📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 438

บทที่ 438 - ข้าจะสอนเจ้าเอง
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

เมื่อได้ยินชื่อของเยว่ซือฉาน พลันมีร่างผู้หญิงที่งดงามดุจเซียน คิ้วโค้งมนดวงตากลมโตดั่งรูปวาด สวมชุดขาวแบกดาบไว้ด้านหลังผุดขึ้นในหัวซูอี้

จำได้ว่าตอนนั้นที่อยู่มหานครหลวงอวี้จิง หญิงสาวเคยเชื้อเชิญเขาด้วยตัวเอง และรอคอยที่จะเดินทางไปเข้าร่วมชุมนุมมวลพฤกษาในต้าเซี่ยร่วมกับเขา

แค่พริบตาเดียว ก็ผ่านไปสามเดือนแล้ว

แต่ซูอี้กลับไม่แปลกใจที่เยว่ซือฉานจะสามารถมีชื่อเสียงอยู่ในต้าเซี่ยได้

ในตอนที่เจออีกฝ่ายคราแรก ซูอี้จึงรู้ได้ทันที เยว่ซือฉานผู้นี้มีพรสวรรค์มาก ทั้งยังมีจิตใจมั่นคงต่อวิถีดาบ นับว่าเป็นบุคคลยอดเยี่ยมไร้ที่ติ

ยามนั้น เขาถึงขั้นเกิดความรู้สึกเสียดายเล็กน้อย จึงยินยอมเป็นผู้ชี้แนะให้แก่เยว่ซือฉานที่กำลังแสวงหาเส้นทาง

แน่นอนว่าเยว่ซือฉานที่ ‘พิจารณา’ ในตอนนั้นได้ปฏิเสธกลับ

ทว่าสิ่งนี้ยังคงมิอาจปิดบังความรู้สึกชื่นชมของซูอี้ที่มีต่อนางได้

ในฐานะที่เป็นนักดาบ ซูอี้ค่อนข้างพอใจเยว่ซือฉานที่หมกมุ่นกับวิถีดาบเหมือนกันเป็นพิเศษ

และในยามนี้เอง เมื่อรับรู้ว่าสายตาหยวนเหิงมองไปทางซูอี้ ชิงหยาจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามอย่างอยากรู้ “พี่หยวนเหิง หรือว่าท่านกับพี่ชายซูอี้รู้จักเยว่ซือฉานผู้นั้น?”

เมื่อเห็นซูอี้ไม่คัดค้านใด ๆ หยวนเหิงถึงได้เอ่ยขึ้น ” รู้จักสิ เยว่ซือฉานมาจากต้าโจวเหมือนกับเรา ก่อนที่จะเดินทางมาต้าเซี่ย เยว่ซือฉานก็มีชื่อเสียงสั่นสะเทือนไปทั่วต้าโจวในนามราชาขนนก เรียกได้ว่าเป็นบุคคลในตำนานที่น่าทึ่งเป็นอย่างมาก”

“ต้าโจว?”

เมื่อฮั่วอวิ๋นเซิง เฉียนเทียนหลง ซุนเฟิงได้ยินเช่นนี้ พวกเขาก็ตะลึงค้าง ก่อนจะนึกขึ้นได้ทันใดว่าต้าโจวคือสถานที่แบบใด

“ไม่นึกเลยว่า พื้นที่เล็กน้อยและแห้งแล้งอย่างต้าโจว จะมีบุคคลที่มีพรสวรรค์อย่างเยว่ซือฉานออกมาได้ ช่างหาได้ยากจริง ๆ”

ฮั่วอวิ๋นเซิงรู้สึกซาบซึ้ง

“อาจจะเป็นเพราะพลังการจองจำแห่งยุคมืดใกล้จะหายไปแล้ว จึงไม่แปลกหรอกที่ในช่วงหลายปีนี้ หลายร้อยกว่าอาณาจักรในมหาทวีปคังชิง จะปรากฏเมล็ดพันธุ์การฝึกฝนที่นับว่าโดดเด่นมากมายออกมา”

เฉียนเทียนหลงที่สวมชุดสีเงินเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “แน่นอนว่า ยังรวมถึงผู้สิงสถิตมากมาย และผู้โชคดีที่สืบทอดกลุ่มวิถีปราชญ์โบราณด้วย”

ซุนเฟิงลูบคางไปมา พลางเอ่ย “ใต้โลกหล้านี้มีปีศาจและผู้ที่มีพรสวรรค์มากมาย ทว่าสามารถโจมตี ‘หลัวหานชวน’ ศิษย์สายในของสำนักเต๋าชิงอี่พ่ายแพ้ได้อย่างเยว่ซือฉานผู้นี้ กลับมีไม่มากนัก ยิ่งไปกว่านั้น บุคคลธรรมดาทั่วไป ใครจะกล้าปฏิเสธเข้าร่วมฝึกฝนในสำนักดาบเทียนชูเฉกเช่นเยว่ซือฉานกัน?”

ในคำพูดนั้น ยังแฝงไปด้วยความชื่นชมที่ปิดบังเอาไว้ไม่มิดอยู่

ชิงหยากะพริบตา มองไปทางซูอี้ “พี่ชายซูอี้ ในใจข้า ท่านเป็นบุคคลที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในต้าโจว!”

ซูอี้อดยิ้มออกมาไม่ได้ พลางส่ายหน้า “ข้าไม่ใช่ผู้ที่มีพรสวรรค์หรอก”

เฉียนเทียนหลงระเบิดเสียงหัวเราะออกมา แม้ไม่เอ่ยสิ่งใด ทว่าท่าทางที่ไม่แยแสนั้น ใคร ๆ ก็มองออก

สิ่งนี้ทำให้หยวนเหิงมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น เขาทนคนอื่นดูถูกเขาได้ และไม่สนใจการเหยียดหยามของเหล่าผู้สืบทอดแห่งวังเทพสวรรค์เมฆาที่มีต่อผู้ฝึกปีศาจเช่นเขา

ทว่าเมื่อเห็นซูอี้ถูกกระทำเช่นนี้เหมือนกัน เขากลับมิอาจทนได้!

เขาสูดหายใจเข้าลึก และเอ่ยเสียงต่ำ “เดิมทีข้าคิดว่าผู้ฝึกตนแห่งวังเทพสวรรค์เมฆาจะสง่างามและมีจิตใจที่เหนือกว่าปกติ แต่ต้องยอมรับว่า การแสดงออกของพวกเจ้าในยามนี้ ช่างไร้มารยาทเกินไปแล้ว!”

เมื่อประโยคนี้ดังออกไป บรรยากาศภายในนั้นพลันอึดอัดทันที

ฮั่วอวิ๋นเซิงกับซุนเฟิงต่างขมวดคิ้ว คล้ายกับไม่อยากเชื่อว่าหยวนเหิงจะกล้าตำหนิเฉียนเทียนหลง

ครั้นมองไปที่เฉียนเทียนหลง ใบหน้าเขาพลันเคร่งขรึมขึ้น พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มที่ไม่จริงใจ “นี่… เจ้ากำลังสอนข้ารึ?”

หลิงอวิ๋นเหอที่มีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย จึงรีบเอ่ยขึ้น “แค่โต้แย้งกันเล็กน้อยเท่านั้น ทั้งสองโปรดใจเย็น ๆ เอาไว้ อย่าได้ทะเลาะกันจนลำบากใจเลย”

เฉียนเทียนหลงเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา “สหายเต๋าหลิง ในเมื่อผู้ฝึกปีศาจตนนั้นไม่พอใจ ถ้าเช่นนั้นข้าจะเอ่ยให้มันชัดเจนไปเลย หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าเจ้ากับแม่นางชิงหยา พวกเราคงไม่สนใจผู้ฝึกปีศาจกับผู้ฝึกไม่มีสำนักที่มาจากพื้นที่เล็กน้อยเหล่านี้หรอก!”

ในคำพูดนั้นไม่ปิดบังความรู้สึกเหยียดหยามและดูถูกอีก

สิ่งนี้ทำให้หยวนเหิงกับไป๋เวิ่นฉิงมีสีหน้าบิดเบี้ยวขึ้นอย่างมาก

หลิงอวิ๋นเหอเหลือบมองซูอี้อย่างช่วยไม่ได้ แต่กลับเห็นอีกฝ่ายเทสุราดื่มเอง และไม่เอ่ยสิ่งใด

ทว่าท่าทางเมินเฉยไม่สะทกสะท้านใด ๆ นั้น กลับทำให้หลิงอวิ๋นเหอรู้สึกกังวล

“สหายเต๋าเฉียน เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

หลิงอวิ๋นเหอกัดฟันตบโต๊ะทันที พลางเอ่ยด้วยความโมโห “สหายเต๋าซูและพวกเขา คือสหายของพวกข้า แต่เจ้ากลับใส่ร้ายป้ายสีพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่าต่อหน้าข้าหลิงผู้นี้ นี่มันจะไม่เกินไปหน่อยรึ!”

ชิงหยาก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ “ใช่แล้ว พวกเจ้าคิดว่าตัวเองเป็นผู้สืบทอดวังเทพสวรรค์เมฆา แล้วจะสามารถอยู่เหนือกว่าคนอื่นได้รึ? รอข้าได้พบอาจารย์อาเมื่อใด ข้าจะต้องถามนางว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น!”

ครั้นเห็นหลิงอวิ๋นเหอกับชิงหยาโมโหอย่างไม่ค่อยเห็นบ่อยนัก ภาพนี้จึงเกินกว่าที่ฮั่วอวิ๋นเซิง เฉียนเทียนหลง และซุนเฟิงคาดเดาเอาไว้

โดยเฉพาะเฉียนเทียนหลงที่มีสีหน้าเปลี่ยนไปจนคาดเดาไม่ได้ และในใจรู้สึกโกรธมาก

เขาไม่สนใจซูอี้และคนอื่น ๆ ได้ ทว่ามิอาจไม่สนใจต่อท่าทีของหลิงอวิ๋นเหอกับชิงหยาได้ ไม่เช่นนั้น หากเหวินซินจ้าวรู้เรื่องนี้เข้าจริง ๆ เช่นนั้นผลที่ตามคงยากที่จะบอกได้

บรรยากาศกดดันหนักอึ้ง

ฮั่วอวิ๋นเซิงเริ่มเอ่ย “ศิษย์น้องเฉียน ศิษย์พี่เหวินให้พวกเรามารับคน เจ้าอย่าได้ก่อเรื่อง”

ขณะเอ่ย เขาก็หันไปกล่าวกับหลิงอวิ๋นเหอกับชิงหยาด้วยรอยยิ้ม “ขอทั้งสองโปรดใจเย็น ๆ ศิษย์น้องเฉียนพูดไม่รู้จักกาลเทศะ จึงไปยั่วโมโหทั้งสองเข้า ข้าขอโทษแทนความผิดของเขาด้วย”

คำพูดนี้ของเขา คล้ายกับยอมถอยให้ ทว่าจริง ๆ แล้วแค่แสดงการขอโทษต่อหลิงอวิ๋นเหอกับชิงหยาเท่านั้น

ส่วนซูอี้และคนอื่น ๆ ล้วนถูกมองข้าม

ท่าทางของพวกเขาได้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมาอย่างชัดเจน

หลิงอวิ๋นเหอจะแยกแยะไม่ออกได้อย่างไร?

เขาลอบโมโหอยู่ในใจ ศิษย์กองกำลังใหญ่ที่มีตาหามีแววไม่เหล่านี้ ช่างโง่เขลาสิ้นดี หากทำให้ซูอี้โมโหแล้ว ไม่สนว่าพวกเจ้าจะอยู่ในฐานะใด ก็ถูกสังหารอยู่ดี!

หลิงอวิ๋นเหอสูดหายใจเข้าลึก แล้วก็ไม่สนใจฮั่วอวิ๋นเซิง พลางหันไปคำนับขอโทษซูอี้ “สหายเต๋าซู ขอให้ท่านใจเย็น ๆ และอย่าได้เอาความเรื่องเหล่านี้เลย รอไปถึงเมืองหลิงชวีเมื่อใด หลิงผู้นี้จะจัดงานเลี้ยงเพื่อแสดงการขอโทษสหายเต๋าอีกครั้งหนึ่ง”

“เจ้าไม่ได้ทำสิ่งใดผิด ไม่จำเป็นต้องขอโทษ”

ซูอี้เอ่ยทันที

“ความหมายของสหายเต๋าซูคือ เรื่องนี้ข้าเฉียนเทียนหลงคือคนที่ทำผิด และต้องการให้ข้าขอโทษเจ้าด้วยตัวเองรึ?”

เฉินเทียนหลงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นโนเวลกูดอทคอม

ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา หลิงอวิ๋นเหอก็รู้สึกว่ามันต้องแย่แน่ ๆ

ทันใดนั้นซูอี้วางจอกสุราที่อยู่ในมือลง พลางมองไปทางเฉียนเทียนหลง และเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เจ้าไม่เพียงแต่ต้องแสดงความขอโทษเท่านั้น แต่ต้องคุกเข่าแสดงการขอโทษด้วย ไม่เช่นนั้น วันนี้ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะสั่งสอนเจ้า”

ฮั่วอวิ๋นเซิงและซุนเฟิงต่างตกตะลึง พลันสีหน้าเปลี่ยนไปจนคาดเดาไม่ได้ นี่คือคำพูดของผู้ฝึกไม่มีสำนักควรจะพูดรึ?

ก่อนหน้านี้ พวกเขาตั้งใจว่าจะไกล่เกลี่ยเพื่อเห็นแก่หน้าหลิงอวิ๋นเหอกับชิงหยา

แต่กลับไม่นึกเลยว่า จะมีคนที่ไม่รู้ว่าสิ่งใดดีหรือไม่ดี!!

เฉียนเทียนหลงที่โมโหมากหัวเราะออกมา พลางตบโต๊ะและลุกขึ้น “ข้าอยากเห็นจริง ๆ ผู้ฝึกตนด้วยตัวเองเช่นเจ้า จะเอาอะไรมาสั่งสอนข้ากัน!”

ขณะเอ่ยอยู่ เขากวาดสายตามองไปทางฮั่วอวิ๋นเซิง ซุนเฟิงรวมถึงหลิงอวิ๋นเหอ ชิงหยา และเอ่ยว่า “ทุกท่านอย่าได้มาขัดขวางเรื่องนี้ ข้ากับสหายเต๋าซูจะสะสางกันให้เรียบร้อย แต่พวกท่านไม่ต้องห่วง ข้ารับปากว่าจะไม่ฆ่าคนแน่นอน!”

ในคำพูดเยือกเย็นนั้นยังคงยโสโอหังเช่นเดิม

ฮั่วอวิ๋นเซิงกับซุนเฟิงต่างก็เงียบ และมองดูอย่างเงียบ ๆ ไม่เข้าไปห้ามปรามอีก เพราะท่าทางของซูอี้ ก็ทำให้พวกเขาโมโหเช่นกัน หากให้เฉียนเทียนหลงลงมือมอบบทเรียนให้แก่อีกฝ่าย และทำให้อีกฝ่ายได้สติรับรู้ถึงความต่าง ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่ได้เลวร้ายอะไร

หลิงอวิ๋นเหอเองก็โกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก เขาจึงไม่เอ่ยสิ่งใดอีก

ส่วนชิงหยาเอ่ยว่า “เจ้าก็ไม่ต้องเป็นห่วง ข้ารับปากว่าจะไม่ไปขัดขวางแน่นอน”

สายตาของหยวนเหิงกับไป๋เวิ่นฉิงที่มองไปทางเฉียนเทียนหลง แฝงไปด้วยความสงสาร

“มาสิ สหายเต๋าซู ข้ายืนอยู่ตรงนี้ รอเจ้ามาสั่งสอนอยู่!”

เฉียนเทียนหลงเอ่ยอย่างเยาะเย้ย

เขาสวมชุดสีเงิน ท่าทางดูสง่างาม แม้จะอยู่เพียงแค่ขอบเขตไร้เบญจธัญ ทว่าในฐานะที่เป็นศิษย์สายในวังเทพสวรรค์เมฆา ไม่ว่าจะเป็นรากฐาน หรือการเรียนรู้วิชาและสืบทอดต่าง ๆ ล้วนเหนือกว่าผู้ฝึกตนบนโลกนี้

ไม่ต้องเอ่ยถึงขอบเขตไร้เบญจธัญ แม้แต่ผู้ฝึกตนขอบเขตเปิดทวารในโลกนี้ ก็ไม่อยู่ในสายตาของเฉียนเทียนหลง!

นี่คือศิษย์ของกองกำลังสูงสุด แต่ละคนผ่านการคัดเลือกและตรวจสอบมามากมายนับไม่ถ้วน สุดท้ายความสามารถที่มีอยู่ก็ได้เปิดเผยออกมา โดดเด่นในหมู่ฝูงชนและมีพรสวรรค์!

ช่างน่าเสียดาย ครั้งนี้ที่เขาเจอคือซูอี้ บุคคลอันน่าสะพรึงกลัวที่ถูกชื่นชมยกย่องในชาติก่อน ผู้เคยใช้ดาบสยบไปทั่วใต้หล้ามาแล้ว!

แม้ระดับการฝึกฝนในยามนี้คือขอบเขตไร้เบญจธัญ แต่เขาจะสนบุคคลเช่นเฉียนเทียนหลงได้อย่างไรกัน?

“ชายผู้นี้รนหาที่ตายจริง ๆ…”

ชิงหยาเอ่ยพึมพำกับตัวเอง

หลิงอวิ๋นเหอแอบถอนกลั้นหายใจ พลางมองด้วยสายตาเย็นชา ภายใต้น้ำมือซูอี้ ตัวตนขอบเขตรวบรวมดาราก็เหมือนกับไก่กระเบื้องสุนัขดินเผา คนของบุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงก็ยังเกือบถูกสังหารตาย และหลบหนีไปอย่างตื่นตระหนก

เฉียนเทียนหลงผู้นี้… ช่างแกว่งเท้าหาเสี้ยนจริง ๆ!

เป็นธรรมดาที่หยวนเหิงกับไป๋เวิ่นฉิงไม่กังวลใจแทนซูอี้เลย เพราะตั้งแต่ผู้ฝึกปีศาจทั้งสองก้าวขึ้นเรือลำนี้มา ก็ถูกเหยียดหยามและดูถูกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในใจนั้นเต็มไปด้วยความเดือดดาล และแทบอยากเก็บเฉียนเทียนหลงผู้นี้ในทันที

“หากจะให้ผู้อื่นสั่งสอนเจ้า ก็ต้องปรับท่าให้ถูกต้อง อืม… คุกเข่าลงก่อนสิ”

ขณะที่ซูอี้เอ่ย เขาก็ยื่นมือกดลงไปในอากาศ

การโจมตีที่ธรรมดา ทว่ามีกลุ่มพลังที่มองไม่เห็น ประหนึ่งภูเขาศักดิ์สิทธิ์กดทับลงมา

ตูม!

ห่างไปสามจั้ง ร่างเฉียนเทียนหลงพลันแข็งทื่อ การขับเคลื่อนลมปราณทั่วร่างเขาคำรามทันที พลังพุ่งสูงขึ้นจนถึงขีดสุด สองมือยกขึ้นราวกับแบกกระถางสำริดสามขา

แค่เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น ทุกคนก็สังเกตเห็นว่า ใบหน้าเฉียนเทียนหลงแดงก่ำ หน้าผากเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือดปูดโปน คล้ายกับมิอาจทนได้ และกระดูกภายในร่างเกิดเสียงควบแน่นราวกับเสียงผัดถั่ว

โครม!

จากนั้น โต๊ะที่อยู่ด้านหน้าเฉียนเทียนหลงก็แตกออก จอกสุราและจานเล็กต่างแตกเป็นผุยผง

ที่ข้างใต้เท้าของเขา พลังค่ายกลต้องห้ามที่ปกคลุมอยู่บนพื้นพลันขับเคลื่อนทำงาน ก่อให้เกิดประกายไฟที่แสบตา ซึ่งคล้ายกับหักล้างพลังกดทับข้างใต้เท้าเฉียนเทียนหลง

ภาพนี้ ทำให้ม่านตาของฮั่วอวิ๋นเซิงและซุนเฟิงหดลงทันที

ทว่าไม่รอให้พวกเขาได้ตอบสนอง

ตุบ!!

ร่างเฉียนเทียนหลงล้มลงทันใด เข่าทั้งสองทุบลงบนพื้นอย่างรุนแรง ทำให้ทั้งตำหนักสั่นสะเทือนทันที

จานถ้วยที่อยู่บนโต๊ะด้านหน้าต่างส่งเสียงสั่นสะเทือน

ทั่วทั้งลานล้วนเงียบสงัด จนได้ยินเสียงเข็มหล่น

ด้วยฝ่ามือหนึ่ง ก็สามารถกดดันเฉียนเทียนหลงคุกเข่าลงพื้นได้!

ในยุคคนรุ่นใหม่แห่งต้าเซี่ย ศิษย์สายในวังเทพสวรรค์เมฆาผู้นี้ เรียกได้ว่าเป็นผู้ที่มีความฉลาดเป็นเลิศ และมากพอที่จะทำให้เหล่าผู้อาวุโสในโลกสามัญละอายใจ

แต่ ภายใต้ฝ่ามือนี้ เขากลับยืนหยัดไม่ถึงสามลมหายใจ และคุกเข่าลงในรอบร้อยปี!

เพราะไม่สามารถทนการโจมตีนี้ได้!

ซูอี้ดื่มสุราจากโต๊ะด้านหลังที่อยู่ไม่ไกล พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงธรรมดา “หากไม่พอใจก็ลุกขึ้นมา ถึงอย่างไรก็ไม่มีสิ่งใดทำอยู่แล้ว ข้าจะทำให้เจ้าคุกเข่าจนเลื่อมใสอย่างสุดหัวใจ”

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset