📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 623

บทที่ 623 - เกาะร้างกลางสมุทร
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

เก๋อฉางหลิงเป็นอาจารย์ของเก๋อเฉียน

ซูอี้ไม่อาจไม่เชื่อคำพูดของเขาได้

“ยอดฝีมือแบบใดกันที่พาสองสามีภรรยาไป?”

ซูอี้ถาม

เก๋อฉางหลิงตอบ “ผู้ฝึกตนในขอบเขตเปิดทวารสองคน”

ซูอี้ครุ่นคิดหนัก

พวกเขาเดินทางเช้าวานนี้ ด้วยความแข็งแกร่งของผู้ฝึกตนในขอบเขตเปิดทวารทั้งสอง หากมีวิชาตัวเบาหลบหลีกล้ำเลิศ ก็จะใช้เวลาสามวันกว่าจะไปถึงทะเลวิญญาณโกลาหลในต้าฉิน

ยิ่งกว่านั้น เป็นที่แน่ใจแล้วว่าฉู่ซิวอยู่ลึกเข้าไปในทะเลวิญญาณโกลาหล

คนผู้นี้แอบย่องเข้าไปในซากปรักหักพังของหอเซียนดาบ ทั้งที่รู้ว่าตัวเขา ซูอี้ผู้นี้ครอบครองที่แห่งนั้นไปแล้วอย่างนั้นหรือ?

ยามที่อีกฝ่ายไม่อาจจับผู้ใดซึ่งเกี่ยวพันกับเขาได้ ต้องคิดว่าพวกหนิงซือฮวาซ่อนอยู่ในซากปรักหักพังของหอเซียนดาบเป็นแน่

ทว่ายามนี้ อีกฝ่ายต้องการใครสักคนให้ส่งเหวินฉางไท่และฮูหยินลึกเข้าไปในทะเลวิญญาณโกลาหล ซึ่งอาจแปลได้ว่าฉู่ซิวยังไม่ได้เข้าไปในซากปรักหักพังของหอเซียนดาบ!

คิดเช่นนี้ ซูอี้ก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย

ซากปรักหักพังของหอเซียนดาบปกคลุมไปด้วยอำนาจจองจำซึ่งจักรพรรดิปีศาจฮุ่นเทียนจัดเตรียมไว้ด้วยตนเอง

ดังนั้นมันจึงไม่ยาก หากจะใช้ขวางกั้นบุคคลในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณเช่นฉู่ซิว

ยิ่งกว่านั้น มังกรเกล็ดดำอิงเชวียก็พิทักษ์อยู่นอกซากหอเซียนดาบภายใต้คำสั่งของชายหนุ่มอย่างลับ ๆ ดังนั้นด้วยผลการฝึกฝนในขอบเขตสยายวิญญาณของมังกรเกล็ดดำ นั่นเพียงพอแล้วกับการเป็นภัยใหญ่หลวงต่อฉู่ซิว!

บางที อาจเป็นเหตุนี้ก็เป็นได้ที่ฉู่ซิวถูกบังคับให้ใช้เหวินฉางไท่และฮูหยินเป็นตัวประกันข่มขู่เขาอย่างจนตรอก!

“ดูเหมือนเราต้องรีบเดินทางไปยังหอเซียนดาบเสียแล้ว”

เมื่อซูอี้คิดเช่นนี้ เขาก็มองทารกมารในอ้อมแขน หัวใจสะท้านสะเทือน “เมื่อมีมารน้อยเช่นเจ้าอยู่ ไยต้องกังวลมากมายกับฉู่ซิว?”

สถานะของทารกมารในตำหนักมารเทียนอวี้นั้นสูงส่งมาก

เห็นได้ชัดเจนจากความพินอบพิเทาของถูไป๋เจิ้นและผู้ฝึกตนในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณคนอื่น ๆ ที่มีต่อทารกมาร

และฉู่ซิวซึ่งก็เป็นผู้อาวุโสแห่งตำหนักมารเทียนอวี้ หากได้พบทารกมารในอ้อมแขนเขา อีกฝ่ายจะยังกล้ากระทำการบุ่มบ่ามอีกหรือไม่?

“ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้ามารน้อยนี่จะยังมีประโยชน์”

ซูอี้เหลือบมองทารกมารอย่างชื่นชม

เขาไร้เยื่อใยต่อทารกมาร เพราะถึงเช่นไร เขาก็แค่หยิบนางมาเลี้ยงเฉย ๆ

หากไม่ใช่เพราะทารกมารมีความสามารถและเยาว์วัยนัก ซูอี้คงไม่คร้านใส่ใจ

“แล้วเจ้าเล่า เหตุใดจึงถูกขังที่นี่?”

ซูอี้หันไปมองหงเซินชางอย่างกะทันหัน

เขาจำได้ชัดเจนว่าอดีตราชครูแห่งต้าโจวผู้นี้คือผู้สิงสถิตจากต่างโลก!

หงเซินชางกระซิบด้วยสีหน้าขมขื่น “ข้ามาจากมหาทวีปเทียนหมิง ไม่เกี่ยวอันใดกับตำหนักมารเทียนอวี้”

มหาทวีปเทียนหมิง!

ซูอี้ดูครุ่นคิด และจำได้ในไม่ช้าว่าภายใต้การชี้นำของเขา จวิ้นอ๋องแห่งอู่หลิงเฉินเจิ้งเคยกลั่นจิตวิญญาณของยอดฝีมือต่างโลกผู้หนึ่ง และได้เรียนรู้สถานการณ์บางอย่างจากมหาทวีปเทียนหมิง

กล่าวกันว่ามีกลุ่มเต๋าอยู่ในมหาทวีปเทียนหมิงห้าแห่ง ทว่าไร้กลุ่มเต๋าในขอบเขตจักรพรรดิ

“ว่าไป ผู้ฝึกตนจากมหาทวีปเทียนหมิงเราก็เป็นเหยื่อเช่นกัน”

หงเซินชางถอนหายใจ

ซูอี้กล่าว “หมายความเช่นไร?”

หงเซินชางกล่าวเสียงต่ำ “ประตูมิติที่หุบเขามารบุปผาโลหิตนี้ แต่เดิมถูกควบคุมโดยขุมอำนาจจากมหาทวีปเทียนหมิง ทว่าไม่นานมานี้ เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้นที่มหาทวีปเทียนหมิงอย่างมหันต์ และตำหนักมารเทียนอวี้จากมหาทวีปเทียนตูก็บุกรุกเข้ามายังมหาทวีปเทียนหมิง…”

จากคำบอกเล่าของหงเซินชาง ในฐานะขุมอำนาจหลักแห่งมหาทวีปเทียนตู ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนตำหนักมารเทียนอวี้จะเอาชนะกลุ่มเต๋าในวิถีวิญญาณทั้งห้าของมหาทวีปเทียนหมิงจนราบคาบ!

และประตูมิติซึ่งนำมาสู่มหาทวีปคังชิงที่หุบเขามารบุปผาโลหิตนี้ก็ย่อมถูกควบคุมโดยตำหนักมารเทียนอวี้

ฟังจบ ซูอี้ก็อดประหลาดใจไม่ได้ ตำหนักมารเทียนอวี้นี่… บ้าคลั่งนัก!

ทว่าสิ่งเหล่านี้ไม่เกี่ยวพันอันใดกับชายหนุ่ม และเขาก็ไม่ใคร่สนใจ

“ไปกันเถิด ออกจากที่นี่ก่อน”

ซูอี้พาผู้ถูกคุมขังเช่นเก๋อฉางหลิงและหงเซินชางออกจากตำหนักไป

จากนั้น ดวงตาของเขาก็มองไกลออกไปโดยไม่รู้ตัว

บนอากาศ ณ ที่นั้น เกิดวังวนสีเลือดขนาดหลายร้อยจั้งลอยอยู่

นั่นคือผนังกั้นมิติ และยามนี้มีจุดเสียหายมากมาย

มันดูราวกับกำแพงที่แตกร้าว มอบโอกาสให้ตำหนักมารเทียนอวี้จากมหาทวีปเทียนตูส่งกองรบแนวหน้าออกมาต่อสู้ที่ชายแดน!

ซูอี้มองมันอยู่ครู่หนึ่ง และในที่สุดก็ตัดสินว่าตนคงไม่อาจซ่อมเขตแดนกั้นโลกนี้ได้จนกว่าจะอยู่ในขอบเขตจักรพรรดิ

และทำนายได้ว่าครั้งหน้า เขตแดนกั้นโลกนี้คงเสียหายหนักขึ้นเรื่อย ๆ!

“หากไม่ใช่เวลามีน้อย เราคงวางกับดักกระต่ายที่นี่เพื่อรอปลาใหญ่ในภายหน้าได้…”

ซูอี้ถอนหายใจ

เขาต้องรีบไปยังทะเลวิญญาณโกลาหลโดยไม่โอ้เอ้

หาไม่ การวางกับดักรอปลาใหญ่ที่นี่ในภายหน้าคงบันเทิงไม่น้อย

ยามเมื่อเขากลับมาสู่โลกภายนอก รัตติกาลก็แผ่พรมลงมาเงียบ ๆ

ซูอี้หันไปบอกเก๋อฉางหลิงว่า “รบกวนสหายเต๋าเก๋อรอที่นี่สักสองสามวัน เมื่อพวกเก๋อเฉียนมาถึง บอกพวกเขาว่าข้าไปทะเลวิญญาณโกลาหลแล้ว ให้พวกเขาตามมาพบข้าที่นั่น”

“ตกลง!”

เก๋อฉางหลิงตอบตกลงอย่างยินดี

ไม่มัวรีรอ ซูอี้โอบอุ้มทารกมารด้วยหนึ่งมือ และร่างของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นลำแสงทะยานฝ่าอากาศโนฺเวลกูดอทคอม

เมื่อเห็นร่างของเขาหายลับฟ้าราตรีไป เก๋อฉางหลิงก็ฉวยโอกาสถามชิงจิน “ก่อนหน้านี้… เป็นสหายเต๋าซูหรือที่สังหารผู้ฝึกตนจากตำหนักมารเทียนอวี้พวกนั้น?”

หงเซินชางและคนอื่น ๆ ต่างพุ่งความสนใจไปที่ชิงจิน

ชิงจินพยักหน้า

จากนั้น หลี่ฉางหลิ่นก็ก้าวออกมาเล่าเหตุการณ์ศึกที่เคยเกิดขึ้น

หลังจากได้ยินเช่นนี้ เก๋อฉางหลิงและคณะต่างทั้งตื่นเต้นและตกตะลึง

“หากจะมีเทพเซียนใดในโลกนี้ ผู้นั้นย่อมต้องเป็นซูอี้!”

หงเซินชางพึมพำ

คนทุกผู้เผลอพยักหน้าตอบ

ภายใต้นภารัตติกาล

ซูอี้ใช้วิชาหลบหนีทะยานเวหา ไหวร่างพลิ้วกายห้อตะบึงในหมู่เมฆาราวกับลำแสงลู่เล่นลม

“นับแต่กลับมายังต้าโจวแห่งนี้ ข้าก็ถูกผลกรรมมากมายพัวพัน วิ่งเต้นไปทั่วไม่หยุดหย่อน ไร้โอกาสผ่อนคลายจริงแท้”

“กระทั่งตารางฝึกฝนของข้ายังถูกรบกวน…”

“ท้ายที่สุดแล้ว ทุกสิ่งนี้ก็เป็นผลมาจากฉู่ซิว!”

หัวใจของซูอี้มีจิตสังหารพลุ่งพล่าน

เมื่อเขากลับสู่ต้าโจวในยามนี้ เขาต้องการกลับไปเยี่ยมสถานที่เก่า ๆ ก็เพื่อสงบหัวใจตน

ใครเล่าจะคิดว่าการปรากฏของตำหนักมารเทียนอวี้จะรบกวนทุกจังหวะ บังคับเขาให้ต้องเข้าพัวพัน วิ่งเต้นไปรอบ ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า

นับแต่มหานครอวิ๋นเหอสู่นครหลวงอวี้จิง และยามนี้ จากหุบเขามารบุปผาโลหิตไปยังทะเลวิญญาณโกลาหล… ความรู้สึกที่ต้องตั้งรับสถานเดียวทำให้ซูอี้ไม่ยินดียิ่ง

‘ภายหน้า ไม่ช้าก็เร็วข้าก็จะจากต้าโจว แต่ก่อนหน้านั้นเรื่องทั้งหมดต้องถูกสะสางก่อน เพื่อไม่ให้เกิดความพลิกผันอีกเช่นนี้’

ซูอี้ลอบคิด

เขาเวียนวัฏสงสารเริ่มการฝึกฝนใหม่ มุ่งเน้นที่มหาวิถี ชะตาถูกกำหนดว่าไม่อาจอยู่ที่เดิมได้นาน

กระทั่งในภายหน้า หากมหาทวีปคังชิงไม่อาจเติมเต็มความต้องการในการฝึกฝนของซูอี้ได้ เขาก็ย่อมเลือกไปยังสถานที่อื่น

นอกเหนือจากนั้น เขายังต้องกลับไปยังเก้ามหาแดนดินเพื่อปลดปมค้างคาในอดีตชาติด้วย!

ก่อนหน้านั้น สิ่งที่เขาต้องทำก็คือแข็งแกร่งให้มากกว่านี้ และอีกประการคือหาถิ่นที่อยู่ให้ผู้คนรอบกายเพื่อปกป้องพิทักษ์จากอุปสรรคใด ๆ

ลึกเข้าไปในทะเลวิญญาณโกลาหล

มีที่พักชั่วคราวถูกสร้างขึ้นบนเกาะร้างแห่งหนึ่ง

ท้องฟ้ามืดหม่น เกิดท้องสมุทรปั่นป่วนรอบ ๆ เกาะร้าง ทำให้มีเกลียวคลื่นซัดสาดหาดฝั่ง และเสียงคลื่นลมสนั่นลั่นทั่ว

ฉู่ซิวสวมชุดคลุมสีดำ ยืนอยู่เหนือสุดในเกาะร้าง

ดวงตาวาวโรจน์จ้องมองไปไกล

ในช่วงระยะนี้ ปราณวิญญาณทั่วฟ้าดินบนมหาทวีปคังชิงกำลังฟื้นตัว ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงบนแผ่นดินอันโหดร้ายของทะเลวิญญาณโกลาหลอย่างน่าตกใจ

ในท้องสมุทรไร้ขอบเขต สัญญาณของการฟื้นตัวของปราณวิญญาณรุนแรงยิ่งกว่าที่ใด และซากโบราณสถานก็ปรากฏขึ้นตามที่ต่าง ๆ มากมาย เกิดเป็นปรากฏการณ์พิสดารทั่วฟ้าดิน

ในบริเวณทะเลบางแห่งเกิดวังวนวิญญาณผุดขึ้นหลายที่ และสมบัติวิญญาณบางชิ้นซึ่งจมอยู่ก้นทะเลก็ปรากฏกลับสู่โลกหล้า

โบราณสถาน สมบัติวิญญาณ การฟื้นตัวของปราณ…

ทุกสิ่งเหล่านี้ยั่วยวนใจยอดฝีมือมากมาย

มีเหล่าผู้ฝึกตนมาจากเขตการปกครองแห่งต้าฉิน และยังมีผู้ฝึกตนจากโลกต่าง ๆ ซึ่งข้ามเขตแดนมา

ทั่วทะเลวิญญาณโกลาหลปั่นป่วนยุ่งเหยิง การนองเลือดวนซ้ำไม่รู้จบ

ฉู่ซิวไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้น

จุดประสงค์เดียวที่เขามายังทะเลวิญญาณโกลาหลนั่นก็คือการจับกุมผู้คนซึ่งเกี่ยวข้องกับซูอี้!

นับแต่เขาแรกมาถึง ฉู่ซิวได้พบข้อมูลอันล้ำค่ามากมายจากเบาะแสต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว

ยกตัวอย่างเช่น ยามเมื่อซูอี้อยู่ในต้าโจว บุคคลใกล้ชิดที่สุดของเขาคือกลุ่มคนซึ่งนำโดยเจ้าตำหนักเทียนหยวน รวมถึงเหวินหลิงเสวี่ย ฉาจิ่น มู่ซี เถาชิงซานและอื่น ๆ!

ในระหว่างที่เขาเข้าไปในทะเลวิญญาณโกลาหล ฉู่ซิวก็ได้พยายามบุกเข้าไปในซากปรักหักพังของหอเซียนดาบหลายต่อหลายครั้ง

ทว่าทุกอย่างกลับจบด้วยความล้มเหลว

มีเหตุผลสองข้อ

ข้อแรกคือ ทางเข้าซากปรักหักพังของหอเซียนดาบถูกปกคลุมด้วยค่ายกลอันร้ายกาจ

ข้อที่สองคือในทะเลบริเวณนั้น มีมังกรเกล็ดดำเฒ่าในขอบเขตสยายวิญญาณคุมอยู่!

“ด้วยสมบัติลับในมือข้า มันไม่ยากที่จะหยุดมังกรเฒ่านั่น สิ่งที่ยากในตอนนี้คือการเข้าสู่ซากของหอเซียนดาบต่างหาก…”

“แต่ไม่เป็นไร เมื่อพ่อแม่ของเหวินหลิงเสวี่ยถูกจับได้ เมื่อใช้สองคนนี้ เราก็อาจฉวยโอกาสโจมตีได้ในคราเดียว!”

ดวงตาของฉู่ซิววาวโรจน์ “ยามนั้น ขอเพียงจับพวกหนิงซือฮวาได้ เจ้าก็จะมีบทบาทสำคัญยิ่งในการจัดการกับซูอี้ในภายหน้า”

เขาเกลียดซูอี้

เกลียดจนยากจะใช้น้ำทั่วสี่คาบสมุทรมาล้างออกไปได้!

“ผู้อาวุโสฉู่ มีข่าวแจ้งมาแล้วว่าในหนึ่งชั่วยาม เหวินฉางไท่และฮูหยินของเขาจะถูกพามาที่นี่ขอรับ!”

จู่ ๆ เสียงรายงานอย่างนอบน้อมก็แว่วมาจากไกล ๆ

แววตาของฉู่ซิวฉายประกาย ก่อนกล่าวว่า “ถ่ายทอดคำสั่งข้าลงไป ยามสองตัวประกันถูกส่งมอบ เราจะไปที่หน้าประตูซากของหอเซียนดาบกัน!”

“ขอรับ!”

ผู้ส่งสาส์นรีบร้อนจากไป

บนเกาะร้างแห่งนี้มีอารักษ์จากตำหนักมารเทียนอวี้สี่คน ผู้ดูแลในขอบเขตเปิดทวารสิบแปดคน และผู้ฝึกตนในขอบเขตไร้เบญจธัญอีกสามสิบเก้าคน

ฉู่ซิวมั่นใจว่า ตราบใดที่เขาปราบมังกรดำเฒ่าและใช้ชีวิตของเหวินฉางไท่กับฮูหยินของเขากรุยทาง ด้วยอำนาจที่เขามี พวกเขาจะสามารถสยบพวกหนิงซือฮวาได้ง่าย ๆ!

ยามนี้ เสียงทอดถอนใจหนึ่งพลันดัง “เดี๋ยวสู้เดี๋ยวรบ ชีวิตช่างน่าเหนื่อยหน่ายแท้”

ฉู่ซิวร่างแข็งค้าง และหันขวับไปมองตามทิศทางเสียง

เขาเห็นร่าง ๆ หนึ่งที่ผาใกล้ทะเลไม่ห่างไปนัก

เขาสวมชุดคลุมสีขาว นั่งอยู่เบื้องหน้าผา สองเท้าลอยบนอากาศ ตกปลาด้วยเบ็ดไม้ไผ่ในมือ

ท่าทางช่างดูสบาย

ทว่าฉู่ซิวกลับสันหลังหนาวเยือก คนผู้นี้… ปรากฏขึ้นแต่ยามใด!?

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset