📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 637

บทที่ 637 - หุบเขาวิญญาณล่องเมฆา
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ต้าฉิน เขาวิญญาณชิงถง

สถานที่ตั้งแห่งสำนักเบญจอัสนี

ในห้องโถงแห่งหนึ่ง

“ท่าทีของซูอี้ผู้นี้สามหาวนัก!”

ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งในอาภรณ์ลายอสรพิษกล่าวเสียงเข้ม

จูคุนหยาง

ผู้เฒ่าใหญ่แห่งสำนักเบญจอัสนี อาจารย์ของหยวนซั่ว

สีหน้าของบุคคลอื่น ๆ ในโถงต่างมืดหม่นไม่แพ้กัน

พวกเขาเพิ่งได้รับข่าวจากหยวนซั่ว ว่าซูอี้เข้ามาเกี่ยวกับการตามจับอาจารย์อวิ๋นหลาง

“สามหาว?! คนเรานี่ช่างเชื่อมั่นในภูมิหลังตนนัก”

ซงจั่งเฮ่อ เจ้าสำนักเบญจอัสนีผู้นั่งอยู่บนเก้าอี้ประธานกลางโถงกล่าวเบา ๆ

หนวดเคราเส้นผมของเขาดั่งโลหะเงิน รูปลักษณ์กิริยาเยี่ยงเซียน สวมอาภรณ์นักพรตเต๋า ท่วงท่าสง่างาม

ทุกผู้เงียบเสียง

ด้วยฐานะของพวกเขา จะไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของซูอี้ได้เช่นไร?

การทำลายล้างตำหนักมารเทียนอวี้คือบทเรียนแห่งอดีต!

และเท่าที่พวกเขารู้ แม้ซูอี้จะเยาว์วัยและมีการฝึกฝนถึงเพียงขอบเขตรวบรวมดารา แต่อำนาจต่อสู้ของเขาสูงส่งหาใดปาน สามารถสังหารมหาปราชญ์สวรรค์ในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณได้โดยง่าย

“เจ้าสำนัก เราต้องรามือเท่านี้หรือ?”

จูคุนหยางถาม

“การจับกุมอาจารย์อวิ๋นหลางไม่ใช่เรื่องใหญ่ ทว่าด้วยคำพูดของซูอี้ เขาขอให้เรารามือเสีย หากเรื่องแพร่งพราย มันจะทำให้เกียรติภูมิของสำนักเราเสื่อมเสียได้”

ซงจั่งเฮ่อกล่าวช้า ๆ “ไม่ใช่ว่าซูอี้ผู้นี้ก็เข้าร่วมงานชุมนุมล่องเมฆาด้วยหรือ? เมื่อถึงคราว ข้าจะหาโอกาสสังหารเขาก่อน จากนั้นก็ถอยกลับมาเปิดโปงเรื่องราว ฉกฉวยผลประโยชน์จากความขัดแย้ง จากนั้นทุกอย่างก็จะปลอดภัย รวมถึงหน้าตาของสำนักเบญจอัสนีเราด้วย”

“หากเป็นเช่นนั้น เจ้าหนูนั่นก็ตายง่ายไปจริง ๆ”

ใครบางคนกล่าวอย่างเย็นชา รู้สึกไม่สาแก่ใจ คิดว่าไม่ว่าเช่นไร วิธีการของซงจั่งเฮ่อก็ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ

ใครอีกคนกล่าวว่า “เจ้าสำนัก ข้าได้ยินมาว่าซูอี้ผู้นั้นเย่อหยิ่ง ไม่เคารพกฎเกณฑ์ ทำทุกอย่างตามใจ จะทำเช่นไรเล่าหากเขาไม่ลังเลที่จะห้ำหั่นกับเราในงานชุมนุมล่องเมฆา?”

เมื่อเห็นเช่นนั้น ซงจั่งเฮ่อก็กล่าวว่า “เขาไม่กล้าหรอก! อย่าลืมว่าสำนักอนธการสยบนภาจัดงานชุมนุมล่องเมฆาครานี้ขึ้นก็เพื่อสงบสงครามและเลี่ยงการขัดแย้งระหว่างขุมอำนาจใหญ่ ๆ ในโลกหล้า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หากซูอี้กล้าต่อสู้กับเราไม่ไว้หน้า นั่นไม่หมายความว่าเขามาเพื่อพังงานชุมนุมล่องเมฆาหรือ?”

ผู้อาวุโสใหญ่จูคุนหยางพยักหน้าพลางกล่าว “เจ้าสำนักกล่าวได้ถูกต้องยิ่ง งานชุมนุมล่องเมฆานี้ส่งผลต่อผู้ฝึกตนทั่วหล้า หากมันถูกทำลาย ซูอี้จะทำให้ทั่วหล้าเกิดโทสะ และกลายเป็นศัตรูร่วมทั้งโลกหล้า เขาแบกรับผลกระทบเยี่ยงนี้ไม่ได้แน่!”

หลังนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาก็กล่าวยิ้ม ๆ ว่า “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ก็แค่เข้าร่วมงานชุมนุมล่องเมฆา ขุมอำนาจต่าง ๆ ย่อมไม่ใส่ใจจะมาตามดูซูอี้กันอยู่แล้ว”

หลังฟังจบ ทุกคนก็พยักหน้า

ขนาดของงานชุมนุมล่องเมฆานี้ไม่เคยมีปรากฏมาก่อน ไม่ว่าผู้ใดคิดทำลายมันจะกลายเป็นศัตรูสาธารณะแห่งโลก!

“สรุปเช่นนี้แล้วกัน ยามเมื่อถึงเวลา ข้าและผู้เฒ่าใหญ่จะไปหุบเขาวิญญาณล่องเมฆาสักหน่อย”

ซงจั่งเฮ่อตัดสินใจ

วันที่สิบเก้าเดือนหนึ่ง

เช้าตรู่

หุบเขาวิญญาณล่องเมฆา

ที่แห่งนี้แต่เดิมเป็นสถานที่ต้องห้ามแห่งหนึ่งในต้าฉิน

ด้วยการฟื้นตัวของปราณวิญญาณทั่วฟ้าดิน หุบเขาอันดุร้ายนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปราวพลิกมือ และยามนี้มันได้กลายเป็นหุบเขาล้ำค่า ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในสายตาเหล่าผู้ฝึกตนไป

ยามนี้ ที่หุบเขาวิญญาณล่องเมฆาครึกครื้นแล้ว

ย้อนกลับไปตั้งแต่เมื่อสองสามวันก่อน หลังได้ยินข่าวการจัด ‘งานชุมนุมล่องเมฆา’ ผู้ฝึกตนไร้สังกัดและผู้ฝึกยุทธ์มากมายทั่วหล้าก็มารวมตัวกันที่นี่

และนี่ไม่ใช่ว่าเพื่อหาความสนุกเพียงอย่างเดียว

ในทางกลับกัน พวกเขาหวังใช้โอกาสนี้จับตามองพฤติกรรมของพวกมหาอำนาจใกล้ ๆ

มีกระทั่งยอดฝีมือบางคนที่หวังจะถูกมหาอำนาจเหล่านี้สังเกต และได้บรรลุจุดประสงค์ทะยานสู่ประตูมังกร

“เที่ยงนี้ งานชุมนุมล่องเมฆาที่จะถูกจัดขึ้นที่ผาซงเทาบนยอดเขา”

ใครบางคนกระซิบ

“รายงานกันว่ายอดขุมกำลังจากสามดินแดน ต้าฉิน ต้าโจวและต้าเว่ยจะเข้าร่วมชุมนุมทั้งหมดแปดแห่ง ซึ่งเป็นการจัดชุมนุมที่ยิ่งใหญ่ไม่เคยมีมาก่อน!”

ใครสักคนดูโหยหา

“ข้าหวังเพียงว่าในงานชุมนุมล่องเมฆานี้จะเป็นไปตามที่ผู้อาวุโสเมิ่งจิ้งไห่ เจ้าสำนักอนธการสยบนภากล่าวไว้ ขุมอำนาจทั้งหมดสร้างข้อตกลง สยบความวุ่นวาย และคืนความสงบสุขแก่โลกหล้า”

ใครสักคนทอดถอนใจ

ทันทีที่คำนี้ถูกเอ่ย มันก็สะท้อนก้องไปกับเสียงของคนอีกหลายผู้

ในช่วงสองเดือนมานี้ ทั่วทุกมุมโลกเปลี่ยนแปลงอย่างมหันต์ เรื่องราวบนโลกหล้าพลิกผันไปมา โลหิตหลั่งริน ชีวิตถูกเก็บเกี่ยวทุกหนแห่งโนเวลกูดอทคฺอม

ใครเล่าจะอยากดิ้นรนในโลกอันแร้นแค้นเยี่ยงนี้?

เมื่อซูอี้มาถึง เขาก็เห็นภาพเช่นนี้จากไกล ๆ

“ไปกันเถิด”

ซูอี้ก้าวไปเบื้องหน้าโดยไม่หยุดยั้ง

ที่ตีนเขาล่องเมฆา ประตูของสำนักอนธการสยบนภาซึ่งถูกอารักขาโดยศิษย์กลุ่มหนึ่งจากสำนักอนธการสยบนภาปรากฏขึ้น

เมื่อซูอี้หยิบเทียบเชิญของตนออกมา ร่างที่คุ้นตาร่างหนึ่งก็รีบร้อนมาหา

เขาคือทูตจากสำนักอนธการสยบนภา ปู้ฝาน

“ใต้เท้าซู เชิญ!”

ปู้ฝานทักทายด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า จากนั้นเขาก็นำทางให้ซูอี้และคณะ

เขาดูดีใจมากที่พวกซูอี้มาเข้าร่วมชุมนุม

“ใต้เท้าซู งานชุมนุมล่องเมฆาจะถูกจัดยามเที่ยงวัน ก่อนหน้านั้น แขกของงานจะสามารถพักผ่อนได้ที่ผาซงเทาขอรับ”

ในขณะนำทาง ปู้ฝานก็กล่าวว่า “หากต้อนรับขับสู้ไม่เป็นที่พอใจ ขอใต้เท้าซูอย่าถือสา”

ซูอี้ส่งเสียงรับในลำคอ ไม่ได้กล่าวอันใด

ปู้ฝานกล่าวขอโทษด้วยสีหน้าที่ดูอับอายเล็กน้อย “ใต้เท้าซู แต่เดิมท่านเจ้าสำนักวางแผนจะมารอต้อนรับใต้เท้าด้วยตนเองในวันนี้ ทว่าแขกของเรามากมายนัก เจ้าสำนักไม่อาจปลีกเวลาได้เลย…”

ซูอี้โบกมือกล่าว “เรื่องเล็กน้อย ไม่ต้องพูดหรอก”

ปู้ฝานหยุดพูดทันที เขาเห็นแล้วว่าซูอี้ไม่อยากมาฟังคำพูดลม ๆ แล้ง ๆ เชิงมารยาทเหล่านี้

เมื่อเห็นเช่นนี้ หลานซัวก็แอบประหลาดใจ

นางเคลือบแคลงเรื่องการเข้าร่วมชุมนุมของซูอี้มาแต่แรก ทว่ายามนี้ ในที่สุดนางก็มั่นใจได้แล้วว่าสำนักอนธการสยบนภามอบความสำคัญยิ่งยวดให้ซูอี้จริง ๆ!

“ข้าไม่รู้ว่าเกิดอันใดกับคุณชายซูระหว่างช่วงนี้ที่ทำให้สำนักอนธการสยบนภาพินอบพิเทา ให้เกียรติเขาเพียงนี้…”

หลานซัวรำพึง “หากภายหน้ามีโอกาส ต้องแน่ใจว่าเราดีต่อเขา และหาข่าวเกี่ยวกับต้าโจวด้วย!”

เมื่อทั้งกลุ่มขึ้นเขามาได้ครึ่งทาง พวกเขาก็เห็นผู้คนมากมายรวมตัวกันพูดคุยหัวเราะกันเป็นกลุ่มสามหรือห้าคน

เมื่อซูอี้มองมา ปู้ฝานก็อธิบายเสียงต่ำ “มีขุมอำนาจมากมายมางานเลี้ยงวันนี้ แต่มีเพียงมหาอำนาจและบุคคลระดับสูงสุดอย่างใต้เท้าซูเท่านั้นที่ขึ้นไปยัง ‘ผาซงเทา’ ที่ยอดเขาเพื่อเจรจาเรื่องสำคัญได้”

นี่ระบุว่าคนใหญ่คนโตจากขุมอำนาจอื่น ๆ จะสามารถรวมตัวกันได้ที่กึ่งทางขึ้นเขาเท่านั้น

ซูอี้พยักหน้าและกำลังจะก้าวต่อ

ไกลออกไป ชายวัยกลางคนในชุดสีทองผู้หนึ่งรีบร้อนตรงมาหาหลานซัวและกล่าวอย่างกังวล “หลานซัว ไยเล่าจึงมาที่นี่? เจ้าไม่รู้หรือไรว่าอาจารย์เจ้าก่อเรื่องใหญ่ใดไว้?”

หลานซัวสีหน้าเปลี่ยนอย่างมหันต์ สูดลมหายใจลึก และกล่าวว่า “ศิษย์พี่หวัง ข้ามางานชุมนุมล่องเมฆาครานี้ก็เพื่อแก้วิกฤต”

ชายวัยกลางคนในชุดสีทองกล่าวอย่างโกรธเคือง “ไร้สาระ! เจ้าไม่แม้แต่จะมองกาลเทศะ อย่าว่าแต่ล่วงเกินสำนักเบญจอัสนี ใครเล่าจะช่วยอาจารย์เจ้าได้?”

ใบหน้างดงามของหลานซัวซีดเซียว ก่อนกล่าวว่า “ศิษย์พี่หวัง อาจารย์ข้าเป็นผู้เฒ่าสูงสุดแห่งสำนักดาบจรัสฟ้าจบแดน และยังเป็นอาจารย์ลุงของท่าน ไยจึงพูดเช่นนี้?”

สีหน้าของชายวัยกลางคนในชุดสีทองแปรเปลี่ยน ทอดถอนใจ “หลานซัว เจ้าทำอันใดอยู่? ข้ายังไม่เข้าใจเลย อาจารย์เจ้าก่อเรื่องมากมาย และไม่ใช่สิ่งที่สำนักดาบจรัสฟ้าจบแดนของเราจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้”

“เจ้าสำนักยังออกคำสั่งปลดอาจารย์เจ้าจากการเป็นผู้เฒ่าใหญ่ ซ้ำยังไล่ออกจากสำนักแล้ว!”

หลานซัวได้ยินดังนั้นก็ตกใจราวถูกสายฟ้าฟาด ใบหน้างดงามของนางซีดเผือด แทบไม่เชื่อหูตน

ร่างของหลานซัวสั่นเทิ้มด้วยโทสะ กล่าวว่า “พวกท่าน… ไม่ช่วยก็ไม่ต้องช่วยสิ ทำไม… จึงทำเรื่องเช่นนี้ได้?”

ชายวัยกลางคนในชุดสีทองกล่าวด้วยสีหน้าเฉยเมย “หลานซัว หากไม่ทำเช่นนี้ อาจารย์เจ้ารังแต่จะลากคนในสำนักดาบจรัสฟ้าจบแดนของเราลงปลักโคลนไปด้วย! ในความคิดของข้า หากเจ้าเต็มใจจะบอกที่อยู่อาจารย์เจ้าออกมา และให้เขาไปขอรับโทษที่สำนักเบญจอัสนี บางที… เขายังมีโอกาสรอดชีวิต หาไม่แล้ว อย่าว่าแต่อาจารย์เจ้าเลย กระทั่งเจ้าก็เกรงว่าคงยากจะหนีพ้น!”

ยามนี้ ซูอี้กล่าวขึ้นอย่างเฉยเมย “นางจะไม่เป็นไร และอาจารย์อวิ๋นหลางก็จะปลอดภัย”

เขาไม่แม้จะมองชายวัยกลางคนชุดทอง ชายหนุ่มมองหลานซัว ตบบ่านางและกล่าวว่า “อย่าใส่ใจเรื่องนี้ ไปกันเถิด”

หลานซัวพยักหน้าอย่างอับจนหนทาง

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจิตใจของนางได้รับผลกระทบหนักหนา สีหน้าของนางเหม่อลอย เศร้าโศกและไร้หนทาง

“เจ้าเป็นใคร กล้าดีเช่นไรมายุ่งกับกงการของสำนักดาบจรัสฟ้าจบแดนของข้า?”

ชายในชุดสีทองกล่าวอย่างไม่พอใจ

ปู้ฝานพลันก้าวออกมามองชายวัยกลางคนชุดทองอย่างสุขุม กล่าวว่า “เจ้ารู้จักข้าหรือไม่?”

ชายชุดทองชะงัก

ทว่าเมื่อเห็นป้ายสีเงินที่ห้อยอยู่ที่เอวของปู้ฝาน เขาก็สะท้านทั้งกายและรีบโค้งคำนับ “หวังลู่ยงคารวะผู้ดูแล!”

ผู้ห้อยแผ่นป้ายสีเงินที่เอวแสดงให้เห็นถึงตำแหน่งผู้ดูแลจากสำนักอนธการสยบนภา

ตัวตนเช่นนี้ แม้แต่เจ้าสำนักดาบจรัสฟ้าจบแดนที่อยู่ใต้บัญชาของสำนักอนธการสยบนภา หากพบเข้า เขาก็ยังต้องเกรงใจพินอบพิเทาต่ออีกฝ่าย!

ปู้ฝานกล่าวอย่างเฉยเมย “ใต้เท้าซูและแม่นางหลานซัวผู้นั้นต่างเป็นแขกผู้มีเกียรติของสำนักอนธการสยบนภา หากเจ้ากล้าทำตัวจองหอง อย่าหาว่าข้าไม่สุภาพ”

จากนั้น เขาก็หันหลังกลับไปกุลีกุจอนำทางให้พวกซูอี้ต่อ

ชายชุดทองชะงักนิ่ง เหงื่ออาบไปทั่วร่าง

ยามใดกันที่หลานซัวกลายมาเป็นแขกผู้มีเกียรติอันสูงส่งแห่งสำนักอนธการสยบนภา!?

ไหนจะใต้เท้าซูนั่นอีก เป็นเทพเซียนจากหนใด?

ช้าก่อน!

จู่ ๆ ชายชุดทองก็ดูจะจำบางอย่างได้ ชิวเทียนฉื่อ เจ้าสำนักดาบจรัสฟ้าจบแดนในยามนี้อยู่บนผาซงเทา

แค่ว่า โม่หงเซียวกำลังรับแขกของสำนักอนธการสยบนภาอยู่กับคนใหญ่คนโตอื่น ๆ ของสำนักอนธการสยบนภาในยามนี้ ซึ่งแขกแต่ละผู้ล้วนแต่เป็นคนใหญ่คนโตของขุมอำนาจสูงสุดต่าง ๆ

“หากเจ้าสำนักเห็นหลานซัว เกรงจะเกิดเรื่องบางอย่างผิดแปลกขึ้น!”

ชายในชุดสีทองลอบอุทาน

เขากำลังจะไล่ตาม ทว่าเมื่อมองไปหา ก็พบว่ากลุ่มของซูอี้เดินลับไปไกลแล้ว

ฐานะเช่นเขาไม่มีคุณสมบัติพอจะไปผาซงเถาบนยอดเขาได้

“นี่… จะทำเช่นไรได้บ้าง!?”

ชายในชุดสีทองมึนงง จนปัญญาเยี่ยงมดเต้นในกระทะ

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset