📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 654

บทที่ 654 - รังไหมหลิงหลง
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

แสงสว่างไร้ขอบเขต เสียงสวดภาษาสันสกฤตทรงพลัง

โลกใต้พิภพอันเต็มไปด้วยสีเทาดำ หม่นหมองนองเลือด บรรยากาศเน่าเหม็นแปรเปลี่ยนเป็นสถานที่อันมีมนตร์ขลังและสงบสุข

จิตซากศพที่พุ่งมาราวคลื่นหยุดลงกับที่ตนแล้วตนเล่า ร่างเน่าเหม็นของพวกมันอาบแสงแห่งพุทธะเจิดจ้า

สีหน้าของซากศพแต่ละตนต่างสับสน

บรรยากาศดุร้ายและปราณซากศพบนร่างของพวกมันหายไปด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตา ภายใต้การชำระล้างของแสงแห่งพุทธะ…

เป็นภาพอันน่าเหลือเชื่อ

ซูอี้นั่งคุกเข่า เหมือนดั่งพระพุทธองค์เสด็จประทับยังยมโลก ทำให้เหล่าสัตว์นรกเข้ากราบกราน ฟังธรรมอันไร้ประมาณเพื่อล้างบาปของเขา

หนิงซือฮวามองภาพตรงหน้าอย่างเหม่อลอย หัวใจเปี่ยมด้วยความตะลึงอย่างไม่อาจอธิบาย

โลกนี้ยังมีสิ่งใดที่ซูอี้ทำไม่ได้อยู่หรือไม่?

“…ในสุรเสียงแห่งปัญญา ความมงคลในหมู่เมฆา สรรพสิ่งผู้ทุกข์ยาก พิสูจน์ธรรมะเป็นหลักยืนยันตน…” ซูอี้ร่ายบทสวดพลางลืมตาขึ้นเงียบ ๆ

เสียงสวดดังสนั่นสะท้อนก้องไม่รู้จบในโลกานี้ ไกลออกไป ร่างของจิตซากศพเหล่านั้นดูราวกับถูกล้างจนสะอาด เต็มไปด้วยบรรยากาศสงบสุข ไร้ร่องรอยสิ่งโสมมชั่วร้าย

ยามนี้ จิตซากศพเหล่านี้ดูจะจดจำทุกอย่างในชีวิตของตนได้ ดวงตาระเบิดประกายออกมา สีหน้าดูโล่งใจ

จากนั้น จิตซากศพที่ดูเหมือนนกปีกหักก็กล่าวขึ้นอย่างขอบคุณ “ขอบคุณสหายเต๋าที่แสดงอภินิหารอันน่าอัศจรรย์เพื่อปลดปล่อยข้า!”

จากนั้น จิตซากศพที่เหลือทั้งหมดต่างโค้งให้ซูอี้ ก่อนกล่าวว่า “ขอบคุณสหายเต๋าที่แสดงอภินิหารอันน่าอัศจรรย์เพื่อปลดปล่อยข้า!”

ในน้ำเสียงเปี่ยมความขอบคุณนี้เอง ร่างของจิตซากศพเหล่านี้ก็เปลี่ยนเป็นธุลีสลายไป

เมื่อเห็นเช่นนี้ หัวใจของหนิงซือฮวาก็สั่นไหว นางตะลึงค้างด้วยความรู้สึกอันไม่อาจบรรยาย

สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดในโลกไม่ใช่การมีอยู่ แต่เป็นการไม่อาจตายจาก

ยามนี้ จิตซากศพซึ่งแต่เดิมเป็นศิษย์ของหอเซียนดาบดูจะสลายหายไปจากโลกแล้ว ทว่านี่ไม่ใช่การปลดปล่อยอย่างแท้จริงหรือ?

“การกระทำของสหายเต๋ากล่าวได้ว่าเป็นบุญอนันต์”

หนิงซือฮวามองซูอี้ด้วยตาคู่งามของนาง กล่าวออกมาเบา ๆ

ซูอี้ส่ายหน้าไม่เห็นด้วย พลางกล่าวว่า “เรื่องบาปบุญคือสิ่งที่ไร้ค่าที่สุด ข้าช่วยพวกเขาจริง ทว่านั่นเป็นเพียงการตอบแทนบุญคุณของพวกเขา”

เขากล่าวพลางเดินไปยังวิหารไกลออกไป

วิหารนั้นใหญ่โตโอ่อ่า สร้างจากโขดหินที่ปรับแต่งอย่างประณีต ดูโบราณและงดงามนัก

ประตูวิหารปิดแน่น มีลวดลายผนึกสลักไว้หนาแน่น แม้จะถูกกาลเวลากัดกร่อน ทว่ามันก็ยังให้ความรู้สึกกดดันแก่คนมอง

“เป็นค่ายกลป้องกันอีกแห่งแล้ว”

ซูอี้ยืนบนบันได พลางมองเข้าไปใกล้ ๆ และนึกถึงสิ่งที่จิตซากศพวิหคอัปมงคลพูดก่อนหน้านี้ไม่ได้

“เจ้าสำนักออกคำสั่ง ผู้ที่กล้าบุกเข้ามายัง ‘แดนไร้วจี’ จะถูกสังหารอย่างไร้ปรานี!”

แดนไร้วจี!

หรือที่แห่งนี้จะถูกตระเตรียมไว้โดยหอเซียนดาบเพื่อ… เป็นที่พำนักสุดท้ายของยอดฝีมือในสำนัก?

ยามเมื่อถึงอายุขัย นั่งลงทำสมาธิ ปล่อยแก่นชีวิตให้ดับสูญไป

สำหรับผู้ฝึกตน ขอเพียงพวกเขาไม่อาจเลื่อนถึงวิถีจักรพรรดิ ไม่ว่าอายุขัยของพวกเขาจะยาวนานเพียงไร พวกเขาก็หาใช่ผู้เป็นอมตะที่แท้จริงไม่!

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงชีวิตยืนนานเทียบตะวันจันทรา

ในขณะที่ครุ่นคิดเรื่องนี้ ซูอี้ก็โบกแขนเสื้อ

พรึ่บ!

แสงไร้สีพุ่งออกไปกระทบที่ต่าง ๆ บนประตูที่ปิดแน่น จากนั้นเสียงคำรามทึบ ๆ หนัก ๆ ก็ดังออกมา

ประตูโบราณซึ่งจมฝุ่นมาไม่รู้กี่ปีค่อย ๆ เผยออ้าตรงหน้าซูอี้และหนิงซือฮวา

มองไปรอบ ๆ แล้ว พบว่าไร้ซึ่งสิ่งตกแต่งใด ๆ ในห้องโถง แต่มีแท่นเต๋าอยู่ทั้งหมดเจ็ดสิบสองแท่น

แท่นเต๋าแต่ละที่สูงเก้าจั้ง กว้างสามจั้ง เป็นสีดำสนิทและปกคลุมด้วยอักขระลึกลับของค่ายกลจองจำ

บนแท่นเต๋ามีวัตถุคล้ายรังไหมอยู่

เมื่อเห็นเช่นนี้ ซูอี้ก็อึ้งไปครู่หนึ่ง และเข้าใจอย่างถ่องแท้ในทันใด

ในคราแรก ที่นี่อาจเป็นสถานที่ซึ่งหอเซียนดาบเตรียมไว้สำหรับศิษย์สำนักที่ใกล้ดับสิ้น

ทว่าในภายหลัง มันกลายเป็น ‘แดนไร้วจี’ สำหรับโอกาส!

“หรือสหายเต๋าจะเห็นบางอย่าง?”

หนิงซือฮวาอดถามไม่ได้

“แท่นเต๋าเหล่านั้นเรียกได้ว่าเป็นแท่นจองจำ และสิ่งที่เหมือนรังไหมบนแท่นเต๋าเหล่านั้นก็น่าจะเป็น ‘รังไหมหลิงหลง’ ที่จักรพรรดิปีศาจฮุ่นเทียนแห่งหอเซียนดาบสร้างขึ้น”

ซูอี้กล่าวสบาย ๆ “แท่นจองจำนับได้ว่าเป็นพลังผนึกอย่างหนึ่ง ซึ่งสามารถแยกการแทรกแซงและการทำลายจากภายนอกออกได้”

“และรังไหมหลิงหลงนี้สามารถทำให้ผู้ฝึกตนหยุดนิ่งในนั้น เพื่อให้การฝึกฝนและพลังชีวิตถูกจองจำไว้ พวกเขาจะได้เยาว์วัยไปตลอดกาล ไม่ต้องกลัวการกัดกร่อนของกาลเวลาอันยาวนาน เมื่อถึงกาลอันเหมาะสม ผู้ฝึกตนเหล่านี้ย่อมจะมีโอกาสได้ออกมาจากรังไหม”

หนิงซือฮวาตะลึง “มีวัตถุศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้อยู่บนโลกด้วยหรือ?”

“วัตถุศักดิ์สิทธิ์? อย่าใช้คำนั้นเลย”

ซูอี้ชี้ “เจ้าในยามนี้รู้แล้วว่าโลกมีผู้ร้ายกาจจากยุคโบราณมากเพียงไร เจ้าคิดว่าพวกเขารอดจากการจองจำแห่งยุคมืดสามหมื่นปีได้เช่นไรเล่า?”

หนิงซือฮวาถาม “สหายเต๋าจะบอกว่า ผู้ร้ายกาจจากยุคโบราณในโลกนี้ต่างรอดจากการจองจำสามหมื่นปีแห่งยุคมืดโดยจำศีลในสมบัติเช่น ‘รังไหมหลิงหลง’ เช่นนี้ ก่อนที่ในที่สุดจะกลับมามีชีวิตบนโลกหรือ?”

“ถูกต้อง”

ซูอี้พยักหน้า “ทว่า เมื่อกาลเวลาผันผ่าน โลกเปลี่ยนผันขึ้นลง หากเจ้าอยู่ในรังไหมหลิงหลงและเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เจ้าก็อาจไม่ได้คืนชีพอีก”

พูดจบ เขาก็เดินเข้าไปในห้องโถง

หนิงซือฮวาตามไปโดยไม่รู้ตัว

ซูอี้เดินมาถึงแท่นจองจำที่ใกล้ที่สุด เปลือกตาของเขากระตุกเล็กน้อยเมื่อมองมายังรังไหมหลิงหลงซึ่งมีขนาดราว ๆ สิบจั้ง

บนรังไหมหลิงหลงมีรอยดาบรอยหนึ่งอยู่อย่างน่าตกใจ!

รอยดาบนี้เหมือนกับที่อยู่บนซากศพตลอดการเดินทางไม่มีผิด!

จิตสัมผัสของซูอี้แผ่ออก มองไปรอบ ๆ แท่นจองจำต่าง ๆ ทั่วห้องโถง

รังไหมหลิงหลงเหล่านั้นต่างถูกทำลายโดยรอยดาบฟันหนึ่งหนโดยไร้ข้อยกเว้น!

“มิน่าเล่า เราจึงไม่เคยได้เห็นผู้แข็งแกร่งจากยุคโบราณคนใดมาจากหอเซียนดาบ ที่แท้ใครสักคนก็ทำลายรังไหมหลิงหลงเหล่านี้นานแสนนานแล้ว”

ซูอี้อดสะเทือนใจยามได้เรียนรู้ความจริงไม่ได้

คาดเดาได้ว่าหลังจากการปรากฏของการจองจำแห่งยุคมืดเมื่อสามหมื่นปีก่อน หอเซียนดาบไม่เชิงไร้การเตรียมตัวโuเวลกูดฺอทคอม

ในทางกลับกัน พวกเขาสร้างแท่นจองจำขึ้นบนสถานที่อันว้าเหว่นี้ ทิ้งรังไหมหลิงหลงไว้เจ็ดสิบสองรัง เพื่อให้ทายาทเจ็ดสิบสองคนที่ถูกคัดเลือกได้รับโอกาสเกิดใหม่ในกาลถัดมา

ทว่าการเตรียมการทั้งหมดนี้ต่างถูกทำลายโดยคนผู้หนึ่ง!

ใครกันที่ทำเช่นนี้?

เมื่อซูอี้คิดถึงเรื่องนี้ เขาก็ตะลึงและได้เห็นซากศพแห้งศพหนึ่งอยู่ลึก ๆ ในห้องโถง

เมื่อเข้าไปใกล้ ก็ได้เห็นว่าซากศพนั้นสวมอาภรณ์สีม่วง มีร่างผอมบาง และแม้กาลเวลาจะผ่านแสนนาน อีกฝ่ายก็ไร้สัญญาณเน่าเปื่อย

ซากศพร่วงลงสู่พื้น คอตกห้อย ปลายนิ้วมือขวาสัมผัสพื้น

เมื่อซูอี้มองตามมือ เขาก็เห็นอักษรปีศาจโบราณเขียนบนพื้นด้วยโลหิตซึ่งกลายเป็นสีเทาหมองมัวไปนานแล้ว

ทว่าข้อความนั้นยังพออ่านได้

‘เทวทัณฑ์กัดกินนาย ทำลายรากฐานโบราณแห่งหอเซียนดาบเรา ไป๋จ่างเฮิ่นละอายต่อบรรพชนนัก!’

เมื่อเขาเห็นเช่นนี้ หัวใจของซูอี้ก็ตกตะลึง แสดงสีหน้าไม่คาดฝัน

ซากศพนี้คือไป๋จ่างเฮิ่น เจ้าสำนักรุ่นที่สามแห่งหอเซียนดาบ!

หลังจากซูอี้เข้ามาในซากของหอเซียนดาบ เขาก็ได้เห็นภาพที่ถูกบันทึกทิ้งไว้เมื่อสามหมื่นปีก่อนจากแผ่นหยกโบราณชิ้นหนึ่ง

ในภาพนั้นมีร่างของไป๋จ่างเฮิ่นและจักรพรรดิปีศาจฮุ่นเทียนอยู่!

‘เทวทัณฑ์กัดกินนาย… ดูเหมือนว่าดาบปีศาจนามเทวทัณฑ์แต่เดิมจะเป็นดาบคู่กายของไป๋จ่างเฮิ่น…’

ซูอี้ลอบคิด

เมื่อสองเดือนก่อน เขาบั่นหัวชิงลั่วที่หน้าซากหอเซียนดาบ และจากสิ่งนี้ เขาก็ได้รับรู้ว่าชิงลั่วเป็นเพียงทาสดาบผู้ถูกดาบใช้ร่างเป็นอาหาร

และสิ่งที่กุมชะตากรรมของชิงลั่วไว้ก็คือดาบปีศาจนาม ‘เทวทัณฑ์’ ที่ซ่อนในสันหลังของเขา!

ยามนี้ ซูอี้คาดเดาไว้ว่าเหตุที่ชิงลั่วปรากฏที่ซากหอเซียนดาบ เป็นไปได้สูงมากว่าจะเป็นอิทธิพลของดาบปีศาจ

เพราะถึงอย่างไร หอเซียนดาบก็คือสำนักผู้ฝึกปีศาจ ที่มีคำว่า ‘ดาบ’ อยู่ในชื่อ

และดาบปีศาจเทวทัณฑ์ก็เป็นสมบัติชั่วร้ายชิ้นหนึ่งอย่างเห็นได้ชัด มีวิญญาณปีศาจอันสมบูรณ์ และปรากฏขึ้นหน้าซากหอเซียนดาบ ณ ยามนั้น

ไม่ต้องสงสัยเลย ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าดาบปีศาจเทวทัณฑ์และหอเซียนดาบมีความเกี่ยวพันกันอยู่

และยามนี้ เมื่อเขาได้เห็นศพของไป๋จ่างเฮิ่นและอักษรเลือดที่ทิ้งไว้ก่อนตาย ซูอี้จะยังไม่กระจ่างแจ้งได้เช่นไร?

“สหายเต๋า เจ้ารู้ตัวตนของศพนี้หรือ?”

หนิงซือฮวาถาม

ซูอี้พยักหน้า และเล่าสิ่งที่เขาคาดเดาไว้ให้หนิงซือฮวาฟัง

สามหมื่นปีก่อน การจองจำแห่งยุคมืดอุบัติขึ้น ทุกผู้ในหอเซียนดาบตกอยู่ในอันตราย เจ้าสำนักของพวกเขา ไป๋จ่างเฮิ่นนำยอดฝีมือในสำนักสร้างแท่นจองจำทั้งเจ็ดสิบสองขึ้นในวิหารอันว้าเหว่นี้

พวกเขาวางแผนอย่างลับ ๆ หวังว่าทายาทผู้จำศีลในรังไหมหลิงหลงจะตื่นขึ้นได้ในสักวัน

ทว่า ไป๋จ่างเฮิ่นคงไม่เคยคาดว่ายามเขาวางแผนเคลื่อนไหว สมบัติคู่ชีพของเขา ดาบปีศาจเทวทัณฑ์จะกลืนกินนายของมันกะทันหัน!

และรังไหมหลิงหลงทั้งเจ็ดสิบสอง รวมไปถึงซากศพนับร้อย ๆ นอกโถงหลักต่างก็ถูกฆ่าโดยดาบปีศาจเทวทัณฑ์!

คำกล่าวของซูอี้เรียบง่ายอย่างยิ่ง ทว่าหลังเรียนรู้ความจริงเช่นนี้ หนิงซือฮวาก็ตกใจเสียจนใบหน้างดงามเปลี่ยนสี

นางพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า “ก็แค่ดาบเล่มเดียว เหตุใด… ถึงร้ายกาจน่ากลัวนัก?”

“นี่คือความเสี่ยงที่เกิดจากการใช้วิชา ‘ใช้ร่างตนเลี้ยงดาบ’ นั่นเอง”

ซูอี้กล่าว “วิชาลับเช่นนี้ใช้พลังชีวิตและการฝึกฝนของตนเองเป็นอาหารให้ดาบเพื่อพัฒนาพลังของดาบตน”

“หากทำเช่นนี้ ดาบคู่กายจะสามารถระเบิดพลังอันน่าหวาดหวั่นเกินจินตนาการออกมาได้อย่างจริงแท้”

“ทว่ามันมีผลข้างเคียง นั่นคือ หากไม่อาจสยบร่างวิญญาณภูตในดาบนี้ ผู้ใช้จะต้องเผชิญความเสี่ยงที่มันจะกลืนกินนาย และยามนั้น ความทรงจำ วิถีเต๋า และชีวิตของผู้ฝึกตนจะถูกสูบกินโดยวิญญาณดาบ”

กล่าวถึงยามนี้ ซูอี้ก็มองไปยังซากศพของไป๋จ่างเฮิ่นและกล่าวต่อ “หากข้าเดาถูก คนผู้นี้ต้องใช้พลังและวิถีเต๋าไปมากมายในการจัดแท่นจองจำและรังไหมหลิงหลง ดังนั้นดาบปีศาจเทวทัณฑ์จึงฉวยโอกาสนั้น ผลก็คือมหาหายนะบังเกิด”

หนิงซือฮวาตกใจกลัวเสียจนมือเท้าเย็นเฉียบ

กาลก่อน หนึ่งดาบสังหารเจ้าสำนักและทำลายทุกการจัดเตรียมรับมือการจองจำแห่งยุคมืดของหอเซียนดาบ!

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าช่างไม่น่าเชื่อ

และสิ่งที่ทำให้หัวใจของหนิงซือฮวาสั่นไหวยิ่งกว่าก็คือ ดาบปีศาจเทวทัณฑ์ยังมีชีวิตอยู่!

และไม่นานนี้เอง หากซูอี้มาไม่ทันเวลา นางก็เกือบปล่อยให้ดาบปีศาจชั่วร้ายนี่บุกเข้ามาในหอเซียนดาบแล้ว!

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset