📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 509

บทที่ 509 - ค่ำคืนฝนกระหน่ำ ณ แอ่งเกล็ดทอง
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

เถาอวิ๋นฉือรู้สึกว่าแก้มของเขาร้อนราวกับถูกตบอย่างแรง

เสมือนว่าเขาได้กลายเป็นตัวตลกที่กระโดดโลดเต้นบ้าบอไปมา และท้ายที่สุดก็คือตัวเขาเองที่เสียหน้าอย่างยับเยิน

เจียงหลีก็เงียบเช่นกัน

ตัวตนที่จะได้รับการยกยอและเคารพโดยอวี๋ซูเหยาในแง่ของวิถีการหลอมสร้างศาสตราทั่วทั้งทวีปคังชิงนี้จะมีสักกี่คน?

ไม่ต้องพูดถึงความสำเร็จด้านอื่น ๆ ของซูอี้ว่าเป็นอย่างไร เอาเพียงแค่อาศัยความสามารถในการหลอมสร้างอาวุธอย่างเดียวนั้นก็เพียงพอแล้วที่จะสามารถดึงดูดความสนใจตระกูลเจียงของนาง!

ไม่สิ ด้วยความสามารถขนาดนี้ ไม่ใช่แค่เพียงตระกูลเจียงของนางจะถูกดึงดูด แต่สิ่งเหล่านี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ตระกูลใหญ่ที่เหลืออยากจะได้ซูอี้ไปเป็นแขกของตนเอง!

เมื่อเห็นว่าซูอี้กำลังจะจากไป อวี่เหวินซู่จึงรีบเอ่ยขึ้นทันที “สหายเต๋าซู โปรดรอประเดี๋ยว!”

ใบหน้าที่สวยงามของเจียงหลีเปลี่ยนไปทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้

คนอื่นต่างสนใจเช่นกัน

ชิวเหิงคงลอบกรีดร้องอย่างกังวล

ก่อนที่ซูอี้จะเอ่ยถาม อวี๋ซูเหยาขมวดคิ้วและพูดว่า “อวี่เหวินซู่ ท่านช่วยเห็นแก่หน้าชายชราผู้นี้และหยุดสิ่งที่จะกระทำจะได้หรือไม่”

อวี่เหวินซู่กล่าวว่า “ปรมาจารย์อวี๋ ท่านกำลังทำให้ผู้เยาว์ลำบากใจ”

ขณะเอ่ยตอบ อวี่เหวินซู่แสดงสีหน้าแน่วแน่และเย็นชา ดวงตาของเขามั่นคงประหนึ่งดาบ เผยให้เห็นการตัดสินใจที่ไม่อาจมีผู้ใดสั่นคลอนได้

“เจ้าอยากสู้กับข้า?”

ซูอี้เอ่ยถาม

อวี่เหวินซู่มองตรงไปยังซูอี้และพูดอย่างใจเย็น “สหายเต๋าซู ท่านกล้าต่อสู้กับข้าหรือไม่? หากท่านกล้า ข้าขอสัญญาว่าไม่ว่าผู้ใดจะเป็นผู้ชนะหรือผู้แพ้ ความคับข้องใจระหว่างท่านกับสำนักดาบเทียนชูของข้าจะถูกชำระล้าง!”

ซูอี้เหลือบมองไปทางเถาอวิ๋นฉือและกู่เถิงอิงก่อนจะกล่าวว่า “เจ้ามาที่นี่เพื่อช่วยออกตัวแทนพวกเขาอย่างนั้นหรือ?”

อวี่เหวินซู่ส่ายหัวและกล่าวว่า “ข้าเพียงต้องการปกป้องความยิ่งใหญ่และศักดิ์ศรีของสำนัก”

ซูอี้พ่นลมหายใจอย่างเย้ยหยันและกล่าวว่า “เจ้ากล้าหาญไม่น้อย แต่น่าเสียดายที่ความเข้าใจในวิถีดาบของเจ้า ณ ตอนนี้ไม่อาจทำให้ข้าสนใจได้”

หลังจากจบประโยค ซูอี้ก็หันหลังเดินจากไป

สีหน้าของอวี่เหวินซู่แปรเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์และพูดว่า “หรือว่าท่านไม่กล้า… สหายเต๋าซู?”

ทุกคนมองไปที่ซูอี้

อวี่เหวินซู่เป็นผู้นำศิษย์รุ่นเยาว์ของสำนักดาบเทียนชูและเป็นอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงระดับโลก!

แต่คำพูดของซูอี้นั้นดูถูกอวี่เหวินซู่อย่างรุนแรง ซึ่งทำให้บรรดาศิษย์ของสำนักดาบเทียนชูบังเกิดโทสะไปตาม ๆ กัน

ซูอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่เมื่อหางตาของเขาเหลือบไปเห็นเยว่ซือฉานที่อยู่ข้าง ๆ พอดี หัวใจของเขาพลันเต้นแรงและมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัว จากนั้นจึงเอ่ยออกไปว่า “เช่นนั้นคืนนี้เจ้าไปที่แอ่งเกล็ดทอง ข้าจะทำให้เจ้าเข้าใจถึงคำพูดของข้า”

อวี่เหวินซู่พยักหน้า “ดี! คืนนี้ข้าจะไปรอท่านอยู่ที่แอ่งเกล็ดทอง ข้าหวังว่าสหายเต๋าซูจะสามารถโน้มน้าวให้ข้ายอมรับคำพูดของท่านได้!”

ตอนท้ายเสียงของเขาดังก้องราวกับเสียงดาบคำราม

ซูอี้ไม่พูดอะไรอีกและจากไปพร้อมกับเยว่ซือฉาน

“ชายผู้นี้ช่างหยิ่งโอหังจริง ๆ กล้าดีอย่างไรถึงได้เอ่ยคำว่าศิษย์พี่อวี่เหวินมีวิถีดาบที่ด้อยกว่า มันคิดว่าตนเองเป็นใครกัน?”

ใครบางคนเย้ยหยัน

“ศิษย์พี่อวี่เหวิน หากซูอี้คิดหนีไปเสียก่อนเล่า?”

มีคนถามอย่างกังวล

เมื่อได้ยินเช่นนี้ อวี๋ซูเหยาจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะด้วยโทสะและพูดว่า “น่าขำสิ้นดี! คนอย่างคุณชายซูหรือจะหลบหนีจากพวกเจ้า?”

หลังจากพูดจบ เขาได้เหลือบมองอวี่เหวินซู่และคนอื่น ๆ ก่อนจะพูดด้วยสีเย็นชาและไม่ไว้หน้าอีกต่อไป “ข้าขอสาบานนับจากนี้ข้าจะไม่หลอมสร้างศาสตราใดให้กับใครก็ตามที่มาจากสำนักดาบเทียนชูอีก!”

อวี้เหวินซู่และคนอื่น ๆ ต่างตกตะลึง พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าเพราะการที่พวกเขาตั้งใจที่จะจัดการกับซูอี้ ปรมาจารย์อวี๋ผู้โด่งดังกลับโกรธมากถึงขนาดนี้

“พวกเจ้าไสหัวออกไปได้แล้ว!”

อวี๋ซูเหยาเดินจากไป

เมื่อเห็นอวี๋ซูเหยาเดินหายลับไปแล้ว เจียงหลีก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเบาและกล่าวว่า “ศิษย์พี่อวี่เหวิน มันคุ้มแล้วหรือกับการตั้งตนเป็นศัตรูกับคนเช่นซูอี้เพียงเพื่อรักษาหน้าตาของสำนัก? เราต้องไม่ลืมว่าซูอี้เป็นผู้ที่ปรมาจารย์อวี๋ยกย่องในฝีมือการหลอมสร้างศาสตรา แค่ความสามารถนี้ของซูอี้เพียงอย่างเดียวมันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้กลุ่มอิทธิพลน้อยใหญ่ต่างก็ต้องการดึงเขาไปเข้าร่วมด้วย รวมไปถึงปกป้องเขาเพื่อ… ”

ก่อนที่นางจะพูดจบ อวี่เหวินซู่ก็พูดแทรกอย่างใจเย็น “ข้ามีคติอันแน่วแน่ของข้า หากวันหนึ่งเจ้าถูกรังแกข้างนอก ไม่ว่าถูกหรือผิด ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้ใด ข้าจะก้าวไปคั่นขวางและยืนหยัดเพื่อเจ้าจนถึงที่สุดเช่นกัน”

พูดจบ อวี่เหวินซู่ก็หันหลังกลับ

เจียงหลีตกตะลึงก่อนจะลอบถอนหายใจ

นางมองไปที่โจวเฟิงจื่ออีกครั้งและพูดว่า “ผู้อาวุโสโจว…”

คล้ายกับรู้ว่าเจียงหลีจะพูดอะไร โจวเฟิงจื่อยิ้มและกล่าวว่า “เจียงหลี เจ้าอย่าสอดมือในเรื่องนี้ ไม่ว่าความสามารถของซูอี้จะมากล้ำถึงเพียงใด หลังจากวันนี้เขาจะเป็นเพียงแค่คนตายคนหนึ่งก็เท่านั้น”

น้ำเสียงนั้นสงบราบเรียบ แต่ความหมายของมันช่างเย็นชา

จากนั้นเขาและโจวจือเฉียนก็หันหลังและจากไปพร้อมกัน

เมื่อเห็นสิ่งนี้ เจียงหลีจึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแน่น

อวี่เหวินซู่ประกาศตนเป็นศัตรูกับซูอี้นั้นเป็นสิ่งที่ผิดหรือไม่?

ทว่าด้วยสถานะผู้นำศิษย์รุ่นเยาว์ของสำนัก อวี่เหวินซู่จะมีทางเลือกอื่นได้อย่างไร?

ผิดหรือไม่ที่โจวเฟิงจื่อต้องการสังหารซูอี้?

มีความบาดหมางกันระหว่างโจวเฟิงจื่อและซูอี้มาก่อน ดังนั้นตอนนี้เมื่อมีโอกาส มันจะผิดได้อย่างไรหากเขาจะต้องการแก้แค้น?

ทว่าทั้งหมดนี้ทำให้เจียงหลีรู้สึกปั่นป่วนอย่างมาก

นางหาเหตุผลที่จะหยุดสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย

“ช่างเถิด ข้าเพียงแค่รับชมอย่างเดียวก็แล้วกัน!”

หลังจากนั้นไม่นาน เจียงหลีก็ตัดสินใจอย่างลับ ๆ

ถัดมานางมองไปที่ชิวเหิงคงและพูดผ่านกระแสปราณว่า “ศิษย์น้องชิว เจ้าพูดอะไรกับซูอี้ผ่านกระแสปราณใช่หรือไม่ ข้าอยากได้ยินความจริง”

ชิวเหิงคงตกใจก่อนจะก้มศีรษะและตอบว่า “เรียนศิษย์พี่หญิงตามตรง ข้าได้บอกศิษย์พี่ซูไปเกี่ยวกับความตั้งใจของผู้อาวุโสโจว”

เจียงหลีเงียบไปครู่หนึ่ง …ท้ายที่สุดนางก็ไม่พูดอะไรต่อ

“ศิษย์พี่ซู ในความคิดของข้า ถ้าอวี่เหวินซู่รู้เกี่ยวกับการต่อสู้ที่ทะเลสาบชูอวิ๋นว่าฮั่วเทียนตู่ตายด้วยน้ำมือของท่าน ข้าเกรงว่าเขาย่อมไม่กล้าประกาศเอ่ยจะต่อสู้กับท่านแน่”

หลังจากออกมาด้านนอก เยว่ซือฉานก็เอ่ยขึ้นพลางยิ้ม

ในความเห็นของนาง การท้าทายของอวี่เหวินซู่ในครั้งนี้ไม่ต่างจากการดูหมิ่นตนเอง

นางมั่นใจว่าหลังจากคืนนี้เป็นต้นไป ผู้นำศิษย์รุ่นเยาว์ของสำนักดาบเทียนชูได้ถูกลิขิตให้สูญเสียชื่อเสียงของเขา

“โชคดีแล้วที่พวกเขาไม่รู้”

ซูอี้ยิ้มอย่างมีเลศนัย

ชิวเหิงคงบอกกับเขาก่อนหน้านี้ถึงตัวตนของโจวเฟิงจื่อและโจวจือเฉียน ซึ่งทำให้ซูอี้รู้ว่าทั้งสองคนนี้มีเจตนาฆ่าเขา

นั่นเป็นเหตุผลที่เขารับคำท้าของอวี่เหวินซู่ โดยตั้งใจจะใช้โอกาสนี้เพื่อสังหารทั้งสองในคราวเดียว

“หมายความว่าอย่างไร?”

เยว่ซือฉานสงสัย

ซูอี้ยิ้มและตอบ “คืนนี้เจ้าไปกับข้าที่แอ่งเกล็ดทอง แล้วเจ้าจะได้รู้คำตอบเอง”

ใกล้เที่ยงคืน

ฝนตกหนักจนหนาวถึงกระดูก

เม็ดฝนขนาดเท่าเม็ดถั่วกระหน่ำลงไปในแอ่งเกล็ดทองจนบังเกิดเป็นคลื่นกระเพื่อมนับไม่ถ้วน พลางส่งเสียงซ่า ๆ คล้ายกับผู้ใดกำลังทอดถั่วในกระทะน้ำมันร้อนอย่างต่อเนื่องในคืนฤดูใบไม้ร่วงอันหนาวเหน็บนี้

เนื่องจากฝนตกหนัก ถนนและตรอกซอกซอยจึงมีเพียงแสงสลัว บรรยากาศหนาวเย็นและอ้างว้าง มีคนเดินถนนเพียงสองหรือสามคนเท่านั้นที่เดินอยู่ท่ามกลางสายฝนจนเนื้อตัวเปียกปอน

บริเวณรอบแอ่งเกล็ดทองขณะนี้มืดมิดเปล่าเปลี่ยว มีแต่เสียงฝนกระหน่ำตก แตกต่างจากยามปกติที่มีนักท่องเที่ยวคราคร่ำส่งเสียงพูดคุยอื้ออึงไปทั่วโนlวลกูดอทคoม

แปะ! แปะ! แปะ!

ฝนตกกระทบกิ่งก้านและใบของต้นไม้ริมทะเลสาบและหลังคาศาลา ทำให้เกิดน้ำกระเซ็นและบังเกิดเสียง

ตะเกียงที่แขวนอยู่ในศาลาเคลื่อนไหวตามสายลมที่พัดกระโชกและดูเหมือนจะดับได้ทุกเมื่อ

อวี่เหวินซู่และคนอื่น ๆ ยืนอยู่ในศาลาและรออยู่ที่นั่นแล้ว

คืนนี้ช่างมืดมิด ขณะที่สายฝนกำลังเทลงมา และลมหนาวที่เสียดแทงทะลุไปถึงกระดูก

“นี่ก็สายมากแล้ว ทำไมคนแซ่ซูผู้นั้นยังไม่มาอีก?”

เถาอวิ๋นฉือขมวดคิ้วอย่างใจร้อน

แม้ตัวเขาจะเป็นผู้ฝึกตนหาใช่คนธรรมดาไม่ แต่ในค่ำคืนที่พายุฝนหนาหนักและอากาศเย็นยะเยือกเช่นนี้ มันยังสามารถทำให้เขารู้สึกไม่สบายตัวเป็นอย่างมาก

“หรือคนแซ่ซูจะหนีไปแล้ว?”

ใครบางคนพึมพำ

ทุกคนเริ่มไม่แน่ใจเล็กน้อย

‘ข้าหวังว่าเขาจะไม่มา…’

เจียงหลี่ลอบคิดเงียบ ๆ

ตราบใดที่ซูอี้ไม่มา อวี่เหวินซู่ก็ทำได้เพียงยอมแพ้

แม้แต่โจวเฟิงจื่อและโจวจือเฉียนที่ต้องการฆ่าซูอี้ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหาโอกาสอีกครั้ง

หากเป็นเช่นนั้น นางจะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้นกับซูอี้ในคืนนี้

“ศิษย์น้องชิว เมื่อตอนที่เราอยู่ในหอมรกตวันนี้เจ้าคงไม่ได้ลอบบอกซูอี้ถึงแผนการเราเพื่อทำให้เขารู้ตัวและหลบหนีไปใช่หรือไม่?”

ทันใดนั้นเถาอวิ๋นฉือก็มองที่ชิวเหิงคงด้วยสายตาเย็นชา

ทันทีที่คำพูดนี้ดังออกมา โจวเฟิงจื่อ โจวจือเฉียน และคนอื่น ๆ ต่างก็มองไปที่ชิวเหิงคงด้วยสีหน้าแคลงใจ

หากชิวเหิงคงลอบบอกซูอี้ไปจริง ๆ ดังนั้นแล้วซูอี้คงไม่มีทางมาที่นี่ตามนัดอย่างแน่นอน?

ร่างกายของชิวเหิงคงแข็งค้าง

ทว่าทันใดนั้น รถม้าซึ่งดูหรูหราคันหนึ่งได้ปรากฏขึ้นฝ่าม่านสายฝนใกล้เข้ามา

สายตาของอวี่เหวินซู่และคนอื่น ๆ ทั้งหมดมองไปที่มันอย่างพร้อมเพรียง

เมื่อรถม้าหยุดลง ทุกคนต่างเห็นร่างสูงของซูอี้ก้าวลงจากรถม้าพร้อมกับร่มกระดาษน้ำมันในมือขวา และคนที่ก้าวลงตามมาคือเยว่ซือฉานซึ่งถือร่มกระดาษน้ำมันในมือด้วยเช่นกัน

“คนแซ่ซูกล้ามาจริง ๆ งั้นหรือ?”

เถาอวิ๋นฉือรู้สึกประหลาดใจ

บรรดาศิษย์สำนักดาบเทียนชูคนอื่น ๆ ต่างอึ้งไปอยู่พักหนึ่ง

ก่อนหน้านี้พวกเขายังสงสัยในความขี้ขลาดของซูอี้ มีแม้กระทั่งสบถออกหาว่าหนีไปแล้วก็มี

แต่เมื่อซูอี้ปรากฏตัวขึ้นจริง ๆ พวกเขากลับทำหน้าตาราวกับไม่อยากจะเชื่อว่าซูอี้จะกล้ามาที่นี่จริง ๆ…

‘ซูอี้… เจ้าก็รู้ว่าโจวเฟิงจื่อจะฆ่าเจ้า เหตุใดเจ้าจึงมา…’

เจียงหลีขมวดคิ้วพลางคิดและลอบถอนหายใจ

สีหน้าของชิวเหิงคงแปรเปลี่ยนอย่างรุนแรง เขาอุตส่าห์เตือนซูอี้ด้วยความหวังดี แต่เหตุใดซูอี้จึงยังกล้ามาปรากฏตัวอีก?

“ฮ่า ๆ คนหนุ่มผู้นี้นับได้ว่ายังมีความกล้า”

โจวเฟิงจื่อหัวเราะ

“บางทีเขาอาจคิดว่าแม้วันนี้จะพ่ายแพ้ให้แก่ศิษย์พี่อวี่เหวิน เขาก็ยังน่าจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้”

แววตาของโจวจือเฉียนมีเจตนาฆ่าวูบวาบ

“สหายเต๋าซู ไม่ว่าผลของการต่อสู้ครั้งนี้จะเป็นอย่างไร แค่ด้วยความกล้าของท่านที่มาตามนัดหมายคืนนี้ ข้าอวี่เหวินซู่ขอสัญญาว่าจะไม่ตอแยท่านอีกต่อไป”

อวี่เหวินซู่กล่าวด้วยสีหน้าและแววตาจริงจัง

“เชิญ!”

เมื่อพูดจบเขาลอยตัวฝ่าม่านฝนไปหยุดอยู่เหนือแอ่งเกล็ดทอง

ภาวะดาบของเขาปะทุออกปรากฏขึ้นเห็นอย่างแจ่มชัดรอบ ๆ ร่างที่สง่างาม แม้แต่เม็ดฝนที่หนาแน่นยังไม่มีเม็ดใดที่สามารถเล็ดลอดไปถูกกายเขาได้แม้เพียงหนึ่ง

ดวงตาของศิษย์สำนักดาบเทียนชูต่างสว่างขึ้น พวกเขาทั้งหมดต่างคาดหวังให้ศิษย์พี่ของตนเองสั่งสอนซูอี้ให้หนักหนา

ไม่ไกลนัก ซูอี้ก้าวเดินด้วยท่าทางสบาย ๆ ราวกับเดินอยู่ในสวนบ้านของตนเอง

เขาเหลือบมองอวี่เหวินซู่ซึ่งลอยตัวเหนือทะเลสาบในระยะไกล จากนั้นจึงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “เจ้าอย่าเพิ่งรีบร้อนข้าขอสะสางบัญชีเก่าเสียก่อน และเมื่อใดที่ข้าเสร็จธุระแล้วหากเจ้ายังมีความกล้าที่จะเผชิญกับดาบของข้าอีก เมื่อนั้นข้าก็ไม่รังเกียจที่จะทำให้เจ้าได้สัมผัสถึงความสิ้นหวังอันแท้จริงว่ามันเป็นเช่นไร”

สะสางบัญชีเก่า?

อวี่เหวินซู่ขมวดคิ้ว

เถาอวิ๋นฉือและคนอื่น ๆ สับสนเช่นกัน ซูอี้หมายความว่าอย่างไร?

จากนั้น ดวงตาของซูอี้เปลี่ยนไปจับจ้องที่โจวเฟิงจื่อและโจวจือเฉียน ก่อนเอ่ยออกอย่างเฉยเมยว่า “พวกเจ้าสองคนหมายมั่นจะสังหารซูผู้นี้ไม่ใช่หรือ? ตอนนี้พวกเจ้ารอสิ่งใดอยู่อีก หากคิดจะทำก็จงลงมือเลย!!”

ทุกคนต่างตะลึงใจ

ในขณะนี้ ฝนที่ตกยิ่งโหมกระหน่ำหนัก และความหนาวเหน็บก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น

ช่างเป็นฝนฤดูใบไม้ร่วงที่แสนเย็นยะเยียบ!

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset