📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 379

บทที่ 379 - ตัวแปร
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ฉู่ซิวมองเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของพวกฉินต่งซวี

เขาจึงหัวเราะขึ้นมาสบาย ๆ พลางกล่าว “ทุกท่านอย่าได้เป็นห่วง ฉู่ผู้นี้เป็นคนคุยง่าย ขอเพียงทุกท่านยอมสวามิภักดิ์ต่อข้า ข้ารับรองว่าจะปฏิบัติต่อทุกท่านดุจพี่น้อง”

ถงซิงไห่ที่อยู่อีกด้านกล่าว “ทุกท่าน นี่เป็นโชคลาภของพวกเจ้าแล้ว กลุ่มผู้ฝึกตนทั่วไปล้วนไม่อยู่ในสายตาของนายข้า”

ปีศาจงูสวรรค์เฒ่าหัวเราะขึ้นมาพลางกล่าว “เรียนทั้งสองท่านตามตรง นายของข้าได้ตัดสินใจแล้ว หลังจากที่เก็บเกี่ยวโชคในที่แห่งนี้ จะเริ่มเปิดถ่ายทอดวิถี ณ ที่แห่งนี้ โดยถ่ายทอดในนามของ ‘สำนักเทพสวรรค์จำแลง’ หากทุกท่านยอมสวามิภักดิ์ในตอนนี้ วันข้างหน้าจะก็ได้เป็นมือซ้ายขวาของนายท่าน”

เขามีท่าทางคล้ายกับหนุ่มน้อย ดวงตาเป็นสีทองประหลาด สวมชุดยาวสีเงินทั้งตัว พลังลมปราณเย็นยะเยือกน่าหวาดกลัว

สำนักเทพสวรรค์จำแลง!

ได้ยินชื่อนี้แล้ว แววตาของฮวาซิ่นเฟิงดูประหลาดไป

นางเคยได้ยินซูอี้บังเอิญพูดขึ้นมาว่าขุมกำลังสำนักใดก็ตามที่ฝึกสายปีศาจ มักนิยมเติมคำว่า ‘เทพ’ หรือ ‘เซียน’ สองคำนี้ลงในชื่อสำนัก เพื่อเป็นการออกตัวว่าตนเองเป็นกลุ่มผู้บรรลุเป็นเทพเซียน

ดังเช่นหอเซียนดาบแห่งนี้ก็คือขุมกำลังผู้ฝึกสายปีศาจ

ทว่าตอนนี้ ผู้ชายชุดคลุมสีดำที่มีนามว่าฉู่ซิวคนนี้กลับทำตัวเป็นนกพิราบแย่งรังนกกางเขน คิดถ่ายทอดวิถี และก่อตั้ง ‘สำนักเทพสวรรค์จำแลง’ ที่ซากโบราณหอเซียนดาบ!

เรื่องนี้ทำให้ฮวาซิ่นเฟิงรู้ได้ในทันใดว่า ผู้ชายในชุดคลุมสีดำคนนี้อาจจะเป็นผู้ฝึกปีศาจคนหนึ่งเช่นกัน!

เมื่อนึกถึงตรงนี้แล้วฮวาซิ่นเฟิงก็อดรำพึงขึ้นมาไม่ได้ว่า เชื่อฟังคำผู้มากประสบการณ์ดีกว่าเรียนหนังสือสิบปี!

ซูอี้เพียงแค่เอ่ยถึงความรู้ทั่วไปเท่านั้น ลำพังเพียงแค่คำว่าถ่ายทอดวิถีเพียงคำเดียว กลับทำให้นางในตอนนี้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่มีคุณค่าออก!

นางอดมองไปที่ซูอี้ไม่ได้ ทว่ากลับเป็นซูอี้ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าราบเรียบ แตกต่างไปจากสีหน้าเคร่งเครียดเต็มไปด้วยความระมัดระวังของพวกฉินต่งซวีในเวลานี้มาก

“หมายความว่าต้องการให้พวกข้าเข้าร่วมขุมกำลังที่เจ้าอยู่เช่นนั้นหรือ?”

ฉินต่งซวีอดถามขึ้นมาไม่ได้ ราวกับไม่อยากจะเชื่อ

“เข้าใจเช่นนั้นก็ได้”

ฉู่ซิวพยักหน้า ยิ้มอ่อนโยน “ข้ารู้ว่าในใจของพวกเจ้ามีความสงสัยอยู่มากมาย แต่ไม่เป็นไร ขอเพียงพวกเจ้าจงรักภักดีต่อข้า ข้าจะอธิบายให้พวกเจ้าฟังอย่างละเอียด”

“หากว่าพวกเราไม่รับปากเล่า?”

โหยวฉางคงสูดหายใจลึก ๆ แล้วถามขึ้นมา

“ฮึ”

พวกของถงซิงไห่อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ แววตามีเลศนัย สีหน้ายั่วยวน

หนุ่มน้อยในชุดสีม่วงสะพายดาบกล่าวน้ำเสียงราบเรียบ “ดีที่สุดพวกเจ้าอย่าได้สำคัญตัวเองจนเกินไปนัก โอกาสมาถึงพวกเจ้าแล้ว หากไม่รักษาไว้ให้ดี ซากโบราณหอเซียนดาบนี้จะเป็นสถานที่กลบร่างของพวกเจ้า”

แต่ละคำเย็นเฉียบประดุจมีดคมเชือดเฉือน

พวกของฉินต่งซวีสีหน้าเปลี่ยนอย่างแรง

เวลานี้ ฉู่ซิวเบนสายตามองไปที่เนี่ยสิงคง พลางกล่าว “เจ้าจงเกลี้ยกล่อมพวกเขา อย่าให้พวกเขาทำในเรื่องที่โง่เขลา”

คนทั้งหลายต่างก็ตะลึง

เนี่ยสิงคงเดินตรงไปหาพวกฉินต่งซวีพลางกล่าว “ทุกท่าน ขอให้รักษาโอกาสตรงหน้าที่หาได้ยากเช่นนี้ไว้ให้ดี เมื่อแสงสว่างแห่งโลกกว้างมาถึง ผู้ที่ทำงานรับใช้ให้นายท่านจะมีโอกาสได้เข้าสู่มหาวิถี”

เขาเป็นคนรูปร่างใหญ่ สวมชุดยาวเนื้อผ้าหยาบ สะพายดาบยาวสองเล่ม พลังลมปราณหนักหน่วงประดุจภูเขาลูกใหญ่ มีอานุภาพน่าหวั่นเกรง

ทว่าเวลานี้ ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดกันที่เขาผู้อยู่ในฐานะเจ้าสำนักดาบมังกรเร้นกลับสวามิภักดิ์ต่อฉู่ซิวก่อนแล้ว!

เรื่องนี้ทำให้พวกของฉินต่งซวีถึงกับสีหน้าเปลี่ยน

เฉิงเจินถอนหายใจพลางกล่าว “จริง ๆ เสียด้วย พวกเราล้วนติดกับของท่านเนี่ย ที่ตรงนี้ เดิมก็เป็นหลุมพรางที่ถูกตระเตรียมมาเป็นอย่างดี”

ที่ตรงนั้น มีแต่เพียงซูอี้กับฮวาซิ่นเฟิงเท่านั้นที่สงบใจที่สุด

พวกเขารู้นานแล้วว่าเนี่ยสิงคงเป็นผู้สิงสถิต

เมื่อรู้ว่าแผนที่ลับในมือฉินต่งซวีฉบับนั้นได้มาจากเนี่ยสิงคง ซูอี้ก็เดาออกแล้วว่า คน ๆ นี้อาจจะเป็นไส้ศึก ใช้แผนที่เป็นตัวล่อ หลอกให้พวกฉินต่งซวีเดินทางมา

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เป็นการยืนยันข้อสมมติฐานของพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย

บรรยากาศตึงเครียด พวกฉินต่งซวีต่างก็มีลางสังหรณ์ไม่ดี

เวลานี้เอง ฉู่ซิวมองไปที่ฉินฝูอีกครั้ง พลางกล่าว “เจ้าเล่า มีเรื่องยินดีจะบอกข้าใช่หรือไม่?”

ภายใต้สายตาตื่นตะลึงของคนทั้งหลาย ก็เห็นฉินฝูก้าวออกมา คารวะต่อฉู่ซิวอย่างนอบน้อม “เรียนนายท่าน ผู้อาวุโสสูงสุดกู้ชิงโตวแห่งสำนักเสวียนเยว่ของข้ายินดีสวามิภักดิ์ พร้อมทำงานรับใช้ท่าน!”

เพิ่งพูดจบก็เห็นกู้ชิงโตวก้าวเดินมาข้างหน้าโค้งคารวะพลางกล่าว “นับตั้งแต่ฉินฝูเล่าถึงความยิ่งใหญ่ของนายท่านให้ข้าฟัง ข้าก็รู้สึกเคารพเลื่อมใส บัดนี้สามารถทำงานรับใช้นายท่านได้ ถือเป็นเกียรติตลอดทั้งชีวิตข้า”

“อะไรนะ!?”

เห็นภาพเหตุการณ์เช่นนี้แล้ว พวกของฉินต่งซวีก็แทบจะเสียสติ ทั้งโกรธและตระหนก

ฉินฝูเป็นถึงองค์ชายหก! ทว่ากลับเป็นเหมือนเนี่ยสิงคงที่แอบทรยศ เข้าสวามิภักดิ์ต่อฉู่ซิวตั้งนานแล้ว

สิ่งที่ทำให้คนอื่น ๆ คาดไม่ถึงยิ่งกว่าก็คือ กระทั่งผู้อาวุโสกู้ชิงโตวแห่งสำนักเสวียนเยว่ก็ยังคล้อยตามคำของฉินฝู ยอมสวามิภักดิ์!

ทว่าความเปลี่ยนทั้งหมดนี้ทำให้พวกของฉินต่งซวีถึงกับมือเท้าเย็นชาไปหมด

แม้กระทั่งซูอี้ก็ยังตื่นตระหนกเช่นกัน เขาเดาออกว่าฉินฝูอาจจะเป็นไส้ศึกด้วยเช่นกัน เพราะอย่างไรเสียคน ๆ นี้ก็เป็นผู้สิงสถิต

แต่เขานึกไม่ถึงเลยว่า ตาเฒ่ากู้ชิงโตวที่ดูแล้วตาโตคิ้วดกเคร่งเครียดจริงจังก็ยังทรยศมาตั้งนานแล้วเช่นกัน

“นกที่ดีเลือกต้นไม้สร้างที่พักอาศัย กู้ชิงโตว การตัดสินใจเลือกของเจ้านั้นไม่เลวเลย”

ฉู่ซิวพยักหน้าอมยิ้ม

พูดจบ เขาก็หยิบดาบบินสีขาวประดุจหิมะเล่มหนึ่งออกมาจากในแขนเสื้อ แล้วยื่นออกไป “นี่คือดาบวิเศษที่ข้าพบในซากโบราณของหอเซียนดาบ ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ศาสตราวิถีต้นกำเนิดเท่านั้น ทว่าวิธีการหลอมสร้างนั้นล้ำเลิศยิ่งนัก อานุภาพของมันก็ถือได้ว่าสุดยอด จึงมอบให้แก่เจ้า”

ร่างของกู้ชิงโตวสั่นสะท้าน ยื่นสองมือออกไปรับดาบบิน กล่าวด้วยความยินดี “ขอบพระคุณนายท่านที่ประทานดาบ!”

สีหน้าของพวกฉินต่งซวีสับสนไม่แน่นอน ไหนเลยจะไม่เข้าใจว่าทั้งหมดนี้ล้วนกำลังแสดงให้พวกเขาดู?

“ฉินฝู เจ้าเป็นถึงองค์ชายหกแห่งอาณาจักรต้าฉิน เหตุใดจึงทำเรื่องเช่นนี้ได้!?” ฉินต่งซวีร้องด่าด้วยความโกรธ

ทว่าฉินฝูกลับหัวเราะขึ้นมา กล่าวด้วยสีหน้าแปลกพิกล “กล่าวโดยไม่ปิดบัง ฉินฝูในอดีตได้ตายไปแล้ว”

ฉินต่งซวีตะลึง

ไม่รอให้เขาเอ่ยพูด ฉู่ซิวก็โบกมือให้ฉินฝูเงียบไป พลางกล่าว “เจ้าแสดงออกได้ไม่เลว จงถอยออกไปก่อน”

ฉินฝูลังเลครู่หนึ่ง จู่ ๆ ก็กล่าวขึ้นมาเบา ๆ “นายท่าน ข้ามีเรื่องหนึ่งจะขอร้อง”

ฉู่ซิวร้องอ้อ จึงกล่าว “จงกล่าวมา”

ทันใดฉินฝูก็เบนสายตามองไปที่ซูอี้ ก่อนจะกล่าว “คน ๆ นี้เคยสบประมาทข้าต่อหน้าคนอื่น ๆ นายท่านได้โปรดช่วยข้าชะล้างความอับอายแทนข้าด้วย!”

สายตาที่เขามองดูซูอี้ส่อแววเคียดแค้นอย่างรุนแรง

ทันใด สายตาของทุกคนก็มองไปที่ซูอี้

ทว่าเวลานี้ ฉู่ซิวมองดูซูอี้แล้ว จู่ ๆ ก็หัวเราะขึ้นมา แล้วกล่าว “สหายเต๋า วิชาเปลี่ยนหน้าของเจ้านี้สามารถกล่าวได้ว่ามิดชิดไร้ที่ติจริง ๆ แต่บังเอิญนักว่า เคล็ดลับที่ข้าฝึกฝนตอนอยู่ในทะเลวิญญาณโกลาหลในครั้งนั้นสามารถมองพิรุธออกได้ในชั่วพริบตา”

“นี่… นี่มันเรื่องอะไรกันอีก?”

พวกของฉินต่งซวีต่างก็ตะลึง โจวอี้ผู้ที่มาจากอาณาจักรต้าเซี่ยะก็มีปัญหาเช่นกันอย่างนั้นหรือ!?

“ผู้สิงสถิตอย่างเจ้าสามารถมองทะลุได้ถึงจุดนี้ ทำให้ข้ารู้สึกตื่นตระหนกอยู่บ้าง”

สีหน้าของซูอี้ราบเรียบ

ฉู่ซิวกล่าวชื่นชม “สายตาของสหายเต๋าก็ไม่ธรรมดาเลยเช่นกัน”

ผู้สิงสถิต!

คนที่ชื่อว่าฉู่ซิวคนนั้นเป็นผู้สิงสถิต!

พวกของฉินต่งซวีดูเหมือนจะเริ่มเข้าใจขึ้นมาแล้ว เพียงแต่สถานการณ์ในวันนี้มีตัวแปรเกิดขึ้นมากมาย และมีข้อสงสัยเยอะแยะ จนพวกเขาตั้งตัวแทบจะไม่ทัน ทำให้รู้สึกกดดันและเคร่งเครียดมากขึ้นทุกที

“สหายเต๋า จนถึงเวลานี้แล้ว เหตุใดจึงไม่แสดงโฉมหน้าที่แท้จริงออกมาอีก? ไม่กล้าเช่นนั้นหรือ?” ฉู่ซิวเอ่ยขึ้นมา

ดูเหมือนว่าเขาก็อยากจะรู้มากเช่นกันว่า ที่แท้แล้วซูอี้เป็นใครกันแน่

“เหตุใดจะไม่กล้า?”

ซูอี้หัวเราะสบาย ๆ ขณะที่พูด จู่ ๆ ร่างของเขาก็เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นมาเล็กน้อย เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นก็กลับมาสู่ใบหน้าดั้งเดิม

“ที่แท้ก็เป็นเจ้า ซูอี้!!”

สีหน้าของเนี่ยสิงคงเปลี่ยนไปในทันใด

ซูอี้!

เพียงแค่สองคำ ประดุจดังสายฟ้าฟาดลงกลางหัวใจพวกฉินต่งซวี ทำให้พวกเขาแต่ละคนสีหน้าเปลี่ยนไป ลมหนาวพุ่งออกจากทั่วร่าง

สาเหตุที่บุคคลผู้ยิ่งใหญ่อย่างพวกเขารวมตัวกันเพราะมีเป้าหมายร่วมกันนั่นก็คือจัดการกับซูอี้

ทว่าใครกันจะคาดคิดว่า เป้าหมายที่พวกเขาคิดจะต่อกรด้วย ที่แท้แล้วติดตามอยู่ข้างกายพวกเขามาโดยตลอด?

“ซูอี้…”

ฉินฝูก็นิ่งตะลึงเช่นกัน แทบไม่อยากจะเชื่อ

“ที่แท้ก็เป็นเขา!”

ซางลั่วอวี่กับลิ่นอวี๋เปยต่างก็ตื่นตระหนกและโกรธแค้นประกอบกัน ทั้งยังรู้สึกคาดไม่ถึงด้วยเช่นกัน

การทรยศของเนี่ยสิงคง ฉินฝู และกู้ชิงโตว สามารถกล่าวได้ว่าเป็นเรื่องน่าตื่นตะลึงยากนักจะรับได้

ทว่าตอนนี้ ฐานะของซูอี้ถูกเปิดเผย ยิ่งคล้ายกับถูกสายฟ้าฟาด ทำให้พวกของฉินต่งซวีรู้สึกราวกับแทบเสียสติ

เพียงแค่การเดินทางหนึ่งเท่านั้น ทว่าในกลุ่มคนที่อยู่ข้างกาย ไม่เพียงแต่มีคนทรยศอำพรางตัวเท่านั้น ยังมีศัตรูตัวสำคัญอันดับหนึ่งติดตามอยู่ด้วย เป็นใครจะสามารถทนรับได้ไหว?

“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้…”

ฉินต่งซวีตื่นตระหนกขวัญหาย การเดินทางในครั้งนี้ เขามีความมั่นใจอย่างเต็มที่ เข้าใจว่าร่วมมือกับบุคคลผู้ยิ่งใหญ่แล้วจะสามารถฟาดฟันอุปสรรคขวากหนามทั้งหลายได้ และสามารถแย่งโชคลาภจากหอเซียนดาบมาอยู่ในกำมือ รวมทั้งยังใช้โอกาสนี้จัดการกับซูอี้ศัตรูตัวฉกาจได้อีกด้วย

ไหนเลยจะคาดคิดว่า สุดท้ายเหตุการณ์กลับแปรเปลี่ยนไปกลายเป็นเช่นนี้ได้?

ไกลออกไป กู้ชิงโตว ฉินฝู และเนี่ยสิงคง รวมถึงจอมมารอย่างถงซิงไห่ก็ยังตื่นตระหนกสงสัยไม่หาย

ภาพเหตุการณ์นี้เกินความคาดหมายของพวกเขาเช่นกัน

“ที่แท้เจ้าก็คือซูอี้ ข้าเคยได้ยินชื่อและเรื่องราวของเจ้า จึงรู้สึกสนใจในตัวเจ้าเป็นอย่างมากตั้งนานแล้ว แต่ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า จะได้มาเจอหน้ากันในที่แห่งนี้ หรือว่า… จะเป็นพรหมลิขิต?”

เวลานี้ สายตาของฉู่ซิวเกิดประกายที่แปลกออกไป หัวเราะพลางมองไปที่ซูอี้ ราวกับพบเจอสิ่งล้ำค่าหายากมากชิ้นหนึ่ง

“พรหมลิขิต?”

ซูอี้หัวเราะขึ้นมา ก่อนจะกล่าว “ถือว่าใช่กระมัง ข้าก็รู้สึกสนใจต่อผู้สิงสถิตอย่างเจ้าเช่นกัน”

ฉู่ซิวหัวเราะเสียงดังออกมา แล้วกล่าวคำออก “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สู้เจ้าสวามิภักดิ์ต่อข้า อยู่รับใช้ข้างกายข้าเป็นอย่างไร?”

ซูอี้แสดงสีหน้าเย้ยหยันออกมา พลางกล่าวเรียบ ๆ “ตัวตนกระจ้อยร่อยเช่นเจ้า ก็คู่ควรเช่นนั้นหรือ?”

พอเอ่ยเช่นนี้ออกไป พวกถงซิงไห่ต่างก็มีสีหน้าดำทะมึน ร้องตวาดด่า

“บังอาจ!”

“ซูอี้ เจ้าคิดว่าตัวเองเก่งกาจแค่ไหน ถึงกล้าสบประมาทนายท่านของพวกเรา บังอาจเกินไปแล้ว!”

พวกที่ทำงานรับใช้ข้างกายฉู่ซิวเหล่านี้ต่างก็แสดงสีหน้าไม่พอใจ ราวกับว่าคำกล่าวของซูอี้เหยียบโดนหางของพวกเขา แต่ละคนแสดงสีหน้าบึ้งตึงเคียดแค้น

“พอได้แล้ว”

ฉู่ซิวโบกมือเบา ๆ เพื่อห้ามคนของตัวเองไม่ให้พูดมากอีก

จากนั้น เขายิ้มพลางกล่าวขึ้นมา “ยังมองไม่ออกอีกหรือ อยากจะให้บุคคลสูงส่งอย่างสหายเต๋าซูอี้ยอมสวามิภักดิ์ จะใช้เพียงวาจาย่อมไม่ได้”

ลึกเข้าไปในนัยน์ตาสีเขียวมรกตของเขา คล้ายกับมีประกายแห่งเพลิงไฟกำลังลุกโชติช่วง

และในขณะนี้เอง จู่ ๆ โหยวฉางคงก็เอ่ยขึ้นมา “นายท่าน หากว่าท่านสามารถช่วยพวกข้าสังหารซูอี้ได้ พวกเรายินดีสวามิภักดิ์ต่อท่าน ทำงานถวายชีวิตต่อท่าน!”

ฉับพลัน ฉินต่งซวีกับเฉิงเจินต่างสะดุ้งวาบขึ้นมา

ยืมมีดฆ่าคนเช่นนั้นหรือ?

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset