📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 431

บทที่ 431 - คนทวงหนี้
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ในไม่ช้า ผู้ฝึกตนทั้งหลายที่กำลังอยากเห็นชะตากรรมต่อไปของซูอี้ว่ามันจะน่าขบขันสักเพียงใด เริ่มสังเกตเห็นว่าสีหน้าของชายชราตาบอดนั้นไม่ถูกต้อง

ความลับใดกันที่ทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าที่ลึกลับที่สุดในเมืองผีแห่งนี้สีหน้าแปรเปลี่ยนได้?

ทว่าในเวลานี้เฒ่าบอดไม่รับรู้สิ่งใดที่เกิดขึ้นรอบตัวเลยทั้งสิ้น

หัวใจของเขาเต้นรัวราวกับกลองศึก เขาไม่สามารถสงบใจลงได้เลย

ในแผ่นหยกมีประโยคเดียว

‘เมื่อใดผู้สืบทอดโคมผีเก็บโลงศพจะมอบคืน ‘โลงศพหกวิถี’?”

เพียงประโยคเดียวนี้มันเปรียบได้ดั่งสายฟ้าฟาดผ่าลงกลางศีรษะของชายชราตาบอด

เฒ่าบอดจำคำสั่งสอนของบรรพบุรุษตนเองที่เคยเอ่ยไว้เมื่อนานมาแล้ว

เหล่าผู้สืบทอดโคมผีเก็บโลงศพยอมตายดีกว่าล่วงเกิน ‘คนทวงหนี้’ ผู้ซึ่งหลับใหลอาศัยอยู่ในโลงศพหกวิถี!

เป็นไปได้หรือไม่ว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเป็นทายาทของ ‘คนทวงหนี้’ ที่บรรพบุรุษของเขาเคยกล่าวถึง?

สวรรค์!

ผ่านไปกี่ปีแล้วทว่า ‘คนทวงหนี้’ ยังคงตามพวกเขาอยู่?

อย่างไรก็ตาม ถ้าชายหนุ่มคนนี้เป็นทายาทของ ‘คนทวงหนี้’ จริง เหตุใดอีกฝ่ายถึงมาปรากฏตัวที่นี่เวลานี้?

ยิ่งกว่านั้น การฝึกฝนของอีกฝ่ายยังอยู่เพียงขอบเขตไร้เบญจธัญเท่านั้น?

ความสงสัยมากมายถาโถมเข้ามาในจิตใจของชายชราตาบอดราวกับน้ำป่าหลาก

“ผู้อาวุโส ท่านเป็นอะไรอย่างนั้นหรือ?”

เมื่อเห็นว่าเฒ่าบอดนั้นเงียบไปนาน ชิงหยาเอ่ยทักอย่างนอบน้อม

ชายชราตาบอดสะดุ้งโหยงทันทีราวกับตื่นจากความฝัน และลุกขึ้นจากพื้นอย่างฉับพลันพลางจ้องมองที่ซูอี้ด้วยดวงตาอันมืดบอดของเขาเอง

จากนั้นภายใต้การจ้องมองที่ตะลึงงันของทุกคน ชายชราตาบอดตบหน้าตัวเองจนบังเกิดเสียงดังลั่นและเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงละอายอย่างสุดแสน “ชายชราตาบอดผู้นี้พูดจาหยาบคายทำให้คุณชายขุ่นเคือง ตบนี้ชายชราขอแสดงมันต่อโลกหล้าเพื่อเป็นการขอขมาต่อคุณชาย!”

ทั่วบริเวณเงียบในทันใด ทุกคนต่างตะลึง ความลับอะไรกันที่ชายหนุ่มผู้นี้บอกไปจนทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าที่ลึกลับที่สุดผู้นี้ไม่ลังเลเลยที่จะตบตัวเองในที่สาธารณะ?

หยวนเหิง และคนอื่น ๆ ต่างสูดหายใจเข้าลึก แม้ว่าพวกเขาจะเดาได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ว่าผลลัพธ์มันน่าจะกลายเป็นชายชราตาบอดเป็นผู้อับอายซะเอง แต่ทว่าพวกเขายังคงอดสงสัยไม่ได้ ความลับใดกันที่ซูอี้เผยออกไปและทำให้ชายชราตาบอดยอมศิโรราบได้ถึงเพียงนี้?

“ความลับนี้พอจะแลกเปลี่ยนโคมผีทั้งสี่ของเจ้าได้หรือไม่?” ซูอี้เอ่ยถาม

เฒ่าบอดไม่กล้าแสดงสีหน้าเย้ยหยันอีกต่อไป ใบหน้าเผยรอยยิ้มคล้ายดอกเบญจมาศ ศีรษะของเขาก้มลง มือของเขาประสานคำนับ และเอ่ยออกด้วยน้ำเสียงประจบประแจง “ย่อมเพียงพอ! ย่อมเพียงพอแน่นอน!”

ผู้ฝึกตนโดยรอบขณะนี้เริ่มได้สติกลับมาบ้างแล้ว พวกเขาต่างจ้องมองไปยังซูอี้อย่างเพ่งพินิจ

ความลับนั้นเปลี่ยนทัศนคติของชายชราตาบอดได้อย่างสิ้นเชิง สิ่งนี้ชี้ชัดได้ว่าที่มาของชายหนุ่มผู้นี้หาใช่ธรรมดาไม่!

ซูอี้ไม่สนใจสายตาผู้คนรอบข้าง เขาหยิบโคมผีอันที่สองจากทางซ้าย ยื่นให้ชิงหยาและกล่าวว่า “นี่สำหรับเจ้า”

ชิงหยาตอบรับอย่างมีความสุข “ขอบคุณพี่ชายซูอี้!”

นางตื่นเต้นจนรอไม่ไหวจึงแตะนิ้วที่ส่วนบนของโคมเพื่อสลายกรอบโคมให้กลายเป็นฝุ่นควัน ซึ่งจากนั้นในพริบตา โลงศพขนาดเล็กประจักษ์แก่สายตาของผู้คน

เมื่อเห็นว่าชิงหยากำลังจะเปิดผนึกของโลงขนาดเล็กในมือ หลิงอวิ๋นเหอรีบหยุดนางไว้และกล่าวว่า “สาวน้อย กลับไปก่อนแล้วจึงเปิดดูเถิด”

มีคนมากมายที่นี่ ผู้คนกำลังจับตามองอยู่!

ชิงหยาพ่นลมหายใจแต่ทว่ายังตกลงอย่างเชื่อฟัง และเก็บโลงศพไป

ผู้ฝึกตนที่อยู่ใกล้เคียงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีเทาอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “สหายเต๋า ก่อนหน้านี้เถาเจี้ยนถิงยังเปิดโลงศพที่นี่ให้พวกเราได้ประจักษ์เห็น มันควรแล้วหรือที่ท่านหยุดสตรีน้อยนางนี้ไม่ให้เปิดมันที่นี่?”

ได้ยินผู้อื่นพูดถึงตัวเองเช่นนี้ มุมปากของเถาเจี้ยนถิงกระตุกทันที ใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นสีคล้ำด้วยความโกรธ และเขาแทบรอไม่ไหวที่จะกระโจนเข้าไปตบหน้าชายผู้นี้เพื่อระบายอารมณ์ที่อัดแน่น!

พลั่ก!!

ในขณะที่เถาเจี้ยนถิงกำลังหงุดหงิดเต็มที่ ทันใดนั้นชายวัยกลางคนสวมชุดสีเทากลับถูกตบอย่างรุนแรงจนลอยละลิ่วกระเด็นออกไปไกลนับสิบฉื่อ

ทุกคนต่างสะดุ้งเพราะเป็นชายชราตาบอดที่เป็นผู้ลงมือ!

“สิ่งที่ข้าผู้ชราตาบอดรังเกียจที่สุดคือบุคคลผู้ซึ่งปากไม่มีหูรูดแบบเจ้า! ไสหัวไปให้พ้นหน้าข้าเสียก่อนที่ข้าจะปลิดชีวิตเจ้าทิ้ง!”

เฒ่าบอดตวาดเสียงดังลั่นพร้อมกับแผ่กลิ่นอายสังหารหนาแน่นจนผู้คนโดยรอบสั่นสะท้าน

จากนั้นอึดใจต่อมา ชายชราตาบอดเก็บกลิ่นอายสังหารของตนเองก่อนจะประสานมือคำนับให้ซูอี้ด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง “ขออภัยคุณชายด้วยกับกระทำอันหุนหันพลันแล่นของชายชราผู้น้อยคนนี้ ทว่าข้าเพียงแค่อดไม่ได้ที่เห็นตัวบัดซบล่วงเกินคุณชายจนต้องสั่งสอนบทเรียนให้แก่มันเสียบ้าง”

สีหน้าของชายชราตาบอดเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและการแสดงออกที่ดูประจบประแจงนี้ ทำให้หยวนเหิงซึ่งเป็นคนรับใช้ของซูอี้อดไม่ได้ที่จะรู้สึกละอายใจ

ซูอี้ยิ้มพลางกล่าวว่า “เจ้ากังวลว่าข้าจะทวงหนี้จากเจ้างั้นหรือ?”

เมื่อได้ยินคำว่า ‘ทวงหนี้’ กล้ามเนื้อทั้งร่างของชายชราตาบอดก็อ่อนเปลี้ยไร้เรี่ยวแรง ริมฝีปากของเขาสั่นและสีหน้าดูตกใจอย่างรุนแรง

ไม่ต้องสงสัยเลย สิ่งที่น่ากลัวและน่ากังวลที่สุดสำหรับเหล่าผู้คนเชื้อสายโคมผีเก็บโลงศพคือการเผชิญหน้ากับ ‘คนทวงหนี้’

ซูอี้กล่าวต่ออีก “ข้าไม่ต้องการโคมผีอีกสามที่เหลือของเจ้า แต่เจ้าต้องมากับข้า ไม่ต้องกังวล คราวนี้ข้าจะยังไม่ทวงหนี้ ข้าเพียงแค่อยากจะถามคำถามบางอย่างกับเจ้าเพียงเท่านั้น”

เมื่อได้ยินว่าคราวนี้ยังไม่ใช่การทวงหนี้ ชายชราตาบอดถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที เขายิ้มกว้างแล้วพูดอย่างนอบน้อม “ชายชราผู้นี้ยินดีทำตามที่คุณชายประสงค์ทุกประการ”

“เช่นนั้นตามข้ามา”

ซูอี้เอามือไพล่หลังแล้วหันหลังกลับก่อนจะเดินห่างออกไป

หากครั้งนี้ไม่ได้พบชายชราตาบอด เขาคงไม่เสียเวลากับตลาดผีแห่งนี้นานขนาดนี้ ช่วยไม่ได้หลังจากที่มองสำรวจดูแล้วสมบัติที่เร่ขายอยู่ที่นี่มีไม่มากนัก

ชายชราตาบอดแผงขายของของตัวเองและโคมผี แล้วตามซูอี้ไปอย่างเชื่อฟัง

หยวนเหิง หลิงอวิ๋นเหอ และคนอื่น ๆ ในคณะของซูอี้ตามไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อมองดูพวกเขาจากไป เหล่าผู้ฝึกตนสีหน้าแปรเปลี่ยน แม้ว่าพวกเขาจะอยากรู้ตัวตนของซูอี้อย่างมาก แต่ก็ไม่มีใครกล้าไล่ตาม

ตราบใดที่เฒ่าบอดยังอยู่ข้างกายซูอี้ ผู้ใดเลยจะกล้าเข้าทำสิ่งใดบุ่มบ่ามหากไม่ได้เบื่อชีวิตแล้ว?

“ซูอี้? คนผู้นี้เป็นใครกัน? เหตุใดข้าไม่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามนี้มาก่อนในแคว้นเทียนหนาน?”

ใครบางคนพึมพำโนlวลกูดoทคอม

“บางทีคนผู้นี้อาจไม่ใช่คนของแคว้นเทียนหนาน”

“ชายชราตาบอดนั้นมีชื่อเสียงโด่งดังไม่เป็นรองผู้ใดในตลาดผี ใครบ้างไม่รู้ว่าชายชราผู้นี้ลึกลับและน่ากลัวเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าซูอี้ ชายชราตาบอดผู้นั้นกลับกลายเป็นเชื่อฟังราวกับเป็นข้ารับใช้เก่าแก่มาตั้งชาติปางก่อน? หรือชายหนุ่มผู้นั้นน่ากลัวอย่างร้ายแรงแท้จริง…”

ใครบางคนถอนหายใจ

“ยังจะแคลงใจอีกหรือ? นี่มันเห็นชัดเจนกันอยู่แล้วว่าชายหนุ่มที่ชื่อซูอี้นั้นน่ากลัวกว่าที่เราคิดไว้มาก!”

ใครบางคนแสดงสีหน้าซับซ้อน

“อนิจจา โลกหล้าปัจจุบันไม่เอื้ออำนวยต่อพวกเราผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดาที่เปรียบได้ดั่งแค่เป็นหินรองพื้นให้เหยียบผ่าน ทั้งเหล่าอัจฉริยะที่สืบทอดสายเลือดเต๋าโบราณและยังมีบรรดาอสูรที่มีต้นกำเนิดลึกลับอยู่ด้วย… เทียบกับพวกดังกล่าวแล้วความแตกต่างนั้นราวฟ้ากับเหว มันไม่ต่างเลยกับแสงหิ่งห้อยและแสงอาทิตย์หรือจันทรา…”

ใครบางคนถอนหายใจ รู้สึกหดหู่

“อย่าท้อแท้ เมื่อปรากฏการณ์แสงสว่างแห่งโลกหล้ามาถึง ผู้ฝึกตนทุกคนในโลกจะมีโอกาสเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของตัวเองเฉกเช่นเดียวกัน!”

บางคนให้กำลังใจตนเองและผู้อื่น

“ซูอี้ ถ้าข้ามีโอกาสในอนาคต ข้าต้องรู้ให้ได้ว่าต้นกำเนิดของเจ้ามาจากไหน!”

เถาเจี้ยนถิงเอ่ยกับตัวเองอย่างลับ ๆ

หลังจากวันนี้ไป ผู้ฝึกตนในแคว้นเทียนหนานต่างล้วนจำนามของซูอี้ได้!

เมื่อออกมาจากเมืองผี

ซูอี้และพรรคพวกของเขานำโดยหลิงอวิ๋นเหอได้เดินทางไปที่เมืองซานอิ่นเพื่อแวะพักในเรือนขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง

ตามคำกล่าวของหลิงอวิ๋นเหอ เมื่อไม่กี่ปีก่อนเขาเดินทางมาที่เมืองซานอิ่นและซื้อเรือนหลังนี้เก็บเอาไว้ซึ่งเขายังไม่เคยได้ใช้มาจนถึงปัจจุบัน

ตอนนี้มันเป็นเพียงสถานที่แวะพักผ่อน

เรือนแห่งนี้มีทางเข้าสามทาง ทางออกสามทาง มีศาลากลางสวน ศาลากลางสระน้ำ สวนสมุนไพรวิญญาณ แม้จะไม่ได้ถูกใช้งานมาหลายปีแล้ว แต่เห็นได้ชัดเจนว่ามีคนคอยดูแลที่นี่อยู่เรื่อย ๆ มันจึงยังคงดูสวยงามและสะอาดน่าอยู่

ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปซูอี้กล่าวว่า “ข้าต้องการคุยกับชายชราตาบอดคนเดียว”

หลังจากพูดจบเขาพาเฒ่าบอดเข้าไปในห้องส่วนตัว

เมื่อคนอื่น ๆ เห็นเช่นนี้ ทุกคนพักคอยอยู่ที่ห้องโถงใหญ่

หยวนเหิงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยว่า “ท่านชิงหยา ท่านลองเปิดโลงศพนั้นดูดีหรือไม่ว่ามันเป็นสมบัติแบบใดซ่อนอยู่?”

ไป๋เวิ่นฉิงมองมาอย่างสนใจเช่นกัน

ชิงหยายิ้มก่อนจะนำโลงศพขนาดเท่าฝ่ามือออกมา นางปลดผนึกออกแล้วผลักเปิดฝาโลงศพ ทันใดนั้นแสงสีฟ้าสว่างจ้าปรากฏขึ้นอาบฉายไปทั่วทั้งห้อง

ทุกคนอดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง เมื่อมองใกล้ ๆ ข้างในโลงศพมีสร้อยข้อมือหยก หยกนั้นเป็นสีฟ้าและถูกขัดจนเงาคล้ายดั่งผลึกแก้วอันไร้ที่ติอีกทั้งยังแผ่ปราณวิญญาณซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกสบายตัวยิ่ง

“นี่คือสมบัติวิเศษที่สร้างโดย ‘หยกเย็นมรกต’!”

หยวนเหิงประหลาดใจ ดวงตาของเขาเหยียดตรง

หยกเย็นมรกต!

นี่เป็นวัตถุวิญญาณชั้นเลิศซึ่งเกิดขึ้นจากพลังแห่งสวรรค์และโลก ตามปกติแล้วไม่มีทางที่ผู้ฝึกตนวิถีต้นกำเนิดจะมีมันในครอบครอง อย่างน้อย ๆ ต้องเป็นผู้ฝึกตนวิถีวิญญาณแล้วจึงจะมีคุณสมบัติหามันมาใช้งาน

“ไม่คาดคิดเลยว่าแม่นางชิงหยาจะโชคดีเช่นนี้”

หยวนเหิงและไป๋เวิ่นฉิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย โคมผีทั้งห้าของชายตาบอดไม่มีทางมีสมบัติล้ำค่าซ่อนอยู่ทั้งหมด

เช่นเดียวกับเถาเจี้ยนถิงผู้ซึ่งแลกเปลี่ยนมาได้แค่ผมหยิกมัดหนึ่ง และกลายเป็นตัวตลกในสายตาของทุกคน

ชิงหยาหยิบสร้อยข้อมือหยกขึ้นมาอย่างมีความสุขก่อนจะสวมมันที่ข้อมือของนางแล้วพูดอย่างร่าเริงว่า “เมื่อข้าแลเห็นโคมผีนั้น ข้าสัมผัสได้ถึงรัศมีวิญญาณที่อธิบายไม่ได้ ดังนั้นข้าจึงขอให้พี่ชายซูอี้ช่วยข้าได้โคมมา เอ่อ… เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ข้าคงต้องขอบคุณพี่ชายซูอี้เพราะหากไม่มีเขาแล้ว ข้าเกรงว่าสมบัตินี้คงไม่มีทางตกอยู่ในมือข้า”

หลิงอวิ๋นเหอพยักหน้าและพูดว่า “นั่นคือสิ่งที่สมควร บุญคุณยิ่งใหญ่เช่นนี้ต้องจารึกไว้ในใจตราบวันที่สิ้นลมหายใจ”

“ใช่!”

ชิงหยาพยักหน้าอย่างหนักแน่นก่อนมองดูกำไลหยกที่ข้อมืออย่างมีความสุข “รอให้พี่ชายซูอี้เสร็จธุระเสียก่อน ข้าจะตอบแทนเขาด้วยสมบัติล้ำค่าของข้าบ้าง!”

ขณะที่นางพูดอย่างนั้น หลิงอวิ๋นเหอก็สังเกตเห็นบางอย่างในทันใด และรีบยันต์ลับออกจากแขนเสื้อของเขา

ยันต์ลับสั่นเล็กน้อย

หลิงอวิ๋นเหอบีบยันต์ลับเบา ๆ จากนั้นตัวยันต์เปล่งแสงสีทองพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าในความเร็วยิ่งยวด

ไม่นานหลังจากนั้น นกสีขาวราวกับหิมะบินออกจากเมฆพร้อมกับจดหมายปิดผนึกในจงอยปากสีแดงของมัน

หลังจากที่หลิงอวิ๋นเหอรับจดหมาย นกสีขาวตัวนั้นบินหายไป

“อาจารย์ นกหิมะขาวหาเราพบได้อย่างไร?”

ชิงหยาถามอย่างสงสัย

หลิงอวิ๋นเหอตอบกลับ “ยามที่เราออกมา ข้าได้ติดต่ออาจารย์อาของเจ้าและตกลงที่จะพบกันที่เมืองซานอิ่นแห่งนี้ จดหมายนี้ถูกส่งมาโดยอาจารย์อาของเจ้า”

เมื่อพูดจบ หลิงอวิ๋นเหอได้เปิดจดหมาย

หลังจากอ่านแล้ว ความปิติปรากฏขึ้นที่หว่างคิ้วของเขาและกล่าวว่า “ชิงหยา ภายในครึ่งชั่วยามอาจารย์อาของเจ้าจะมาหาเรา”

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset