สตรีผู้นี้คือผู้ใด?

หนิงซือฮวาแปลกใจ

ซ่า!

ตะเกียงทองแดงสีฟ้ามีขนาดเพียงฝ่ามือ ทว่ายามนี้กลับมีเสียงราวสมุทรกระเพื่อม

จากนั้น แสงสีเลือดก็สาดส่องออกมาสู่อากาศ และค่อย ๆ ก่อร่างเป็นสตรีผู้หนึ่ง

นางมีผมขาวดุจหิมะ สวมชุดกระโปรงยาวสีเลือด ร่างสะโอดสะองงดงาม และดวงตาคู่งามสีฟ้าอันเย็นชาพิลึก

เมื่อนางปรากฏกาย ภาวะดาบสีเลือดก็ปกคลุมร่างของนาง สร้างบรรยากาศเย็นเยือก

สตรีผมขาวในอาภรณ์สีเลือดแบมือออก แล้วตะเกียงทองแดงสีฟ้าก็ร่วงลงบนฝ่ามือของนาง

จากนั้นก็ก้าวเดินอย่างแช่มช้า ปรากฏขึ้นบนอากาศไม่ไกลจากซูอี้ กระโปรงปลิวพลิ้ว บรรยากาศดุร้าย ใบหน้างดงามของนางดูราวนางเซียน!

ดวงตาของหนิงซือฮวาเจ็บแปลบ จิตใจราวถูกมีดกรีด นางก้มหน้าลงโดยไม่รู้ตัว ไม่กล้ามองไปยังสตรีผมขาวในอาภรณ์สีเลือด

บรรยากาศของอีกฝ่ายดุร้ายน่าหวาดหวั่นเกินไป!

“สหายเต๋ามีวิชาล้ำเลิศ ต้องเป็นผู้เก่งกาจไม่ธรรมดาแห่งยุคเป็นแน่แท้”

สตรีผมขาวในอาภรณ์สีเลือดกล่าวด้วยเสียงที่เย็นชาดั่งคมดาบ “ทว่า ที่แห่งนี้คือแดนไร้วจีแห่งหอเซียนดาบ พวกเจ้ารุกล้ำเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต หากไม่อยากตาย เจ้าควรพาเพื่อนสตรีผู้นั้นจากไปทันที”

ซูอี้ยิ้ม ไม่สนใจคำข่มขู่ในวาจาของอีกฝ่าย ดวงตาของเขามองไปที่ศพของไป๋จ่างเฮิ่นด้านในโถง ก่อนกล่าววาจาออก

“กาลก่อน ผู้ที่ร่วมมือกับดาบปีศาจเทวทัณฑ์สังหารไป๋จ่างเฮิ่นคือเจ้าหรือไม่?”

นี่คือฆาตกรอีกคนหรือ?

สตรีผมขาวในอาภรณ์สีเลือดขมวดคิ้วกล่าว “สหายเต๋า เจ้าตัดสินใจไม่จากไปแล้วหรือ?”

นางไม่ตอบ แต่บรรยากาศรอบตัวนางน่าหวาดหวั่นขึ้นเรื่อย ๆ

“เจ้าเล่า เหตุใดจึงยังไม่จากไป?”

ซูอี้ถามอย่างเฉยเมย ท่าทางผ่อนคลาย “ยามนี้ อำนาจจองจำที่ปกคลุมโลกภายนอกสลายไปแสนนาน ด้วยวิถีเต๋าของเจ้า ไม่ยากเลยหากจะไปจากที่นี่”

สตรีผมขาวในอาภรณ์สีเลือดขมวดคิ้วมากขึ้นเรื่อย ๆ นางจะไม่เห็นได้เช่นไรว่าซูอี้ไม่สนใจคำขู่ของนางแม้แต่น้อย?

หลังเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาสีฟ้าของนางก็มองตะเกียงทองแดงสีฟ้าในมือ ก่อนกล่าวว่า “ข้ารอคนผู้หนึ่งอยู่”

ซูอี้ส่ายหน้าพูด “เปล่าหรอก ในความเห็นข้า เจ้ากำลังรอดาบปีศาจเทวทัณฑ์อยู่ต่างหาก”

ม่านตาของสตรีผมขาวในอาภรณ์สีเลือดหดตัวเล็กน้อยราวประหลาดใจ

เห็นเช่นนี้ ซูอี้ก็พูดต่อ “ทว่าดาบนี้ไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้ว”

สตรีผมขาวในอาภรณ์สีเลือดกล่าวอย่างเฉียบขาด “ไม่มีทาง!”

ประโยคนี้พิสูจน์ได้อย่างไม่ต้องสงสัย ว่านางรอดาบปีศาจเทวทัณฑ์อยู่จริง ๆ!

ประโยคนี้ทำให้เกิดพายุขึ้นในใจของหนิงซือฮวา และในที่สุดนางก็เข้าใจว่าก่อนหน้านี้ เหตุใดชิงลั่วจึงปรากฏตัวนอกซากหอเซียนดาบ

ปรากฏว่าดาบปีศาจเทวทัณฑ์ซึ่งอาศัยอยู่ในสันหลังของชิงลั่วต้องการมาพบสตรีผมขาวในอาภรณ์สีเลือดตรงหน้านางผู้นี้!!

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset