📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 453

บทที่ 453 - ตระกูลจั่วแห่งชิงเถียน
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

สองวันต่อมา

ภายใต้ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ เรือล่องล้อเมฆาลอยแล่นเหนือหมู่เมฆ

ในห้อง

ซูอี้ได้ตื่นจากการเข้าญาณ

เมื่อรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงในการฝึกฝน ซูอี้ก็อดที่จะลอบพยักหน้ากับตัวเองไม่ได้

ด้วยทรัพยากรการฝึกฝนที่เพียงพอ ขอบเขตไร้เบญจธัญขั้นกลางที่ติดมานานของเขาก็ได้ก้าวเข้าสู่ขั้นถัดไป โดยความแข็งแกร่งของเขาได้เลื่อนมาถึงระดับใหม่แล้ว

เมล็ดพันธุ์เต๋าสุดขั้วในจุดตันเถียนนั้นสว่างไสวราวกับดวงอาทิตย์ กระจายพลังโกลาหลของพลังปฐมญาณอันผันผวนออกไปอย่างกว้างขวางและหนาแน่น

ความแข็งแกร่งทางร่างกายและความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณก็ดีขึ้นมากเช่นกัน

ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสามส่วน เมื่อเทียบกับในอดีต!

ซูอี้ไม่เคยสนใจว่าเขาฝึกฝนได้เร็วแค่ไหน

เช่นเดียวกับความก้าวหน้าครั้งนี้ กล่าวได้ว่ามันถูกกำหนดไว้แล้ว เพราะเมื่อถ้วยเต็มน้ำก็จะล้นออก เมื่อขัดเกลาพลังเต๋าจนถึงขีดสุด เมื่อถึงจุดหนึ่งมันก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงเอง

“การขัดเกลาจังหวะวิถีธาตุห้าธาตุนั้นอยู่ห่างจากขั้นสมบูรณ์แบบเพียงเสี้ยวเดียว ในขณะที่จังหวะหยินนั้นเพิ่งเข้าสู่ขั้นสำเร็จ ส่วนจังหวะของลมนั้นถือว่าอยู่ขั้นต้นเท่านั้น…”

“ด้วยความสำเร็จในวิถีดาบของข้า แม้จะอยู่เพียงขั้นปลายของขอบเขตไร้เบญจธัญ มันก็เพียงพอแล้วที่จะต่อกรกับมหาปราชญ์สวรรค์ขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ”

“ถ้าข้ารวมพลังจิตวิญญาณเข้ากับวิชาลับจิตวิญญาณ การสังหารมหาปราชญ์สวรรค์ขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่อะไร”

ซูอี้คิดกับตัวเอง

ในแง่ของการฝึกฝน ความแตกต่างระหว่างเขากับมหาปราชญ์สวรรค์ขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณนั้นมีมากเกินไป

แต่ถ้าต้องการลงมือจริง ๆ อาศัยเพียงระดับการฝึกฝนในปัจจุบันของซูอี้ เขาก็ไม่กลัวที่จะต่อกรกับมหาปราชญ์สวรรค์ขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ!

แก่นสำคัญอยู่ที่เมล็ดพันธุ์เต๋าสุดขั้วที่เขาสร้างขึ้นซึ่งสิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

คุณภาพของพลังจิตวิญญาณของเขาอย่าว่าแต่ด้อยกว่าขอบเขตการแปรเปลี่ยนวิญญาณเลย

วิชาลับและวิชาดาบที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเขานั้นยอดเยี่ยมที่สุดในเก้ามหาแดนดิน ซึ่งพวกมันก็เหนือจากผู้ฝึกตนในโลกนี้ไปไกลยิ่งนัก!

ในทางกลับกัน ผู้ฝึกตนในโลกสามัญของมหาทวีปคังชิง ไม่ว่าพวกเขาจะฝึกฝนในระดับใด เมื่อเทียบกับผู้ฝึกตนในเก้ามหาแดนดิน ในด้านรากฐานของมหาวิถี ทั้งความเชี่ยวชาญและความเข้าใจในมหาวิถีล้วนด้อยกว่านัก

เหตุผลนั้นง่ายมาก เนื่องจากพลังของการจองจำแห่งยุคมืดสามหมื่นปีได้ทำให้เกิดการขาดปราณวิญญาณขึ้นในมหาทวีปคังชิง และผู้ฝึกเต๋าโบราณก็เกือบถูกกวาดล้างจนหมด

ในดินที่แห้งแล้ง จะมีต้นไม้สูงตระหง่านเติบโตได้อย่างไร?

ภายใต้สถานการณ์เหล่านี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพลังฝึกฝนของซูอี้จะท้าทายสวรรค์และข่มเหงผู้คนเพียงใด ซึ่งมันเพียงพอที่จะให้เขาสามารถสังหารศัตรูข้ามขั้นได้

ทว่าซูอี้จะไม่ประมาทมหาปราชญ์สวรรค์ขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณในโลกนี้

เพราะผู้ที่สามารถก้าวเข้าวิถีวิญญาณในดินแดนที่แห้งแล้งเช่นมหาทวีปคังชิงนี้ ย่อมไม่อาจนำไปเทียบกับคนธรรมดาได้

“หากมีตัวตนขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณในเวลานี้ ข้าสามารถลองใช้ความแข็งแกร่งของตัวเองได้ ว่าข้ามาไกลแค่ไหนแล้ว…”

ซูอี้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นเขาก็หมดไฟ

เมื่อมองไปทั่วโลกหล้ากลับหาคู่ต่อสู้ที่ฝีมือเท่าเทียมกันไม่ได้ จึงรู้สึกเกียจคร้านและเบื่อหน่ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ดังนั้นจึงทำได้แค่ตั้งเป้าหมายให้สูงขึ้นเท่านั้น…

ซูอี้ลุกขึ้นยืนแล้วออกจากห้องไป

ด้านนอกห้อง หยวนเหิงได้ยืนเฝ้าอยู่ที่นั่นเป็นเวลานานแล้ว

เมื่อเห็นซูอี้ออกมา เขาก็รีบพูดขึ้นว่า “นายท่าน ในอีกครึ่งชั่วยามกับอีกสองเค่อ เราก็จะไปถึง ‘แคว้นอวี้ผิง’ ยัยหนูเหวินบอกผู้น้อยให้เรียนท่านว่าพวกเขาจะแวะไปยังงานเลี้ยงของตระกูลจั่วแห่งชิงเถียนในแคว้นอวี้ผิงก่อน ซึ่งนางหวังว่าพวกเราจะไปร่วมได้”

แคว้นอวี้ผิงเป็นหนึ่งในสิบสามแคว้นของต้าเซี่ย ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านความอุดมสมบูรณ์ของหยกจิตวิญญาณ

ในฐานะตระกูลอันดับหนึ่งแห่งแคว้นอวี้ผิง ตระกูลจั่วแห่งชิงเถียนได้ควบคุมเส้นชีพใหญ่เก้าเส้นที่อุดมไปด้วยหยกแห่งจิตวิญญาณไว้! ทำให้พวกเขาทรงอำนาจไม่น้อย

ในทั่วดินแดนต้าเซี่ย แม้ว่าจะไม่ได้ทรงพลังเท่ากับสี่กลุ่มเต๋าชั้นนำและสามตระกูลหลัก แต่ก็สามารถเรียกได้ว่าเป็นกองกำลังชั้นหนึ่ง

เหวินซินจ้าว และคนอื่น ๆ คล้ายไปที่ตระกูลจั่วแห่งชิงเถียนเพื่อร่วมงานเลี้ยง แต่ในความเป็นจริง พวกเขาต้องการไปซื้อหยกจิตวิญญาณจำนวนหนึ่งเพื่อใช้สำหรับการกลั่นสมบัติและยันต์ลับ แล้วนำพวกมันกลับไปยังวังเทพสวรรค์เมฆา

เมื่อทราบเช่นนี้ หัวใจของซูอี้ก็หวั่นไหว ด้วยฝีมือในปัจจุบันของเขา ถ้าสามารถซื้อหยกจิตวิญญาณที่ล้ำค่าและหายากได้ เขาก็สามารถสร้างยันต์อันทรงพลังบางชนิดที่สมบูรณ์ออกมาได้!

ตัวอย่างเช่น ยันต์ซ่อนวิญญาณไร้ร่องรอย ยันต์ขุนเขาเคียงธารา ยันต์รัศมีพิทักษ์สีทอง และอื่น ๆ

แม้ว่าจะใช้เองไม่ได้ แต่ก็สามารถส่งต่อให้คนรอบข้างไว้เพื่อป้องกันตัวได้

“ตกลง ไปเดินเล่นกัน”

ซูอี้พยักหน้าเห็นด้วย

แคว้นอวี้ผิง

เขาจิตวิญญาณชิงเถียน

สถานที่ซึ่งตระกูลจั่วอาศัยอยู่

ค่ำคืนนั้นมืดสนิทดุจหมึก ท้องฟ้าก็สว่างไสวด้วยดวงดารา

ที่ด้านบนของเขาจิตวิญญาณชิงเถียนมีแสงไฟสว่างไสว แสดงให้เห็นว่าพวกเขากำลังจัดงานเลี้ยงอยู่

จั่วซิงเหอ หัวหน้าตระกูลจั่ว และกลุ่มบุคคลสำคัญในตระกูลจั่วล้วนอยู่ที่นั่นด้วยท่าทีที่เคร่งขรึม

เหตุผลก็คือวันนี้มีแขกผู้มีเกียรติมาจากวังเทพสวรรค์เมฆา!

“พี่จาง ข้าขอถามสักหน่อย ชายหนุ่มชุดเขียวกับผู้ฝึกฝนปีศาจทั้งสองคนที่อยู่ข้างๆ เขามีที่มาอย่างไรหรือ?”

ระหว่างงานเลี้ยง จั่วซิงเหอยิ้มขณะเอ่ยถามจางอวิ๋นเทาซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ เขา

จั่วซิงเหอ มีระดับการฝึกตนอยู่ในขอบเขตรวบรวมดาราขั้นสมบูรณ์ เขาสวมชุดคลุมสีม่วงที่มีผมสีดำ ใบหน้าแดงเปี่ยมด้วยพลัง

สีหน้าของจางอวิ๋นเทายังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่แววตาของเขาดูซับซ้อนเล็กน้อย ก่อนจะตอบว่า “พวกเขาไม่ใช่ลูกศิษย์ของวังเทพสวรรค์เมฆาของข้า แต่เป็นคนที่พบกันระหว่างทาง”

จั่วซิงเหอยิ้ม ก่อนพยักหน้าพลางกล่าวตอบ “เป็นเช่นนั้นเอง”

หลังจากที่จางอวิ๋นเทา เหวินซินจ้าวและคนอื่น ๆ มาถึงเมื่อครู่ เขานึกกังขาอยู่ว่าเหตุใดในหมู่ลูกศิษย์ของวังเทพสวรรค์เมฆาจึงได้มีผู้ฝึกฝนปีศาจสองคนปรากฏตัวขึ้น

ทว่าด้วยมารยาท จั่วซิงเหอจึงไม่ได้ถามอะไรมาก

แต่ตอนนี้คำพูดของจางอวิ๋นเทาและท่าทีที่เย็นชาของเขาทำให้จั่วซิงเหอคร้านเกินกว่าจะสนใจซูอี้ หยวนเหิง และไป๋เวิ่นฉิงอีก

แม้แต่จางอวิ๋นเทาก็ไม่สนใจ… จั่วซิงเหอผู้นำตระกูลจั่วซึ่งเป็นถึงคนใหญ่คนโตชั้นหนึ่งในต้าเซี่ย ดังนั้นแล้วเขาจะให้ความสนใจกับผู้ฝึกฝนขอบเขตไร้เบญจธัญสองสามคนได้อย่างไร

งานเลี้ยงครึกครื้นนัก

ตระกูลจั่วมั่งคั่งนัก ทั้งอาหารเครื่องดื่มล้วนเป็นของหายากและรสเลิศ พวกมันต่างหรูหรายิ่ง

“คุณชายฮั่ว ข้าขอคารวะท่าน!” คนใหญ่คนโตของตระกูลจั่วพากันดื่มอวยพรฮั่วอวิ๋นเซิง เฉียนเทียนหลง ซุนเฟิง และคนอื่น ๆ ด้วยความกระตือรือร้นและความเคารพ

เหวินซินจ้าวกับเริ่นโหยวโหย่วต่างถูกรายล้อมไปด้วยบุคคลผู้สูงศักดิ์ของตระกูลจั่ว ซึ่งคนเหล่านั้นต่างเป็นฝ่ายเข้าไปพูดคุยกับเหวินซินจ้าวและเริ่นโหยวโหย่วดุจดาวล้อมเดือนโนเวลกูดอทคอม

มีเพียงซูอี้ หยวนเหิง และไป๋เวิ่นฉิงเท่านั้นที่ดูเหมือนถูกทอดทิ้ง

ทว่า พวกเขามาพร้อมกับวังเทพสวรรค์เมฆา จึงไม่มีใครกล้าละเลยพวกเขา

ซูอี้ไม่สนใจเรื่องนี้ เขาเพียงดื่มกับตัวเอง

หยวนเหิงกับไป๋เวิ่นฉิงต่างสังเกตว่าอาจเป็นเพราะพวกเขาเป็นผู้ฝึกฝนปีศาจ คนตระกูลจั่วจึงไม่ชอบพวกเขาอย่างเห็นได้ชัด

ทว่าทั้งคู่ต่างคุ้นเคยกับมันดี จึงย่อมไม่ไปโกรธเคืองกับเรื่องเช่นนี้

“คุณชายฮั่ว สหายสามคนนั้นคือใครกันหรือ? เหตุใดพวกเขาจึงร่วมทางมากับท่าน?”

หญิงสาวทรงเสน่ห์และสดใสสวมชุดสีเหลืองเดินตามฮั่วอวิ๋นเซิงด้วยรอยยิ้มอันแสนหวาน และเหลือบมองที่ซูอี้กับคนอื่น ๆ

“พวกเขา?”

มุมริมฝีปากของฮั่วอวิ๋นเซิงโค้งเป็นรอยยิ้มขี้เล่นขณะกล่าวว่า “พวกเขามาจากต้าโจว และพลังการฝึกฝนของพวกเขาก็ทรงพลังมาก เจ้าอย่าได้ประมาท”

หญิงสาวในชุดเหลืองประหลาดใจ “หรือว่าวังเทพสวรรค์เมฆาตั้งใจที่จะรับพวกเขาเป็นศิษย์อย่างนั้นหรือ?”

ฮั่วอวิ๋นเซิงหัวเราะและกล่าวว่า “วังเทพสวรรค์เมฆาของเราไม่ยอมรับผู้ฝึกฝนปีศาจเป็นศิษย์”

หญิงสาวชุดเหลืองทำเสียงขึ้นจมูก ก่อนหมดความสนใจในตัวซูอี้กับพรรคพวก

ฮั่วอวิ๋นเซิงไม่ได้อธิบายอะไร

ในใจเขาต้องการสังหารซูอี้ให้ตาย แล้วจะไปคิดเปิดเผยว่าซูอี้แข็งแกร่งเพียงใดได้อย่างไรกันเล่า?

อันที่จริง ฉากดังกล่าวก็ได้เกิดขึ้นรอบ ๆ เฉียนเทียนหลง ซุนเฟิง และคนอื่น ๆ เช่นกัน

คนใหญ่คนโตในตระกูลจั่วเหล่านั้นย่อมไม่ใช่คนโง่ เมื่อพวกเขาเห็นว่าจางอวิ๋นเทา ฮั่วอวิ๋นเซิง และคนอื่น ๆ ยามพูดถึงซูอี้กับพวกแล้วมีท่าทีไม่ใส่ใจ พวกเขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไรว่าซูอี้กับพวกเป็นแค่ตัวละครไม่สำคัญ?

ดังนั้นในระหว่างงานเลี้ยง ซูอี้และพวกจึงถูกทอดทิ้งให้เหน็บหนาวไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม

ในโลกของการฝึกฝนที่ผู้แข็งแกร่งเป็นที่เคารพนับถือ การเกาะแข้งเลียขาต่าง ๆ เพื่อผลประโยชน์เป็นสิ่งที่เห็นได้บ่อยครั้ง

ซึ่งด้วยภูมิหลังและพลังของตระกูลจั่ว ผู้ที่สมควรได้รับการปฏิบัติเช่นนั้นมีเพียงศิษย์ของวังเทพสวรรค์เมฆาเท่านั้น!

นี่แหละคือธรรมชาติของมนุษย์

แม้จะไม่อยากเชื่อแต่ก็ต้องยอมรับ

“เอาล่ะ นำของขวัญที่ข้าเตรียมไว้สำหรับแขกออกมา”

จู่ ๆ จั่วซิงเหอก็พูดขึ้น ดึงดูดความสนใจของทุกคนที่ได้ยิน

จางอวิ๋นเทายิ้ม ก่อนเอ่ยปฏิเสธ “ของขวัญ? พี่จั่วสุภาพเกินไปแล้ว ข้ามาที่นี่เพื่อเป็นแขก ข้าจะรับของขวัญของท่านได้อย่างไร”

จั่วซิงเหอหัวเราะเสียงดังขณะกล่าวว่า “พี่จางอย่าได้ปฏิเสธไป เมื่อไม่กี่วันก่อนผู้ฝึกตนจากตระกูลจั่วของข้าได้ค้นพบหินจิตวิญญาณต้นกำเนิดจำนวนหนึ่งในส่วนลึกของเส้นชีพจรเหมืองหยกวิญญาณ ครั้งนี้ข้าได้เลือกบางส่วนมามอบให้ท่านเป็นพิเศษ เพื่อแสดงความจริงใจของตระกูลจั่วของข้า”

หินจิตวิญญาณต้นกำเนิด!

ดวงตาของทุกคนเป็นประกาย

จางอวิ๋นเทาก็อดประหลาดใจไม่ได้ ใจเต้นรัวไม่หยุด

ไม่นาน คนรับใช้กลุ่มหนึ่งมาที่เวทีพร้อมถาดหยก

บนถาดหยกแต่ละใบมีวัสดุแร่หยกดำซึ่งดูไม่โดดเด่นวางไว้

“นายท่าน หินจิตวิญญาณต้นกำเนิดนี้เป็นสมบัติประเภทใดกัน?”

หยวนเหิงอดไม่ได้ที่จะขอคำแนะนำผ่านการส่งกระแสปราณ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเกี่ยวกับหินจิตวิญญาณต้นกำเนิด

ซูอี้ตอบอย่างไม่ใส่ใจ

“หินจิตวิญญาณต้นกำเนิดถือกำเนิดขึ้นจากแหล่งกำเนิดของเส้นชีพจรเหมืองหินจิตวิญญาณ หินจิตวิญญาณต้นกำเนิดแต่ละก้อนเปรียบเสมือนหีบสมบัติที่ถูกปิดผนึก หีบสมบัติบางอันบรรจุหยกจิตวิญญาณต่าง ๆ ไว้ ส่วนหีบสมบัติบางอันว่างเปล่า ในตลาดที่ซึ่งครอบครองโดยกองกำลังผู้ฝึกฝน พวกเขาจะเดิมพันด้วย ‘หินจิตวิญญาณต้นกำเนิด’ ซึ่งเรียกว่าการพนันหิน”

หลังจากเข้าใจหยวนเหิงก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้และพูดว่า “หินจิตวิญญาณต้นกำเนิดนี้ค่อนข้างคล้ายกับ ‘โลงศพโคมไฟผี’ ของเฒ่าบอด”

ซูอี้ยิ้ม มันเป็นเพียงหินจิตวิญญาณต้นกำเนิดจำนวนหนึ่ง จะเทียบกับ ‘โลงศพ’ ของโคมไฟผีได้อย่างไร?

เขายังไม่ได้บอกหยวนเหิง ว่ามี ‘หินจิตวิญญาณต้นกำเนิดศักดิ์สิทธิ์’ ที่หายากกว่าในเก้ามหาแดนดิน ซึ่งเป็นสมบัติที่เป็นกระทั่งที่ต้องการของผู้คนในขอบเขตจักรพรรดิ

เพื่อหินจิตวิญญาณต้นกำเนิดศักดิ์สิทธิ์ ตัวตนในขอบเขตจักรพรรดิจะบ้าคลั่งไม่ต่างจากนักพนัน

ในเวลานี้ จั่วซิงเหอพลันยืนขึ้น ก่อนเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ทุกคนต้องรู้ว่าแม้ว่าหินจิตวิญญาณต้นกำเนิดจะเป็นสมบัติที่หายาก แต่ก็ไม่จำเป็นว่าหินจิตวิญญาณต้นกำเนิดทุกก้อนจะมีหยกจิตวิญญาณ”

“ซึ่งหากไม่ตัดหินจิตวิญญาณต้นกำเนิดออกมาดู ก็ไม่มีใครรู้ว่าหยกจิตวิญญาณที่ซ่อนอยู่ในนั้นดีหรือไม่”

เขาชี้ไปที่หินจิตวิญญาณต้นกำเนิดมากกว่าสามสิบก้อนบนแท่นหยก ก่อนเหลือบมองจางอวิ๋นเทากับพวกพร้อมพูดด้วยรอยยิ้ม

“ความสนุกของการพนันหินคือการเลือกด้วยตัวเอง ดังนั้นข้าจะไม่ช่วยเลือก พวกท่านควรเลือกพวกมันด้วยตัวเอง”

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset