📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 399

บทที่ 399 - ตัวตลกออกมาสร้างความอับอายให้ตัวเอง
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ชายในเสื้อคลุมสีดำสวมมงกุฎขนนก เพียงมองแวบแรกก็ทราบว่าเขาต้องอยู่ในตำแหน่งที่สูงมาเป็นเวลานาน และพลังของเขาต้องไม่ธรรมดา

อาจารย์อวิ๋นหลางกล่าวอย่างไม่คาดฝัน “เจ้าสำนัก ท่านมาถึงเมื่อใดกัน?”

ชายผู้สวมมงกุฎขนนกในชุดคลุมสีดำแสดงความละอายและถอนหายใจ “ตั้งแต่ที่ข้ารู้เรื่องที่ยัยหนูลั่วอวี่นี่ทำลงไปในงานเลี้ยงยามค่ำที่หมู่บ้านเทียนสุ่ยเมื่อไม่กี่วันก่อน ข้าก็ไม่สามารถทนนั่งเฉย ๆ ได้อีกต่อไป ข้าจึงออกเดินทางมาที่นี่และเฝ้ารอเพื่อพบกับอาจารย์ลุงของข้าเพื่อสะสางความเข้าใจผิด”

ชิวเทียนฉื่อ

เจ้าสำนักดาบจรัสฟ้าจบแดน พลังฝึกตนอยู่ในขอบเขตไร้เบญจธัญขั้นสมบูรณ์ และเป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรต้าฉิน

ในเวลาเดียวกัน เขายังเป็นอาจารย์ของซางลั่วอวี่อีกด้วย

เมื่อพูดถึงซางลั่วอวี่ ทั้งอาจารย์อวิ๋นหลางกับหลานซัวต่างมีสายตาแปลกประหลาด

“เรื่องนี้ได้ผ่านไปแล้ว ท่านไม่ต้องคิดมากไป”

สีหน้าของอาจารย์อวิ๋นหลางดูค่อนข้างระมัดระวัง

ชิวเทียนฉื่อพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “เมื่อยัยหนูลั่วอวี่นั่นกลับออกมาข้าจะให้นางขอโทษกับอาจารย์ลุงด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตาม นาง… ไม่ได้กลับมาพร้อมเจ้าหรือ?”

หลานซัวกล่าวอย่างแข็งทื่อ “ย้อนกลับไปในตอนนั้น ซางลั่วอวี่ดูถูกอาจารย์กับข้า และเข้าไปในซากปรักหักพังของหอเซียนดาบพร้อมกับพวกฉินต่งซวี จึงไม่มีใครบอกได้ว่านางจะสามารถกลับออกมาได้หรือไม่”

ชิวเทียนฉื่อตกใจ ก่อนยิ้มออกมาอย่างขมขื่น

เขารู้มาก่อนหน้านี้แล้วว่าเนื่องจากอาจารย์อวิ๋นหลางไม่เต็มใจที่จะร่วมมือกับฉินต่งซวีและคนอื่น ๆ ในการจัดการกับซูอี้ พวกเขาจึงได้ขัดแย้งกับซางลั่วอวี่

นอกจากนี้ เมื่อหลานซัวกับซางลั่วอวี่อยู่ในสำนัก พวกนางเข้ากันไม่ได้และมักจะต่อสู้กันอย่างเปิดเผยและลับ ๆ

“ครั้งนี้เป็นลั่วอวี่ที่ทำเกินไปจริง ๆ”

ชิวเทียนฉื่อกล่าวพลางเหลือบมองที่ซูอี้ “สหายตัวน้อยผู้นี้คือใครกัน?”

อาจารย์อวิ๋นหลางไม่ได้ตั้งใจจะแนะนำตัวตนของซูอี้ แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ชัดเจนว่าไม่สามารถปกปิดได้อีก

เขาพูดทันทีว่า “นี่คือสหายเต๋าซู ซูอี้ อัครมหาเสนาบดีแห่งต้าโจว”

ซูอี้!

สีหน้าของชิวเทียนฉื่อและผู้อาวุโสของสำนักดาบจรัสฟ้าจบแดนเปลี่ยนไปเล็กน้อย พวกเขาอดที่จะมองไปที่ซูอี้มากขึ้นไม่ได้

ชายหนุ่มผู้เติบโตขึ้นในต้าโจวคนนี้เป็นดังตำนาน… ชื่อเสียงของเขาโด่งดังไปทั่วโลก!

ชิวเทียนฉื่อและคนอื่น ๆ ต่างไม่ได้คาดหวังว่าจะได้พบกันในเวลานี้

เมื่อคิดถึงว่าฉินต่งซวี เฉิงเจิน กู้ชิงโตว และผู้ฝึกตนระดับสูงคนอื่น ๆ ในต้าฉินต่างรวมกำลังกันเพื่อจัดการกับซูอี้ ทว่าซูอี้ได้กลับมาจากทะเลวิญญาณโกลาหลทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ ชิวเทียนฉื่อจึงอดสงสัยไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น?

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะเข้าใจ อาจารย์อวิ๋นหลางกล่าวว่า “เจ้าสำนัก พวกเราวางแผนที่จะไปดื่มกับสหายเต๋าซูที่เมือง…”

ชิวเทียนฉื่อยิ้มและกล่าวว่า “ที่นี่ไม่เหมาะสำหรับพูดคุยจริง ๆ ถ้าอย่างนั้นเราไปที่นั่นด้วยกันเถิด”

อาจารย์อวิ๋นหลางลอบขมวดคิ้ว ตระหนักว่าชิวเทียนฉื่อรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง อาจารย์อวิ๋นหลางก็พยักหน้าเห็นด้วย “ตกลง”

ตั้งแต่ต้นจนจบ ซูอี้เป็นเสมือนคนนอกที่เฝ้ามองด้วยสายตาที่เย็นชาและไม่เคยพูดจาใด ๆ

เขาเห็นอย่างชัดเจนว่าอาจารย์อวิ๋นหลางกำลังกระอักกระอ่วนอย่างยิ่ง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้บอกชิวเทียนฉื่อกับคนอื่น ๆ ไปตามตรงว่าเกิดอะไรขึ้นในทะเลวิญญาณโกลาหล

ดูเหมือนว่า… พวกเขาจะกังวลว่าชิวเทียนฉื่อ และคนอื่น ๆ จะพบความจริง และจะไม่สามารถทนรับการโจมตีจากเรื่องดังกล่าวได้ ซึ่งจะทำให้อารมณ์ของพวกเขาหลุดการควบคุม

ทว่า เห็นได้ชัดชิวเทียนฉื่อพบพิรุธเข้าแล้ว

สำหรับเรื่องเช่นนี้ ซูอี้คร้านเกินกว่าจะใส่ใจ

ตอนนี้เขาแค่ต้องการดื่ม ส่วนเรื่องอื่น ๆ ก็เหมือนกับเมฆที่ลอยอยู่ซึ่งไม่ควรค่าแก่การใส่ใจ

ดูเหมือนทุกเมืองจะต้องมีร้านอาหารที่ตั้งชื่อตามชื่อเมืองอยู่

เช่นเดียวกับร้านอาหารตงฝู ในเมืองตงฝู

ร้านอาหารมีสามชั้นและตั้งอยู่ในส่วนที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดของเมือง ลูกค้าที่เข้ามาหากไม่ร่ำรวยก็ต้องมีเงิน

บางทีอาจเป็นเพราะอยู่ใกล้กับทะเลตะวันออก อาหารส่วนใหญ่ที่ปรุงโดยร้านอาหารตงฝูจึงเป็นอาหารทะเล ซึ่งมีรสชาติเลิศรส

บนชั้นสาม ซูอี้และพวกนั่งลงได้ไม่นาน อาหารทุกประเภทก็ถูกนำมาจัดวางต่อหน้าพวกเขาอย่างรวดเร็ว

ซูอี้กำลังดื่มและชิมอาหารทะเลทุกชนิด ร่างกายของเขาผ่อนคลายลงอย่างมาก

ในช่วงเจ็ดวัน ทั้งก่อนและหลังการเดินทางไปยังทะเลวิญญาณโกลาหล แม้จะไม่มีอันตรายมากนัก แต่เขาก็แทบไม่มีเวลาพักผ่อนหย่อนใจเลย

เวลานี้ การได้ลิ้มรสอาหารและสุรารสเลิศ ฟังเสียงที่มีชีวิตชีวาจากถนนนอกหน้าต่าง และสัมผัสกับกลิ่นอายโลกสามัญ ร่างกายและจิตใจของซูอี้จึงค่อยผ่อนคลายอย่างสมบูรณ์

เช่นเดียวกับเมื่อก่อน ยามที่เขาไม่ได้ฝึกฝน เขามักจะเกียจคร้านและต้องการเพียงแค่เพลิดเพลินไปกับการผ่อนคลายอย่างสงบ โดยไม่สนใจความเร่งรีบและความวุ่นวายของปัญหาทางโลก

อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับความผ่อนคลายของซูอี้ ทุกคนในห้องต่างตกอยู่ในห้วงคิดของตัวเอง และบรรยากาศด้านในก็ดูจืดชืดเล็กน้อย

หลังจากดื่มไปสามรอบ ชิวเทียนฉื่อก็ไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป เขาทำลายความเงียบโดยการโพล่งขึ้นว่า “อาจารย์ลุง ครั้งนี้ในทะเลวิญญาณโกลาหลมีเหตุร้ายมากมายเกิดขึ้นใช่หรือไม่?”

อาจารย์อวิ๋นหลางถอนหายใจ กระดาษไม่อาจห่อไฟเช่นไร สิ่งที่ควรมาก็ยังต้องมาอยู่ดี

เขาแอบเหลือบมองที่ซูอี้โดยไม่ให้ใครรู้ เมื่อเห็นฝ่ายหลังเอาแต่ดื่มและเพลิดเพลินกับตัวเองโดยไม่เอ่ยคัดค้านใด ๆ เขาก็กล่าวขึ้น

“ไม่ผิด แต่ก่อนที่จะพูดถึงเหตุการณ์เหล่านี้ ข้าหวังว่าเจ้าสำนักจะเตรียมใจยอมรับผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้น”

ม่านตาของชิวเทียนฉื่อพลันหดลง และความรู้สึกไม่สบายใจในอกของเขาก็รุนแรงขึ้น เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ พยักหน้าพลางพูดว่า “ในเมื่อพวกเรากำลังมองหาโอกาสย่อมต้องมีอุบัติเหตุและเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น โปรดพูดมาตรง ๆ เถอะ”

อาจารย์อวิ๋นหลางไม่ปิดบังอีกต่อไป เขาบอกกล่าวตามตรงว่า “ฉินต่งซวี เฉิงเจิ้น กู้ชิงโตว โหยวฉางคง… พวกเขาตายกันหมดแล้ว”

แม้ว่าพวกเขาจะเตรียมใจไว้แล้ว เมื่อได้ยินข่าวเช่นนี้ ชิวเทียนฉื่อและคนอื่น ๆ ก็ยังต้องสูดหายใจเข้าลึกอย่างตกใจ ซึ่งสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง

ตัวตนชั้นนำเหล่านี้สามารถกล่าวได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้ทรงพลังแถวหน้าในโลกการฝึกฝนของต้าฉิน ใครจะกล้าเชื่อว่าพวกเขาถูกกำจัดออกไปจนหมดสิ้น?

ชิวเทียนฉื่อฝืนความไม่สบายใจในหัวใจของเขาและเอ่ยขึ้น “ยัยหนูลั่วอวี่นั่นไม่ควร…”

“ไม่ผิด นางเองก็ตกตายแล้วเช่นกัน”

น้ำเสียงของอาจารย์อวิ๋นหลางสงบนัก

มือของชิวเทียนฉื่อสั่นเล็กน้อย ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีซีดเผือดพลางถาม “เป็นไปได้อย่างไรกัน ใครเป็นคนฆ่าพวกเขา?”

ผู้อาวุโสอีกสามคนเองก็ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้ พวกเขาทั้งหมดต่างมีสีหน้าโกรธแค้น

บรรยากาศในห้องโถงดิ่งลงจนทำให้ผู้คนหายใจไม่ออก

หลานซัวเหลือบมองไปที่ซูอี้ และเห็นว่าฝ่ายหลังดูเหมือนจะไม่รับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ เขายังคงดื่มกับตัวเองอย่างมีความสุขเกินบรรยาย

นี่ทำให้หลานซัวลอบถอนใจ ชายผู้นี้… ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนี้มาโดยตลอด แม้แผ่นดินจะถล่มอยู่ข้างหน้า สีหน้าของเขาก็จะไม่เปลี่ยนแปลง

ในสายตาของเขา ดูเหมือนจะไม่มีสิ่งใดส่งผลต่ออารมณ์ของเขาได้

ทำตามใจอย่างไร้กังวล

“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับผู้สิงสถิตนามฉู่ซิว”

ระหว่างทางกลับ อาจารย์อวิ๋นหลางได้ทราบเรื่องราวทั้งหมดจากปากของซูอี้

เมื่อพวกเขารู้ว่าเนี่ยสิงคงและฉินฝูเป็นผู้สิงสถิต อีกทั้งคนพวกนั้นยังร่วมมือกับฉู่ซิวในการขุดหลุมฉินต่งซวีกับคนอื่น ๆ พวกชิวเทียนฉื่อจึงต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริด

ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีการสมคบคิดอยู่เบื้องหลังปฏิบัติการณ์เพื่อค้นหาโชคลาภ!

จนกระทั่งได้ยินว่าภายใต้การบังคับของฉู่ซิว ฉินต่งซวีและคนอื่น ๆ ได้เลือกที่จะก้มศีรษะยอมจำนน สีหน้าพวกชิวเทียนฉื่อก็เคร่งขรึมอย่างยิ่ง

“ในเมื่อพวกเขาเลือกจำนนกันแล้ว เหตุใดจึง… ตกตายกันหมดเล่า?”

ชิวเทียนฉื่ออดไม่ได้ที่จะถาม

อาจารย์อวิ๋นหลางเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “พวกเขาร่วมมือกับฉู่ซิวเพื่อจัดการกับสหายเต๋าซู แต่พวกเขาก็ถูกสหายเต๋าซูจัดการไป นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด”

ทันทีที่คำเหล่านี้หลุดออกมา ผู้ฟังก็เงียบไป

ชิวเทียนฉื่อ และคนอื่น ๆ ต่างก็ไม่เชื่อ เหตุใดผู้ฝึกฝนที่ทรงพลังมากมายรวมทั้งฉู่ซิวที่น่าสะพรึงยิ่งกว่าถึงได้ถูกสังหารลงโดยบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์เช่นซูอี้?

ข่าวดังกล่าวน่าตกใจอย่างยิ่ง ทำให้ชิวเทียนฉื่อและคนอื่น ๆ รู้สึกรับไม่ไหวและไม่สามารถฟื้นตัวได้เป็นเวลานาน

“หลี่ผู้นี้มีข้อสงสัยที่ต้องการถามสหายเต๋าซู”

ทันใดนั้นผู้อาวุโสนามหลี่ถูซิ่งก็มองไปที่ซูอี้

ซูอี้นั่งอยู่ที่นั่นอย่างเกียจคร้าน เท้าคางด้วยมือข้างหนึ่ง พลางใช้อีกข้างหยิบจอกสุราขึ้นมา และพูดอย่างสบาย ๆ ว่า “ว่ามา”

ดวงตาของหลี่ถูซิ่งดุจสายฟ้าฟาด เขาพูดอย่างเคร่งขรึม “ในเมื่อเจ้ารู้ว่าพวกฉินต่งซวีถูกบังคับให้เข้าร่วมกองกำลังกับฉู่ซิว เหตุใดจึงไม่เปิดประตูปล่อยให้พวกเขามีชีวิตรอดกัน?”

ซูอี้ตะลึง เขามองไปแล้วถามด้วยรอยยิ้มว่า “ข้ามีคำถามเช่นกัน เจ้าทราบถึงเหตุผลที่ฉินต่งซวีและคนอื่น ๆ รวมกองกำลังว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อจัดการกับซูผู้นี้ เหตุใดเจ้าถึงยังถามคำถามโง่ ๆ เช่นนี้อีก?”

อาจารย์อวิ๋นหลางแค่นเสียงเย็น “เป็นที่เข้าใจได้ที่จะรู้สึกสับสนหลังจากได้ยินข่าวร้ายดังกล่าว แต่แยกแยะเหตุผลของเรื่องราวไม่ได้ แล้วพลั้งเปิดปากพูดเช่นนี้นั้นไร้หัวคิดเกินไป!”

แก้มของหลี่ถูซิ่งแดงขึ้นทันที เขาพูดไม่ออกอีกต่อไป

“ศิษย์น้องหลี่ เจ้าทำเกินไปแล้ว” ชิวเทียนฉื่อโบกมือ “ถ้าเรื่องนี้เป็นอย่างที่อาจารย์ลุงของข้ากล่าว ก็ไม่น่าแปลกใจที่สหายเต๋าซูจะลงมือ แม้ว่าลั่วอวี่จะถูกฆ่าก็เป็นความผิดของนางเอง!”

สุดท้ายก็เป็นหัวใจของเขาที่ปวดร้าว

ซางลั่วอวี่เป็นลูกศิษย์ที่เขาโปรดปราน ทั้งมีพรสวรรค์ยอดเยี่ยม และนางยังเป็นตำนานรุ่นเยาว์ของต้าฉินอีก เขาจึงตั้งความหวังกับนางไว้สูง

แต่ตอนนี้นางได้ตกตายลง เขาในฐานะอาจารย์จะไม่รู้สึกเสียใจได้อย่างไร?

หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง ชิวเทียนฉื่อก็สูดหายใจเข้าลึกแล้วมองไปที่ซูอี้พลางกล่าวว่า “สหายเต๋าซู เช่นนั้นดาบโบราณเทียนเซี่ยเองก็ตกไปอยู่ในมือของสหายเต๋าด้วยถูกหรือไม่?”

ซูอี้พยักหน้า “ถูกต้อง”

ชิวเทียนฉื่อกล่าวว่า “ดาบนี้เป็นสมบัติของสำนักดาบจรัสฟ้าจบแดนของข้า และข้าอยากจะขอให้สหายเต๋าคืนมันให้กับเจ้าของเดิม”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา อาจารย์อวิ๋นหลางและหลานซัวต่างก็ประหม่า

ก่อนเห็นซูอี้พลิกนิ้วและฝ่ามือ ด้วยเสียงกระทบกัน ดาบโบราณเทียนเซี่ยก็พุ่งออกไปโฉบอยู่ข้างหน้าซูอี้

“ตราบเท่าที่เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถเอามันไปได้ก็มาหยิบมันไป”

ซูอี้มองที่ชิวเทียนฉื่อและคนอื่น ๆ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ

จู่ ๆ บรรยากาศก็มืดมน

สีหน้าของชายชราผมขาวที่สวมชุดสีทองซีดลง “สหายเต๋าซู เจ้าหมายความว่าอย่างไร? เจ้าตั้งใจที่จะขโมยสมบัติของสำนักดาบจรัสฟ้าจบแดนของข้าไปครอบครองไว้เองอย่างนั้นหรือ?”

ซูอี้เหลือบมองชายคนนั้นและกล่าวว่า “ข้าให้พวกเจ้าทุกคนหยิบดาบไม่ได้ให้เจ้าพูดเรื่องไร้สาระ ถ้าเจ้ากล้าพูดเรื่องไร้สาระอีก ข้าจะฆ่าเจ้าซะ”

เมื่อถูกตำหนิเช่นนี้ ชายชราผมขาวที่สวมชุดสีทองก็มีโทสะ เขาลุกขึ้นและกล่าวว่า “ก็แค่หยิบดาบ ข้าทำเอง!”

พูดจบเขาก็ก้าวไปข้างหน้าและเอื้อมมือออกไปคว้าด้ามดาบโบราณเทียนเซี่ย

ฮึ่ม!

เห็นเช่นนี้ร่างขนาดใหญ่ของดาบโบราณเทียนเซี่ยพลันส่งเสียงสูงกังวานอันน่าตะลึงออกมา ก่อนแสงดาบอันไร้เทียมทานและครอบงำจะระเบิดพลังออกมาในทันใด

ตูม!

ด้วยเสียงทึบดังขึ้น ชายชราผมขาวในชุดสีทองก็กระเด็นออกและโซเซถอยไปข้างหลัง ก่อนล้มลงก้นจ้ำเบ้า นิ้วมือราวถูกฟ้าผ่า และแขนขวาของเขาก็เจ็บปวดอย่างรุนแรง

ทุกคนตะลึงและมองหน้ากันอย่างตกใจ

ซูอี้นั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะลำพัง ดื่มสุราไปจอกหนึ่ง แล้วส่ายหัวพลางหัวเราะ

ดังเห็นตัวตลกออกมาสร้างความอับอายให้ตัวเอง!

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset