📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 569

บทที่ 569 - ทะยานขึ้นไปจนไม่เห็นฝุ่น
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

คู่ต่อสู้ที่ถูกสังหารในดาบเดียว ซูอี้ได้ปัดออกไปราวกับแมลงวัน ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย

คนเฝ้าประตูชั้นแรกของขั้นศิลาทดสอบมักจะอ่อนแอที่สุด

ไม่ควรค่าแก่การพูดถึง

หึ่ง!

คลื่นมหาวิถีแปลกประหลาดปรากฏออกมา

ก่อนร่างของซูอี้จะโผล่ขึ้นในขั้นศิลาทดสอบชั้นที่สอง

โลกแห่งนี้ยังคงกว้างใหญ่ไพศาลและมืดสลัว มีแท่นเต๋าอันโดดเดี่ยวตั้งอยู่ตรงกลาง

คนเฝ้าประตูยังคงเป็นชายสวมชุดเต๋า มีดาบโบราณอยู่บนหลัง และคาดแถบผ้าสีทองรอบเอวเหมือนเช่นเคย

…เพียงแต่กลิ่นอายจากร่างกายแข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

วูบ!

ซูอี้ไม่พูดพร่ำทำเพลงปีนขึ้นไปบนแท่นเต๋า เขาเอื้อมมือคว้าดาบในอากาศที่ก่อตัวขึ้นเป็นรูปร่าง ก่อนจะฟันออกไป

คนเฝ้าประตูเพิ่งดึงดาบโบราณออกมาร่างกายก็ระเบิดในทันที

“อ่อนแอเกินไป…” ซูอี้ส่ายหัว

เขตแดนแห่งนี้เป็นขอบเขตรวบรวมดาราขั้นต้น แต่เนื่องด้วยภูมิหลังและระดับวิชาดาบของเขา ทำให้คู่ต่อสู้ทั่วไปไม่ต่างอะไรไปจากมดปลวกเลย

และในเวลาต่อมา ซูอี้ที่เริ่มเบื่อหน่ายก็ได้เบิกขยายเส้นทางแห่งการทำลายล้างนี้ออกไปอย่างไม่รู้จบ

ทุกครั้งที่ฟาดฟัน ต้องสังหารคนเฝ้าประตูด้วยดาบเพียงเล่มเดียว

ผ่อนคลายราวกับนั่งดื่มชาจิบสุรา

และเมื่อมองลงไปด้านล่างของขั้นศิลาทดสอบ…

เยว่ซือฉานและเหวินซินจ้าวเองก็ฝ่าฟันได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน

ไม่ต้องสงสัยเลยสำหรับทั้งคู่ที่อยู่ในขอบเขตไล่เลี่ยกัน ย่อมสามารถจัดการคนเฝ้าประตูที่เจอในตอนแรกได้ในครั้งเดียวอยู่แล้ว!

ยามที่เยว่ซือฉานต่อสู้ นางทั้งเยือกเย็นทั้งเงียบงัน และไม่ขยับเขยื้อนสักนิด ทุกการเคลื่อนไหวรุนแรงดั่งสายฟ้า การฟันดาบที่ว่องไว เฉียบคม และเรียบง่าย

ส่วนเหวินซินจ้าวจะตรงกันข้ามกัน ยามสตรีงามผู้นี้ต่อสู้ นางจะระเบิดความตั้งใจอันน่าทึ่งออกมา ภาวะดาบราวกับปีศาจนั้นยอดเยี่ยมมาก และความงามของนางก็มาพร้อมกับจิตสังหารถึงชีวิต

สองรูปแบบการต่อสู้แสดงถึงสภาพจิตใจและอารมณ์ที่แตกต่างกัน

หากมองด้วยตาเปล่าจะเห็นว่าความเร็วของพวกนางเกือบถึงขั้นน่าทึ่ง และเห็นได้ชัดว่าหลังจากเริ่มการต่อสู้แล้ว พวกนางจะลอบแข่งกันอยู่เงียบ ๆ

กลับกันเป็นเก๋อเฉียนที่แสดงให้เห็นอย่างเต็มที่ถึงความหมายของการยืนหยัดและมั่นคง ทุกย่างก้าวเป็นไปอย่างระมัดระวัง

ทุกครั้งที่เข้าสู่ขั้นศิลาใหม่ อย่างแรกต้องดูเชิงคู่ต่ออย่างระมัดระวังเสียก่อน จนกว่าจะเข้าใจถึงพลังของอีกฝ่ายจึงค่อยใช้กำลังทั้งหมดทุบคนเฝ้าประตูในหมัดเดียว

นี่คือมหาวิถีของเก๋อเฉียน ซึ่งเหมาะกับสภาพจิตใจและอารมณ์ที่ยืนหยัดและมั่นคง เมื่อเทียบกันแล้วเขาจะไม่พบเหตุไม่คาดฝันหรือความเสี่ยงมากนัก

อย่างที่ซูอี้กล่าวไว้ในตอนแรก… มันไม่นับว่าแย่อะไร

ในขณะที่เหวินซินจ้าวและคนอื่น ๆ กำลังฝ่าฟัน พวกเขาเห็นร่างของซูอี้ทะยานขึ้นไปด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง

ชั้นที่สิบ

ชั้นที่ยี่สิบ

ชั้นที่สามสิบ

…ช่วงเวลาสั้น ๆ เก๋อเฉียนก็ถูกทิ้งห่างไปไกล

เมื่อไปถึงขั้นศิลาทดสอบชั้นที่สามสิบห้า ซูอี้ได้แซงหน้าเหวินซินจ้าวและเยว่ซือฉาน มุ่งหน้าขึ้นไปชั้นที่สูงต่อไป

ขั้นศิลาทดสอบทอดยาวขึ้นสู่ยอดภูเขาพระสุเมรุ ซึ่งมีทั้งหมดร้อยแปดขั้น

ตั้งแต่ชั้นที่สี่สิบเก้า ขั้นศิลาทดสอบจะเป็นลุ่มน้ำ

ที่หอศักดิ์สิทธิ์พระสุเมรุเมื่อนานมาแล้วมีเพียงศิษย์สายในที่ขัดเกลาวิถีของตนอยู่ในระดับสูงสุดเท่านั้นจึงจะสามารถฝ่าฟันต่อไปได้

สิ่งที่ควรทราบคือเดิมทีหอศักดิ์สิทธิ์พระสุเมรุยังเป็นหนึ่งในสามสำนักผู้ฝึกปีศาจเมื่อสามหมื่นปีที่แล้ว และวิถีปราชญ์กลุ่มเต๋าระดับจักรพรรดิที่มีชื่อเสียงสมดังคำเล่าลือนั้นก็มีศิษย์สายในสำนักทุกคนเป็นผู้มีพรสวรรค์อันหาได้ยาก

เมื่อเทียบกับผู้ฝึกตนในมหาทวีปคังชิงตอนนี้ พวกเขาแข็งแกร่งกว่ามากอย่างไม่ต้องสงสัย

บนขั้นศิลาชั้นที่เจ็ดสิบสี่ในตอนนี้

เฉินสิงกำลังพักผ่อน

บุคคลชั้นนำที่เป็นศิษย์รุ่นเยาว์ของวัดมหาจันทราผู้นี้เคยขึ้นไปถึงชั้นที่สี่สิบเก้าในอึดใจเดียว และแสดงให้เห็นถึงวิถีเต๋าอันแกร่งกล้า

แต่ก็เริ่มจากชั้นนี้เช่นกันที่คนเฝ้าประตูเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้นโดยไม่ทันให้ตั้งตัว

และความเร็วในการฝ่าฟันก็ยิ่งช้าลงด้วย

เมื่อขึ้นไปถึงชั้นที่เจ็ดสิบสี่ของขั้นศิลาทดสอบ เขาก็หมดแรงลงไปมาก ร่างกายและจิตใจต่างอ่อนล้า

โชคดีที่หากผ่านชั้นที่สี่สิบเก้าขึ้นมา ทุกครั้งที่ผ่าฟันขึ้นได้หนึ่งชั้นก็จะมีเวลาหนึ่งเค่อในการฟื้นฟูพลังและพักผ่อน

เฉินสิงในยามนี้กำลังใช้เวลานี้ในการพักฟื้นพละกำลัง

“ไม่คิดเลยว่าข้ากำลังจะตามหลังอยู่…”

ดวงตาของเฉินสิงมองขึ้นไปด้านบน จิตใจหมองคล้ำเล็กน้อย

คนที่อยู่บนขั้นศิลาทดสอบชั้นที่เจ็ดสิบเก้า เบื้องหน้าของเขาคือ เจียงหลีแห่งสำนักดาบเทียนชู

บนขั้นศิลาทดสอบชั้นที่แปดสิบ เบื้องหน้าของเจียงหลีคือ อวี่เหวินซู่

ถัดไปจากนั้นคือ หลี่หานเติงบนชั้นที่แปดสิบเก้า

ผู้ที่ทรงพลังที่สุดคือ เฉิงผู ฉือเจี่ยนซู่ และหลวงจีนเฉินลวี่

เฉิงผูอยู่บนชั้นที่เก้าสิบห้า

ส่วนฉือเจี่ยนซู่และหลวงจีนเฉินลวี่อยู่บนชั้นที่เก้าสิบสี่

พวกเขาทั้งสามทิ้งห่างคนอื่นไปไกล ด้วยภูมิหลังและวิถีเต๋าที่พวกเขาแสดงออกมานั้นเป็นระดับที่สูงที่สุดและโดดเด่นที่สุดสำหรับตัวตนขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณอย่างไม่ต้องสงสัย!

สิ่งนี้จะไม่ทำให้เฉินสิงที่อยู่รั้งท้ายจิตใจไม่หมองมัวได้อย่างไร?

เช่นเดียวกับตัวตนขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณขั้นต้นที่มักจะมองไม่ออกเหมือนกัน แต่เมื่ออยู่บนขั้นศิลาทดสอบ แค่มองปราดเดียวก็ตัดสินได้ว่าใครแข็งแกร่งใครอ่อนแอ!

หืม?

สายตาของเฉินสิงเหลือบมองลงไปโดยไม่ได้ตั้งใจ และอดไม่ได้ที่จะตกใจ

เขาเห็นซูอี้ เหวินซินจ้าว เยว่ซือฉานและคนอื่น ๆ กำลังทะยานขึ้นมาด้านบนด้วย

ตอนนั้นเองที่เฉินสิงแสดงความสนอกสนใจออกมา

ด้วยวิถีเต๋าและความแข็งแกร่งของซูอี้แล้ว จะสามารถขึ้นมาถึงขั้นศิลาทดสอบได้กี่ชั้นในอึดใจเดียวกันนะ?

เขาจำฉากที่ผู้ฝึกตนขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณขั้นต้นอย่างหวนเฉ่าโหยวฟาดฟันกับซูอี้เมื่อสองวันก่อนได้อยู่เลย จึงอดไม่ได้ที่จะตั้งตารอคอยโนเวลกูดอทคoม

ขั้นศิลาทดสอบแห่งนี้เปรียบเสมือนไม้บรรทัดวัดความแข็งแกร่งของผู้ฝึกตนเขตแดนเดียวกัน!

และการใช้โอกาสนี้บางทีอาจรู้ได้ว่า ระดับความแข็งแกร่งของซูอี้ที่ตัวตนอยู่ในขอบเขตรวบรวมดาราขั้นต้นไปถึงระดับใดแล้ว!

สำหรับเหวินซินจ้าวและเยว่ซือฉาน สตรีงามราวเทพธิดาที่ไม่มีใครเทียบได้ ไม่อยู่ในสายตาเฉินสิงสักนิด

ในฐานะชายผู้อุทิศตนเพื่อศาสนาอย่างเคร่งครัดเช่นเฉิงสิงแล้ว สตรีงามไม่มีอะไรมากไปกว่าสวยแต่รูปจูบไม่หอม ไม่ควรแก่การให้ค่าเลยสักนิด

นานมาแล้วในตอนที่เฉินสิงได้ไปสักการะที่วัดมหาจันทราเพื่อเข้าฝึกฝน เขาต้องเผชิญกับภัยหญิงงาม เพื่อดูว่าตัวเขาจะตกสู่บ่วงบาปแห่งราคะหรือไม่

ผลลัพธ์คือ…

เฉินสิงที่เผชิญหน้ากับภัยหญิงงามไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ ทั้งสิ้น

สิ่งที่แสดงออกมาอย่างโดดเด่นนี้ทำให้ศิษย์ของวัดมหาจันทราล้วนตกตะลึง แม้แต่ผู้อาวุโสเหล่านั้นก็ยังรู้สึกทึ่ง เรียกได้ว่าเฉินสิงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นดีที่หายากในรอบหลายพันปี

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ มีหรือที่เฉินสิงจะสนใจเหวินซินจ้าวและเยว่ซือฉานผู้งดงาม?

เทียบกันแล้วเขาสนใจในตัวซูอี้มากกว่า!

“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”

ทันใดนั้นรูม่านตาของเฉินสิงก็หดแคบ สีหน้าพลันเปลี่ยนไป

เขาเห็นซูอี้ในชุดสีเขียวพุ่งขึ้นมาในครรลองสายตา ร่างกายเกือบจะไม่หยุดนิ่ง อีกฝ่ายฝ่าคนเฝ้าประตูขึ้นมาที่ละขั้น ทะยานขึ้นมาข้างบนอย่างต่อเนื่อง!

และใกล้จะมาถึงชั้นที่สี่สิบเก้าด้วยความรวดเร็ว!

“เขา… ยังรักษาแรงกายเช่นนี้ได้อยู่สินะ?”

ดวงตาของเฉินสิงเป็นประกาย

ก่อนที่เขาจะได้สติ ก็เห็นร่างของซูอี้พรวดขึ้นไปบนขั้นศิลาชั้นที่ห้าสิบอย่างง่ายดายแล้ว และยังคงรักษาความเร็วก่อนหน้าของตัวเองเอาไว้ได้ด้วย ก่อนทะยานขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

เห็นซูอี้ที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ เฉินสิงก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง

เขาจำได้ชัดเจนว่าเฉิงผู ฉือเจี่ยนซู่ และศิษย์พี่เฉินลวี่ผู้แข็งแกร่งก่อนหน้านี้นั้น ในตอนที่พวกเขาฝ่าฟันขึ้นมาถึงชั้นที่สี่สิบเก้าของขั้นศิลาทดสอบ ความรวดเร็วก็จะลดลง

แต่ความเร็วของซูอี้คงที่ตั้งแต่ต้นจนจบ รักษาแรงที่ใช้ไว้ได้ แล้วทะยานขึ้นมา!

วืด!

ขณะที่เฉินสิงตกอยู่ในภวังค์ ซูอี้ก็มาถึงขั้นศิลาทดสอบชั้นที่เจ็ดสิบสี่ที่เขาอยู่แล้ว ก่อนจะมุ่งหน้าต่อไป

“นี่มัน…”

เฉินสิงที่มองอยู่ก่อนหน้านี้และอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าถูกมองข้ามไป

ตอนนี้ เป็นคราวที่ซูอี้ที่ทิ้งเขาไว้ด้านหลัง… เฉินสิงทำได้เพียงแหงนคอขึ้นมอง มองเบื้องหลังกว้างของซูอี้ที่ทิ้งไปไม่เห็นฝุ่น และห่างออกไปเรื่อย ๆ

ตามด้วย…

เจียงหลีที่อยู่บนชั้นที่แปดสิบถูกซูอี้แซงหน้า

อวี่เหวินซู่บนชั้นที่แปดสิบสองถูกซูอี้แซงหน้า

ชั้นที่เก้าสิบ

หลี่หานเติงที่เพิ่งมาถึงตัดสินใจหยุดพัก เขาหมดแรงและไปต่อไม่ไหว

ทันใดนั้นเพียงชั่วพริบตา

เขาก็เห็นร่างร่างหนึ่งทะยานผ่านไป พุ่งขึ้นไปยังชั้นที่เก้าสิบเอ็ด!

“ซูอี้?!”

หลี่หานเติงประหลาดใจ “ผู้ชายคนนี้มาเมื่อไรกัน?”

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะพบว่าซูอี้ที่เพิ่งมาถึงชั้นที่เก้าสิบเอ็ด ได้ปรากฏตัวขึ้นบนชั้นที่เก้าสิบสองแล้ว!

หลังจากนั้น เขาและเฉินสิงก็มองดูร่างของซูอี้ที่ไม่หยุดเดินหน้าอย่างเงียบ ๆ และสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนจากประหลาดใจเป็นตกตะลึง ตกใจ และตกอยู่ในภวังค์

เมื่อมองซูอี้ที่ผ่านเฉินลวี่ ฉือเจี่ยนซู่ และเฉิงผูตามลำดับ เฉิงสิงตกตะลึงโดยสมบูรณ์ และจิตใจอันสงบที่แข็งแกร่งดุจหินผาของเขาก็สั่นไหวเล็กน้อย

ชายผู้นี้… บ้าเกินไปหรือไม่?

สีหน้าของหลี่หานเติงเรียบนิ่งราวกับรูปปั้นดินเหนียว

เขารู้อยู่แล้วว่ายิ่งชั้นของขั้นศิลาทดสอบสูงมากเท่าไร พละกำลังของคนเฝ้าประตูก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

โดยเฉพาะชั้นที่เก้าสิบขึ้นไป ความแข็งแกร่งที่ผู้เข้ารับการทดสอบเผชิญไม่ต่างอะไรไปจากผู้เก่งกล้าซึ่งมีขั้นพลังอยู่ในขอบเขตเดียวกันเลย!

แต่ตอนนี้ซูอี้ดูเหมือนจะไม่รู้สึกถึงความกดดันใด ๆ ตลอดทางสักนิด!

จนกระทั่งร่างของซูอี้ฝ่าฟันไปถึงขั้นศิลาหินชั้นที่ร้อยแปดด้วยความเร็วคงที่

เฉินสิงและหลี่หานเติงเงียบนิ่ง ภายในใจมีพายุไม่สามารถสงบลงอยู่นานสองนาน

“สำหรับข้าแล้ว ขั้นศิลาทดสอบแห่งนี้ทั้งยากทั้งอันตราย และความท้าทายที่ขึ้นไปเผชิญก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น แต่สำหรับเขาแล้วมันไม่ต่างไปจากการเดินในสวนเลย…”

ดวงตาของเฉินสิงหลุบต่ำ

“สามหมื่นปีก่อน ตัวตนขอบเขตจักรพรรดิที่ขัดเกลาขั้นศิลาทดสอบแห่งนี้ขึ้นมาในหอศักดิ์สิทธิ์พระสุเมรุ คงนึกไม่ถึงว่ายังมีคนขอบเขตรวบรวมดาราที่ทรงพลังอย่างซูอี้อยู่บนโลก…”

หลี่หานเติงรู้สึกผิดหวังอยู่ลึก ๆ

เขาไม่กลัวหากการฝึกฝนแสวงวิถีจะเกิดช่องว่าง เพราะยังสามารถชดเชยได้

แต่ที่น่ากลัวคือ ไม่รู้ว่าช่องว่างนั้นห่างมากเพียงใด!

แล้วจะชดเชยได้อย่างไร?

ไกลเกินเอื้อม เป็นไปไม่ได้เลย!

เหนือขั้นศิลาทดลองชั้นที่ร้อยแปดขึ้นไปคือยอดเขาพระสุเมรุ

ซูอี้ยืนอยู่ตรงนั้น ลมหายใจไม่ขาดห้วง และไม่มีร่องรอยของความเหนื่อยล้า

ขั้นศิลาร้อยแปดชั้น เขาฟันคนเฝ้าประตูร้อยแปดคนด้วยร้อยแปดดาบ

แม้แต่คนเฝ้าประตูที่ทรงพลังที่สุดของชั้นสุดท้ายก็ไม่สามารถหยุดดาบของเขาได้

ความสำเร็จในการต่อสู้เช่นนี้ แม้เป็นหอศักดิ์สิทธิ์พระสุเมรุเมื่อสามหมื่นปีที่แล้ว มันก็พอที่จะทำให้ผู้คนตื่นตะลึง!

มีร่องรอยความโดดเดี่ยวบนหว่างคิ้วของซูอี้

ขอบเขตรวบรวมดาราขั้นต้นของคนเฝ้าประตูบนขั้นศิลาทดสอบแห่งนี้ ยังอ่อนแอเกินไป

แม้แต่ผู้ที่ทรงพลังที่สุด ก็ยังแค่เทียบเท่ากับศิษย์ผู้สืบทอดสายตรงที่อยู่ในกลุ่มเต๋าชั้นนำของเก้ามหาแดนดินเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นพรสวรรค์หายากที่เวลาหนึ่งพันปีจะพบสักคน

น่าเสียดาย สำหรับซูอี้ที่ข้ามผ่านขอบเขตรวบรวมดาราขั้นต้น และรวบรวมดาราดาราปฐมญาณได้เก้าหมื่นดวงแล้ว ฝ่ายตรงข้ามจึงไม่ใช่ศัตรูของดาบเขาเลย!

หืม?

ขณะที่ซูอี้กำลังรำลึกถึงประสบการณ์ในการฝ่าฟันครั้งก่อนของตน ภายในใจเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นมา จากนั้นเขาก็พลิกฝ่ามือขึ้น

เลือดสีทองที่ถูกกักขังอยู่นั้นพลันโผล่ออกมาเงียบ ๆ

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset