📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 520

บทที่ 520 - ขึ้นทำเนียบ
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

กลางดึก

บนยอดเขาเทียนหมาง

ชายวัยกลางคนสวมชุดผ้าทอในกระท่อมน้อยฉายประกายเย็นเยียบในดวงตา กล่าวขึ้นว่า “ข้าให้เวลาเจ้าหนึ่งวัน ข้าต้องการให้โฉมหน้าของฉู่ซิวผู้นี้ปรากฏขึ้นในทุกเขตคาม ทั่วสิบสามแคว้นในต้าเซี่ย!”

“ขอรับ!”

เวิงจิ่วรับคำสั่ง

“บำเหน็จจะถูกเสนอในนามราชวงศ์แห่งต้าเซี่ย และผู้ใดก็ตามที่สามารถให้เบาะแสอันเชื่อถือได้เกี่ยวกับฉู่ซิวจะได้รับปูนบำเหน็จหินวิญญาณระดับห้าจำนวนหนึ่งพันชิ้น!”

ชายวัยกลางคนในชุดผ้าทอออกคำสั่งอีกครั้ง “หากจับตายฉู่ซิว นำหัวมาขึ้นรางวัลได้ เจ้ามอบตำแหน่งรองผู้บัญชาการทหารหลวงที่เขาเทียนหมาง เข้าฝึกฝนในเขาเทียนหมางและรับการคุ้มครองจากราชวงศ์แห่งต้าเซี่ยได้!”

เวิงจิ่วประหลาดใจ “นายท่าน บำเหน็จนี้มากไปหน่อยหรือไม่…”

ชายวัยกลางคนในชุดผ้าทอกล่าวเบา ๆ “ทำเช่นที่ข้าสั่ง”

“ขอรับ”

เวิงจิ่วรับคำสั่ง

เขาพอเข้าใจว่าหากนายท่านทำเช่นนี้ เขาอาจจะกระตุ้นฉู่ซิวให้ลงมือคืนนี้ได้ แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ เขากำลังประกาศจุดยืนของตนเองต่อซูอี้

เพื่อให้ซูอี้เข้าใจกระจ่างชัด ว่าเพื่อการนี้ ราชวงศ์แห่งต้าเซี่ยจะกวาดล้างฉู่ซิวโดยไม่สนราคา!

หากเป็นเช่นนี้ ซูอี้จะไม่ซาบซึ้งได้เช่นไร?

“ผู้อาวุโสสุ่ย” ชายวัยกลางคนในชุดผ้าทอเอ่ยเรียกอีกครั้ง

ผู้อาวุโสสุ่ยในชุดดำและหมวกกลมสีดำค้อมหัวกล่าว “นายท่านทรงมีรับสั่งเช่นไร?”

ชายวัยกลางคนในชุดผ้าทอเอ่ยสั่ง “นับจากคืนนี้ไป ทิ้งทุกสิ่งที่ทำอยู่ ส่งทหารสัมภเวสีไปตรวจสอบเรื่องตำหนักมารเทียนอวี้แห่งมหาทวีปเทียนตูเสีย”

ผู้อาวุโสสุ่ย “รับทราบ”

ชายวัยกลางคนในชุดผ้าทอถอนหายใจ จิตสังหารปรากฏที่หว่างคิ้ว พลางกล่าวว่า “ไม่ว่าอย่างไร เราจะปล่อยให้สหายเต๋าซูเกิดอุบัติเหตุภายใต้สายตาเราไม่ได้ และในกาลต่อมา ผู้ใดก็ตามที่กล้าไปก่อความวุ่นวายที่สวนน้อยนภาเมฆ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด ให้ฆ่าเสีย!”

เวิงจิ่วและผู้อาวุโสสุ่ยมองหน้ากัน หัวใจสั่นคลอน

ทั้งคู่ต่างตระหนักว่าในใจของนายท่าน ซูอี้ครองตำแหน่งสำคัญนัก จะผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด!

“พวกเจ้าคิดว่าข้าทำเรื่องเล็กให้ใหญ่โตหรือไม่?” ชายวัยกลางคนในชุดผ้าทอมองชายทั้งสอง

ทั้งสองต่างส่ายหน้า

เวิงจิ่วกล่าวว่า “สหายเต๋าซูสามารถซ่อมแซมค่ายกลจิ๋วติ่งพิทักษ์แดน ซ้ำการควบคุมเขตแดนนี้ยังเหนือชั้นกว่าเรา ตัวเขาเองยังเป็นยอดฝีมือกล้าแกร่งซึ่งหลายพันปีจะมีสักคน จะเกิดข้อผิดพลาดไม่ได้”

ผู้อาวุโสสุ่ยพยักหน้าเห็นด้วย

ชายวัยกลางคนในชุดผ้าทอไม่พูดมากกว่านั้น เขาโบกมือ “ไปเถิด”

กลางดึกคืนเดียวกัน

นอกนครหลวงจิ๋วติ่ง ขบวนเดินทางอันใหญ่โตกำลังเดินหน้าไปไกล

หนึ่งในรถศึก

ฉู่ซิวนั่งเหม่อลอยอยู่ที่นั่น

นัยน์ตาสีเขียวเต็มไปด้วยความอาฆาต มือกำแน่นเสียจนหลังมือมีเส้นเลือดปูดเขียว ข้อนิ้วขาวโพลนไปหมด

“ซูอี้เอ๋ยซูอี้… เจ้าช่างสมควรตายเหลือเกิน!!!”

ฉู่ซิวเข่นเขี้ยว หัวใจดั่งมีดกรีด

ในชั่วข้ามคืน หุ่นเชิดศพสองตัวที่เหลือก็ถูกทำลายสิ้น ซ้ำเขายังเสียค่ายกลสังหารมังกรโลหิต ไพ่ตายของเขาไปอีก

ความเสียหายใหญ่หลวงนี้ทำให้หัวใจของเขาหลั่งเลือด เจ็บปวดเสียจนหายใจไม่ออก

“นายท่าน ในหกวัน ชุมนุมมวลพฤกษาจะออกเดินทาง เราจะออกจากนครหลวงจิ๋วติ่งยามนี้แน่หรือขอรับ?”

พลขับผู้เดินรถศึกถามอย่างระมัดระวัง

ฉู่ซิวสูดหายใจลึกพลางตอบเสียงต่ำ “ข้าอยู่นครหลวงจิ๋วติ่งต่อไปไม่ได้ ไปต้าโจว!”

เรื่องราวในคืนนี้ แม้เขาจะเสียหายหนักหน่วง แต่จากการกระทำของซูอี้ ฉู่ซิวก็ตระหนักว่ามีบางสิ่งผิดปกติ

มีบุคคลในต้าโจวผู้ซึ่งซูอี้ห่วงใย!

หาไม่ ซูอี้คงมิมีทางไปตามนัดในคืนนี้อย่างบริสุทธิ์ใจเพียงนี้

“ต้าโจว?”

พลขับงุนงงเล็กน้อย “ที่ห่างไกลเพียงนั้น ไร้โอกาสหรือวาสนาใด ๆ ให้ต้องสนใจ ท่านจะไปที่นั่นเพื่ออันใดหรือ?

“จับคน!”

นัยน์ตาของฉู่ซิวดูโหดร้าย

สองวันถัดมา

วันที่ยี่สิบเดือนเก้า ยามพลบค่ำ

แคว้นเซี่ยง หนึ่งในสิบสามแคว้นแห่งต้าเซี่ย ริมผามังกรด้วน

“สหายเต๋าอิงเชวีย โปรดออกมาพบด้วย!”

หยวนเหิงยืนอยู่บนแม่น้ำเหนือผามังกรด้วน เอ่ยวาจาเสียงทุ้ม เสียงของเขาก้องลึกเข้าไปในธาร

ครู่ถัดมา คลื่นยักษ์ถาโถมพลันปรากฏขึ้นที่ผิวน้ำ และร่างหนึ่งก็อุบัติขึ้นจากอากาศธาตุ

คนผู้นี้เถลิงเกี้ยวสูง ราวมหานักปราชญ์ผู้เต็มไปด้วยกาพย์กลอนตำรา กิริยาไร้จำกัดผึ่งผาย เมื่อดวงตาสีน้ำตาลขยับ ให้บรรยากาศกดดันน่าเกรงขาม

เขาคือมังกรเกล็ดดำ ผู้ฝึกปีศาจอิงเชวียผู้พำนักอยู่ ณ ที่นี้

“สหายหยวนเหิง เหตุใดจึงมาที่นี่?”

อิงเชวียหัวเราะร่าพลางสาวเท้ายาว ๆ เข้ามาทักทาย

หยวนเหิงตอบยิ้ม ๆ “ข้ามาที่นี่ด้วยคำสั่งนายท่าน มีสิ่งหนึ่งอยากขอสหายเต๋าให้ช่วย”

“ที่แท้ก็เป็นธุระของคุณชายซู ขอสหายหยวนเหิงชี้แจงให้กระจ่าง”

อิงเชวียจัดอาภรณ์ สีหน้าพลันจริงจังขึ้น ค้อมตัวเล็กน้อยแสดงความเคารพ

เห็นเช่นนี้ ในใจหยวนเหิงก็รู้สึกแปลกเล็กน้อย จริงดังนายท่านว่า มังกรเกล็ดดำผู้นี้รู้ศาสตร์การประจบจริง ๆ

นายท่านไม่ได้อยู่ที่นี่แท้ ๆ แต่เขายังดูเคร่งขรึมและน่าเกรงขาม ทัศนคติเช่นนี้… ไม่มีผู้ใดติฉินได้แน่นอน!

หยวนเหิงอธิบายคำสั่งของซูอี้ทีละข้อทันที

หลังฟังจบ อิงเชวียก็อดแสดงความตื่นเต้นออกมาไม่ได้ เขากล่าวอย่างตื่นเต้น “สหายหยวนเหิง สหายเอ๋ย ข้ารอวันนี้ที่จะได้ทำประโยชน์ต่อคุณชายซูมานานแล้ว!”

เขาหัวเราะลั่นฟ้าอย่างอดไม่ได้ ไม่ปกปิดความปรีดาในน้ำเสียง “เร็วเข้า ส่งดาบของท่านมา ให้พี่ชายผู้นี้ได้ประจักษ์เสียที!”

หยวนเหิงส่งดาบสุดแดนดินให้ทันที

อิงเชวียสะดุ้ง

ดาบนี้เป็นดาบธรรมดาชัด ๆ อย่างมากที่สุดก็แค่มีเศษเสี้ยวพลังวิญญาณเพียงเล็กน้อย

หยวนเหิงกล่าวอย่างอดไม่ได้ “นี่คือกระบี่เล่มแรกที่นายท่านตีขึ้นในยามแรกก้าวสู่วิถียุทธ์แรกเริ่ม นามดาบสุดแดนดิน อันหมายความว่า ‘ข้าก้าวสู่โลกแห่งมนุษย์ ลับใจเป็นดาบ’ แม้ว่านายท่านในยามนี้จะแข็งแกร่งจนสังหารผู้อยู่ในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณได้ เขาก็ยังคงสะพายดาบนี้กับตัว ไม่ทอดทิ้งไปไหน”

อิงเชวียอดสูดลมหายใจลึกไม่ได้ ดวงตาของเขาแสดงความชื่นชม กล่าวด้วยน้ำเสียงเปี่ยมอารมณ์ “ก้าวสู่โลกแห่งมนุษย์ ลับใจเป็นดาบ ชื่อดี เป็นชื่อที่ยอดเยี่ยมแท้! สิ่งหายากคือคุณชายซูยังคงเป็นบุคคลติดดิน! ด้วยจิตใจและกิริยานี้ เขาเรียกได้ว่าเป็นยอดยุทธ์อย่างแท้จริง!”

เห็นเช่นนี้ หยวนเหิงก็อดรู้สึกอายไม่ได้ นายท่านของเขาเคยกล่าวไว้แล้วว่าหากกล่าวถึงการสอพลอ มังกรเกล็ดดำเฒ่าผู้นี้มองปราดแรกก็เห็นได้ถึงความสามารถเกินธรรมดา ชนิดที่ว่าผู้อื่นไม่อาจเรียนรู้ได้เลย!

อิงเชวียใช้สองมือรับดาบสุดแดนดิน เก็บมันไปอย่างระมัดระวัง แล้วจึงกล่าวว่า “สหายหยวนเหิง เรื่องของคุณชายซูไม่อาจรอช้า สหายเอ๋ย ครานี้ข้าอยู่ดื่มกับเจ้าไม่ได้ รอข้าเก็บกวาดสักครู่ ข้าจะเดินทางไปต้าโจววันนี้!”

หยวนเหิงพยักหน้าพลางยิ้ม แล้วกล่าวคำออก “ไว้พบกัน เมื่อครานั้น ข้ากับท่านเรามาดื่มกัน!”

อิงเชวียตบบ่าหยวนเหิงพร้อมกับรอยยิ้ม กล่าวอย่างจริงจังว่า “สหายหยวนเหิง ติดตามคุณชายซูไปเถิด นี่คือวาสนาใหญ่แล้ว เจ้าต้องถนอมมันไว้ ทุกสิ่งก็เพื่อคุณชายซู อย่าทำให้คุณชายซูผิดหวัง!”

กล่าวจบ เขาก็หันหลังมุ่งหน้าลงลำธารจากไป

ในวันเดียวกัน หยวนเหิงออกเดินทางกลับสู่นครหลวงจิ๋วติ่ง ในขณะที่อิงเชวียถือดาบของซูอี้มุ่งหน้าสู่ทะเลวิญญาณโกลาหล

หลังจากคิดถึงช่วงเวลาที่พบกับอิงเชวีย หยวนเหิงพลันตระหนักว่ามังกรเฒ่าเกล็ดดำผู้อยู่ในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณมาหลายพันปีได้ทะลวงคอขวดเข้าสู่ขอบเขตสยายวิญญาณเป็นที่เรียบร้อย!

ในที่สุดหยวนเหิงก็เข้าใจ ว่าเหตุใดอิงเชวียจึงเคารพบูชานายท่านของเขานักโนiวลกูดอทคอม

หากไม่ใช่เพราะนายท่าน มังกรเกล็ดดำเฒ่าผู้นี้จะได้รับโอกาสสังหารจิตมาร แล้วเข้าสู่ขอบเขตสยายวิญญาณได้หรือ?

นี่คือการตอบแทนบุญคุณ!

วันที่ยี่สิบเอ็ดเดือนเก้า

ต้าโจว ตำหนักเทียนหยวน

ย่ำค่ำ

ม้วนหยกโบราณม้วนหนึ่งจากนครหลวงจิ๋วติ่งแห่งต้าเซี่ยถูกหลวงจีนหงจี้จากหอสิบทิศแห่งต้าโจวส่งให้หนิงซือฮวาด้วยตนเอง

วันเดียวกัน

นครหลวงจิ๋วติ่ง

ยามเที่ยง นักพรตกลุ่มหนึ่งจากวัดมหาจันทรา นำโดยเฉินลวี่ ได้เข้าสู่นคร เรียกสายตาหันมาสนใจมากมาย

เฉินลวี่คือหนึ่งในผู้แข็งแกร่งยุคปัจจุบันในหมู่บุคคลรุ่นหลังแห่งต้าเซี่ย มีจิต ‘สงบนิ่งไร้มลทิน’ เฉกเช่นอวี่เหวินซู่ เหวินซินจ้าว และหลี่หานเติง

เขายังเป็นบุคคลลึกลับสำรวมตนที่สุดในหมู่ผู้เก่งกล้ายุคปัจจุบัน

ลือกันว่าเมื่อยามเฉินลวี่ก้าวสู่ขอบเขตไร้เบญจธัญ ฟ้าดินบังเกิดนิมิต มีเสียงบทสวดสันสกฤต บุหงาโปรยปรายทั่วนภา

และเมื่อก้าวสู่ขอบเขตเปิดทวาร ฟ้าดินก็บังเกิดนิมิตเช่นกัน จิตวิญญาณมังกรผาดโผนบนฟ้า เสียงกลองย่ำค่ำและระฆังย่ำรุ่งกังวานมิรู้จบ

จนกระทั่งสองปีที่ผ่านมา เมื่อเฉินลวี่ก้าวสู่ขอบเขตรวบรวมดารา นั่นก่อให้เกิดกระทั่งปาฏิหาริย์เช่น ‘แท่นปทุมลอยกลางหาว ดวงดาวปรากฏยามสว่าง’

สามขอบเขตแห่งวิถีต้นกำเนิด ทุกครั้งที่เฉินลวี่เลื่อนขอบเขต ฟ้าดินจะบังเกิดนิมิต พื้นหลังและความสามารถแห่งมหาวิถีนี้ไม่มีผู้ใดเหมือน

ในวันนี้ จึงยากหากตำนานรุ่นเยาว์เช่นเฉินลวี่จะเข้าสู่นครหลวงจิ๋วติ่งได้โดยมิเป็นที่สนใจ

เดือนเก้าวันที่ยี่สิบสอง

ราชวงศ์แห่งต้าเซี่ยออกสามทำเนียบสู่โลกหล้า ซึ่งทำให้ทั่วทั้งเมืองคุกรุ่น

หนึ่งคือทำเนียบมารโบราณซึ่งบันทึกนามของตัวตนเก่าแก่โบราณผู้ตื่นและกำเนิดขึ้นทั่วโลกหล้าในชั่วเวลาสิบปีที่ผ่านมา ทั้งหมดมียี่สิบเจ็ดคน!

ทำเนียบมารโบราณเป็นทำเนียบสั้น แต่ละผู้อยู่ในวิถีต้นกำเนิด มีพื้นเพน่าสะพรึงกลัวและที่มาเหนือธรรมดา

และจากราชวงศ์แห่งต้าเซี่ย ทำเนียบนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่ง มารโบราณซึ่งกระจัดกระจายทั่วทุกมุมโลกมีมากกว่าคนเหล่านี้นัก

อีกสองทำเนียบคือทำเนียบดาราและทำเนียบผู้สิงสถิต

มีบุคคลทั้งหมดหกสิบสามชื่อในทำเนียบดารา

ข้อกำหนดการคัดเลือกนั้นง่ายดายมาก พวกเขาต่างก็เป็นอัจฉริยะแห่งโลกผู้มีความสามารถพิเศษเฉพาะ พื้นฐานเหนือล้ำกว่าผู้ใดในกลุ่ม และแข็งแกร่งพอจะสังหารศัตรูเหนือขอบเขตของตน!

ส่วนทำเนียบผู้สิงสถิตนั้นมีเพียงสามสิบหกรายชื่อ

ไม่ใช่ว่ามีผู้สิงสถิตจากต่างโลกเพียงเท่านี้ ทว่าผู้สิงสถิตทั้งสามสิบหกนี้ถือเป็นผู้ฝึกตนระดับหัวกะทิจากต่างโลก

ผู้สิงสถิตจากต่างโลกที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในวิถีวิญญาณ!

ทำเนียบนี้ถือได้ว่าเป็น ‘ทำเนียบค่าหัว’ ได้ด้วยเช่นกัน เพราะราชวงศ์แห่งต้าเซี่ยประกาศแล้วว่าผู้สิงสถิตจากต่างโลกคือศัตรูสาธารณะของผู้ฝึกตนทั่วโลก และจะต้องถูกสังหาร!

การประกาศทำเนียบเช่นนี้ก็คือการเปิดโปงผู้สิงสถิตทั้งสามสิบหก และให้ผู้ฝึกตนทั่วโลกจัดการพวกเขาร่วมกัน!

กล่าวสั้น ๆ ก็คือ ทันทีที่ทำเนียบทั้งสามถูกประกาศ มันจึงสร้างคลื่นกระเพื่อมในนครหลวงจิ๋วติ่งได้อย่างมหาศาล จนดึงดูดความสนใจและเสียงฮือฮาอย่างไม่เคยปรากฏ

สิ่งที่ชวนครุ่นคิดคือ ทำเนียบทั้งสามไม่มีทำเนียบใดจัดลำดับ มีเพียงข้อมูลอันเรียบง่ายที่สุดเช่นชื่อ ภูมิลำเนาและระดับการฝึกฝนเขียนไว้

ทว่า ถึงเช่นนั้น ความจริงที่นามเหล่านี้สามารถปรากฏบนทำเนียบก็นับได้ว่าเป็นการยอมรับสูงสุดจากราชวงศ์ต้าเซี่ยแล้ว

“นายท่าน ชื่อของท่านก็อยู่ในทำเนียบดาราเช่นกัน!”

หยวนเหิงกล่าวอย่างปรีดาอยู่ในสวนน้อยนภาเมฆ

ซูอี้ผู้นอนสบายอยู่บนเก้าอี้โยกส่งเสียงรับในคออย่างใจลอย

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset