📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 368

บทที่ 368 - มองไปมีแต่ศัตรู
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยาม

ฮวาซิ่นเฟิงก็กลับมา แสดงความปลื้มยินดีออกมาทางใบหน้า กล่าว “คุณชาย ครั้งนี้พวกเรามาได้จังหวะเวลาพอดี คืนวันนี้มีงานเลี้ยงขนาดใหญ่จะเปิดฉากขึ้นที่ ‘หมู่บ้านเทียนสุ่ย’ ซึ่งห่างจากนอกเมืองออกไปสามลี้”

“งานเลี้ยงในครั้งนี้มีผู้อาวุโสรองฉินต่งซวีแห่งภูเขาขดมังกรของอาณาจักรต้าฉินเป็นเจ้าภาพ เชิญวัดซ่างหลิน วัดเสวียนเยว่ และสำนักดาบจรัสฟ้าจบแดน สามมหาขุมกำลังอันมีชื่อมาร่วมงานด้วย

“นอกจากนี้ ยังมีบุคคลที่เก่งกาจจากหกจวนดาบของอาณาจักรต้าฉินกับผู้ฝึกตนอาวุโสที่มีชื่อเสียงโด่งดังในใต้หล้า”

ซูอี้เลิกคิ้วถาม “เจ้าต้องการไปร่วมงานด้วยเช่นนั้นหรือ?”

“ไม่ใช่แค่ข้าคนเดียว แต่พวกเราจะไปร่วมงานด้วยกัน”

ฮวาซิ่นเฟิงกล่าว “ว่ากันว่า ในงานเลี้ยงครั้งนี้ ฉินต่งซวีจะประกาศความลับบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับมรดกซากโบราณหอเซียนดาบด้วย พร้อมกันนี้ยังจะประกาศแจ้งเรื่องใหญ่อีกเรื่อง”

นิ่งเงียบไปชั่วครู่ นางก็หัวเราะพลางกล่าวคำออก “แน่นอน ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ พวกเรายังสามารถถือโอกาสนี้ดูว่าคู่แข่งขันในครั้งนี้มีใครบ้าง เมื่อไปถึงทะเลวิญญาณโกลาหลแล้ว จะได้เตรียมตัวให้พร้อมเพื่อเก็บเกี่ยวผลพวงแห่งชัยชนะ”

ซูอี้คิดสักครู่จึงตอบ “ก็ดีเช่นกัน”

อย่างไรเสียก็ไม่มีอะไรต้องทำ ไปดูความเก่งกาจของผู้ฝึกตนอาวุโสในอาณาจักรต้าฉินก็ดีเช่นกัน

ฮวาซิ่นเฟิงยิ้มจนตาหยี หัวเราะแหะ ๆ พลางกล่าว “คุณชาย ก่อนที่จะไปร่วมงาน จะต้องปลอมตัวสักหน่อย มิเช่นนั้น หากมีคนจำคุณชายได้จะไม่เป็นการดีนัก เพราะอย่างไรเสีย ไม่ว่าจะเป็นวัดซ่างหลิน หรือวัดเสวียนเยว่ ล้วนหวาดเกรงคุณชายจนเข้ากระดูกทั้งสิ้น”

ซูอี้ย่นหัวคิ้วเล็กน้อย ขณะพยักหน้าพลางกล่าว “ก็ได้”

ขณะที่พูด กระดูกภายในร่างของเขาก็เกิดเสียงดังติดต่อกันราวกับถั่วระเบิด

ฉับพลันร่างที่สูงโปร่งของเขาก็เปลี่ยนไป สูงมากขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าหล่อเหลาสดใสกลับกลายเป็นใบหน้าที่ราบเรียบไร้ความพิเศษ

เพียงแค่ชั่วพริบตาเท่านั้น ก็กลายเป็นหนุ่มน้อยธรรมดาคนหนึ่ง แม้กระทั่งลักษณะเฉยชาต่อสรรพสิ่งในตัวเขาก็ไม่มีเหลืออีก

ดวงตาสวยของฮวาซิ่นเฟิงส่องประกายสว่าง กล่าวชื่นชม “วิชาเปลี่ยนโฉมนี้สุดยอด!”

“เจ้าเองก็ไม่เลวเช่นกัน” ซูอี้เอ่ยออกมา

ฮวาซิ่นเฟิงนิ่งตะลึงไปชั่วครู่ ไม่ได้ตอบความ สักครู่หนึ่งจึงยิ้มพลางกล่าว “เปลี่ยนใส่เสื้อผ้าที่พอดีตัวสักหน่อย รับรองได้ว่าต่อให้เป็นผู้ฝึกตนที่มีสายตาแหลมคมก็จำคุณชายไม่ได้”

ซูอี้หัวเราะ

วิชาที่เขาแสดงออกมาในตอนนี้เป็น ‘เคล็ดวิชาเปลี่ยนวิญญาณ’ ซึ่งเป็นวิชาแขนงหนึ่งของสำนักอสูร ไม่เพียงแค่เปลี่ยนแปลงรูปโฉม แต่ยังเปลี่ยนแปลงลมหายใจและลักษณะในตัวอีกด้วย!

จะมีก็แต่ผู้ฝึกตนวิถีวิญญาณเท่านั้นจึงสามารถมองออก ไม่เช่นนั้นไม่มีทางดู ‘การปลอมตัว’ นี้ออก!

——

ยามโพล้เพล้

โคมไฟในหมู่บ้านเทียนสุ่ยถูกจุดจนสว่างไสว บ่าวกับสาวรับใช้จำนวนหนึ่งเดินวนเวียนอยู่ในฝูงผู้คนราวกับผีเสื้อตอมดอกไม้ บินฉวัดเฉวียนไม่นิ่ง

เมื่อซูอี้ผู้สวมใส่ชุดคลุมยาวสีขาวกับฮวาซิ่นเฟิงมาถึงหมู่บ้านที่กินอาณาเขตกว้างถึงหลายสิบไร่ ก็พบว่าแขกเหรื่อผู้มีเกียรติมากมายมาถึงกันก่อนหน้านานแล้ว

ไม่เพียงแต่มีบุคคลผู้ยิ่งใหญ่จากวัดซ่างหลิน วัดเสวียนเยว่ กับสำนักดาบจรัสฟ้าจบแดนเท่านั้น แต่ยังมีคนในวังต้าฉิน หกจวนดาบ รวมถึงผู้อาวุโสจากใต้หล้าหลายท่าน

ในบรรดาแขกเหรื่อเหล่านี้ มีผู้ฝึกยุทธ์อยู่จำนวนไม่น้อย ระดับการฝึกที่อ่อนที่สุดล้วนอยู่ในขอบเขตบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นบุคคลเก่งกาจซึ่งก้าวสู่หนทางแห่งวิถีต้นกำเนิดแล้ว

ภาพเหตุการณ์เช่นนั้นถือได้ว่าเป็นงานยิ่งใหญ่ของผู้ฝึกตน

ใจกลางหมู่บ้านเทียนสุ่ยคือเวทีหยกกลางแจ้งขนาดใหญ่โตมโหฬาร บนเวทีหยกจัดโต๊ะและที่นั่งจำนวนมากมายเตรียมไว้รอก่อนแล้ว

งานเลี้ยงยังไม่ได้เริ่มขึ้น แขกเหรื่อที่มาร่วมงานต่างก็ยืนพูดคุยทักทายกันเป็นกลุ่ม ๆ

ซูอี้มองไปก็เห็นว่า หลานซัวกับอาจารย์อวิ๋นหลางนั่งร่วมอยู่ในที่นั่งด้านหน้าสุดด้วย

หลานซัวในวันนี้สวมชุดกระโปรงสีเขียวน้ำทะเลทั้งตัว มวยผมขึ้นสูง คอยาวระหง ใบหน้างดงามราวกับภาพแกะสลักส่องประกายเฉิดฉายภายใต้แสงอาทิตย์ยามเย็น

นางมีรูปร่างสูงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อไปนั่งอยู่ตรงนั้น ท่าทีสงบเงียบ งดงามน่าหลงใหล จึงดึงดูดสายตานับหลายคู่ให้มองมา

อาจารย์อวิ๋นหลางสวมหมวกทรงสูง สวมชุดคลุมยาวรัดเอว ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสของสำนักดาบจรัสฟ้าจบแดนแห่งอาณาจักรต้าฉิน ถือได้ว่าเขามีฐานะสำคัญมากภายในงาน

‘เป็นเรื่องที่สมควร เดิมทีพวกเขาก็เป็นคนของสำนักดาบจรัสฟ้าจบแดน มาปรากฏตัวอยู่ตรงนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก’

ซูอี้คิดในใจ

บุคคลผู้ยิ่งใหญ่ที่มาร่วมงานเลี้ยงในคืนวันนี้มีจำนวนมาก แต่ละคนล้วนมีความเก่งกาจที่แตกต่างกันไป

ซูอี้มองเห็นซางลั่วอวี่กับลิ่นอวี๋เปยผู้ซึ่งลองเชิงกันบนน่านฟ้าเมืองตงฝูในวันนั้น ทั้งสองก็อยู่ในงานด้วยเช่นกัน

พวกเขาทั้งสอง คนหนึ่งเป็นผู้นำรุ่นใหม่ของสำนักดาบจรัสฟ้าจบแดน ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นผู้นำจวนดาบหงเหลียน เป็นบุคคลที่ได้รับการจับตามองในงานเช่นเดียวกัน

ส่วนคนอื่น ๆ ซูอี้ไม่รู้จักใครอีก

“คุณชาย ที่นั่งของพวกเราอยู่ตรงนี้”

ฮวาซิ่นเฟิงพาซูอี้มายังจุดที่ห่างไกลเวทีหยก ผู้ที่นั่งอยู่ตรงนี้ล้วนเป็นบุคคลที่มีฐานะด้อย

ยกตัวอย่างเช่นผู้อาวุโสทั้งหลายที่มาจากแต่ละพื้นที่ของอาณาจักรต้าฉินบางคน เมื่อเทียบกับบุคคลในสามขุมกำลังผู้ฝึกตนแล้ว ยังห่างไกลอีกนัก

“ตรงนี้ไม่ดึงดูดสายตา และสบายที่สุดด้วย”

ฮวาซิ่นเฟิงยิ้มพลางกล่าว

ซูอี้ส่งเสียงตอบรับอืม จากนั้นจึงยกกาสุราขึ้นมารินใส่จอกแล้วดื่ม

“คุณชายดูสิ นั่นคือผู้อาวุโสเฉิงเจินแห่งอารามฉางจิงวัดซ่างหลิน จนถึงตอนนี้ฝึกตนมาเป็นเวลาสามร้อยปีแล้ว”

พลันฮวาซิ่นเฟิงก็ถ่ายทอดเสียงมา เบนสายตามองไปไกล ๆ

ที่นั่งด้านหน้าสุดบนเวทีหยก มีหลวงจีนสามท่านนั่งอยู่

ผู้เป็นหัวหน้าคือหลวงจีนผู้เฒ่าอายุเจ็ดแปดสิบคิ้วยาวขาวโพลน เคราพลิ้ว รูปร่างผอมกะหร่องราวกับไม้ฟืน รอยย่นเต็มใบหน้า นั่งสงบนิ่งอยู่ตรงนั้นราวกับก้อนหินไม่ขยับเขยื้อน

เฉิงเจิน

มหาปราชญ์สวรรค์ขอบเขตเปิดทวาร

หนึ่งในสามบรมจารย์ที่แทบนับนิ้วได้ของวัดซ่างหลิน บำเพ็ญ ‘ฌาณอับเฉารุ่งโรจน์’ ฝึก ‘วิชาร่างทอง’ เป็นหลวงจีนสำนักพุทธผู้มีอิทธิพลต่อแวดวงผู้ฝึกตนในอาณาจักรต้าฉินเป็นอย่างมาก

“ผู้ฝึกกายคนหนึ่งเท่านั้น”

ซูอี้เพียงแค่ชายตามองแล้วเก็บสายตากลับ

ระยะเวลาสามร้อยปี ฝึกฝนบำเพ็ญถึงแค่ขอบเขตเปิดทวาร ต่อให้มีความสามารถมากมายสักเพียงใด ก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรนัก

เทพเซียนเดินดินวัยหนุ่มสาวอย่างซางลั่วอวี่กับลิ่นอวี๋เปยเสียอีกที่มีความสามารถมากยิ่งกว่า หนทางวิถีในวันข้างหน้าก็มีแต่จะยาวไกลยิ่งขึ้น

แน่นอนว่า ต้องไม่ตายไปเสียก่อน

ฮวาซิ่นเฟิงถ่ายทอดเสียงเตือนสติ “คุณชาย ดีที่สุดคุณชายควรจะจับตามองผู้เฒ่าคนนี้เอาไว้สักหน่อย เจ้าอารามหลานฮั่นแห่งวัดซ่างหลินที่ตายด้วยฝีมือคุณชายเมื่อตอนอยู่นครหลวงอวี้จิงคือศิษย์คนสุดท้ายของเขา”

ซูอี้ตะลึงไปชั่วครู่ จากนั้นกล่าวด้วยความนึกสนใจขึ้นมา “ถ้าเช่นนั้นเจ้าจงเล่ามาสิว่า ในที่แห่งนี้ยังมีใครอีกที่อาจจะเป็นศัตรูกับข้า?”

ฮวาซิ่นเฟิงมาจากหอสิบทิศ ข้อมูลและข่าวสารที่กุมอยู่ในมือ จึงมีมากเป็นธรรมดา

และนี่ก็เป็นหนึ่งเหตุผลที่ซูอี้ยอมให้หอสิบทิศเข้าร่วมการเดินทางในครั้งนี้โนเวลกูดอทคoม

ทว่าฮวาซิ่นเฟิงเม้มริมฝีปากน้อย ๆ พลางกล่าว “พูดขึ้นมา ในที่แห่งนี้ ผู้ที่มองเห็นคุณชายเป็นศัตรู มีอยู่จำนวนไม่น้อยทีเดียว”

พูดจบ นางก็ชำเลืองมองไปอีกด้านโดยไม่ทิ้งร่องรอย พลางถ่ายทอดเสียงมา “คุณชายดู นั่นคือผู้อาวุโสกู้ชิงโตวแห่งวัดเสวียนเยว่ ‘เรือสำราญฮัวเยว่’ ที่พวกเราพบก่อนเข้าเมืองในวันนี้อยู่ในความควบคุมของคน ๆ นี้”

กลุ่มคนที่นั่งแถวหน้า ๆ บนเวทีหยกคือผู้ฝึกตนจากวัดเสวียนเยว่ ถูกผู้คนล้อมหน้าล้อมหลังประดุจดวงดาวล้อมดวงจันทร์

คนที่ฮวาซิ่นเฟิงพูดถึงคือชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ ท่าทางก้าวร้าวฮึกเหิม ผิวพรรณทั่วร่างเป็นสีดำแดง เวลาที่กะพริบตาจะมีประกายสายฟ้าฟาดแวบผ่าน ประดุจมีดดาบแหลมคม น่าหวาดเกรง

กู้ชิงโตว

ระดับการฝึกขอบเขตไร้เบญจธัญขั้นสมบูรณ์แบบ ศิษย์พี่ของโหยวเทียนหง ฝึกหัดวิถีดาบตั้งแต่ยังหนุ่ม จนถึงบัดนี้เป็นเวลาหนึ่งร้อยสามสิบกว่าปีแล้ว และได้รับสมญานามว่า ‘ราชันย์มีดพระเพลิง’ ในอาณาจักรต้าฉิน

ว่ากันว่าดาบเดียวของเขามีกำลังเผาผลาญทั่วท้องฟ้า

ซูอี้พยักหน้า แล้วถามขึ้นว่า “ยังมีอีกหรือไม่?”

ฮวาซิ่นเฟิงถ่ายทอดเสียงแนะนำตัวคนอีกคนหนึ่งในทันใด

คน ๆ นี้นั่งอยู่แถวหน้าเช่นกัน ผมเคราดำประดุจน้ำหมึก สวมชุดคลุมยาวสีดำทั้งตัว อ่อนโยนสุภาพ กำลังพูดจายิ้มแย้มกับคนอื่น ๆ ด้านข้าง มีกิริยามารยาทงดงาม

โหยวฉางคง

หนึ่งในสองบรมจารย์ขอบเขตเปิดทวารของตระกูลโหยว ตระกูลอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรต้าฉิน พูดถึงความอาวุโสแล้วเป็นบรมจารย์อาของโหยวเยวียนตู้ มีฐานะสูงส่ง สามารถเทียบเคียงได้กับผู้อาวุโสสูงสุดแห่งสามมหาขุมกำลังยิ่งใหญ่ได้

พอได้ยินว่าเป็นผู้ฝึกตนตระกูลโหยว ซูอี้ก็เข้าใจได้ว่านี่คือศัตรูอีกคน

ขณะที่กำลังพูด

จู่ ๆ ฮวาซิ่นเฟิงก็ร้องอุทานขึ้นมาเบา ๆ พลันเบนสายตามองไปไกล

เห็นผู้ชายวัยกลางคนกระดูกใหญ่ คลุมตัวด้วยชุดคลุมยาวผ้าเนื้อหยาบ ผมยาวรุงรัง สาวเท้าก้าวเดินขึ้นไปบนเวทีหยก

เขาสะพายดาบสองเล่มบนหลัง เดินส่ายอาด ๆ น่าเกรงขามประดุจภูเขาลูกใหญ่ตั้งตระหง่าน มีพลังที่คล้ายกับสามารถกดทับหัวใจคนอื่นได้

“เจ้าสำนักดาบมังกรเร้นแห่งอาณาจักรต้าโจว เนี่ยสิงคง!”

“บุคคลยิ่งใหญ่อย่างเขาก็ยังมาด้วยตนเอง…”

เกิดความระส่ำระสายขึ้นในงาน

“สหายเต๋าเนี่ย เชิญมาพูดคุยกัน”

ที่นั่งแถวหน้า เฉินเจินผู้มีร่างผอมกะหร่องราวกับไม้ฟืนลืมตาขึ้น พลางส่งเสียงเชื้อเชิญเนี่ยสิงคง

เนี่ยสิงคงสาวเท้าก้าวใหญ่เดินไปหาและนั่งลงในทันใด

“คุณชาย ศัตรูตัวร้ายกาจอีกคนหนึ่งก็มาแล้ว”

สายตาสีหน้าของฮวาซิ่นเฟิงดูประหลาด “เนี่ยสิงคงคนนี้ไม่ธรรมดา เมื่อสิบเก้าปีก่อนก็เป็นผู้ฝึกตนในขอบเขตเบญจไร้ธัญซึ่งแทบจะนับนิ้วได้ของอาณาจักรต้าโจว และในช่วงเวลาสิบเก้าปี เขาเก็บตัวฝึกตนอยู่ในสำนัก ไม่สนใจเรื่องภายนอก ว่ากันว่าเพื่อเตรียมพร้อมสู่ขอบเขตเปิดทวาร”

“แต่คุณชายจะต้องระวังตัวไว้สักหน่อย ตามข้อมูลที่หอสิบทิศของพวกเราสืบเสาะมาได้ เมื่อสิบเก้าปีก่อน เนี่ยสิงคงเคยเข้าไปในหุบเขาเถาวัลย์อาถรรพ์กับฉือเฟิงหลิว หลังจากที่กลับออกมาจากหุบเขาเถาวัลย์อาถรรพ์แล้ว เนี่ยสิงคงก็เลือกที่จะเก็บตัวฝึกตน”

ฟังถึงตรงนี้ ซูอี้ก็พยักหน้า แสดงสีหน้าที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เองออกมา พลางกล่าว “มิน่าเล่า ก่อนหน้านี้ข้าเห็นพลังลมปราณในตัวเขาแล้วรู้สึกไม่ชอบมาพากล ที่แท้ก็เป็นผู้สิงสถิตคนหนึ่งเช่นกัน”

ฮวาซิ่นเฟิงนิ่งตะลึงด้วยความตกใจเป็นอย่างมาก นิ่งเงียบไปสักครู่จึงกล่าว “คุณชาย..เพียงแค่มองก็ดูออกแล้วเช่นนั้นหรือ?”

ก่อนหน้านี้นางพูดไปตั้งมากมาย เพราะต้องการจะบอกซูอี้ว่า จากการวิเคราะห์ข้อมูลมากมาย หอสิบทิศสงสัยว่าเจ้าสำนักดาบมังกรเร้นเนี่ยสิงคงถูกสิงสถิตแล้ว

ไม่คาดคิดเลยว่า ซูอี้จะสัมผัสได้ก่อนแล้ว!

ซูอี้เอ่ยขึ้นมา “ขุมกำลังผู้ฝึกตนที่แท้จริง ล้วนมีเคล็ดวิชาและสมบัติล้ำค่าที่ต่างไปจากผู้สิงสถิต ด้วยเหตุนี้จึงสามารถหลีกเลี่ยงการพรางตัวเข้าสู่สำนักของศัตรูโดยไม่รู้สึกตัวได้ สำหรับข้าแล้ว การจะแยกแยะพลังลมปราณของผู้สิงสถิตในชั่วพริบตาเดียวไม่ถือว่ายากนัก”

ถึงแม้จะกล่าวเช่นนี้ แต่เมื่อนึกขึ้นมาว่าเจ้าสำนักของผู้ฝึกตนอันดับหนึ่งในอาณาจักรต้าโจวกลับถูกสิงสถิต ซูอี้ยังคงรู้สึกตกใจคาดไม่ถึงอยู่มาก

ตามคำบอกเล่าของฮวาซิ่นเฟิง เป็นไปได้อย่างมากว่าเนี่ยสิงคงผู้เดินทางสู่หุบเขาเถาวัลย์อาถรรพ์พร้อมกับฉือเฟิงหลิว ถูกผู้ฝึกตนนอกภพยึดครองร่างไปเมื่อตอนสิบเก้าปีก่อน

เพราะอย่างไรเสีย ตัวของฉือเฟิงหลิวเองก็เป็นผู้สิงสถิตคนหนึ่ง เคยเข้าไปในหุบเขาเถาวัลย์อาถรรพ์ หากว่าเขาตั้งใจจะเล่นงานเนี่ยสิงคง เกรงว่ายากนักที่เนี่ยสิงคงจะได้รับการช่วยเหลือเช่นนี้

ดวงตาของฮวาซิ่นเฟิงสดใสแวววาว ถามด้วยความอยากรู้ “ถ้าเช่นนั้นคุณชายมองออกหรือไม่ว่า ในงานเลี้ยงคืนนี้ ยังมีผู้สิงสถิตคนอื่น ๆ อีก?”

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset