📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 391

บทที่ 391 - มองเป็นเหยื่อ
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

เหตุการณ์ที่เกินความคาดหมายของฮวาซิ่นเฟิงพลันเกิดขึ้น…

ฉับพลัน ซูอี้ส่งเสียงฮึ

พลังดุเดือดเผาผลาญในตัวของซูอี้ ขณะนี้ถดถอยลงไปราวกับน้ำลงที่ลดระดับอย่างฮวบฮาบ

อย่างรวดเร็ว พลังในตัวของเขาก็เงียบสงบลง

“นี่…”

ฮวาซิ่นเฟิงตะลึงนิ่ง บรรลุขอบเขตล้มเหลวเช่นนั้นหรือ!?

บนแท่นหยกเก้าชั้น

ซูอี้นั่งขัดสมาธิด้วยสีหน้าพลันมืดพลันสว่าง

การบรรลุขอบเขตเมื่อก่อนหน้าเป็นไปด้วยความราบรื่น ทว่าขณะที่เขาก้าวเข้าสู่ขอบเขตไร้เบญจธัญ กลับพบว่า… ด้วยพื้นฐานและรากฐานมหาวิถีอันยิ่งใหญ่ไม่มีสิ่งใดเทียมเทียบของเขา จำต้องสกัดเมล็ดพันธุ์ปฐมญาณภายในตันเถียน แต่กลับไม่อาจสามารถทำได้

เปรียบดุจแม่น้ำสายใหญ่ ที่ไม่อาจข้ามผ่านไปได้

“ช่วงเวลาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ในแผ่นดินแห่งเก้ามหาแดนดินไม่เคยมีใครคนใดสามารถสกัดเมล็ดพันธุ์วิถีอันแข็งแกร่งได้ในขอบเขตนี้ ทว่าในดินแดนมืดมิดกลับมีบันทึกเกี่ยวกับความลับของเมล็ดพันธุ์วิถีอันแข็งแกร่ง”

“จากที่ข้าศึกษาและสันนิษฐานเกี่ยวกับขอบเขตนี้ในอดีตชาติ อาศัยพื้นฐานมหาวิถีที่ข้ามีในตอนนี้ เมื่อมีโอกาสทำได้ถึงขั้นนี้แล้ว แต่กลับขาดไปอีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น ที่แท้แล้วเพราะเหตุอันใดกันแน่?”

“เป็นเพราะขาดโอกาสเหมาะสม? หรือว่า จะต้องเผชิญพิบัติต้องห้ามนั้น และทลายมันลง จึงจะสามารถสร้างเมล็ดพันธุ์วิถีอันแข็งแกร่งได้เช่นนั้นหรือ?”

ซูอี้ครุ่นคิด

เขาคาดคะเนได้คร่าว ๆ ว่าจะสร้างเมล็ดพันธุ์วิถีอันแข็งแกร่ง ไม่อาจอาศัยเพียงการตรากตรำฝึกฝนไม่ได้ จะต้องรอพิบัติต้องห้าม และเอาชนะมันให้ได้!

หลังจากเงียบไปนาน

ซูอี้จึงพ่นลมหายใจทางปากยาว ๆ แล้วลุกขึ้นยืน

“คุณชายซู… ไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”

ฮวาซิ่นเฟิงเดินเข้ามาหาพลางถามด้วยความเป็นห่วง

“เจ้าเห็นว่าข้าไม่สบายเช่นนั้นหรือ?” ซูอี้ตอบแบบใจลอย

ฮวาซิ่นเฟิงกล่าวปลอบใจ “เฮ้อ อย่าได้ท้อแท้ใจไป ตามที่ข้าดู เป็นเพราะรากฐานมหาวิถีของคุณชายแข็งแกร่งเกินไป จึงพบกับอุปสรรคเวลาที่บรรลุขอบเขต แตกต่างไปจากคนระดับเดียวกัน ถึงแม้ครั้งนี้จะล้มเหลว แต่ข้าก็มั่นใจว่า วันข้างหน้าคุณชายจะต้องสามารถก้าวสู่ขอบเขตไร้เบญจธัญได้เป็นแน่!”

ซูอี้ตอบด้วยความรู้สึกขัน “เจ้ามองจากตรงไหนจึงเห็นว่าข้าล้มเหลว?”

ล้อเป็นเล่นไป เพื่อบรรลุขอบเขตในครั้งนี้ ทรัพยากรล้ำค่าในการฝึกตนที่เขาสูญเสียไปเพียงพอที่จะทำให้คนอื่น ๆ ในใต้หล้าผู้ซึ่งอยู่ระดับเดียวกันถึงกับต้องยอมแพ้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งโลหิตปราณมังกรแท้หนึ่งหยดนั้น กระทั่งผู้ฝึกตนวิถีวิญญาณมาเห็นก็ยังต้องเกิดความอิจฉาริษยา

ในสถานการณ์เช่นนี้ ซูอี้จะปล่อยให้สมบัติล้ำค่าเหล่านี้เปล่าประโยชน์ได้เช่นใดกัน?

“อ้าว? ไม่ได้ล้มเหลวหรอกหรือ?” ฮวาซิ่นเฟิงตะลึง

“แน่นอนว่าไม่”

ซูอี้คิดสักครู่ ก่อนจะกล่าว “ข้าสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง เท่ากับว่าขาข้างหนึ่งก้าวเข้าสู่ธรณีประตูขอบเขตไร้เบญจธัญแล้ว เพียงแค่ขาดโอกาสเหมาะสมเท่านั้น แล้วก็จะสามารถเบียดตัวเข้าสู่ขอบเขตนี้ได้ แล้วก็จะกลายเป็นผู้ฝึกตนวิถีต้นกำเนิดคนหนึ่ง”

เขาไม่ได้ปิดบัง

ความเป็นจริงแล้ว ระดับการฝึกตนของเขาในเวลานี้ อยู่ในขอบเขตไร้เบญจธัญ สิ่งเดียวที่ต่างออกไปก็คือ เขายังไม่ได้สกัดเมล็ดพันธุ์ปฐมญาณออกมาอย่างแท้จริง

“ต้องการโอกาสเหมาะสมเช่นนั้นหรือ?”

ฮวาซิ่นเฟิงไม่เข้าใจ ตามที่นางรู้มา เวลาที่ก้าวเข้าสู่ขอบเขตไร้เบญจธัญ ผู้ฝึกตนในโลกสามัญไม่ต้องการโอกาสเหมาะสมอันใดแม้แต่น้อย เพียงแต่ดูว่าลมปราณแรกกำเนิดที่แต่ละคนฝึกฝนได้มานั้นแข็งแกร่งและบริสุทธิ์หรือไม่

ดังเช่นตอนที่นางย่างก้าวเข้าสู่ขอบเขตไร้เบญจธัญก็เป็นไปอย่างราบรื่นมาก พยายามฝ่าบรรลุระยะเวลาเจ็ดวันก็สามารถสกัดเมล็ดพันธุ์ปฐมญาณซึ่งมีรูปลักษณ์ล้ำเลิศได้หนึ่งเมล็ด

“พูดไปเจ้าก็ไม่เข้าใจ” ซูอี้ส่ายหน้า

เกี่ยวกับเมล็ดพันธ์วิถีอันแข็งแกร่งนี้ แม้กระทั่งเก้ามหาแดนดินก็ยังไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน

ต่อให้อธิบายให้ฮวาซิ่นเฟิงฟังในตอนนี้ เกรงว่านางก็คงไม่เชื่อว่าในโลกนี้จะมีพลังที่รุนแรงถึงเพียงนี้

“ไปกันเถิด”

ซูอี้ตัดสินใจออกจากที่นี่ นับตั้งแต่เข้ามาในซากหอเซียนดาบ จนถึงตอนนี้ก็เป็นระยะเวลาสามวันผ่านไปแล้ว

เขาได้รับโชคลาภโอกาสของสถานที่แห่งนี้แล้ว ไม่มีเหตุผลต้องอยู่ต่ออีก

ขณะที่พูด เขาหยิบตราประทับกระดูกขาวออกมา จากนั้นขับดันพลังไปยังฝ่ามือ

วิ้ว!

คลื่นพลังต้องห้ามอันมหัศจรรย์แผ่กระจายออกมาจากตราประทับ

ครู่ถัดมา มันก็เข้าปกคลุมตัวซูอี้กับฮวาซิ่นเฟิง จากนั้นทั้งสองก็หายไปจากที่เดิม

บนทะเลวิญญาณโกลาหล

สามวันผ่านไป

เกาะไร้หวน ภูเขาฝังศพ เจดีย์กระดูกขาว และเรือเก็บดาว ล้วนลอยล่องอยู่ห่าง ๆ เฝ้ารออย่างสงบ

บนหัวไหล่ของวานรยักษ์สีขาว ใบหน้าของหญิงสาวปรากฏอาการอ่อนล้าเหน็ดเหนื่อยออกมา

ระยะเวลาสามวัน ฝืนทนอยู่ภายในสายตาของบุคคลน่ากลัวสี่คนนั้น ถึงแม้จะไม่มีการต่อสู้ ทว่ากลับทำให้จิตใจของนางอยู่ในอาการตึงเครียดอยู่ตลอดเวลา

มีอยู่หลายครั้ง หญิงสาวอยากจะหมุนตัวออกไป

ทว่าสุดท้าย นางก็ยังอดทนไว้ได้

ละทิ้งไปกลางทาง ไม่ใช่เรื่องที่ดีอะไรมากนัก สิ่งที่ควรค่าแก่การดีใจก็คือ บุคคลน่ากลัวสี่คนนั้นไม่เคยสนใจนางเลย

“เหตุใดจนป่านนี้แล้วก็ยังไม่มีใครออกมาอีก หรือว่าผู้ฝึกตนที่เข้าไปในหอเซียนดาบเหล่านั้นจะตายหมดแล้ว?”

ความสงสัยนี้วนเวียนอยู่ในใจของหญิงสาวมาโดยตลอด

ในสายตาของนาง เหตุการณ์ประหลาดทั้งหมดที่เกิดขึ้นในซากหอเซียนดาบ บัดนี้ทุกอย่างล้วนอยู่ที่ประตูซึ่งมีลักษณะคล้ายกับเกลียวคลื่น

โดยไม่ต้องสงสัย ประตูบานนั้นก็คือทางเข้าสู่ซากหอเซียนดาบนั่นเอง

ทว่าบัดนี้ ไม่มีใครเดินออกมาจากประตูบานนั้น

ผิดแล้ว!

ทันใด ดวงตาของหญิงสาวก็ลุกวาว

หญิงชายคู่หนึ่งเดินออกมาจากประตูเกลียวคลื่นนั้น

ผู้ชายสวมชุดคลุมยาวสีขาวทั้งตัว รูปงามโดดเด่น หญิงสาวผิวสีเทียนรูปโฉมธรรมดา ทว่าดวงตาทั้งคู่กลับงดงามส่องสว่างสดใสราวกับน้ำที่ใสสะอาดลุ่มลึก

พวกเขาคือซูอี้กับฮวาซิ่นเฟิง

“แย่แล้ว! เหตุใดที่นี่จึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้?”

สีหน้าของฮวาซิ่นเฟิงเปลี่ยนไปในฉับพลัน นางมองเห็นเกาะไร้หวน ภูเขาฝังศพ เจดีย์กระดูกขาว และเรือเก็บดาวกลางน่านน้ำรอบด้านในทันใด

สิ่งต้องห้ามทั้งสี่นี้ ปกติทั่วไปพบเห็นเพียงแค่สิ่งเดียวก็เพียงพอจะทำให้ผู้ฝึกตนหวาดกลัวจนสิ้นหวังแล้ว

ทว่าตอนนี้ พวกมันกลับปรากฏตัวพร้อมกัน!โนเวลกูดอทคอม

ทำให้ฮวาซิ่นเฟิงรู้สึกหนังศีรษะชา มือเท้าเย็น นี่มันเรื่องอะไรกัน?

ซูอี้มองเห็นเหตุการณ์เช่นนี้แล้วถึงกับหรี่ตาลง

เขาเคยได้ยินเรื่องสิ่งต้องห้ามสี่อย่างในทะเลวิญญาณโกลาหล ถึงแม้จะไม่เคยเห็นมาก่อน ทว่าเมื่อได้เห็นเข้าจริง ก็ยังสามารถแยกแยะได้ออกอย่างรวดเร็ว

ทว่า เมื่อเทียบกับฮวาซิ่นเฟิงแล้ว เขาสงบนิ่งกว่ามากอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่หลังจากที่พวกเขาทั้งสองปรากฏตัวแล้ว บนเกาะไร้หวนที่ไกลออกไปก็มีเสียงแหบแห้งเสียงหนึ่งดังขึ้น

“หืม? เหตุใดจึงมีแค่สองคนที่ออกมา หรือว่าคนอื่น ๆ ตายกันหมดแล้วเช่นนั้นหรือ?”

เสียงดังก้องไปถึงฟ้า ทำลายบรรยากาศกดดันและเงียบสงบในน่านน้ำแห่งนี้

สวบ!

เสียงยังไม่ทันหยุดลง จู่ ๆ โคมไฟสีเขียวเป็นมันดวงหนึ่งก็โผล่ขึ้นมาจากเกาะไร้หวน กลายเป็นมือขนาดใหญ่ที่มีเพลิงไฟสีเขียวลุกแผดเผา

มือใหญ่มีอาณาเขตกว้างไปถึงสิบจั้ง เกิดเป็นแสงสีเขียวมรกตเต็มท้องฟ้า ยื่นไปจับตัวซูอี้กับฮวาซิ่นเฟิงกลางอากาศ

“มารเฒ่าหลีฮั่วจะโหดเกินไปเสียแล้ว ลงมือไม่ให้ตั้งตัว กลัวว่าโชคลาภจะถูกคนอื่นแย่งไปหรืออย่างไรกัน?”

บนตัววานรยักษ์สีขาว ดวงตาของหญิงสาวกำลังจับจ้อง

ครืน!

น้ำทะเลก่อตัวเป็นคลื่นสูง ฟ้าดินผันผวน

พลังที่แผ่กระจายออกมาจากมือขนาดใหญ่ดูน่ากลัวและแปลกประหลาดอย่างที่สุด อยู่ไกล ๆ ก็ยังทำให้หญิงสาวหายใจไม่ออก

โดยไม่ต้องสงสัย พลังเช่นนั้นจะต้องเหนือกว่าชั้นวิถีวิญญาณเป็นแน่!

“มารเฒ่าหลีฮั่ว ด้วยฐานะของเจ้า กลับลงมือจัดการกับผู้ด้อยอาวุโสสองคนนี้โดยตรง ไม่กลัวว่าคนอื่นจะหัวเราะเยาะเอาหรอกหรือ?”

บนภูเขาฝังศพ เสียงดุดันเย็นชาเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

ขณะเดียวกับที่มีเสียงดังขึ้น ฉับพลันบนภูเขาฝังศพก็มีหอกยาวเล่มหนึ่งปรากฏออกมา เป็นหอกที่เกิดจากหมอกควันสีเทาจับตัวกัน แหวกทะลุอากาศพุ่งแทงไปที่มือใหญ่เพลิงไฟสีเขียวข้างนั้น

ครืน!

เสียงระเบิดสะท้านฟ้าสะเทือนดินก็ดังขึ้น มือใหญ่เพลิงไฟสีเขียวถูกซัดจนมลายหายไปกลางอากาศ พลังที่สาดกระเซ็นแผ่กระจาย สร้างความปั่นป่วนให้กับน่านน้ำในแถบนั้น

เมื่อเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนี้แล้ว ฮวาซิ่นเฟิงถึงกับเหงื่ออาบ ชั่วขณะนั้นนางถึงกับหมดความคิดจะต้านทาน

น่ากลัวเกินไปแล้ว!

พละกำลังเช่นนั้น สามารถฆ่านางได้อย่างง่ายดาย!

ทว่าเมื่อมองไปที่ซูอี้ เขากลับยังคงสงบราบเรียบเหมือนดังเดิม เพียงแต่ว่าหัวคิ้วเริ่มขมวดขึ้นเล็กน้อย ส่วนลึกของสายตาผุดประกายเย็นยะเยือกขึ้น

ทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพราะคุยกันไม่รู้เรื่องจึงได้ลงมือ เห็นชัด ๆ ว่าเป็นเพราะเห็นเขากับฮวาซิ่นเฟิงเป็นเหยื่อ ต้องการจะจับตัวพวกเขาโดยไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ!

ลักษณะท่าทางเช่นนี้แลดูยโสและเอาแต่ใจอย่างไม่ต้องสงสัย

“ประเดี๋ยวเจ้าหลบเข้าไปในซากหอเซียนดาบ ตรงนั้นไม่มีใครสามารถทำร้ายเจ้าได้”

ซูอี้ส่งกระแสปราณออกไปด้วยสีหน้าสงบราบเรียบ

“แล้วคุณชายเล่า?” ฮวาซิ่นเฟิงถาม

“ก่อนหน้านี้ข้าเคยบอกแล้วไม่ใช่หรือว่า หากคิดสกัดเมล็ดพันธุ์ปฐมญาณ ต้องมีโอกาสเหมาะ ตอนนี้โอกาสเหมาะนี้มาหาเองถึงที่แล้ว”

สองมือของซูอี้ไพล่หลัง พลางกล่าวน้ำเสียงราบเรียบ

ฮวาซิ่นเฟิงตะลึง ในใจสั่นสะท้าน นี่ซูอี้คิดจะลงมือกับฝ่ายตรงกันข้าม เพื่อให้ระดับการฝึกตนบรรลุอย่างแท้จริงเช่นนั้นหรือ!?

ขณะที่ครุ่นคิด บนเกาะไร้หวนที่ห่างไกลออกไปก็มีเสียงเยือกเย็นน่ากลัวเสียงหนึ่งดังขึ้น

“จี้เหยียน ทุก ๆ คนทำไปเพื่อแย่งชิงกระดูกของจักรพรรดิปิศาจฮุ่นเทียนทั้งสิ้น ไม่มีความจำเป็นต้องเสแสร้งแกล้งทำ ว่าเจ้าขัดขวางข้า เพราะกลัวว่าโชคลาภครั้งนี้จะถูกข้าแย่งชิงไปไม่ใช่หรอกหรือ?”

โคมไฟสีเขียวนับพันนับหมื่นดวงบนเกาะไร้หวนประดุจน้ำขึ้นน้ำลง จากนั้นร่างสีดำสูงผอมร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้น ท่ามกลางแสงไฟสีเขียวอันประหลาดแผ่กระจายออกมาจากรอบตัว

มารเฒ่าหลีฮั่ว!

“คิดแย่งโชคลาภโอกาสผู้อื่น จะทำรุนแรงเกินไปไม่ได้! หากว่าสหายน้อยสองคนนั้นยินดีมอบออกมา ข้าก็จะไม่เอาชีวิตพวกเขา นี่ก็คือความแตกต่างระหว่างเจ้ากับข้า”

ประกอบกับเสียงดุดันเสียงดังประดุจฟ้าผ่า หมอกควันสีดำลุกโขมงอยู่บนภูเขาฝังศพ ศพโบราณที่ถูกล่ามด้วยโซ่ขนาดใหญ่สี่เส้นสั่นสะเทือนไม่หยุด

ทว่าบนยอดเขา มีร่างเลือนรางขนาดใหญ่มหึมายืนอยู่ ทั่วทั้งร่างมีประกายสายฟ้าฟาดสีแดงประหลาดส่องสว่าง

ราชาจี้เหยียนเหลย!

หญิงสาวบนหัวไหล่วานรยักษ์สีขาวหรี่ตาลง

“ท่านทั้งสอง ก่อนหน้านี้สหายเต๋าซิงเหิงเคยกล่าวไว้แล้ว เวลาแย่งชิงโอกาสสัมพันธ์นี้ แต่ละคนต้องอาศัยความสามารถเฉพาะตัว จากที่ข้ามอง พวกเราสู้รบกันก่อนสักตั้งให้รู้แพ้รู้ชนะไปเลยดีหรือไม่?”

บนน่านน้ำที่ไกลออกไป ควันสีโลหิตพุ่งโขมง เสียงแหบแห้งเย็นยะเยือกเสียงหนึ่งดังขึ้นจากภายในตัวเจดีย์กระดูกขาว ล่องลอยอยู่ในแผ่นดินละแวกนี้

พร้อมกับเสียง จู่ ๆ ก็มีร่าง ๆ หนึ่งสวมชุดคลุมยาวสีเลือด ปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าเจดีย์ รูปร่างผอมกะหร่องราวกับต้นไผ่ พลังปีศาจน่าหวาดกลัวล้อมรอบตัว

ปีศาจเฒ่าสือกู่!

“เหตุใดจะไม่ได้?”

มารเฒ่าหลีฮั่วแห่งเกาะไร้หวนปล่อยหัวเราะเสียงดัง

“หากว่าเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าสองคนกล้ารับประกันหรือไม่ว่าตัวเองเป็นคู่ต่อสู้ของซิงเหิง?”

ราชาจี้เหยียนเหลยแห่งภูเขาฝังศพหัวเราะประชด

“สหายเต๋าซิงเหิงหมายความว่าอย่างไร?”

หน้าเจดีย์กระดูกขาว ปีศาจเฒ่าสือกู่มองดูเรือเก็บดาวที่อยู่ห่างไกลออกไป

เรือเก็บดาวโคลงเคลงอยู่บนผิวน้ำทะเล แสงดาวระยิบระยับ ดุจฝัน ดึงดูดสายตาของทุก ๆ คนในที่นั้น

อย่างไร้สุ้มเสียง ร่างผอมกะหร่องเสมือนเงาเลือนรางบนเรือเก็บดาวก็ลุกขึ้นยืน มีแสงเรืองรองสว่างขึ้นรอบตัวประดุจเทพเซียน กลิ่นอายความน่าสะพรึงกลัวแผ่กระจายออกมา

ชั่วขณะที่มองเห็นคน ๆ นี้ ฮวาซิ่นเฟิงพลันรู้สึกแสบตา จิตวิญญาณราวกับถูกคมดาบเชือดเฉือน ขนลุกซู่ทั่วร่าง สีหน้าเปลี่ยนไป

ท่าทางน่ากลัวเสียเหลือเกิน!

หญิงสาวบนไหล่วานรยักษ์สีขาวตัวแข็งทื่อ

ซูอี้เลิกคิ้วน้อย ๆ นักดาบ… เช่นนั้นหรือ?

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset