📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 51

บทที่ 51 - ทุกคนมาดูการต่อสู้ แต่ข้าชอบดูมัจฉาอัคคี
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ชายหนุ่มผู้ที่กระโดดขึ้นมาบนเวทีเป็นคนแรกของงานประลองครั้งนี้คือคือเผิงเชียนชิวแห่งเมืองลั่วอวิ๋น!

ความปั่นป่วนเกิดขึ้นทั่วบริเวณทันที ทราบกันดีว่าชายผู้กระโดดขึ้นไปบนเวทีประลองเป็นคนแรก คือยอดฝีมือในหมู่คนรุ่นเยาว์จากเมืองลั่วอวิ๋น ที่มีระดับการบ่มเพาะอยู่ในขอบเขตโคจรโลหิตขั้นสาม หรือก็คือขั้นขัดเกลาเส้นเอ็น

ในไม่ช้า ทางฝ่ายเมืองกว่างหลิงก็ปรากฏชายหนุ่มชุดดำชื่ออู๋จ้วงเดินออกมา พร้อมขึ้นสังเวียน

พวกเขาทั้งสองพูดคุยกันเพียงเล็กน้อย และจากนั้นก็เริ่มบรรเลงเลือดเกิดเป็นการประลองอันดุเดือดทันที

ผ่านไปแค่เพียงครู่เดียว เสียงโห่ร้องจากข้างสนามดังกึกก้อง

บรรยากาศรอบเวทีประลองครึกครื้นขึ้นมา

บรรดาคนใหญ่คนโตต่างพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกัน แต่พวกเขายังคงมีท่าทีที่สงบกว่าคนทั่วไปอย่างชัดเจน

เพราะพวกเขารู้ดีว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น

อย่างไรก็ตาม ซูอี้ที่ยืนอยู่กลางฝูงชนขณะนี้กลับลอบส่ายหน้า

สำหรับตัวเขา การประลองนี้ช่างน่าเบื่อหน่าย และไม่คุ้มที่จะมายืนรับชม

เขาเบนสายตามองไปยังแม่น้ำที่ทอดยาวออกไป

หากเทียบกันแล้ว แม่น้ำต้าฉางในยามค่ำคืนนั้นดูงดงามกว่ามาก

แสงไฟเรืองรอง ใบเรือนับร้อยกางอยู่ และบนเรือทุกลำมีคนที่แหงนมองดู กระซิบพูดคุย หรือดื่มสุราส่งเสียงฮือฮากันเสียงดัง…

แม้แต่บนเรือดอกไม้*[1] บางลำก็มีเสียงเครื่องไหมไผ่*[2] ดังออกมา มีนักร้องสาวงามคอยขับขานให้ความรื่นเริง

ทั้งสองฝั่งแม่น้ำต้าฉางนั้น แม้คนทั่วไปไม่อาจมองเห็นฉากงานประลองประตูมังกรได้ แต่ก็ตื่นเต้นที่ได้ฟังจากระยะไกล

ผู้คนไม่มีอะไรมากไปกว่าการเฝ้าดูความสนุกสนาน

ส่วนใครจะแพ้หรือชนะ มีเพียงคนที่ใส่ใจเท่านั้นที่ใส่ใจ

กลับมาที่สังเวียน การแข่งขันจะดำเนินไปทีละคู่ โดยคนเข้าร่วมเป็นรุ่นเยาว์จากสองเมือง แต่ละคนอายุไม่เกินสิบแปดปี และระดับการบ่มเพาะอยู่ที่ขอบเขตโคจรโลหิต

ในการแข่งขัน ย่อมมีแพ้และชนะ

กฎของงานประลองครั้งนี้คือ หากไม่มีผู้ใดกล้าขึ้นมาท้าทายผู้ที่ยังคงยืนหยัดอยู่บนสังเวียน ฝ่ายที่ยังคงยืนหยัดจะกลายเป็นที่หนึ่งของงานประลองประตูมังกร

ราวหนึ่งก้านธูปต่อมา

เนี่ยเถิงบุตรชายเนี่ยเป่ยหู่ก้าวขึ้นสังเวียน ดึงเอาความสนใจจากซูอี้ได้จนเขาต้องหันไปมอง

เนี่ยเถิงเป็นคนองอาจกล้าหาญ มีนิสัยนิ่งสงบ แต่เดิมนั้นเขาเป็นคนของสำนักดาบซ่งอวิ๋น นั่นจึงยิ่งทำให้เขาเป็นจุดสนใจของผู้คนจำนวนมาก

แม้กระทั่งผู้ยิ่งใหญ่บางคนยังถึงกับหยุดคุย และหันมามอง

เนี่ยเถิงทำได้ตามความคาดหวังของผู้คน เขาแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าตนเองมีความแข็งแกร่งเป็นเลิศในหมู่คนรุ่นเดียวกัน

หากแค่เพียงเขาชนะในครั้งต่อไป เขาจะชนะสิบสามครั้งต่อเนื่องแล้ว!

มันคือผลแพ้ชนะที่ดีที่สุด นับตั้งแต่เริ่มงานประลองประตูมังกรมา

บรรดานักสู้ข้างสนามต่างลุกเฮด้วยความกระตือรือร้น และปรบมืออย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ตามกฎแล้ว ตราบที่เนี่ยเถิงชนะต่ออีกสองครั้ง เขาจะสามารถออกสังเวียนเพื่อพักผ่อนได้ และเมื่อร่างกายหายเหนื่อยล้า ก็จะกลับขึ้นสังเวียนได้อีกครั้ง

แต่ในครั้งที่สิบสี่ เนี่ยเถิงกลับพบคู่ต่อสู้ที่แกร่งกว่า ก่อนเผชิญความพ่ายแพ้

หลายคนรู้สึกเสียดาย แต่ไม่มีผู้ใดหัวเราะเยาะ

ด้วยชัยชนะอย่างต่อเนื่องสิบสามครั้งของเขาในงานประลองประตูมังกร จึงกลายเป็นที่โดดเด่นในหมู่คนรุ่นเยาว์

“จิตใจก็ดี ประสบการณ์การต่อสู้ก็ดีด้วย ชัดเจนว่าเขาเคยผ่านการต่อสู้และการฝึกฝนมาอย่างโชกโชน น่าเสียดายที่เคล็ดวิชาที่ฝึกฝนนั้นค่อนข้างหยาบไปเสียหน่อย…”

ซูอี้เพียงกวาดตามองรับชม ก็ทราบรายละเอียดการฝึกฝนของเนี่ยเถิง

แต่ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิดเรื่องนี้ หวงเฉียนจวินก็ก้าวขึ้นสังเวียนแล้ว!

“เจ้าเด็กนี่ช่างหุนหันพลันแล่น ทั้งยังขาดการระงับอารมณ์” ซูอี้เลิกคิ้ว

กระนั้นแล้ว ยามได้เห็นหวงเฉียนจวินเอาชนะคู่ต่อสู้ง่ายดายโดยวิธีการบุกอย่างล้างผลาญจนเกิดเป็นการต่อสู้อันตระการตาบนเวทีประลอง ภาพนี้มันทำเอาบรรยากาศเดือดพล่านขึ้นมา

เพราะคู่ต่อสู้ที่เขาเอาชนะ คือผู้ที่เอาชนะเนี่ยเถิงเมื่อครู่นี้!

การเปรียบเช่นนี้ ทำให้เนี่ยเถิงดูด้อยไปในทันที ด้อยจากหวงเฉียนจวินเป็นอย่างมาก!

และที่ทำให้ทุกคนแปลกใจ คือไม่มีผู้ใดคิดว่าหวงเฉียนจวินที่เป็นอันธพาล จะมีพลังการต่อสู้ที่น่าเกรงขามขนาดนี้ ผู้ยิ่งใหญ่บางคนยังรู้สึกแปลกใจ และเปลี่ยนภาพจำเสียใหม่

“พี่หวง บุตรชายท่านยอดเยี่ยมนัก!”

“คิดไม่ผิด คิดไม่ผิด บุตรพยัคฆ์จะเป็นลูกเป็นสุนัขได้เยี่ยงไร*[3]”

…เมื่อได้ยินผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายต่างเอ่ยชมเยินยอ ใบหน้าของหวงอวิ๋นชงกลายเป็นแดงเรื่อ ทั้งยังเกิดรู้สึกภาคภูมิ

มีหรือเขาจะไม่ทราบ ว่าบุตรชายตัวเองแต่ก่อนนี้ชื่อเสียงเลวร้ายเพียงใด?

ทว่าตอนนี้ ผู้ใดกันจะกล้าสบประมาทอีก?

‘หากไม่ได้คุณชายซู ลูกชายของข้าคงไม่มีวันนี้…’

หวงอวิ๋นชงลอบคิดและถอนหายใจให้ตัวเอง เมื่อนึกถึงซูอี้ เขาก็อดรู้สึกเคารพนับถือไม่ได้

“ลูกของข้าจะรู้สึกกระทบกระเทือนใจหรือไม่?”

เนี่ยเป่ยหู่มองไปที่หวงเฉียนจวินซึ่งกำลังฮึกเหิมอยู่บนสังเวียน ก่อนเบนสายตาไปทางเนี่ยเถิงที่พ่ายแพ้แล้วกลับมารับชมสนามข้างตน ความรู้สึกซับซ้อนจึงบังเกิด

มีหรือเขาไม่ทราบว่าที่หวงเฉียนจวินแปรเปลี่ยนประหนึ่งเกิดใหม่เช่นนี้ ทั้งหมดก็เพราะซูอี้

หากบุตรของตนยอมทำตามการจัดแจงของเขา และคอยตามรับใช้ซูอี้ มีหรือผลของการประลองจะด้อยกว่าหวงเฉียนจวิน?

พอยิ่งคิดเรื่องนี้มากเข้า เนี่ยเป่ยหู่ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ

“ท่านพ่อ ข้าไม่นึกเสียใจ”

เนี่ยเถิงดูนิ่งและกล่าวอย่างสงบ “ก็แค่แพ้หนึ่งครั้ง มันไม่มีผลใดกับข้า ทว่าความพ่ายแพ้นี้ก็ทำให้ข้าเห็นข้อบกพร่องของตนเองด้วย ตราบที่ข้าแก้ไขมันได้ ก็สามารถก้าวหน้าได้ดีกว่านี้”

ผู้เป็นบิดาประหลาดใจ ก่อนความรู้สึกซับซ้อนในใจจะเลือนหาน เขากล่าวด้วยความนึกโล่งอก “ชนะแล้วไม่ทะนงตัว พ่ายแพ้แล้วไม่ท้อถอย หากลูกพ่อมีความคิดเช่นนี้ สักวันจะต้องกลายเป็นยอดคน”

ทันใดนั้น หวงเฉียนจวินตะโกนเสียงดังจากบนสังเวียน

“เหวินเจวี๋ยหยวน เจ้ากล้าขึ้นมาท้าประลองตอนนี้หรือไม่!”

เมื่อพูดประโยคนี้ออกมา บรรยากาศที่มีชีวิตชีวาในสนามประลองก็เงียบลงทันที และทุกคนก็แสดงท่าทางเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง

แม้กระทั่งผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายยังประหลาดใจ

เหวินเจวี๋ยหยวน!โน เวล กู ดอท คอม

คนนี้คือตัวเต็งที่จะได้เป็นที่หนึ่งของงานประลองประตูมังกร และทุกคนในเมืองกว่างหลิงก็มองเช่นนี้เป็นความคิดเดียวกัน

แม้แต่บรรดาคนรุ่นเยาว์ในเมืองลั่วอวิ๋นเอง ต่างถือเหวินเจวี๋ยหยวนเป็นศัตรูอันดับหนึ่ง!

ผู้ใดกันคาดคิด ว่าครั้งนี้หวงเฉียนจวินจะเป็นฝ่ายเริ่มท้าทายเหวินเจวี๋ยหยวน?

ทันทีหลังจากนั้น เกิดความโกลาหลในหมู่ผู้ชม

“พี่หวง บุตรชายหัวดื้อของท่านหาญกล้าแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หลี่เทียนหานอดหัวเราะไม่ได้ คำพูดแฝงซึ่งความเย้ยหยัน

“เป็นนิสัยบ้าเลือดตามประสาที่คนหนุ่มควรจะมี” หวงอวิ๋นชงไม่โกรธและตอบอย่างเนิบนาบ

เจ้าเมืองฟู่ซานกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เด็กคนนี้เลือดร้อนและกล้าหาญจริง ต่อให้แพ้ก็ควรค่าแก่การชื่นชม”

“ไม่เลวจริง” โจวฮวายชิวพยักหน้า

“ทุกท่านชมลูกชายข้ามากเกินไปแล้ว เขาก็แค่เด็กเลือดร้อนธรรมดาเท่านั้นเอง”

หวงอวิ๋นชงผู้เป็นบิดายิ้มและโบกมือ ด้วยคำพูดไม่กี่คำของโจวฮวายชิว มันทำเอาเขาเกิดนึกยินดีในใจ

อย่างไรเสีย นี่คือการยอมรับจากผู้อาวุโสสำนักในของสำนักดาบชิงเหอ!

“หึ” หลี่เทียนหานยิ้มเยือกเย็น

ทางด้านเหวินฉางชิง เขาไม่คิดสนใจแม้แต่น้อย

เขาที่เพิ่งเจ็บปวดจากการสูญเสียบุตรชาย นิสัยจึงแปรเปลี่ยนโดยสิ้นเชิง ตั้งแต่ที่นั่งลงไป ใบหน้าก็หมองหม่น ไม่พูดกล่าวคำใด ไม่กินและไม่ดื่ม

“หวงเฉียนจวินผู้นี้ ช่างโอหังยิ่งนัก!”

“จับตารับชมว่าถัดจากนี้จะพ่ายแพ้เช่นไร”

ไม่ไกลจากบริเวณนั้น ขณะที่หวงเฉียนจวินท้าทายเหวินเจวี๋ยหยวน เหล่าทายาทของตระกูลเหวินต่างเย้ยหยัน

โดยเฉพาะเหวินเส้าเป่ย ที่เกิดตื่นเต้นจนกัดฟันพร้อมกล่าว “ตัวเจ้าที่แส่หาเรื่องใส่ตัว ให้กล่าวโทษผู้ใดดี?”

ในไม่ช้า ภายใต้สายตานับไม่ถ้วนนั้น เหวินเจวี๋ยหยวนพลันก้าวขึ้นบนสังเวียน

เสื้อผ้าของเขาขาวกว่าหิมะ ร่างสูงระหง และมีดาบยาวขัดไว้ที่เอว ทันทีที่ปรากฏตัวก็มีเสียงโห่ร้องปะทุดังขึ้นจากด้านนอก สตรีบางส่วนก็ถึงกับกรีดร้องด้วยความตื่นเต้น

ต้องพูดว่าความนิยมในตัวเหวินเจวี๋ยหยวนสูงล้ำ และทุกความเคลื่อนไหวของเขาสามารถดึงดูดความสนใจได้นับไม่ถ้วน

“ความกล้าในวันนี้ของเจ้า ข้าขอชื่นชม”

บนสังเวียนนั้น เหวินเจวี๋ยหยวนกล่าวอย่างเย็นชา

เขาไม่คิดว่าหวงเฉียนจวินจะบังอาจเริ่มเป็นฝ่ายท้าทายเช่นนี้

“หยุดวาจาไร้สาระ!” ไม่ทันขาดคำนั้น หวงเฉียนจวินพลันโจมตีอย่างบ้าบิ่น

แรงที่ใช้หนักหน่วงเหมือนภูเขาสูงตระหง่านที่เคลื่อนไป และมิอาจสั่นคลอน

ในมือของเขา พลันใช้หมัดจิตรูปหกประสาน ทุกครั้งที่ชกออกไป ทั้งมือ ข้อศอก เอว และสะโพกก็ขยับไปพร้อมกันด้วย จนร่างกายบิดไปมาประหนึ่งเชือก เป็นผลให้มันเต็มเปี่ยมด้วยพลังที่รุนแรง

ลมหายใจต่อลมหายใจ ความเคลื่อนไหวและความนิ่งสงบประสานกัน เปรียบดังเสียงกลองสวรรค์สะท้านฟ้าสะเทือนดิน!

“เอ๊ะ!”

ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายหรี่ตาลง พวกเขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเพลงหมัดของหวงเฉียนจวินนั้นไม่ธรรมดา และมีพลังที่น่าทึ่ง

“เหตุใดเจ้าหนูนี่เปลี่ยนแปลงไปได้มากมายถึงเพียงนี้…” หลี่เทียนหานขมวดคิ้ว

แต่เมื่อเหวินเจวี๋ยหยวนเคลื่อนไหว แววตาของทุกคนต่างเป็นประกายอีกครั้ง

สิ่งที่ได้เห็นคือร่างที่ลอยขึ้น และด้วยการโบกฝ่ามือ เขาพลันปัดป้องเพลงหมัดของหวงเฉียนจวินไปได้อย่างง่าย ๆ ด้วยท่าทางสงบผ่อนคลาย

และอึดใจต่อมา เหวินเจวี๋ยหยวนเปลี่ยนจากปัดป้องเป็นรุกไล่ ฝ่ามือของเขาเปรียบดังลมพายุรุนแรงที่รุกเข้าใส่หวงเฉียนจวินอย่างหนักหนาและรวดเร็ว ทั้งรุนแรงและสง่างาม

ในไม่ช้า หวงเฉียนจวินก็กลายเป็นฝ่ายรับ เขาทำได้เพียงประคองตัวเอง รอจังหวะที่คู่ต่อสู้หมดแรงและเผยจุดอ่อน จากนั้นจึงค่อยหาโอกาสสู้กลับ

ด้านนอกเวทีประลอง มีเสียงอื้ออึงโกลาหลเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

การต่อสู้ครั้งนี้น่าตื่นเต้นและดุเดือดกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย!

ไม่ว่าจะเป็นหวงเฉียนจวินหรือเหวินเจวี๋ยหยวน เคล็ดวิชาที่ทั้งสองแสดงออกมานั้นล้วนทำให้ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายหันมอง

พละกำลังของเหวินเจวี๋ยหยวน เป็นไปดังที่ทุกคนคาดเอาไว้

แต่สิ่งเดียวที่คาดไม่ถึง คือหวงเฉียนจวินสามารถยืนหยัดอยู่ได้ภายใต้การโจมตีของเหวินเจวี๋ยหยวน

มันถือเป็นเรื่องผิดคาด

‘หากเป็นแบบนี้ต่อไป หวงเฉียนจวินคงต้องแพ้’

ซูอี้ที่กำลังชมการต่อสู้ พบเห็นเช่นนี้ คำตอบก็ปรากฏขึ้นในใจแล้ว

ถึงหวงเฉียนจวินจะก้าวหน้าไปมาก แต่หากเทียบกับเหวินเจวี๋ยหยวน เขาก็ยังตามหลังอยู่ขั้นหนึ่ง มันไม่อาจถมเต็มในระยะเวลาอันสั้น

อย่างไรก็ดี ตราบที่หวงเฉียนจวินไม่หย่อนยานในอนาคต เขาก็ย่อมสามารถก้าวผ่านเหวินเจวี๋ยหยวนได้

แน่นอนว่า ผลลัพธ์ปรากฏในไม่ช้า

หวงเฉียนจวินแพ้!

แม้เขาจะดิ้นรนประคองตัวเองไว้ โดยหวังจะคว้าจุดช่องโหว่แม้เพียงเล็กน้อยของเหวินเจวี๋ยหยวนเพื่อตอบโต้ แต่น่าเสียดายที่เหวินเจวี๋ยหยวนไม่ให้โอกาส

ผู้นำคนรุ่นเยาว์ของตระกูลเหวินที่ได้รับการยอมรับจากผู้คน แสดงพลังอันน่าเกรงขามอย่างเทียบไม่ได้ในหมู่คนรุ่นเดียวกัน ทะลวงการป้องกันของหวงเฉียนจวินได้ในที่สุด เขาซัดฝ่ามือใส่หน้าอกของอีกฝ่ายอย่างแรง

ตู้ม!

หวงเฉียนจวินกลิ้งลงไปกับพื้น และพยายามฝืนลุกขึ้น แต่ก็ไม่สามารถลุกขึ้นได้

สิ่งเดียวที่ผู้คนได้เห็น คือเสื้อของเขาขาดหลุดลุ่ย พร้อมรอยฝ่ามือประทับจมอยู่บนผิวกาย!

นักสู้รุ่นเยาว์หลายคนอ้าปากค้าง และรู้สึกหนาวสันหลัง

พลังที่เหวินเจวี๋ยหยวนแสดงให้เห็น มันร้ายกาจอย่างไม่ต้องสงสัย!

ชั่วขณะที่เสียงสงบเงียบไป เพียงครู่จึงเกิดเสียงอึกทึก ผู้คนต่างปรบมือให้แก่ผู้ชนะเช่นเหวินเจวี๋ยหยวน ผู้ยิ่งใหญ่บางคนกระทั่งร่วมปรบมือ

บรรดาผู้ยิ่งใหญ่และรุ่นเยาว์ของตระกูลเหวิน ต่างยิ้มแย้มแก้มบาน

ชัยชนะของเหวินเจวี๋ยหยวน เป็นผลให้ชื่อเสียงและเกียรติยศของพวกเขายิ่งเฟื่องฟู

เหวินเจวี๋ยหยวนในยามนี้ เป็นจุดสนใจของผู้คนอย่างไม่มีข้อสงสัย เสื้อผ้าที่ขาวประหนึ่งหิมะ มันเป็นภาพอันงดงามชวนรับชม

[1] เรือดอกไม้ คือเรือขนาดใหญ่ที่มีอาคารขนาดย่อม เป็นเหมือนโรงคณิกาลอยน้ำ

[2] เครื่องไหมไผ่ คือเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสายและเครื่องดีดที่ทำจากไหมและไม้ไผ่เป็นหลัก

[3] บุตรพยัคฆ์จะเป็นลูกเป็นสุนัขได้เยี่ยงไร เป็นสำนวนจีน หมายความถึงลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset