📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 351

บทที่ 351 - แสงจันทราทะลวงประหนึ่งดาบ
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

เมื่อวานตอนที่ซูอี้ต่อสู้กับโจวฉางอี้ และเหล่าผู้อาวุโสจากภูเขามังกรเร้น จักรพรรดิโจวไม่เคยปรากฏตัวมาให้เห็นหน้าแม้แต่น้อย หรือแม้กระทั่งตอนที่โจวฉางอี้และคนอื่น ๆ ถูกสังหารจนสิ้น จักรพรรดิแห่งต้าโจวก็ยังไม่ปรากฏกาย

ดังนั้นแล้วเมื่อเห็นโจวจือหลีซึ่งกลายเป็นรัชทายาทมายืนรอรับที่หน้าประตูเมืองตั้งแต่เช้าตรู่ ซูอี้จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าจักรพรรดิแห่งต้าโจวกำลังคิดสิ่งใดอยู่

กล่าวโดยย่อ จักรพรรดิโจวองค์ปัจจุบันไม่สนใจการตายที่เกิดขึ้นกับผู้อาวุโสกลุ่มมังกรเร้นเหล่านั้น!

อีกทั้งยังต้องการให้โจวจือหลีมาผูกสัมพันธ์กับเขาให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เพื่อที่ภายภาคหน้าจะได้สามารถยืมใช้ชื่อของเขาซูอี้เพื่อสะกดข่มบรรดาอาณาจักรที่อยู่รายล้อม

ท้ายที่สุดมันเป็นเรื่องที่เขาเข้าใจได้ ภูเขามังกรเร้นนั้นเปรียบเสมือนเสาหลักซึ่งรับประกันความปลอดภัยของต้าโจวแก่อาณาจักรอื่น ๆ เมื่อกลุ่มมังกรเร้นถูกสังหารจะเกือบหมดเช่นนี้ ต้าโจวก็เหมือนไร้อาวุธที่จะต่อกรกับอาณาจักรอื่น ๆ ที่อยู่รายล้อม

แค่อาศัยกำลังทหารธรรมดาทั่วไปย่อมไม่สามารถยับยั้งผู้ฝึกตนระดับสูงของอาณาจักรอื่นได้เลย

ทว่าจักรพรรดิแห่งต้าโจวองค์ปัจจุบันรู้ตัวดีว่าตัวเองไม่มีค่าเพียงพอให้เขาสนใจได้ ดังนั้นจักรพรรดิโจวจึงมีรับสั่งให้โจวจือหลีมารอพบเขาที่นี่

อย่างไรก็ตาม ซูอี้จะไม่เป็นผู้อุปถัมภ์ราชวงศ์โจวด้วยเหตุผลเพียงเพราะราชวงศ์โจวมีโจวจือหลีเป็นรัชทายาท

นั่นเป็นเหตุผลที่เขาบอกให้โจวจือหลีเอาคำพูดของเขาเองกลับไปบอกกับจักรพรรดิโจว

หากเจ้าต้องการใช้ชื่อข้าซูอี้เพื่อข่มขู่ศัตรูทั่วหล้า

ข้าจะยินยอมก็ต่อเมื่อโจวจือหลีได้ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิแห่งต้าโจวแล้วเท่านั้น!

นี่คือการแลกเปลี่ยน!

ในส่วนลึกของภูเขาชิงฉี

ด้านหน้าหลุมฝังศพของเยี่ยอวี่เฟยมีโกศจำนวนมากวางเรียงรายอยู่

นี่คือการชดใช้จากตระกูลซู

ฝนตกปรอย ๆ บรรยากาศมืดหม่น

ซูอี้เดินมาหยุดหน้าหลุมฝังศพและนิ่งเงียบ

โจวจือหลีหยิบเทียน ธูป และเงินกระดาษออกมาก่อนจะนั่งยอง ๆ แล้วเริ่มเผาสิ่งของต่าง ๆ จนควันคลุ้ง

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง

ซูอี้หยิบระฆังทัณฑ์โลกันต์ออกมา

ความลึกลับของสมบัติวิเศษนี้เขาได้เข้าใจมันอย่างทะลุปรุโปร่งหมดแล้ว

เมื่อตอนที่สมบัตินี้ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ มันคือสมบัติอันทรงพลังซึ่งถูกสร้างโดยผู้ฝึกตนขั้นวิถีวิญญาณที่ใกล้จะก้าวเข้าสู่ขั้นวิถีลึกล้ำ

ซูอี้มั่นใจได้ประการหนึ่งว่ายามที่แม่ของเขามาจากอีกโลกหนึ่งพร้อมกับสมบัติชิ้นนี้ สมบัตินี้ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงมาก่อนหน้านี้แล้ว

ไม่เช่นนั้นพลังของปีศาจตัวนั้นที่สิงสู่ในระฆังนี้จะไม่อ่อนแอลงอย่างแน่นอน

แต่สิ่งที่ทำให้ซูอี้รู้สึกแปลกอีกอย่างก็คือมี ‘ผนึก’ ที่ลึกลับมากในสมบัตินี้

และเมื่อเขาใช้จิตสัมผัสตรวจสอบมัน เขาได้พบว่าผนึกนี้แท้จริงแล้วซ่อน ‘แผนที่ลับ’ อยู่ภายใน

แผนที่ลับนี้วาดเป็นรูปต้นไม้ใหญ่แปลกประหลาดที่มีฐานรากหยั่งอยู่บนท้องฟ้ายืนต้นขึ้นสูงเสียดไปถึงหมู่ดวงดาว ตามกิ่งก้านมีดวงดาวมากมายห้อยติดอยู่มากมายราวกับดอกผล แต่ทว่าดาวทุกดวงเหล่านั้นกลับมีสภาพไม่สมประกอบทั้งหมดสิ้น สภาพของดวงดาวเหล่านั้นแตกพังยับเยินแหว่งเว้าอย่างน่าฉงน

ในแผนที่ลับยังมีข้อความลึกลับภาษาเทพมารจากสมัยบรรพกาล

‘ที่มาแห่งคังชิง ความลับแห่งจักรพรรดิเก้าสมบูรณ์’

หากไม่ใช่เพราะความรู้ที่เคยสั่งสมมาเมื่อชีวิตที่แล้ว ซูอี้คงไม่สามารถอ่านออกและแปลภาษานี้ได้

แต่ถึงแม้ว่าเขาจะอ่านออก ซูอี้ก็ยังคงงุนงง

ที่มาแห่งคังชิง ประโยคนี้เขาพอเดาได้ว่ามันจะต้องเกี่ยวข้องกับจุดกำเนิดของทวีปคังชิงแต่ ‘ความลับแห่งจักรพรรดิเก้าสมบูรณ์’ นี้หมายความว่าอย่างไร?

ข้อความลึกลับนี้เกี่ยวข้องกับแผนที่ลับนี้อย่างไร?

เมื่อชีวิตที่แล้ว ซูอี้เคยเห็นต้นไม้แห่งดวงดาวในซากเมืองร้างปรักหักพังโบราณแห่งหนึ่ง ต้นไม้นั้นมีดาวสุกใสห้อยอยู่ที่กิ่งก้านของมันมากมายซึ่งเป็นภาพอันมหัศจรรย์นัก

ดังนั้นแล้วต้นไม้ใหญ่ในแผนที่ลับย่อมไม่น่าจะใช่ต้นไม้แห่งดวงดาวที่เขาเคยเห็นเมื่อชีวิตที่แล้วแน่นอน

เรื่องราวนี้แปลกยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ

หลังจากครุ่นคิดเป็นเวลานาน ซูอี้ก็ทำได้เพียงอนุมานว่าสาเหตุที่แม่ของเขาเดินทางจากอีกโลกหนึ่งมายังทวีปคังชิงพร้อมกับระฆังทัณฑ์โลกันต์ เป็นไปได้มากว่านางอาจจะต้องการหาความจริงเกี่ยวกับ ‘ที่มาแห่งคังชิง ความลับแห่งจักรพรรดิเก้าสมบูรณ์’!

กล่าวอีกนัยหนึ่ง คุณค่าของระฆังทัณฑ์โลกันต์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามันทรงพลังแค่ไหน แต่สาเหตุที่มันล้ำค่านั้นเป็นเพราะแผนที่ลับที่ซ่อนอยู่ต่างหาก!

ผ่านไปอีกพักใหญ่

ซูอี้รวบรวมสติก่อนจะก้าวไปข้างหน้า คุกเข่าและกราบคำนับหลุมฝังศพของเยี่ยอวี่เฟยสามครั้ง

จากนั้นซูอี้โบกมือ และทันใดนั้นหน้าดินของหลุมฝังศพจึงถูกขุดเปิดทันที เผยให้เห็นโลงศพที่ฝังอยู่ก้นหลุม

ซูอี้ก้าวไปข้างหน้าและเปิดโลงศพ

แลเห็นโครงกระดูกที่ไร้เนื้อหนังนอนอยู่ในโลง ซูอี้อดถอนหายใจเบาไม่ได้

นี่คือความแตกต่างระหว่างคนเป็นและคนตาย

ไม่ว่ามนุษย์จะสง่างามหรือกล้าแกร่งสะท้านฟ้าเพียงใด ทว่าหลังจากตายลง ทั้งหมดสุดท้ายก็เหลือเพียงดินกลบหลุมและโครงกระดูกอันไร้ชีวิต

ซูอี้เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาชี้นิ้วไปที่โครงกระดูก เกิดเปลวไฟลุกพรึบขึ้นบนโครงกระดูก และถัดมาเพียงชั่วอึดใจ โครงกระดูกทั้งหมดได้ถูกความร้อนของไฟเผาไหม้จนหลงเหลือแต่อัฐิขาว ก่อนที่ซูอี้จะรวบรวมอัฐิทั้งหมดไว้ในระฆังทัณฑ์โลกันต์

“ไปกันเถิด” ซูอี้ไม่คิดอยู่อีกต่อไป

นอกจากการมาไหว้หลุมศพ ซูอี้ได้วางแผนไว้ว่าจะนำอัฐิของเยี่ยอวี่เฟยซึ่งเป็นมารดาของเขากลับไปด้วยเพื่อไม่ให้เหล่าศัตรูทั้งหลายที่มีอยู่ในปัจจุบันและที่อาจเพิ่มขึ้นในอนาคต คิดล้างแค้นเขาด้วยการทำลายหลุมฝังศพและทำลายโครงกระดูก

ซูอี้เคยเห็นวิธีการล้างแค้นอันแสนจะสกปรกเช่นนี้มามากเมื่อชีวิตที่แล้วของเขาเอง ดังนั้นครานี้เขาจะไม่ให้มันเกิดขึ้น!

หลังจากกลับเข้าไปในเมือง โจวจือหลีก็กล่าวคำอำลาและตรงกลับไปที่วังทันที

ซูอี้แยกกลับไปที่เรือนของเขา

เก๋อฉางหลิงราชากลืนสมุทรได้รอคอยอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นซูอี้กลับมาถึง เขาก็ทักทายก่อนเล็กน้อย จากนั้นจึงหยิบแผ่นศิลาออกมาโนlวลกูดoทคอม

แผ่นศิลานี้ยาวเกือบสองฉื่อ ทั้งแผ่นเป็นสีดำมืดสนิทและมีรอยด่างเล็กน้อย มันเต็มไปด้วยกลิ่นอายโบราณ และมีอักษรลายมือโบราณถูกจารึกไว้

‘พลังที่ถูกปิดผนึกไว้ข้างใต้ จะต้องทะลวงออกมา’

‘ทั้งหมดที่เคยถูกจองจำ จะต้องถูกพังทลาย’

‘เหตุการณ์อันยิ่งใหญ่และการนองเลือดในอดีต จะกลับมาอีกครา’

‘ก่อนที่หมอกหนาทึบจะถูกเปิดเผย เรื่องที่ผิดปกติทั้งหมด จะเป็นลางบอกเหตุ’

ซูอี้จ้องไปที่ถ้อยคำสลักครู่หนึ่ง แต่ไม่พบสิ่งใดที่ควรค่าแก่การสนใจนอกจากประโยคเหล่านี้ ดังนั้นเขาจึงเพ่งสมาธิไปที่แผ่นศิลา

“เมื่อในอดีตยามที่ข้าได้แผ่นศิลานี้มา ข้าได้ตรวจสอบมันอย่างละเอียดและพบว่าแผ่นศิลานี้แข็งแรงยิ่งนัก มันต้านทานต่อทุกธาตุรวมไปถึงศาสตราทุกชนิดก็ไม่อาจสร้างรอยขีดข่วนให้แก่มันได้”

เก๋อฉางหลิงยังกล่าวต่ออีก “สิ่งที่น่าอัศจรรย์อีกอย่างของแผ่นศิลานี้คือมันสามารถสะกดข่มอำนาจของภูเขาและแม่น้ำ อีกทั้งยังสามารถดูดซับปราณวิญญาณหรือแม้แต่พลังแห่งสวรรค์และโลกก็ยังได้ ซึ่งมันไม่ใช่คุณสมบัติที่สมบัติวิเศษธรรมดาทั่วไปจะทำได้”

หลังจากจบประโยค เก๋อฉางหลิงก็หัวเราะกับตัวเอง “หรือไม่บางทีอาจเป็นเพราะข้าโง่เง่าจนเกินไปก็เป็นได้ข้าจึงไม่อาจล่วงรู้ความลับของแผ่นศิลานี้แม้จะศึกษามันมาแล้วหลายปี”

ซูอี้กล่าวตอบ “ไม่น่าแปลกหรอกที่เจ้าจะไม่เข้าใจแผ่นศิลานี้ ส่วนหนึ่งของแผ่นศิลานี้จริง ๆ แล้วมันคือวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่เรียกว่า ‘ผลึกเอกภพ’ วัตถุนี้ถือกำเนิดขึ้นในสถานที่ห่างไกล ไกลยิ่งกว่าจุดที่หมู่ดาวบนท้องฟ้ารวมตัวกัน มันหายากอย่างที่สุด เป็นวัตถุชั้นเลิศสำหรับการสร้างสมบัติวิญญาณทุกชนิด”

หลังจากพูดจบซูอี้ก็อดประหลาดใจไม่ได้ ‘ผลึกเอกภพ’ แม้จะเป็นในเก้ามหาแดนดินก็ยังนับว่าเป็นวัตถุที่หายากมาก

เขาไม่คาดคิดเลยว่าในทวีปคังชิงอันแห้งแล้งนี้จะมีใครบางคนกล้าใช้วัตถุอันล้ำค่านี้เป็นวัตถุดิบหนึ่งในการสร้างแผ่นศิลา ซึ่งมันไม่ต่างกับการทำให้ของดีกลายเป็นเสียเปล่า!

อย่างไรก็ตาม อาจเป็นไปได้ว่าผู้ที่สร้างแผ่นศิลานี้ขึ้นมาไม่ได้สนใจมันเลยแม้แต่น้อย!

“ผลึกเอกภพ?”

เมื่อเก๋อฉางหลิงได้ยินชื่อนี้จากปากของซูอี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ “มันกลับกลายเป็นว่าสิ่งที่ศิษย์ของข้าพูดเมื่อตอนนั้นเป็นความจริงทั้งสิ้น… ”

ซูอี้เลิกคิ้วและเอ่ยถาม “ศิษย์ของท่านรู้จักมันด้วยอย่างนั้นหรือ?”

เก๋อฉางหลิงพยักหน้า “ข้ามีศิษย์คนหนึ่งชื่อเก๋อเฉียน เขาเป็นกำพร้าตั้งแต่เด็ก และติดตามข้าตั้งแต่ยังเยาว์วัย สองสามปีก่อนเมื่อข้านำแผ่นศิลานี้กลับมา เขาบอกได้ทันทีว่าแผ่นศิลานี้ทำมาจากอะไร”

“ทว่าเขาให้ข้ออ้างกับข้าว่าสาเหตุที่เขาล่วงรู้เป็นเพราะเขาเคยอ่านบันทึกโบราณเล่มหนึ่งซึ่งมีบันทึกเกี่ยวกับผลึกเอกภพ อีกทั้งเขายังแนะนำให้ข้านำแผ่นศิลานี้ไปตั้งที่บนจุดยอดสุดของภูเขาเถาวัลย์อาถรรพ์ โดยบอกว่าด้วยแผ่นศิลานี้จะสามารถดึงดูดปราณวิญญาณและพลังแห่งสวรรค์และโลกมารวมตัวกันได้ และจะทำให้ภูเขาเถาวัลย์อาถรรพ์เปลี่ยนเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเหมาะสำหรับการบ่มเพาะในท้ายที่สุด”

ซูอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ลูกศิษย์ของท่านคนนี้ไม่ธรรมดา สามารถรู้วิธีการใช้แผ่นศิลานี้เพื่อรวบรวมปราณวิญญาณและพลังแห่งสวรรค์และโลก”

เก๋อฉางหลิงเริ่มขมวดคิ้วเช่นกันและกล่าวว่า “สหายเต๋า พูดตามตรง มีบางอย่างแปลก ๆ เกี่ยวกับลูกศิษย์ของข้าผู้นี้ซึ่งข้าสงสัยว่าเขาน่าจะได้รับสืบทอดมรดกโบราณบางอย่างมาก็เป็นได้ แต่เนื่องจากข้ามั่นใจว่าเขาไม่ได้ถูกแย่งชิงร่างไป ข้าจึงไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวและปล่อยให้เขามีอิสระในการทำสิ่งต่าง ๆ”

ครั้นนิ่งไปครู่หนึ่งเก๋อฉางหลิงก็กล่าวต่อว่า “อีกอย่าง ลูกศิษย์ของข้าผู้นี้มีบุคลิกที่ระมัดระวังตัวเองต่อทุกสิ่งอย่างเป็นอย่างยิ่ง ยกตัวอย่าง หากแค่เพียงสหายเต๋าพูดจาเชิงข่มขู่เขาสักเพียงเล็กน้อย เขาจะทำตัวเป็นเต่าหัวหดและหาทางหนีเอาตัวรอดในทันที เขาไม่เคยทำสิ่งใดที่เสี่ยงต่อการทำให้ตัวเองเจ็บตัวเลยสักครั้ง”

กล่าวถึงเรื่องนี้ เก๋อฉางหลิงก็หัวเราะและพูดกับซูอี้ “อันที่จริงเมื่อตอนนั้นที่สหายเต๋าเอาลูกท้อไฟหยางบริสุทธิ์ไปจากสันเขามารดาภูตผี ข้าเคยส่งเก๋อเฉียนออกไปตามหาสหายเต๋า แต่ท้ายที่สุด แม้แต่ข้าก็ยังไม่คาดคิดว่าลูกศิษย์ของตัวเองจะขี้กลัวถึงขนาดนั้น เมื่อเก๋อเฉียนไปถึงสันเขามารดาภูตผีและได้ทราบรายละเอียดต่าง ๆ จากคนแคระนั่น เขาจึงเกิดกลัวที่จะพบกับสหายเต๋า ซึ่งหลังจากนั้นเขาก็รีบเดินทางกลับไปหาข้าทันที”

หลังจากได้ฟังทั้งหมดนี้ ซูอี้อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจว่าโลกนี้มีคนที่ขี้ระแวงขนาดนี้อยู่ด้วย เขาหัวเราะเสียงเบาและพูดว่า “ดูเหมือนศิษย์ของท่านเป็นคนที่ระมัดระวังในทุกสิ่งอย่างอย่างแท้จริง”

เก๋อฉางหลิงยิ้มและส่ายหัว “การระมัดระวังเกินไปไม่ต่างจากการเป็นคนขี้ขลาด ขณะนี้ศิษย์ของข้ากำลังไปหาประสบการณ์ที่ทะเลฮุนหมิง เมื่อใดที่เขากลับมา ข้าอยากจะพาเขามาพบกับสหายเต๋าสักครั้งหนึ่งเพื่อให้สหายเต๋าช่วยดูให้ทีว่าแท้จริงแล้วตัวเขามีปัญหาอันใดหรือไม่”

ซูอี้ยิ้มก่อนจะเอ่ยออกอย่างราบเรียบ “ด้วยบุคลิกที่ระมัดระวังขนาดนั้น ข้าเกรงว่าเขาคงไม่มีทางกล้ามาพบข้าแน่นอน แต่ถ้าหากท่านสามารถพาเขามาเจอกับข้าได้ ข้าก็ยินดีที่จะช่วยท่านไขปริศนาของเขาให้”

หลังจากพูดคุยกันอีกครู่หนึ่ง เก๋อฉางหลิงก็บอกลาและจากไป

ทว่าในยามที่จากไป เขาจากไปอย่างรวดเร็วโดยทิ้งแผ่นศิลาเอาไว้เบื้องหลังอย่างไม่บอกกล่าว ดังนั้นซูอี้จึงไม่สามารถปฏิเสธได้เลย

ซูอี้รู้ว่าเก๋อฉางหลิงกำลังชดเชยบุญคุณของแม่ของเขาเยี่ยอวี่เฟยในอีกทางหนึ่ง

หรือมันอาจจะเป็นการชดเชยความผิดพลาดไปในตัวด้วย

หลังจากเก็บแผ่นศิลา ซูอี้ก็กลับไปที่ห้องของตนเองและนั่งทำสมาธิเหมือนเช่นเคย

วันเดียวกัน

จักรพรรดิแห่งต้าโจวองค์ปัจจุบันได้ออกราชโองการประกาศต่อทั้งโลกหล้า ว่านับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปตนเองจะพักการว่าราชการ และยกอำนาจการตัดสินใจในการบริหารบ้านเมืองให้แก่องค์รัชทายาทโจวจือหลีแต่เพียงผู้เดียวในทันที ส่วนหงเซินชางจะยังคงเป็นราชครูช่วยในการบริหารราชสำนักเช่นเดิม!

ทันทีที่ข่าวนี้แพร่ออกไป โลกโกลาหลอย่างฉับพลัน

ใครจะไม่รู้ว่าถึงแม้จักรพรรดิโจวองค์ปัจจุบันจะไม่ได้สละราชสมบัติจริง ๆ แต่มันคล้ายกับเขาได้สละเก้าอี้มังกรตัวนั้นเอาไว้ให้กับโจวจือหลีเรียบร้อยแล้ว เมื่อใดที่โจวจือหลีสร้างอิทธิพลของตนเองได้จนไม่มีใครในต้าโจวสั่นคลอนสำเร็จ เมื่อนั้นโจวจือหลีจะได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้มังกรนั่น!

ในวันเดียวกัน โจวจือหลีในฐานะองค์รัชทายาทผู้ที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จในมือได้ออกคำสั่งให้เหล่าราชองค์รักษ์คุมขังองค์ชายรองและองค์ชายสามทันที รวมไปถึงกวาดล้างกลุ่มอิทธิพลที่สนับสนุนพวกเขาทั้งหมด!

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าโจวจือหลียังคงแค้นใจเรื่องที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงน้ำชาในกุ่นโจว

ถัดจากนั้นโจวจือหลีได้ออกราชโองการและประกาศให้ทั้งต้าโจวรับรู้ว่าซูอี้ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น ‘อัครมหาเสนาบดีแห่งต้าโจว’!

ทันทีที่ข่าวนี้ถูกประกาศ ทุกฝ่ายในต้าโจวต่างตกตะลึง

อัครมหาเสนาบดี!?

ตำแหน่งนี้สูงส่งยิ่งกว่าราชครูของหงเซินซางเสียอีก นับแต่ก่อตั้งราชวงศ์โจวขึ้นมา ยังไม่มีใครสักคนได้รับเกียรตินี้เลย!

ในเวลานี้ใครบ้างที่มองไม่เห็นว่าสาเหตุที่โจวจือหลีกลายเป็นรัชทายาทและมีอำนาจสั่งการเบ็ดเสร็จเพียงผู้เดียวนั้น ล้วนเป็นผลมาจากซูอี้ทั้งหมด?

“ในงานเลี้ยงน้ำชาที่กุ่นโจว ซูอี้ได้ช่วยองค์รัชทายาทตัดศีรษะกลุ่มศัตรูและชนะตำแหน่งเจ้าแคว้นกุ่น แต่ใครจะคิดว่าในเวลาเพียงไม่กี่เดือนหลังจากนั้นด้วยความช่วยเหลือของซูอี้ องค์รัชทายาทจะได้กลายเป็นผู้ที่ทรงอำนาจที่สุดในต้าโจวอย่างแท้จริง”

ไม่รู้ว่ามีกี่คนที่ถอนหายใจ

“ด้วยการสนับสนุนจากซูอี้ผู้แข็งแกร่งราวกับเทพสวรรค์ ใครบ้างจะกล้าท้าทายองค์รัชทายาทอีก?”

บางคนตื่นเต้นและเบิกบาน

“โชคขององค์รัชทายาท… ท้าทายสวรรค์เกินไปหรือไม่…”

ทว่ามีบางคนที่ถอนหายใจอย่างลับ ๆ โดยคิดว่าโจวจือหลีนั้นโชคดีเกินไปจนท้ายที่สุดทุกอย่างอาจกลายเป็นหายนะ มันเป็นเรื่องง่ายที่จะกลายเป็นองค์รัชทายาทแห่งต้าโจว แต่ทุกอย่างมันอาจจะจบเพียงเท่านี้

ขณะที่โลกกำลังวุ่นวายกับข่าวการเปลี่ยนแปลงของราชสำนัก

ยามเย็นใกล้จะค่ำ

ราชาขนนกเยว่ซือฉานมาเยือน

ขณะนี้ซูอี้เพิ่งเสร็จสิ้นการฝึกฝนของเขาพอดี แต่ทว่าสภาวะรู้แจ้งกลับบังเกิดขึ้น เขาหยิบพู่กันขึ้นมาและเขียนคำลงบนแผ่นกระดาษ

‘ดั่งนิรันดร์ ผืนฟ้าปราศจากมลทิน จันทราเจิดจ้าส่องทะลวงถึงดวงใจประหนึ่งดาบ…’

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset