📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 527

บทที่ 527 - ที่แท้เขาคือซูอี้!
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ครั้งเมื่อเขาถูกซูอี้ข่มขู่ก่อนหน้านี้ หวนเฉ่าโหยวจึงตระหนักรู้ได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ

ชายหนุ่มผู้ไม่ทราบที่มา แต่กลับกล้าที่จะยั่วยุเขาต่อหน้าธารกำนัล เหตุการณ์เช่นนั้นนับว่าผิดปกติยิ่ง!

ดังนั้นเมื่อคราวก่อนเขาจึงเลือกที่จะอดกลั้นชั่วคราว

และยิ่งขณะนี้เมื่อเขาเห็นร่างของซูอี้ปรากฏขึ้นบนเวทีหยกกลางสำหรับรับชมงาน หวนเฉ่าโหยวก็เข้าใจมากยิ่งขึ้น

ชายหนุ่มผู้นี้มีที่มาที่ไปไม่ธรรมดาแน่นอน!

“ต่อให้เจ้าจะเป็นรัชทายาทของจักรพรรดิต้าเซี่ย ถ้าเจ้ากล้าต่อต้านข้า ข้าก็กล้าสังหารเจ้า!”

หวนเฉ่าโหยวพึมพำด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ทว่าแววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมและเย็นชา

“ซูอี้!!”

เก๋อเฉียนที่แต่งกายด้วยเสื้อคลุมสีเหลือง อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้างในขณะนี้เช่นกัน “เหตุใดซูอี้ถึงปรากฏตัวที่นี่? อีกทั้งยังขึ้นไปนั่งตรงจุดที่นั่งสำคัญได้เช่นนั้น?”

เก๋อเฉียนรู้สึกสับสน สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนด้วยหลากหลายอารมณ์

เขาได้สอบถามข่าวไปแล้วว่าในบรรดาผู้บ่มเพาะที่เข้าร่วมงานชุมนุมมวลพฤกษา มีเพียงเขา หยวนเหิง และเยว่ซือฉานเท่านั้นที่มาจากต้าโจว

ในหมู่พวกเขา หยวนเหิงฝึกฝน ‘คัมภีร์เต่าหางมังกรดำแท้จริง’ แบบเดียวกันกับเขาและช่ำชองใน ‘ฝ่ามือเสวียนอู่สะท้านโลกา’ เช่นเดียวกับเขา

สิ่งนี้ทำให้ทั้งเขาและชายชราที่อยู่ในร่างรู้สึกประหลาดใจและงงงวยอย่างสุดแสน และทำให้เขาเริ่มวางแผนที่จะหาโอกาสเค้นความลับนี้จากหยวนเหิง

ทว่าโดยไม่คาดคิดก่อนที่เขาจะทันได้เข้าถึงตัวหยวนเหิง ซูอี้ผู้นี้กลับปรากฏตัวขึ้นก่อน!

“ในตอนนั้นที่ทะเลวิญญาณโกลาหล ซูอี้ได้หยิบยืมพลังแห่งสวรรค์และโลกเข่นฆ่าตัวตนน่าสะพรึงกลัวสามตัวที่ซ่อนตัวอยู่ในส่วนลึก และทำให้ตัวตนน่าสะพรึงกลัวที่เหลือทำได้เพียงก้มศีรษะลง…”

“นานเพียงใดแล้วที่เหตุการณ์นั้นผ่านไป? และตอนนี้เขามีคุณสมบัตินั่งบนที่นั่งนั้นแล้วอย่างนั้นหรือ?”

จิตใจของเก๋อเฉียนปั่นป่วน

เขาประหลาดใจมาก

นับตั้งแต่เหตุการณ์ที่ทะเลวิญญาณโกลาหล เขายิ่งหวาดกลัวซูอี้จนทำให้เขาตัดสินใจที่จะหนีจากต้าโจวมาซ่อนตัวที่ต้าเซี่ย

แต่ใครจะไปคิดว่าในงานชุมนุมมวลพฤกษาอันโด่งดังนี้ เขากลับได้พบกับซูอี้อีกครั้ง…

ณ เวลานี้ เก๋อเฉียนอยากจะบอกชายชราที่อยู่ในร่างของเขาถึงเรื่องทั้งหมดนี้

แต่สุดท้ายก็รั้งไว้

ขณะนี้พวกเขาอยู่ในงานชุมนุมมวลพฤกษาที่ซึ่งมีเหล่าตัวตนยิ่งใหญ่มากมายมารวมกัน เขากังวลว่าหนึ่งในตัวตนยิ่งใหญ่พวกนี้อาจมีสักคนที่สัมผัสได้ถึงตัวตนของชายชราในร่างของเขา

เก๋อเฉียนสูดหายใจเข้าลึก เขากัดฟันอย่างเงียบ ๆ และเดินเข้าหาหยวนเหิงซึ่งอยู่ไม่ไกล

“ข้าขอเสียมารยาทขัดจังหวะ เท่าที่ข้ารู้สหายเต๋ามาจากต้าโจวเช่นกัน ดังนั้นแล้วท่านจำชายหนุ่มที่เพิ่งปรากฏตัวบนเวทีหยกกลางสำหรับรับชมงานได้หรือไม่”

เก๋อเฉียนประสานมือคารวะพร้อมกับโค้งกายเล็กน้อยไปทางหยวนเหิง แสดงให้เห็นท่าทางอันเจียมเนื้อเจียมตัว

หยวนเหิงเริ่มใจเต้น เด็กคนนี้ไม่อาจยั้งใจได้แล้ว!

เมื่อเห็นเช่นนี้หยวนเหิงจึงไม่รีรอและตอบกลับว่า “นั่นคือนายท่านของข้า มีนามว่าซูอี้”

เก๋อเฉียนตกตะลึง

ไม่ว่าอารมณ์ของเขาจะสงบเพียงใด เขาเกือบจะร้องไห้ออกมาในขณะนี้

หยวนเหิงยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าตกตะลึงของเก๋อเฉียน จากนั้นเขาก็เอ่ยขึ้นถามว่า “ท่านมีอะไรจะถามอีกหรือไม่สหายเต๋า?”

เก๋อเฉียนเงียบไปครู่หนึ่งและพูดว่า “สหายเต๋า ข้าคิดว่าท่านเองก็น่าจะสังเกตเห็นว่าเคล็ดวิชาที่เราทั้งสองบ่มเพาะนั้นมีที่มาเดียวกัน ดังนั้นแล้วหากท่านพอจะบอก… ”

หยวนเหิงกล่าวขึ้นแทรก “ท่านต้องการถามข้าว่าเคล็ดวิชาที่ข้าฝึกฝนมาจากไหนใช่หรือไม่?”

เก๋อเฉียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก พยักหน้าและกล่าวว่า “ไม่ผิด”

อันที่จริงเป็นสิ่งต้องห้ามในการถามที่มาของเคล็ดวิชาต่อผู้อื่น

ทว่าโชคดีที่หยวนเหิงดูเหมือนจะไม่ใส่ใจ

หยวนเหิงยิ้มและเอ่ยตอบอย่างเรียบง่าย “ขอไม่ปิดบังสหายเต๋า เคล็ดวิชาที่ข้าบ่มเพาะล้วนถูกสอนโดยนายท่านของข้าซูอี้!”

เก๋อเฉียนราวกับถูกฟ้าผ่า ตกตะลึงจนทั้งร่างแข็งค้าง

ซูอี้!?

ผู้ที่ทำให้ชายชราในร่างของเขากลัวจนหัวหดอย่างนั้นน่ะหรือ?

ในขณะนี้เก๋อเฉียนยิ่งรู้สึกสับสน

ณ เวทีกลางสำหรับรับชมงาน

บรรดาตัวตนยิ่งใหญ่ทุกคนที่นั่งรวมกันอยู่ที่นี่นั้นยิ่งใหญ่เสียจนหากพวกเขาร่วมกันกระทืบเท้าก็สามารถสะเทือนต้าเซี่ยได้สามครั้ง ขณะนี้พวกเขาทั้งหมดต่างนั่งแยกโต๊ะกัน

เพียงแต่ว่าสายตาของพวกเขากลับมองไปยังชายหนุ่มปริศนาผู้มาใหม่ซึ่งนั่งอยู่ไม่ไกลนักเป็นครั้งคราว สีหน้าของพวกเขาต่างแสดงถึงความแปลกใจ

ซูอี้ก็รับรู้ถึงการถูกจ้องมองของผู้คนเช่นกัน

ทว่าเขาได้หาสนใจไม่

ภายใต้การจัดการของเวิงจิ่ว เขาได้นั่งอยู่ในตำแหน่งที่ดีมาก จากที่นี่ เขาสามารถมองเห็นเวทีประลองทั้งเจ็ดสิบสองเวทีได้โดยไม่มีอะไรมาบดบัง

นอกจากนี้ยังมีอาหารรสเลิศ ชา และของว่างมากมายบนโต๊ะตรงหน้า

ซูอี้เทสุราให้ตัวเอง จากนั้นจึงหยิบเมล็ดแตงวิญญาณหนึ่งกำมือและเริ่มแทะกินอย่างสบายอารมณ์

เวิงจิ่วกังวลเล็กน้อยว่าซูอี้จะไม่ชอบบรรยากาศที่คราคร่ำไปด้วยผู้คนเช่นนี้

แต่พอเห็นฉากนี้ ข้าก็รู้ทันทีว่าเขาคิดมากเกินไป

คนอย่างซูอี้… ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดตราบเท่าที่ต้องการย่อมเปลี่ยนสถานที่นั้นให้เป็นประหนึ่งเหมือนสวนหลังบ้านของตนเอง…

เวิงจิ่วเอ่ยขึ้นผ่านกระแสปราณวิญญาณไปหาซูอี้พร้อมกับยิ้มอย่างมีเลศนัย “สหายเต๋า นายท่านของข้าจะมารับชมงานนี้ด้วยเช่นกัน แต่ท่านอาจจะประหลาดใจอยู่สักหน่อยเมื่อได้เห็นนายท่านของข้าในคราวนี้”

ซูอี้พ่นลมหายใจอย่างไม่ใส่ใจ

เวิงจิ่ว “…”

เขาคิดว่าซูอี้จะสนใจที่จะถามคำถาม แต่มันกลับกลายเป็นว่าซูอี้ดูเหมือนจะไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย

ด้วยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวกับตัวเอง เวิงจิ่วจึงหันหลังกลับและจากไป

“ชายชราเหลยเยวี่ยนตู้ผู้นี้ขอบังอาจทราบชื่อเสียงเรียงนามของสหายน้อยสักหน่อยได้หรือไม่?”

ที่โต๊ะใกล้เคียงกับซูอี้ ชายชรารูปร่างผอมบางทว่ายังมีใบหน้าที่เยาว์วัยทักทายซูอี้ด้วยรอยยิ้ม

เหลยเยวี่ยนตู้

ผู้นำตระกูลเหลย หนึ่งในสามตระกูลใหญ่แห่งต้าเซี่ย เป็นผู้ฝึกตนที่ยิ่งใหญ่ซึ่งมีชื่อเสียงมาหลายสิบปี

ยามได้ยินประโยคคำถามนี้ของเหลยเยวี่ยนตู้ สายตาของบรรดาตัวตนยิ่งใหญ่หลายคนต่างมองมาอย่างสนใจ

“ซูอี้” пᴏᴠᴇʟɢu.ᴄoᴍ

ซูอี้ถ่มเปลือกเมล็ดแตงโมในปากของเขาออกก่อนจะตอบอย่างสบาย ๆ ด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

ทว่าต้องรู้ไว้ ทุกคนที่นั่งอยู่บริเวณนี้ทั้งหมดต่างเป็นตัวตนยิ่งใหญ่ในต้าเซี่ย ชื่อเสียงของพวกเขาเลื่องลือไม่ต่างจากตำนานซึ่งเล่าขานมายาวนาน

หากเป็นรุ่นเยาว์คนอื่นที่อยู่ในเหตุการณ์เช่นนี้เกรงว่าพวกเขาคงจะหวาดหวั่นและไม่อาจสงบใจลงได้เลย

แต่สำหรับซูอี้ ท่าทีของเขากลับไม่ยี่หระเลยแม้แต่น้อย

หากไม่ใช่เพราะว่าวันนี้ต้องมาดูการประลองรอบสุดท้ายของเยว่ซือฉาน เหวินซินจ้าว และหยวนเหิงเขาคงคร้านกว่าจะมาที่นี่

รอยยิ้มของเหลยเยวี่ยนตู้แข็งค้าง จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา

เฒ่าชราอย่างเขาจะไม่เห็นได้อย่างไรว่าท่าทีที่ซูอี้แสดงออกนั้นหาได้แยแสตัวเขาไม่

สิ่งนี้ทำให้เหลยเยวี่ยนตู้หมดความสนใจที่จะสนทนาต่อไปและรู้สึกไม่มีความสุขในใจเล็กน้อย

แค่ข้าเอ่ยทักทายชายหนุ่มเช่นเจ้าก่อนนั้น ก็นับได้ว่าตัวข้าให้เกียรติเจ้ามากแล้ว แต่ทว่าเจ้ากลับเมินเฉยต่อข้าเช่นนี้ช่างโอหังนัก!

อย่างไรก็ตาม เหลยเยวี่ยนตู้ยังคงสงวนท่าทีไม่แสดงโทสะออกไปเพราะตระหนักรู้ว่าคนหนุ่มอายุน้อยเช่นซูอี้ การที่สามารถเข้ามาร่วมนั่งบริเวณเดียวกับพวกเขาได้ย่อมต้องมีที่มาที่ไปไม่ธรรมดา

แต่ถึงแม้เหลยเยวี่ยนตู้จะไม่รู้เมื่อเขาได้ยินชื่อ ‘ซูอี้’ ทว่าหัวใจของผู้ยิ่งใหญ่บางคนกำลังตะลึงงัน!

“ปรากฏว่าคนหนุ่มผู้นี้คือซูอี้!”

ดวงตาของอวี้จิ่วเจินเป็นประกาย เขาคือเจ้าสำนักของวังเทพสวรรค์เมฆา!

วันนี้เขาสวมชุดยาวคล้ายนักพรตเต๋า ใบหน้าของเขาเรียบเนียนราวกับหยกและดูเยาว์วัย แค่เพียงนั่งในท่าสบาย ๆ แต่ทว่ากลิ่นอายอำนาจที่แผ่ออกไม่เป็นรองผู้ใดในที่นี้เลย

แน่นอนอวี้จิ่วเจินเคยได้ยินเกี่ยวกับซูอี้!

ศิษย์หลักสามคนซึ่งรวมถึงฮั่วอวิ๋นเซิงแห่งวังเทพสวรรค์เมฆาของเขา ทั้งหมดล้วนตายภายใต้คมดาบของซูอี้

จางอวิ๋นเทาผู้อาวุโสสำนักชั้นนอกยังถูกซูอี้กำราบด้วยสองดาบ

และแม้แต่การตายของผู้อาวุโสสูงสุดฮั่วเทียนตู่ ซึ่งเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณขั้นกลางก็น่าจะเป็นไปได้ว่าเกี่ยวข้องกับซูอี้ผู้นี้!

แน่นอนว่าอวี้จิ่วเจินไม่คาดคิดเลยว่าจะได้เห็นซูอี้ที่นี่วันนี้

“ซูอี้…”

เซียนโม่หยาง เจ้าสำนักเต๋าชิงอี่ขมวดคิ้ว

ไม่นานมานี้เขาได้ส่งผู้อาวุโสสองคนคือเล่อเฟิงและทิงเฮ่อมายังนครหลวงจิ๋วติ่งเพื่อพยายามค้นหาความจริงเกี่ยวกับการตายของลี่เมี่ยวหงจากซูอี้

ทว่าโดยไม่คาดคิด เล่อเฟิงและทิงเฮ่อกลับตายลงโดยที่เขาไม่อาจจับมือใครดมได้!

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าตะเกียงวิญญาณแห่งชีวิตที่วางไว้ในสำนักของเล่อเฟิงและทิงเฮ่อดับลง เซียนโม่หยางก็คงไม่อาจเชื่อเช่นกันว่าผู้อาวุโสของเขาตายไปทั้งคู่

“ไม่ว่าจะเป็นการตายของลี่เมี่ยวหงหรือการตายของเล่อเฟิงและทิงเฮ่อ ทั้งหมดล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับซูอี้ผู้นี้แน่นอน!”

สีหน้าของเซียนโม่หยางค่อนข้างแน่ใจ

“ซูอี้?”

ในขณะเดียวกัน หลูเต้าถิงเจ้าสำนักดาบเทียนชูและฮั่วหมิงเยวี่ยนผู้นำตระกูลฮั่วและเจียงเซียวเชิงผู้นำตระกูลเจียง พวกเขาต่างแสดงสีหน้าแตกต่างกัน

หลูเต้าถิงทราบข่าวการตายของโจวเฟิงจื่อแล้ว และเขายังรู้จากเจียงเซียวเชิง ว่าการตายของโจวเฟิงจื่อนั้นเกี่ยวข้องกับชายหนุ่มที่ชื่อซูอี้!

อย่างไรก็ตาม เจียงเซียวเชิงเตือนเขาว่ามีกลุ่มอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งคอยหนุนหลังซูอี้ผู้นี้ และซูอี้กับโจวเฟิงจื่อต่างก็มีความแค้นส่วนตัวต่อกันมานานแล้ว ดังนั้นหลูเต้าถิงควรคิดให้รอบคอบหากต้องการจะแก้แค้นให้กับโจวเฟิงจื่อ

ดังนั้นในเวลานี้เมื่อเขารู้ว่าคนหนุ่มในชุดสีเขียวผู้นี้คือซูอี้ หลูเต้าถิงเจ้าสำนักดาบเทียนชูจึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ดวงตาของเขาเย็นชา

สำหรับ ฮั่วหมิงเยวี่ยนผู้นำของตระกูลฮั่ว ซูอี้นั้นเป็นศัตรูที่ตระกูลฮั่วเกลียดชังมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย!

ถ้าไม่ใช่เพราะแรงกดดันซึ่งมาจากวังหลวงโดยตรง ฮั่วหมิงเยวี่ยนคงจะใช้ทุกวิถีทางเพื่อฆ่าซูอี้ไปนานแล้ว!

ทว่า แม้แต่ฮั่วหมิงเยวี่ยนก็ไม่เคยคิดว่าซูอี้จะปรากฏตัวต่อหน้าเขาเช่นนี้

ทันใดนั้น เขาเกือบจะไม่สามารถระงับเจตนาฆ่าและความเกลียดชังในหัวใจลงได้ สีหน้าของเขาจึงมืดหม่นมากกว่าใครในที่นี้

สำหรับเจียงเซียวเชิง…

เขาไม่มีความคับข้องใจหรือเป็นปฏิปักษ์กับซูอี้ แต่เขารู้ดีว่าหลูเต้าถิงเจ้าสำนักดาบเทียนชูอาจมีสีหน้าที่ไม่ดีนัก

ในเวลาเดียวกัน ผู้ยิ่งใหญ่คนอื่น ๆ ต่างก็ตระหนักดีว่ามีบางอย่างผิดปกติกับบรรยากาศ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลูเต้าถิง อวี้จิ่วเจิน และเซียนโม่หยาง ผู้นำทั้งสามของสำนักยุทธ์อันยิ่งใหญ่แห่งต้าเซี่ยและฮั่วหมิงเยวี่ยนผู้นำของตระกูลฮั่ว สีหน้าของพวกเขาทั้งหมดเปลี่ยนไปอย่างมากหลังจากได้ยินชื่อซูอี้

สิ่งนี้ทำให้ตัวตนยิ่งใหญ่คนอื่น ๆ รู้สึกประหลาดใจและงงงวย เป็นไปได้หรือไม่ที่ซูอี้ผู้นี้มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มอิทธิพลระดับสูงเหล่านี้ทั้งหมด?

ถ้าเป็นอย่างนั้นมันน่าเหลือเชื่อมาก!

ทว่าภายใต้การจ้องมองทั้งหมดนี้ ซูอี้กลับไม่ได้ใส่ใจเลย

เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ ผู้ยิ่งใหญ่ทุกคนต่างยิ่งตะลึงใจ คนหนุ่มผู้นี้… สงบจริง ๆ…

ที่โต๊ะหนึ่งซึ่งอยู่ห่างไปไม่ไกล เจ้าอาวาสจิ้นหยวนแห่งวัดมหาจันทรา ผู้ซึ่งมีระดับการฝึกฝนขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณขั้นกลาง เขาแต่งกายตามแบบของหลวงจีนอย่างที่ควรเป็น ศีรษะโล้นเลี่ยนสะอาด ทั้งสองมือวางอยู่บนตักพลางนับประคำด้วยสิบนิ้ว

ทันใดนั้น ร่างกายของเขาแข็งค้าง นิ้วของเขาหยุดหมุนสายประคำ และใบหน้าแปรเปลี่ยนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นทันที

เมื่อแลมองไป เขาเห็นว่าขณะนี้ซูอี้กำลังจ้องมองตนเองอยู่!

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset