📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 504

บทที่ 504 - เขาสู้ข้าไม่ได้
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ณ แอ่งเกล็ดทอง

น้ำในแอ่งก่อตัวเป็นคลื่น ไอน้ำขมุกขมัว

การต่อสู้ระหว่างเฉิงผูกับผู้อาวุโสตระกูลทังในครั้งนี้เป็นที่ดึงดูดความสนใจของผู้แข็งแกร่งไม่น้อย

ต้องเข้าใจว่า เดิมทีพื้นที่รอบ ๆ แอ่งเกล็ดทองเป็นพื้นที่ราคาแพงของนครหลวงจิ๋วติ่ง สำนักผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ล้วนก่อตั้งในพื้นที่รอบ ๆ แอ่งเกล็ดทอง

เมื่อเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ขึ้น ไม่ต้องเดาก็สามารถรู้ได้ว่าสร้างกระแสความฮือฮาเพียงใด

“สหายเต๋า เจ้าคิดว่าเฉิงผูคนนี้เป็นอย่างไร?”

ชายวัยกลางคนในชุดคลุมยาวอดกลั้นไม่ไหวถามซูอี้ขึ้นมา

เมื่อคืนนี้ ซูอี้เพิ่งฆ่าฮั่วเทียนตูผู้ฝึกตนในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ ณ ทะเลสาบชูอวิ๋นมาหยก ๆ วันนี้เฉิงผูก็มาทำการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่แอ่งเกล็ดทองแห่งนี้

ทำให้ชายวัยกลางคนอยากจะรู้เสียเหลือเกินว่า ในสายตาของซูอี้ เขามองเฉิงผู ตัวตนที่ฟื้นตื่นจากยุคโบราณเช่นใด

ซูอี้ตอบ “เป็นคนเก่งคนหนึ่ง เขาคงจะมีพรสวรรค์ ‘ร่างวิถีธาตุดิน’ สืบทอดพลังหมัดมหาวิถีซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นอันดับหนึ่ง รากฐานและพื้นฐานล้วนได้รับการฝึกฝนจนล้ำหน้าเกินกว่าคนในรุ่นเดียวกัน ถือได้ว่าเป็นบุคลากรชั้นยอดที่หาได้ยาก แกร่งกว่าซือคงเป้าแห่งสำนักอสูรเทียนเยียน”

ชายวัยกลางคนกับเวิงจิ่วพยักหน้าเห็นด้วย

เฉิงผูมีความแข็งแกร่ง มีกำลังการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดา

ถึงแม้ผู้ที่สามารถข้ามเส้นต่อสู้กับศัตรูที่อยู่คนละขั้นได้จะมีไม่มาก แต่ก็เป็นเรื่องที่หาพบได้ทั่วไปในนครหลวงจิ๋วติ่ง

เหมือนดังคนเก่งมีฝีมือที่สามารถใช้ขอบเขตเปิดทวารของตนเองเอาชนะผู้แข็งแกร่งในขอบเขตรวบรวมดาราได้

ทว่าคนที่สามารถข้ามหนทางแห่งวิถีต้นกำเนิดสยบผู้แข็งแกร่งบนหนทางวิถีวิญญาณได้เหมือนดั่งเฉิงผูเช่นนี้ สามารถกล่าวได้ว่าหาได้ยากยิ่ง แทบจะไม่ต่างไปจากเรื่องเหลือเชื่อเลยก็ว่าได้

หากไม่ใช่เพราะเมื่อคืนนี้ได้เห็นภาพที่ซูอี้ฆ่าฮั่วเทียนตูตาย เวลานี้ชายวัยกลางคนกับเวิงจิ่วก็คงไม่อาจทำใจให้สงบได้

“ที่สหายเต๋ากล่าวมานั้นถูกต้องยิ่งนัก เฉิงผูคนนี้เป็นบุคคลมีฝีมือในกลุ่มผู้ร้ายกาจจากยุคโบราณจริง ๆ”

เวิงจิ่วกล่าวยอมรับ

“ข้ายังพูดไม่จบ”

ซูอี้ขมวดคิ้วน้อย ๆ ด้วยความไม่พอใจที่เวิงจิ่วพูดแทรกขึ้นมา

เวิงจิ่วสะดุ้ง “หรือว่าสหายเต๋ายังมีความเห็นอื่นใดอีกเช่นนั้นหรือ?”

ชายวัยกลางคนก็แสดงความสนใจอยากรู้ขึ้นมาเช่นกัน

ซูอี้หมดอารมณ์จะวิจารณ์อีก กล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า “เขาสู้ข้าไม่ได้”

“…”

เวิงจิ่วกับชายวัยกลางคนมองตากันแล้วได้แต่นิ่งเงียบ

ที่คน ๆ นี้พูดพรรณนามาตั้งมากมาย ที่แท้ก็เพื่อจะแสดงให้เห็นว่าตัวเขาเหนือกว่าเฉิงผูมาก…

ซูอี้กล่าวเสริม “พวกเจ้าอย่าเข้าใจผิด ข้าเพียงแต่อยากจะบอกว่า บนหนทางแห่งวิถีต้นกำเนิด รากฐานและระดับการฝึกตนของเขายังห่างไกลจากข้ามาก แต่วันข้างหน้า…”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ ซูอี้ก็เงียบไป

ทันใดเขาก็พบว่าเอาฐานะของตัวเองไปเทียบระดับกับเฉิงผูเช่นนี้ เป็นการทำลายเกียรติศักดิ์ศรีของตนเอง

เพราะอย่างไรก็ดี ในโลกนี้มีผู้ใดบ้างที่ยืนอยู่สุดปลายทางของขอบเขตจักรพรรดิตั้งแต่เมื่ออดีตชาติเหมือนกับตนเอง?

และมีใครบ้างที่สามารถสร้างเมล็ดพันธุ์เต๋าสุดขั้วแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนเหมือนดังตนเองในชาตินี้?

‘วันข้างหน้าจะไม่เปรียบเทียบกับใครง่าย ๆ เช่นนี้อีกแล้ว หากคนอื่นรู้ มีแต่จะเป็นการลดฐานะของตัวเองเท่านั้น’

ซูอี้แอบคิด

ชายวัยกลางคนกับเวิงจิ่วเงียบสงบยิ่งกว่าเดิม

พวกเขารู้ว่าความภาคภูมิใจในตัวเองของซูอี้นั้นฝังลึกเข้าถึงกระดูก แต่ไม่นึกเลยว่า อีกฝ่ายยังสามารถกล่าวแสดงความภาคภูมิใจเช่นนั้นออกมาได้อย่างเต็มภาคภูมิ

พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรจึงจะดี

ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องอุทานดังมาจากไกล ๆ

จากนั้นบนน่านฟ้าของแอ่งน้ำเกล็ดทอง ร่างของทังเซียวซานผู้อาวุโสใหญ่ของตระกูลทังกระแทกลงแอ่งอย่างแรง น้ำสาดกระเซ็นเป็นสีขาวประดุจหิมะ

เมื่อร่างของเขาปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งเนื้อทั้งตัวก็เต็มไปด้วยบาดแผลอันแสนสาหัสแล้ว สีหน้าขาวซีดราวกับไก่ต้ม สภาพน่าสมเพชจนไม่กล้ามอง

ผู้ที่มาชมการต่อสู้อยู่ที่ริมแอ่งเกล็ดทองต่างก็พากันตกตะลึงร้องเสียงหลง

ผู้ฝึกตนในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณที่มีชื่อเสียงมานานมากแล้วกลับต้องมาพ่ายแพ้ต่อหนุ่มน้อยในขอบเขตรวบรวมดารา เรื่องนี้เป็นเรื่องอัศจรรย์เหลือเชื่ออย่างไม่ต้องสงสัย!

กลางอากาศ เฉิงผูในชุดสีเทาใบหน้าสดใสเผยสีหน้าละอายแก่ใจออกมา กล่าว “ขออภัยด้วยจริง ๆ เมื่อสักครู่ควบคุมไม่อยู่เกือบจะชกท่านจนตายคาหมัด คงไม่ได้ทำให้ท่านตกใจมากนักหรอกใช่หรือไม่?”

คนอื่น ๆ “…”

ทังเซียวซานแสดงอาการโกรธจัดยิ่งกว่าเดิม อยากจะหาที่แทรกแผ่นดินหนีเสียเหลือเกิน

แสร้งทำเป็นขออภัยกัน เห็นชัด ๆ ว่าท้าทายกันเสียเหลือเกินมากกว่า!

“เจ้าหนุ่มคนนี้ ปากร้ายเสียจริง”

ชายวัยกลางคนเลิกคิ้ว

แววตาของเวิงจิ่วดูประหลาดไป ถึงแม้คำพูดคำจาที่แฝงคำเหน็บแนมของเฉิงผูจะดูคล้ายกับเป็นการท้าทาย แต่หากพูดถึงวิธีเหน็บแนมคนอื่นแล้ว เห็นได้ชัดว่าซูอี้เหนือกว่ามาก

เวิงจิ่วไม่มีทางลืมท่าทีจริงจังจริงใจ ทั้งยังแฝงไว้ซึ่งอาการผิดหวังเล็กน้อยของซูอี้เมื่อคืนนี้ที่ริมทะเลสาบชูอวิ๋นตอนที่เตือนเขาว่าวันข้างหน้าอย่าได้ดีดกู่ฉินอีก

อยากจะโกรธแทบตาย!!

เทียบกันแล้ว คำพูดเหน็บแนมของเฉิงผูเช่นนี้ ยังแรงไม่พอ

“ขอเรียนถามคุณชายก็คือบุคคลลึกลับที่ฆ่าฮั่วเทียนตูตายที่ทะเลสาบชูอวิ๋นเช่นนั้นหรือ?”

เวลานี้ จู่ ๆ ที่ริมแอ่งน้ำก็มีคนเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงคร้ามเกรง

พอถามเช่นนี้ออกไป ทุก ๆ คนต่างก็ให้ความสนใจขึ้นมา

การต่อสู้ที่ทะเลสาบชูอวิ๋นเมื่อคืนสร้างกระแสความฮือฮาไปทั่วนครหลวงจิ๋วติ่ง

จนกระทั่งถึงตอนนี้ ผู้ฝีกตนในเมืองก็ยังวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ว่าคนหนุ่มชุดสีเขียวที่ฆ่าฮั่วเทียนตูที่แท้แล้วเป็นใครกัน

มีแต่ชายวัยกลางคนกับเวิงจิ่วเท่านั้นที่แสดงสีหน้าประหลาดออกมา ทั้งสองอดหันไปมองซูอี้ที่อยู่ข้าง ๆ ไม่ได้

สองมือของซูอี้ไพล่หลัง แสดงท่าทีเฉยเมย ราวกับไม่ใส่ใจกับเรื่องเหล่านี้

ทว่าเวลานี้เอง เฉิงผูแสดงสีหน้าจนปัญญา กล่าวทอดถอนใจ “หากว่าข้าเป็นผู้ฆ่าจริง ไหนเลยจะทำลับ ๆ ล่อ ๆ ปกปิดกลบเกลื่อนฐานะเช่นนี้?”

“เจ้าหนุ่มคนนี้ดูเหมือนจะดูแคลนบุคคลลึกลับที่ฆ่าฮั่วเทียนตูตายเมื่อคืนเอามาก”

ชายวัยกลางคนหัวเราะขึ้นมา สายตาแฝงไว้ซึ่งอาการหยอกกระเซ้า

เวิงจิ่วมองไปที่ซูอี้ จงใจใส่ไฟเข้าไปอีก “สหายเต๋า ดูเหมือนเจ้าหนุ่มคนนั้นจะเข้าใจว่าเจ้าใจไม่กล้าพอ”

ซูอี้กล่าวเรียบ ๆ “เช่นนั้นรึ แต่คนที่ช่วยข้าปิดบังฐานะคือพวกเจ้า หากจะบอกว่าใจกล้าไม่พอใจ ก็ควรจะเป็นพวกเจ้า ไม่ใช่ข้า”

เวิงจิ่วถูกย้อนจนตาถลึง

ชายวัยกลางคนถึงกับหัวเราะเจื่อน

“ถ้าเช่นนั้นคุณชายทราบหรือไม่ว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของใคร?”

คนที่ริมแอ่งน้ำถามอีก

เฉิงผูส่ายหน้า พลางกล่าว “ข้าบอกพวกเจ้าได้แต่เพียง ในอดีต ตัวตนขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณอาจจะสามารถถือได้ว่าเป็นใหญ่ในมหาทวีปคังชิง ทว่าหลังจากนี้เป็นต้นไป ผู้ที่สามารถเป็นผู้นำคลื่นลูกใหญ่อย่างแท้จริงจะไม่ใช่พวกคนแก่ ๆ เหล่านั้นอีกต่อไป”

“ใช่แล้ว”

พูดถึงตรงนี้ เฉิงผูก็กวาดตามองดูรอบริมแอ่งน้ำ สองมือกำหมัด เผยรอยยิ้มอ่อนน้อมถ่อมตนจริงใจออกมา ก่อนจะกล่าว “ข้ามีนามว่าเฉิงผู เก้าวันข้างหน้าจะเข้าร่วมงานชุมนุมมวลพฤกษา หากว่าคนแก่ในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณคนใดรู้สึกหมั่นไส้ในตัวข้า หรือคิดว่าข้าบังอาจโอหังจนเกินไป สามารถท้าประลองข้าได้ ข้ารับรองได้ว่าจะไม่ลงมือทำร้ายหนักข้อเกินไป”

รอยยิ้มอ่อนน้อมจริงใจ ทว่าวาจาที่กล่าวมากลับไม่มีความอ่อนน้อมจริงใจแม้แต่น้อย ทำให้คนที่อยู่ในเหตุการณ์พากันตกตะลึง จากนั้นพากันส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา

เสียงดังไปทั่ว

ทว่าร่างของเฉิงผูลอยสู่กลางอากาศแล้ว เพียงไม่กี่ชั่วพริบตาก็หายลับไป

คงไว้แต่เพียงทังเซียวซานผู้อยู่ในอาการขวัญหนีดีฝ่อหน้าซีดเป็นไก่ต้ม

เขารู้ว่า เรื่องในวันนี้จะต้องเป็นที่ฮือฮาไปทั่ว และนับแต่วันนี้เป็นต้นไปชื่อเสียงตลอดทั้งชีวิตของเขาก็จะต้องกลายเป็นหินรองฝ่าเท้าเพื่อสร้างชื่อเสียงให้แก่เฉิงผู

เขาสามารถคาดเดาได้ว่า เวลาที่คนอื่น ๆ เอ่ยถึงเฉิงผูขึ้นมา จะต้องนำเอาตัวเขามาเป็นข้อเปรียบเทียบ และเขาก็จะกลายเป็นตัวตลก…

“คน ๆ นี้… โอหังเกินไปเสียแล้ว…”

เวิงจิ่วแสดงความคิดเห็นโนเวลกูดอทคอม

“อยากจะซัดกับเขาสักตั้งแล้วใช่หรือไม่ อยากจะเห็นสภาพย่ำแย่ของเจ้าหนุ่มคนนี้ใช่หรือไม่?”

ชายวัยกลางคนถาม

“ถูกต้อง” เวิงจิ่วตอบแบบไม่ต้องคิดมาก

“ข้าก็อยากเช่นกัน”

ชายวัยกลางคนเบนสายตามองไปที่ซูอี้ “แล้วสหายเต๋าเล่า?”

ซูอี้ไม่ค่อยมีอารมณ์นึกสนุกมากนัก ตอบแบบใจลอย “ข้าไม่อยากจะรังแกคนที่อย่างไรเสียก็ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้”

ชายวัยกลางคนกับเวิงจิ่วเงียบเสียงไปอีกครั้ง

ทั้งสองไม่รู้ว่าวันนี้ตัวเองเงียบเสียงไปแล้วกี่ครั้ง

ช่วยไม่ได้ วาจาที่ซูอี้กล่าวมาเหล่านั้น มีหลายครั้งทำให้พวกเขาไม่รู้เช่นกันว่าควรจะพูดอย่างไรดี…

วันเดียวกันนั้น เรื่องที่เฉิงผูเอาชนะทังเซียวซาน ณ แอ่งเกล็ดทองก็แพร่กระจายไปทั่วนครหลวงจิ๋วติ่งดังลมกรดกลายเป็นคลื่นกระแสลูกใหญ่ขึ้นมา

“เมื่อคืนนี้ คนหนุ่มลึกลับชุดเขียวฆ่าฮั่วเทียนตูผู้อาวุโสแห่งวังเทพสวรรค์เมฆาตาย วันนี้เฉิงผูซัดทังเซียวซานด้วยหมัดเปล่า! นี่… นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

บางคนชื่นชม บางคนก็ไม่

“ระดับการฝึกตนของคนหนุ่มลึกลับชุดสีเขียวคนนั้น ไม่มีใครรู้ว่าอยู่ในขอบเขตใด ต่างไปจากเฉิงผู เขามีระดับการฝึกตนอยู่ในขอบเขตรวบรวมดารา สามารถเอาชนะทังเซียวซานผู้อยู่ในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณขั้นต้นได้ เช่นนี้เป็นเรื่องอัศจรรย์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!”

บางคนวิเคราะห์เช่นนี้แล้วได้รับเสียงตอบรับมากมาย

ความเป็นจริงแล้ว จนถึงตอนนี้ น้อยคนนักที่จะรู้ว่าที่แท้แล้วคนหนุ่มชุดเขียวคนนั้นคือใครกันแน่ ที่แท้แล้วเป็นคนหนุ่ม หรือว่าเป็นผู้เฒ่าประหลาดกันแน่

ทว่าการต่อสู้ของเฉิงผู มีผู้ฝึกตนจำนวนมากมายได้เห็นกับตาตัวเองอย่างชัดเจน เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว จึงเป็นธรรมดาที่มองว่าเฉิงผูเหนือกว่า

“งานชุมนุมมวลพฤกษายิ่งใกล้เข้ามา นครหลวงจิ๋วติ่งก็ยิ่งคึกคักมากขึ้น เพียงแค่ข้ามคืนก็มีบุคคลในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณสองคนเจอภัย หรือจะเป็นดังที่เฉิงผูว่าจริง ๆ วันข้างหน้าผู้ที่จะนำพากระแสยุคใหม่ที่แท้จริงในใต้หล้านี้ไม่ใช่ผู้ยิ่งใหญ่แห่งขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณแล้วเช่นนั้นหรือ?”

จิตใจของผู้อาวุโสหลายท่านอยู่ในสภาพปั่นป่วน ต่างก็คิดว่าเรื่องราวทุกสิ่งในโลกนี้ดูเหมือนกำลังแปรเปลี่ยนไป!

เมื่อผู้ใหญ่ทั้งหลายในตระกูลฮั่วทราบเรื่อง ต่างก็อยู่ในอาการเศร้าสร้อยอย่างบอกไม่ถูก

เหมือนดังที่ชายวัยกลางคนคาดเอาไว้ ต่อให้ตระกูลฮั่วเคียดแค้นซูอี้ถึงเพียงไหน พวกเขาก็ไม่มีทางที่จะนำเรื่องที่ซูอี้ฆ่าฮั่วเทียนตูบอกให้คนอื่นรับรู้

เพราะมันเป็นเรื่องขายหน้า!

ขืนนำออกไปพูด ไม่เท่ากับเป็นการตบหน้าตัวเองหรอกหรือ?

ในห้องพิเศษของหอสุราแห่งหนึ่ง

“เฉิงผู? แม่เฒ่า ท่านทราบหรือว่าไม่ว่าคน ๆ นั้นคือใครกัน?”

กู่ชางหนิงแสดงท่าทีสงสัยออกมา

“นายน้อย ท่านยังจำได้หรือไม่ว่า เมื่อสามหมื่นปีก่อน บนมหาทวีปคังชิง ใครกันที่อาศัยเพียงแค่หมัดทั้งสองสยบใต้หล้า?”

ผู้เฒ่าผู้มีใบหน้าสดใสและดวงตาส่องสว่างเอ่ยถามกลับ

กู่ชางหนิงกล่าวด้วยความตื่นตระหนก “แม่เฒ่าหมายถึง ‘ราชันย์มารสวนกู่’ ที่ใช้วิชาหลอมร่าง สร้างความเป็นหนึ่งในใต้หล้าคนนั้นเช่นนั้นหรือ?”

“ไม่ผิด ขณะเดียวกันเขายังเป็นราชันย์ที่ได้รับการขนานนามว่ายิ่งใหญ่และดื้อรั้นมากคนหนึ่งในบรรดา ‘เก้าราชันย์แห่งคังชิง’ วางกำลังในขุมกำลังใด ๆ ทั่วใต้หล้า การดำรงอยู่ของตัวเขาเองเพียงพอที่จะสร้างความน่าหวาดกลัวให้แก่ใต้หล้า”

แม่เฒ่ากล่าวพร้อมทั้งแสดงความนับถือยำเกรง “เรื่องราวที่เกี่ยวกับเขา ถึงแม้ในมหาทวีปคังชิงจะมีพูดถึงน้อยมาก แต่สำหรับกลุ่มวิถีปราชญ์ระดับสุดยอดเหล่านั้นแล้ว การดำรงอยู่ของราชันย์มารสวนกู่เป็นตัวแทนของมาตรฐานอันสูงสุดของสำนักผู้ฝึกกาย!”

กู่ชางหนิงสูดปาก ก่อนจะกล่าว “แม่เฒ่าคงไม่ได้หมายความว่า เฉิงผูคนนั้นอาจจะเป็นผู้สืบทอดของราชันย์มารสวนกู่ หรืออาจเป็นคนรุ่นหลังใช่หรือไม่?”

แม่เฒ่าถอนใจเบา ๆ “หากไม่ใช่เช่นนั้น ข้าก็คิดไม่ออกจริง ๆ ว่า ยังจะมีใครที่สามารถสั่งสอนวิชาหลอมกายแก่เฉิงผูจนกล่าวได้ว่าเป็นตัวประหลาดน้อยที่ร้ายกาจเช่นนี้ได้”

พูดถึงตรงนี้ แม่เฒ่าเบนสายตามองไปที่กู่ชางหนิง พลางกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “นายน้อย ตามความเห็นของข้า ถึงเวลาที่นายน้อยควรจะเปิดผนึกปิดในร่างได้แล้ว”

กู่ชางหนิงตัวสั่นสะท้านขึ้นมา นิ่งเงียบไปนานมากจึงพยักหน้า

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset