📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 321

บทที่ 321 - พวกเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าดีใจยิ่งนัก
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ชั้นที่เก้า ณ หอหลิวซาง

ตำหนักฟ่งหมิง

“คุณชาย ผู้สูงศักดิ์ท่านนั้นรออยู่ในนี้ ข้าขอตัวก่อน”

เฉียวอวี่พูดจายิ้มแย้มอ่อนโยน

ซูอี้พยักหน้า เห็นว่าเฉียวอวี่จากไปแล้วจึงกล่าวกับฟางหยวน “เจ้ารออยู่ตรงนี้”

จากนั้น เขาก็ผลักประตูเดินเข้าไปในตำหนักฟ่งหมิง

ในตำหนักที่งดงามแบบโบราณ มีร่างใครคนหนึ่งนั่งอยู่เพียงลำพัง เขาสวมชุดคลุมยาวสีหยก ท่าทางงามสง่า

โจวจือหลีองค์ชายหกแห่งอาณาจักรต้าโจวนั่นเอง!

เห็นซูอี้มาถึงแล้ว เขาก็รีบลุกไปต้อนรับ กล่าวขออภัย “พี่ซู รบกวนเหลือเกินที่ให้พี่ซูมาด้วยตนเอง เป็นเพราะสถานภาพของข้าแท้ ๆ หากข้าไปหาที่ลานซงเฟิงเปี๋ยด้วยตนเอง จะต้องถูกคนนับไม่ถ้วนหมายตาอย่างแน่นอน ขอพี่ซูโปรดให้อภัยด้วย”

ซูอี้โบกมือกล่าว “มีอะไรก็กล่าวมา เรื่องสำคัญที่เจ้าพูดถึงในจดหมายคือเรื่องอันใด”

ก่อนหน้านี้ที่ลานซงฟงเปี๋ย ผู้ที่ให้คนนำจดหมายไปให้ก็คือโจวจือหลี

หากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ ซูอี้ก็ยังคร้านมาหาด้วยตนเอง

ขณะที่พูด เขาก็นั่งลงหยิบกาสุราบนโต๊ะรินสุราให้กับตัวเอง

โจวจือหลีกลับรู้สึกอึดอัด กล่าวด้วยความกังวล “พี่ซู ก่อนหน้านี้ข้าเคยเกลี้ยกล่อมพี่ซูแล้วว่าอย่าได้มานครหลวงอวี้จิง แต่ไม่คิดเลยว่า พี่ซูก็ยังคงมาจนได้…”

เขาถอนใจ

ซูอี้กล่าว “เจ้ากังวลว่าข้าจะเกิดเรื่องในนครหลวงอวี้จิงเช่นนั้นหรือ?”

โจวจือหลีรีบส่ายหน้า กล่าว “ไม่ใช่เช่นนั้น”

คิดสักครู่ เขากล่าวจริงจังขึ้นมา “พี่ซู ข้าขอถามสักคำถาม พี่ซูมานครหลวงอวี้จิงในครั้งนี้ ที่แท้แล้วต้องการจะทำเช่นใดต่อซูหงหลี่ผู้เป็นบิดา? คงไม่คิดจะ… ฆ่าบิดาของตัวเองหรอกกระมัง?”

ซูอี้ดื่มสุราไปจอกหนึ่ง โพล่งตอบออกมา “เป็นอย่างไร หรือว่าทำเช่นนั้นไม่ได้?”

โจวจือหลีหัวเราะฝืดพลางกล่าว “ใช่ว่าไม่ได้ เพียงแต่พี่ซูไม่มีแม้โอกาส”

ซูอี้เลิกคิ้ว “หมายความเช่นใด?”

โจวจือหลีสูดหายใจลึก ๆ ทีหนึ่ง กดเสียงเบาลงกล่าว “เรื่องมาถึงตอนนี้แล้ว ข้าจะไม่ปิดบังอีก ไม่ว่าจะเป็นเสด็จพ่อของข้า หรือจะเป็นราชครูหงเซินซาง ล้วนไม่มีทางปล่อยให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น!”

“ซึ่งนี่ก็หมายความว่า ต่อให้พี่ซูมีโอกาสเอาชนะซูหงหลี่ แต่หากพี่ซูต้องการจะฆ่า จะต้องเผชิญการขัดขวางของเสด็จพ่อข้ากับราชครูหงเซินซาง!”

ซูอี้ส่งเสียงร้องอ้อ จากนั้นจึงกล่าวอย่างเบาสบาย “เจ้าคิดว่า พวกเขาสามารถขัดขวางข้าได้เช่นนั้นหรือ?”

โจวจือหลีส่ายหน้าพลางกล่าว “พี่ซู สาเหตุที่อาณาจักรต้าโจวของข้าสามารถปกป้องรักษาแผ่นดินมาได้ ไม่ได้อาศัยแต่เพียงอำนาจสามัญทั่วไปเหล่านั้น มิเช่นนั้น จะสามารถควบคุมกองกำลังอย่างกลุ่มมังกรเร้นได้เช่นใดกัน?”

ซูอี้กล่าวด้วยความอยากรู้ “กล่าวเช่นนี้หมายความอย่างไร?”

โจวจือหลีลังเลสักครู่ จึงลดเสียงเบาลง “ในราชวงศ์โจวของข้า มีกองกำลังที่แข็งแกร่งลึกลับมากกองกำลังหนึ่ง เรียกว่า ‘กลุ่มมังกรเร้น’ และผู้ที่อยู่ในกลุ่มมังกรเร้นแต่ละคนล้วนเป็นเทพเซียนเดินดินที่ล้ำเลิศกว่าโลกสามัญ มีความสามารถล้ำลึกจนไม่อาจคาดเดาได้”

“เมื่อหลายปีก่อน สาเหตุที่เสด็จพ่อของข้าสามารถขึ้นครองบัลลังก์มังกรได้ ก็เพราะได้รับการยอมรับจาก ‘กลุ่มมังกรเร้น’!”

“กลุ่มมังกรเร้นไม่สนใจกับเรื่องภายนอก เปรียบได้ดังผู้ฝึกตนนอกโลก พลังที่กุมอยู่ในมือเพียงพอจะทำให้สำนักดาบมังกรเร้นต้องหวาดกลัว”

“หลายปีมานี้ เสด็จพ่อของข้าทุ่มเทพละกำลังทั้งหมดไปกับการเสาะแสวงหาทรัพยากรการฝึกตน ไม่ว่าจะเป็นวัตถุวิญญาณหรือโอสถวิญญาณที่หายาก มากกว่าครึ่งล้วนส่งไปให้กลุ่มมังกรเร้นทั้งสิ้น”

“โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหลายปีมานี้ เสด็จพ่อของข้าได้รวบรวมกำลัง เสาะหาเจอสมบัติล้ำค่ามากมายในแปดมหาขุนเขาปีศาจ สุดท้ายทั้งหมดล้วนตกอยู่ในมือของกลุ่มมังกรเร้น”

พูดถึงตรงนี้ โจวจือหลีก็ยกกาสุราขึ้นกรอกปาก กล่าวถอนใจ “พี่ซู ตอนนี้พี่ซูคงจะเข้าใจแล้วว่าเหตุใดข้าจึงเกลี้ยกล่อมไม่ให้พี่ซูมาที่นี่ หากว่าเสด็จพ่อของข้าเชิญกลุ่มมังกรเร้นออกมา ผู้ใดในนครหลวงอวี้จิงล้วนต้องตกอยู่ในสถานะพ่ายแพ้อับจนหมดหนทาง”

ซูอี้กล่าวโดยใช้ความคิด “กลุ่มมังกรเร้นที่เจ้าพูดถึงนั้น มีคนจำนวนเท่าใด?”

โจวจือหลีคิดสักครู่ ก่อนกล่าวคำออก “น่าจะไม่น้อยกว่าสิบคน!”

ซูอี้หัวเราะ พลางกล่าว “ถ้าเช่นนั้นเจ้าว่า หากกลุ่มมังกรเร้นนี้ตายกันหมด ราชวงศ์โจวของพวกเจ้าจะต้องเจอกับผลที่ตามมาเช่นใด?”

โจวจือหลีนิ่งตะลึง

ซูอี้กล่าว “ความกังวลของเจ้า ข้าเข้าใจแล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก หากว่าเสด็จพ่อของเจ้ามีความกล้าพอที่จะเจอกับผลที่ตามมาเช่นนี้ ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะประหัตประหารฆ่าฟันในนครหลวงอวี้จิงแห่งนี้”

พูดจบ เขาก็ลุกขึ้นและเดินออกไป

โจวจือหลีรีบลุกขึ้น ทนไม่ไหวถามคำถามเมื่อสักครู่ขึ้นมาอีกครั้ง “พี่ซู พี่ซู… คงไม่ฆ่าบิดาตัวเองจริง ๆ หรอกกระมัง?”

“ฆ่าเขาเป็นเรื่องง่ายเกินไป”

ซูอี้พูดจบก็เดินออกตำหนักฟ่งหมิง

ครั้งนั้น ซูหงหลี่ถอดเยี่ยอวี่เฟยมารดาของเขา กักขังนางอยู่ในตำหนักเย็น สุดท้ายก็ถูกทรมานจนป่วยตาย

ซูอี้จะให้ซูหงหลี่ตายง่ายถึงเพียงนั้นได้เช่นใด?

ฆ่าคน เป็นเรื่องที่ง่ายที่สุด

ตายเสียดีกว่าอยู่จึงจะเป็นวิธีการลงโทษที่โหดร้ายอย่างที่สุด!

แน่นอน หากว่าจำเป็น ซูอี้ก็ไม่รังเกียจที่จะฆ่าซูหงหลี่โดยตรง

——

ณ ตำหนักเหวินเยวียนnᴏveʟɢu.ᴄᴏᴍ

“พี่รอง การตายของซิงหลินล้วนเป็นความผิดของข้า ตอนนั้นไม่ควรเขียนจดหมายขอความช่วยเหลือจากพี่ใหญ่เลย ไม่นึกเลยว่ากลับทำให้ซูอี้เดรัจฉานนั่นฆ่าซิงหลินได้”

โหยวชิงจือทำท่าน้ำตาจะร่วง สีหน้าโศกเศร้ายิ่งนัก

ผู้ที่นั่งฝั่งตรงข้ามคือผู้ชายใบหน้าตอบโหนกแก้มสูง สวมหมวกทรงสูง สวมชุดคลุมยาวสีพื้น ประกายในดวงตามีความเย็นยะเยือกเชือดเฉือนประดุจคมดาบ

โหยวเทียนหง!

ผู้อาวุโสของตระกูลโหยวแห่งอาณาจักรต้าฉิน ศิษย์น้องของเจ้าอาวาสวัดเสวียนเยว่ ผู้ฝึกดาบวิถีต้นกำเนิดซึ่งมีตัวตนราวกับตำนาน มีสมญานามว่า ‘เซียนดาบเทียนหมิง’

“เรื่องนี้จะกล่าวโทษเป็นความผิดเจ้าได้เช่นใด หากไม่ใช่เพราะมั่นใจว่าเรื่องนี้เป็นการกระทำของซูอี้ แม้แต่ข้าก็ไม่อยากจะเชื่อว่าคนหนุ่มในขอบเขตปรมาจารย์จะสามารถฆ่าเทพเซียนเดินดินอย่างหลี่ฉางหนิงได้”

สายตาของโหยวเทียนหงเกิดประกายน่ากลัวแวบขึ้นมา “แต่ว่า ในเมื่อครั้งนี้ข้ามาที่นี่แล้ว ก็จะต้องตัดหัวคนผู้นี้กลับสู่ตระกูล เพื่อเซ่นไหว้วิญญาณบนสวรรค์ของซิงหลิน!”

คำกล่าวเปรียบดังดาบ กลิ่นอายแห่งการเข่นฆ่าน่ากลัวยิ่งนัก

เวลานี้ ซูป๋ออิ๋นผู้เงียบสงบไม่ปริปากใด ๆ มาโดยตลอดก็อดกล่าวขึ้นมาไม่ได้ “ท่านลุง บิดาของข้าเคยกล่าวว่า ในวันที่ห้าเดือนห้าจะจัดการกับซูอี้ด้วยตนเอง”

โหยวเทียนหงหัวเราะเสียงเย็นชาในทันใด พลางกล่าว “ซูหงหลี่เก็บตัวมาเป็นเวลาสิบปี บัดนี้เปรียบเสมือนกับเต่าหดหัว ไร้ซึ่งความกล้าหาญจริงจัง เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว อย่างไรเสียซูอี้ก็เป็นบุตรชายของเขา เขาไม่อาจจัดการซูอี้ด้วยตนเองได้หรอก”

โหยวชิงจือกล่าวอธิบาย “พี่รองเข้าใจผิดแล้ว หงหลี่เป็นคนมีสัจจะพูดคำใดคำนั้น ไม่มีทางไม่รักษาคำพูดเป็นแน่ ยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้ซูอี้จะเป็นบุตรชายของเขา แต่ก็เป็นคนที่เขาเกลียดแค้นเป็นที่สุดเช่นกัน ข้าเชื่อว่า เขาจะต้องกำจัดซูอี้อย่างแน่นอน!”

โหยวเทียนหงกล่าวด้วยความประหลาดใจ “เสือร้ายไม่กินลูก นับประสาอะไรกับคน ซูหงหลี่จะกล้า ‘ฆ่าบุตร’ จริง ๆ หรือ?”

ประกายในตาของโหยวชิงจือเปลี่ยนไป ก่อนจะกล่าว “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับความกล้า แต่เกี่ยวข้องกับเยี่ยอวี่เฟยมารดาของซูอี้เดรัจฉานนั่น”

โหยวเทียนหงขมวดคิ้ว “กล่าวเช่นนี้หมายความเช่นใด?”

โหยวชิงจือส่ายหน้าพลางกล่าว “ข้าไม่รู้สาเหตุ แต่พอเดาออกได้บ้าง น่าจะเป็นเพราะฐานะของเยี่ยอวี่เฟย”

โหยวเทียนหงร้องอ้อ จึงกล่าว “พักเรื่องเหล่านี้ไว้ก่อน ส่วนเรื่องกำจัดซูอี้ ข้าไม่คิดตั้งความหวังกับซูหงหลี่นัก”

ซูป๋ออิ๋นกล่าว “ท่านลุง ถ้าเช่นนั้นท่านคิดจะลงมือเมื่อใด?”

โหยวเทียนหงถือจอกสุราเล่นในมือ สายตาลุ่มลึก พลางกล่าว “อย่างไรเสียข้าก็มาจากอาณาจักรต้าฉิน และที่นี่ก็เป็นนครหลวงอวี้จิง หากว่าลงมือที่นี่ จักรพรรดิโจวต้องไม่ยินดีเป็นแน่ และจะก่อให้เกิดเรื่องเดือดร้อนโดยไม่จำเป็น ข้าตั้งใจว่าสามวันให้หลังจะนัดเจ้าเด็กนั่นไปสู้กันบนภูเขาจิ่วจี้!”

ซูป๋ออิ๋นกล่าว “หากว่าเขาไม่กล้ามาตามนัดหมายเล่า?”

โหยวเทียนหงกล่าวเสียงเนิบ “วางใจได้ ข้าจะทำให้เขารับปาก”

พูดจบ เขาก็ลุกขึ้น “ไปกันเถิด”

โหยวชิงจือกับซูป๋ออิ๋นรีบลุกขึ้นและตามออกไป

“ท่านลุง ตอนที่ท่านฆ่าซูอี้ ข้าสามารถไปดูการต่อสู้ได้หรือไม่?”

ขณะที่เดินออกประตูหอหลิวซาง ซูป๋ออิ๋นทนไม่ไหวกล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าคาดหวัง

โหยวเทียนหงหัวเราะพลางกล่าว “ถึงเวลานั้น เจ้ามาดูก็แล้วกัน”

ซูป๋ออิ๋นกล่าวด้วยความยินดี “ถ้าเช่นนั้นก็ดีเลย ท่านนั้นไม่ทราบ ในช่วงระยะเวลานี้ ข้ากินไม่ได้นอนไม่หลับ อยากจะกำจัดซูอี้เดรัจฉานนั่นให้หายสาบสูญไปจากโลกนี้โดยเร็ว!”

โหยวชิงจือก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้เช่นกัน

การตายของโหยวซิงหลินในตอนนั้น ทำให้นางโกรธเกรี้ยวหุนหัน กล่าวโทษตัวเองอยู่นาน จึงเป็นธรรมดาที่ต้องการอยากจะเห็นซูอี้ตายไปไว ๆ

ตอนนี้ โหยวเทียนหงมาถึงที่นี่และต้องการฆ่าซูอี้ด้วยตนเอง เช่นนี้จึงเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว

ขณะนี้เอง…

“ซูป๋ออิ๋น เจ้าว่าใครเป็นเดรัจฉาน?”

เสียงราบเรียบเสียงหนึ่งดังขึ้น

ซูป๋ออิ๋นหันขวับกลับมาก็เห็นคนหนุ่มในชุดสีเขียวเข้ม กำลังเดินมาที่นอกประตูหอหลิวซาง

“ซูอี้!?”

สีหน้าของซูป๋ออิ๋นเปลี่ยนไป กล่าวแบบไม่อยากจะเชื่อ “เหตุใดเจ้าจึงอยู่ที่นี่ได้?”

แทบจะขณะเดียวกัน สีหน้าของโหยวชิงจือก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ไฟโกรธลุกพรึบขึ้นในแววตา พูดกัดฟัน “ที่แท้ก็เป็นเจ้าเดรัจฉานนี่เอง!”

โหยวเทียนหงหมุนตัวมา ชั่วขณะที่ลืมตาขึ้น ประกายเย็นวาบราวกับดาบ มองไปที่ซูอี้ หนุ่มน้อยคนนี้… คือซูอี้เช่นนั้นหรือ?

ช่างบังเอิญเสียจริง บังเอิญเจอกับเขาที่หน้าหอหลิวซาง!

ซูอี้ก็คาดไม่ถึงเช่นกันว่าจะมาเจอกับโหยวชิงจือและซูป๋ออิ๋นตอนออกจากหอหลิวซาง เห็นว่าทั้งสองทำสีหน้าไม่ดี เขาจึงอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้

“ไม่ได้เจอกันนานหลายปี เห็นว่าทั้งสองท่านยังมีชีวิตอยู่ ข้ารู้สึกดีใจยิ่งนัก”

ถึงแม้เขาจะกำลังหัวเราะ ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับไร้ซึ่งความรู้สึก

หากพูดถึงคนที่ซูอี้แค้นใจเป็นที่สุด นอกจากซูหงหลี่แล้ว ก็คือแม่ลูกคู่นี้

นับตั้งแต่อายุสี่ขวบเป็นต้นมา ความเย็นชา ด่าทอ ตบตี และสบประมาทที่ได้รับทั้งหมดทั้งมวลในบ้านตระกูลซู ล้วนเป็นเพราะสองคนนี้

ในช่วงเวลานั้น ซูหงหลี่ไม่เคยถามไถ่ ไม่เคยเป็นห่วงเขาเลย

โหยวชิงจือมองเขาเป็นเสมือนเสี้ยนหนามยอกอก ใช้งานราวกับบ่าวรับใช้ สบประมาทและตบตีเขาผู้ซึ่งยังอยู่ในวัยเด็ก ทำให้ชีวิตวัยเด็กเกือบทั้งชีวิตของเขาต้องอยู่ในความมืดมนและอับอาย

ตอนนั้น ซูอี้จำได้อย่างชัดเจนว่าเป็นช่วงอายุแปดขวบ ซูป๋ออิ๋นพาคนกลุ่มหนึ่งมารุมทำร้ายตนเอง เป็นเพราะหญิงรับใช้นางหนึ่งสงสารตัวเอง จึงแอบนำยามาให้ตนเองรักษาบาดแผล ปรากฏว่าวันที่สอง หญิงรับใช้นางนั้นก็ถูกคนของโหยวชิงจือใช้แส้ฟาดจนตาย!

สิ่งเหล่านี้ จะให้ซูอี้ลืมได้เช่นใดกัน?

แม้กระทั่งเรื่องที่เขาต้องตกเป็นเขยแต่งเข้าบ้านในตอนนั้นล้วนเป็นความต้องการของโหยวชิงจือทั้งสิ้น!

ดังนั้น เมื่อเห็นว่าโหยวชิงจือกับซูป๋ออิ๋นยังมีชีวิตอยู่เป็นอย่างดี ซูอี้จึงรู้สึกดีใจมาก เพราะหากคนเหล่านี้ตาย เขาจะแก้แค้นเช่นใด?

ทว่าพอได้ยินคำกล่าวของซูอี้ และมองเห็นใบหน้ายิ้มแย้มจากใจจริงบนใบหน้าของเขาแล้ว โหยวชิงจือกับซูป๋ออิ๋นพลันรู้สึกใจหายวาบ

ทั้งสองรู้เป็นธรรมดาว่า ซูอี้ในตอนนี้ไม่ใช่เด็กน่าสงสารที่ปล่อยให้พวกเขาดูถูกเหยียบย่ำได้ตามอำเภอใจอีกแล้ว

และยังถึงขั้นที่ว่าพอนึกถึงอานุภาพที่ซูอี้มีในตอนนี้แล้ว เวลาที่ได้เผชิญหน้ากับซูอี้ มันก็ทำให้ทั้งสองรู้สึกใจสั่นสะท้านยากจะควบคุมได้ สีหน้าสับสน คำว่า ‘กลัว’ ถูกเขียนติดจนเต็มหน้า!

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset