📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 364

บทที่ 364 - ข่าวลือเรื่องการเปลี่ยนแปลงของทะเลวิญญาณโกลาหล
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ในราตรีมืดมิด

ห่างจากนครหลวงเทียนเชวียไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือสิบลี้ มีหิมะโปรยปรายลงมา ปกคลุมไปทั่วภูเขา

แม้จะเป็นยามราตรี ทว่าภายใต้หิมะที่ปกคลุม น่านฟ้ากลับมีชีวิตชีวา และขจัดความมืดมิดหายไป

กลางทะเลสาบเชียนเสวี่ยที่ล้อมรอบด้วยภูเขา มีเรืออูเผิง*[1] ล่องลอยอยู่ในนั้น

บนเรืออูเผิง มีเตาดินแดงขนาดเล็ก หม้อใบใหญ่วางอยู่บนเตาไฟ และซุปสีแดงสดที่ต้มด้วยเครื่องเทศรสเผ็ดมากกว่าสิบชนิดเดือดอยู่ในนั้น

ฉาจิ่นนั่งอยู่อีกด้าน และข้างนางมีวัตถุดิบสดใหม่สิบกว่าชนิดวางไว้ มีผักสีเขียวสดหลากหลาย มีเนื้อที่หั่นบางราวกับปีกจักจั่น และยังมีเห็ด ไส้เป็ด เลือดหมูและอื่น ๆ

ซูอี้กินไปด้วยดื่มไปด้วย รู้สึกสบายกายและใจมาก

หิมะโปรยปรายลงมาอย่างหนัก ทั่วสรรพสิ่งล้วนเงียบสงบ

ท่ามกลางราตรีที่เหน็บหนาวเข้ากระดูก การล่องเรืออยู่บนทะเลสาบกินหม้อไฟร้อน ๆ กับหญิงงามที่สวยจนอยากกลืนกิน เป็นความผ่อนคลายและความสุขที่หาได้ยากยิ่ง

“คุณชาย ลองชิมปลาสากใหญ่นี้ดูสิเจ้าคะ แค่นำลงไปลวกครู่หนึ่ง ไม่ต้องปรุงสิ่งใด ก็มีรสชาติที่อร่อยล้ำเลิศมากเลยเจ้าค่ะ”

ฉาจิ่นคีบเนื้อปลาขาวอวบชิ้นหนึ่งนำลงไปลวกในหม้อครู่หนึ่ง และส่งให้กับซูอี้

ปลาสากใหญ่คือสินค้าประจำถิ่นของทะเลสาบเชียนเสวี่ย ยาวสุดเพียงแค่ครึ่งฉื่อ มีชีวิตอยู่ในทะเลสาบเย็นเฉียบตลอดปี ทำให้เนื้อของปลานี้สดใหม่อย่างมาก

ซูอี้ชิมอยู่ครู่หนึ่ง ก็รู้สึกว่ารสชาตินั้นพิเศษมาก จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชม “อร่อยจริง ๆ”

ฉาจิ่นแย้มยิ้ม และช่วยซูอี้คีบอาหารอย่างขยันขันแข็ง บางครั้งก็ดื่มกับซูอี้บ้าง

เปลวไฟจากเตาสะท้อนอยู่บนดวงหน้างาม ขับให้เห็นถึงความน่ารักและอ่อนโยน

จนกระทั่งกินอิ่มและดื่มจนพอแล้ว ซูอี้จึงนั่งอยู่หน้าเรืออูเผิงอย่างเกียจคร้าน มองหิมะโปรยปรายลงมาบนผิวน้ำ รู้สึกผ่อนคลายและจิตใจเงียบสงบ

ฉาจิ่นช่วยชงชาร้อน ๆ ให้ชายหนุ่ม จากนั้นก็นั่งลงอยู่ด้านข้าง สองมือวางอยู่บนต้นขาซูอี้ ก้มหัวนอนหนุนอยู่บนแขนราวกับลูกแมว ดวงตากลมโตจ้องมองไปที่ไกล ๆ และเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

“คุณชาย ข้าไม่มีบ้านแล้ว จากนี้ไป… ไม่ว่าท่านจะไปที่ใด ข้าก็จะไปด้วย แต่คุณชายไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่ตัวติดท่านตลอดเวลา และจะไม่เรียกร้องฐานะอะไร เพียงแค่คุณชายไม่ขับไล่ข้าก็เพียงพอแล้ว”

ในน้ำเสียง แอบซ่อนความรู้สึกอ่อนโยนและความซาบซึ้งเอาไว้มากมาย

ซูอี้ลูบผมอ่อนนุ่มของฉาจิ่นเบา ๆ พลางเอ่ยทันที “เส้นทางการฝึกฝนในแต่ละก้าวนั้นยากยิ่ง บนลู่ทางนี้มีภัยพิบัติมากมาย หากเจ้าไม่กลัว ข้าจะไม่ทิ้งเจ้าไว้ผู้เดียว”

เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ เขาก็รู้สึกทอดถอนใจ

เป็นถึงปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินที่มีประสบการณ์หนึ่งแสนแปดพันปี เขาย่อมรู้ดีกว่าผู้ใด เมื่อการบำเพ็ญยิ่งสูงขึ้น ต่อให้เขาพาฉาจิ่นไปด้วย ก็คงมีเวลาอยู่ด้วยกันไม่มากนัก

แม้ยามนี้จะมีมิตรสหายที่ไปมาหาสู่กัน แต่จากนี้ไปแต่ละคนออกไปแสวงหาหนทางของตัวเอง เกรงว่าคงมิอาจได้พบกันอีก

นี่คือเส้นทางการฝึกตน

เมื่อยิ่งเดินบนลู่ทางนี้ไปไกลเท่าไร ญาติสนิทและสหายเก่าก็จะอยู่กับตัวเองน้อยลงเรื่อย ๆ จนห่างไกลกัน

แต่ด้วยวิธีการของซูอี้ ย่อมสามารถปกป้องคนข้างกายของเขาได้ อย่างเช่นก่อตั้งสำนักเสวียนจวินขึ้นมา และทำให้คนที่อยู่ข้างเขาฝึกฝนอยู่ในนั้น

เพียงแต่ถึงอย่างไร เมื่อเขาต้องไปแสวงหาวิถีดาบของตัวเอง ก็ต้องจากไปนานอยู่ดี

ซึ่งยังเร็วนักที่คุยเรื่องเหล่านี้ในยามนี้

เมื่อได้ฟังคำตอบของซูอี้ คล้ายกับฉาจิ่นสบายใจ ดวงหน้าจึงเผยรอยยิ้มหวานออกมา

สำหรับนางแล้ว การได้รับคำสัญญาจากซูอี้ คือเรื่องที่ไม่เคยจินตนาการมาก่อน เพราะก่อนหน้านี้ซูอี้มองนางเป็นเพียงสาวใช้เท่านั้น

“เอ๊ะ”

ทันใดนั้น แขนขาวที่อยู่บนขาซูอี้เกร็งขึ้นมาเล็กน้อย เพราะสัมผัสโดนสิ่งที่แข็งขืน

พลันใบหน้านางแดงขึ้นทันที พลางเอียงหน้าเขินอายที่แฝงไว้ด้วยความขลาดกลัวเหลือบมองซูอี้

ทว่าเห็นเพียงซูอี้ถือถ้วยน้ำชา และเอ่ยอย่างไม่แยแส “ถึงอย่างไรข้าก็เป็นบุรุษที่มีพละกำลัง หากไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย ยังจะเรียกว่าเป็นบุรุษได้รึ?”

เขาเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา และเป็นธรรมชาติ

ฉาจิ่นคุ้นเคยนิสัยตรงไปตรงมาของซูอี้มานานแล้ว พลันกวาดสายตาไปรอบ ๆ อย่างลุกลน เม้มริมฝีปากสีเลือดฝาดแน่น พลางเอ่ยเสียงเบา “ไม่งั้น… ให้ข้าช่วยคุณชาย?”

ในขณะที่เอ่ย นางสูดหายใจเข้าลึก และก้มหน้าลง

พลันร่างซูอี้แข็งทื่อ เขาส่งเสียงแหบแห้งพลางสูดอากาศเย็นเข้าไป

ความอ่อนโยนระหว่างก้มหัวนั้น คล้ายกับความเขินอายของดอกบัวที่ทนสายลมเย็นไม่ไหว

เตาไฟที่อยู่ข้าง ๆ ค่อย ๆ มอดดับไปทีละน้อย

หิมะปกคลุมภูเขาเขียวขจี ทุ่งอันกว้างใหญ่ไพศาลเงียบสงัด

เป็นเวลานานกว่าซูอี้จะถอนหายใจยาวออกมา

…..

เช้าวันต่อมา

แสงสว่างเจิดจ้าสาดส่องบนผิวน้ำทะเลสาบเชียนเสวี่ยเกิดคลื่นใสแจ๋วราวกับทองที่แตกกระจาย

หลังจากซูอี้ตื่นและออกมาจากเรืออูเผิงแล้ว ก็พาฉาจิ่นเดินทางไปนอกนครหลวงเทียนเชวีย

ฉาจิ่นเงยหน้าขึ้น ส่งเสียงผิวปากออกมาɴᴏᴠeʟɢu.ᴄᴏm

นี่คือการเรียกอินทรีเกล็ดเขียว

วันนี้พวกเขาตั้งใจเดินทางกลับต้าโจว

เมื่อฉาจิ่นหันหน้ากลับมา จึงเห็นซูอี้จ้องมองริมฝีปากตัวเองอยู่… คล้ายกับสิ่งนี้ทำให้นางนึกถึงเรื่องละมุนละไมเมื่อคืน พลันแก้มแดงเรื่อ แววตาเจือไปด้วยความเขินอาย

“นึกสิ่งใดอยู่กัน?” ซูอี้ยิ้มเยาะครู่หนึ่ง

แต่ต้องยอมรับว่า เมื่อคืนที่มัวเมามีความสุขอยู่ในทะเลสาบเชียนเสวี่ย กลับให้เกิดความรู้สึกอีกแบบหนึ่ง

ไม่นาน อินทรีเกล็ดเขียวก็โผล่ออกมาบนน่านฟ้า และพาทั้งสองจากไป

หลังจากข่าวที่ซูอี้เอาชนะชิวเหิงคงและข่มสำนักวงเดือนแพร่กระจายไปตลอดคืน และขยายไปทั่วทั้งต้าเว่ย จึงก่อให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ขึ้นมา

จักรพรรดิเว่ยตกใจ พลางส่งเสียง “ต้าโจวมีซูอี้แล้ว ทว่าต้าเว่ยข้าจะมีผู้ใดเทียบกับเขาได้?”

และเมื่อข่าวนั้นเผยแพร่มาถึงต้าโจว จากมหานครหลวงอวี้จิงไปจนถึงหกแคว้นพลันเกิดความอึกทึก และเริ่มสั่นสะเทือนขึ้น

“ชิวเหิงคงถือว่าเป็นนักดาบอันดับหนึ่งแห่งต้าเว่ย และเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมากเพียงใดย่อมรับรู้ทั่วกัน แต่เขากลับไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอัครมหาเสนาบดีซูแห่งต้าโจว?”

ไม่รู้มีคนไม่เชื่อไปมากเท่าไร

“นักดาบผู้เดียวเดินทางไปต้าเว่ย ย่ำเข้าไปในเขตแดนอย่างโดดเดี่ยว และบีบสำนักวงเดือนสถานที่ฝึกบำเพ็ญศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่งแห่งต้าเว่ยก้มหัวให้ นายท่านซูอี้ช่างไม่ธรรมดาจริง ๆ!”

มีคนปรบมือและเอ่ยชื่นชม

“ก่อนหน้านี้ ไม่ใช่มีคนบอกว่าการที่นายท่านซูอี้สังหารกลุ่มมังกรเร้นแห่งต้าโจวเป็นการทำเกินเหตุ ทำให้ศัตรูบุกรุกเข้ามาหรอกรึ? ยามนี้คนพวกนั้นอยู่ที่ไหนเสียล่ะ พ่อจะไปตบมันสักสองสามฉาด ให้มันคุกเข่าสารภาพผิดซะ!”

มีคนคันไม้คันมืออยากต่อย

“ต้าโจวของพวกเรามีนายท่านซูอี้อยู่ เมื่ออาณาจักรแข็งแกร่ง ทั่วใต้หล้าก็จะสงบสุขตลอดไป!”

ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่บนโลกสามัญนี้ต่างเปลี่ยนความคิดที่มีต่อซูอี้ และเทิดทูนเขาเป็นอย่างมาก

“การออกเดินทางของปรมาจารย์ ได้เพิ่มอำนาจของต้าโจวให้ยิ่งใหญ่ขึ้น การกระทำที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ในอดีตที่ผ่านมาไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน?”

ณ วังหลวงในมหานครหลวงอวี้จิง เมื่อโจวจือหลีรู้ข่าวก็รู้สึกตื่นเต้นฮึกเหิมมาก พลางตบขาตัวเองไปหลายครั้ง

ทว่าไม่นาน เขาอดรู้สึกกลุ้มใจไม่ได้ เพราะจู่ ๆ เขาก็ค้นพบว่า แม้ตอนนี้ตัวเขาจะครอบครองทั่วทั้งต้าโจว แต่ก็มิอาจนำของล้ำค่าที่เข้าตาไปบำเหน็จแก่ซูอี้ได้…

“ไม่อย่างนั้น ส่งสาวงามกลุ่มหนึ่งไปให้พี่ซูล่ะ? ไม่เหมาะ หากเป็นเช่นนี้ จะไม่ทำให้พี่ซูคิดว่าในความคิดข้านั้น เขาคือชายเจ้าชู้คนหนึ่งหรอกรึ?”

“ช่างเถิด เลือกของล้ำค่าหายากจากคลังพระราชวังส่งไปให้ก็พอแล้ว แม้พี่ซูอาจจะไม่สนใจ แต่ข้าต้องแสดงความจริงใจออกมาให้มากพอถึงจะดีที่สุด!”

“ทหาร ไปยังท้องพระคลัง จงนำ ‘หยกลายมังกร’ ‘ไขกระดูกหอมสวรรค์’ กับยาอสรพิษพันปีของล้ำค่าที่บิดาข้าสะสมไว้ออกมา”

หลังจากโจวจือหลีสั่งเสร็จ ก็อดมองไปทางราชครูหงเซินชางที่ช่วยเขาจัดการเรื่องในวังมาตลอดไม่ได้ พลางถาม “ท่านราชครู ท่านว่าของล้ำค่าเหล่านี้เพียงพอหรือไม่?”

มุมปากหงเซินชางกระตุก นี่คือของล้ำค่าไม่กี่อย่างที่จักรพรรดิโจวองค์ปัจจุบันครอบครองไว้ ทุกอย่างล้วนล้ำค่า และเป็นดั่งสมบัติสวรรค์ในสายตาเหล่าผู้ฝึกตน เจ้าเด็กนี่ยังคิดว่าไม่พออีกรึ?

เมื่อตั้งสติมั่นแล้ว หงเซินชางจึงเอ่ย “ฝ่าบาท สิ่งสำคัญที่สุดนั้นคือความจริงใจ”

โจวจือหลีส่งเสียงตอบรับเป็นการเข้าใจ “เช่นนั้น… เอาแบบนี้แล้วกัน หากมีเวลาว่างเมื่อใดข้าจะไปพบพี่ซูด้วยตัวเอง และแสดงความขอบคุณด้วยใจจริงอีกทีหนึ่ง”

การต่อสู้ของซูอี้ในสำนักวงเดือนแห่งต้าเว่ย ไม่เพียงขยายอำนาจของต้าโจวแบบธรรมดาเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วยังเกิดการสยบที่น่าหวาดกลัวต่อต้าเว่ยได้ด้วย!

นี่สิถึงจะสำคัญที่สุด

…..

แคว้นกุ่น ตำหนักเทียนหยวน

ศาลาหมิงเฉวียน

“ครั้งนี้สหายเต๋าไปไม่ถึงสองวัน ก็เอาชนะสำนักวงเดือนและสยบชิวเหิงคงได้ ตั้งแต่นี้ต่อไป เกรงว่าทั่วอาณาจักรต้าเว่ยคงไม่มีผู้ใดกล้ามาสร้างปัญญาในต้าโจวแล้ว”

นัยน์ตาสดใสของหนิงซือฮวาฉายแววขบขัน มองซูอี้ที่นั่งดื่มชาอยู่ตรงนั้น พลางเอ่ยชื่นชม

นางเพิ่งได้รับข่าวมาไม่นานก่อนหน้านี้ เมื่อรู้ว่าบุคคลยอดเยี่ยมแห่งวิถีดาบอย่างชิวเหิงคงพ่ายแพ้ภายใต้น้ำมือซูอี้ นางก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

“ข่าวแพร่ไปเร็วจริง ๆ”

ซูอี้ส่ายหน้าครู่หนึ่ง “จริงสิ เจ้ามีเรื่องเร่งด่วนที่จะบอกมิใช่รึ?”

“เมื่อวานหลานซัวส่งข่าวมาว่า ส่วนลึก ‘ทะเลวิญญาณโกลาหล’ สถานที่อันตรายแห่งหนึ่งในต้าเว่ย เกิดการเปลี่ยนแปลงที่แปลกประหลาด คล้ายกับมีซากวัตถุโบราณโผล่ออกมา”

หนิงซือฮวาเอ่ยเสียงเบา “ว่ากันว่า มีปรากฏการณ์ประหลาดที่บดบังท้องฟ้าสูงหนึ่งพันจั้ง มีเสียงร้องลึกลับดังขึ้นมาไม่ขาดสาย และมีเงาวิมารสวรรค์สะท้อนออกมา”

ซูอี้ส่งเสียงตอบรับเป็นอันว่าเข้าใจ พลางแสดงท่าทางสนใจออกมา “ยังมีสิ่งอื่นที่น่าสังเกตอีกหรือไม่?”

หนิงซือฮวาเอ่ย “ไม่แน่ใจ หลานซัวไม่ได้บอกอย่างละเอียด นางแค่สืบมาจากอาจารย์อวิ๋นหลาง การเปลี่ยนแปลงแปลกประหลาดในส่วนลึกทะเลวิญญาณโกลาหลอาจจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มวิถีปราชญ์โบราณที่มีชื่อว่า ‘หอเซียนดาบ’ ก็เป็นได้”

“หอเซียนดาบ? ก็แค่กองกำลังฝึกตนโบราณเท่านั้น คนในสำนักอาจหาญกล้าแสดงตนว่าเป็น ‘กลุ่มเซียน’ เลยรึ?”

ซูอี้เลิกคิ้ว “แต่นี่กลับทำให้ข้านึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ มักจะเป็นกองกำลังฝึกปีศาจ ที่ชอบเพิ่มคำว่า ‘เทพ’ หรือ ‘เซียน’ ไว้บนชื่อสำนักของตัวเอง ใช้สิ่งนี้แสดงตน โอ้อวดว่าตนนั้นหลุดพ้นจากเรื่องไร้อารยธรรม ลอกคราบและกลายเป็นผู้ฝึกตนบนเส้นทางเซียน”

หนิงซือฮวาอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ “ยังมีความคิดเช่นนี้อยู่อีกรึ?”

นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้ยินอะไรเช่นนี้ ดังนั้นหนิงซือฮวาจึงเอ่ยถามต่อ “เช่นนั้นสหายเต๋าสนใจต่อการเปลี่ยนแปลงนี้หรือไม่? หลานซัวบอกว่า นางหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ร่วมเดินทางไปกับเจ้า”

แววตาซูอี้ฉายแววแปลกใจเล็กน้อย

ก่อนหน้านี้ ราชาขนนกเยว่ซือฉานเชิญชวนเขาเดินทางไปต้าเซี่ยเพื่อเข้าร่วม ‘ชุมนุมมวลพฤกษา’ ด้วยกัน

และยามนี้ หลานซัวก็เชิญชวนเขาไปต้าฉินเพื่อสืบหาของล้ำค่าที่อยู่ในส่วนลึกทะเลวิญญาณโกลาหลอีก

ดูเหมือนว่าตัวเขาในยามนี้เหมือนกลายเป็นหนุ่มเนื้อหอมเลย…

เมื่อคิดครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยสิ่งใด จู่ ๆ บนน่านฟ้าไกล ๆ มีปักษาเวคินตัวหนึ่งบินมา และเกาะบนต้นสนไม่ไกลจากศาลาหมิงเฉวียนนัก

และในกรงเล็บของปักษาเวคินมีจดหมายลับอยู่หนึ่งฉบับ

[1] เรืออูเผิง (乌篷船) มีลักษณะคล้าย ๆ เรือสำปั่นของบ้านเรา ทว่ามีหลังคาคลุมส่วนกลางของตัวเรือ

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset