📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 306

บทที่ 306 - รู้แจ้งเห็นจริงในคืนมืดมิดบนยอดเขานกกระทา
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

บนแผ่นหยกสุดท้าย บันทึกความลับเกี่ยวกับ ‘แสงสว่างแห่งโลกกว้าง’ เอาไว้

กล่าวง่าย ๆ คือ ในมหาทวีปคังชิงแห่งนี้ มีสถานที่อันตรายอันผิดปกติและแปลกประหลาดมากมาย

ดังเช่นแปดหุบเขามารใหญ่แห่งต้าโจว สี่สถานที่ต้องห้ามลึกลับแห่งต้าเว่ย ‘ทะเลวิญญาณโกลาหล’ แห่งต้าฉิน ทั้งหมดต่างก็ถูกเรียกขานว่าเป็นสถานที่ผิดปกติและแปลกประหลาด

ในส่วนลึกใต้สถานที่เหล่านั้น ต่างมีพลังปิดผนึกอันน่าสะพรึงกลัวอยู่ ซึ่งบางส่วนเกี่ยวข้องกับต่างโลก

และอีกส่วนหนึ่งเกี่ยวข้องกับวิถีปราชญ์โบราณที่หายสาบสูญไปในมหาทวีปคังชิง

เฉกเช่นส่วนลึก ‘ทะเลวิญญาณโกลาหล’ ในต้าฉิน ก็มีโบราณวัตถุของวิถีปราชญ์โบราณมากมาย!

วิถีปราชญ์เหล่านี้ อาจจะอยู่ในมหาทวีปคังชิงมานานมากแล้ว ทว่าดูเหมือนจะถูกทำลายล้างในสมัยโบราณเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงที่แปลกประหลาดและน่ากลัว

และเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงนี้ ทำให้พลังวิญญาณของมหาทวีปคังชิงนั้นเหือดแห้ง และวิถีปราชญ์ก็หายสาบสูญไปแทบจะทั้งหมด

ตั้งแต่อดีตจนถึงยามนี้ มีคำทำนายเกี่ยวข้องกับ ‘แสงสว่างแห่งโลกกว้าง’ เล่าต่อ ๆ กันออกมามากมาย

หนึ่งในนั้นได้สลักคำทำนายไว้บนแผ่นหินอยู่ในส่วนลึกของหุบเขาเถาวัลย์อาถรรพ์ ซึ่งมีชื่อเสียงมากที่สุด

แผ่นหินนั้นถูกค้นพบโดยราชากลืนสมุทร เก๋อฉางหลิง ซึ่งบนนั้นได้เขียนเอาไว้ว่า

‘พลังที่ถูกปิดผนึกไว้ข้างใต้ จะต้องทะลวงออกมา’

‘ทั้งหมดที่เคยถูกจองจำ จะต้องถูกพังทลาย’

‘เหตุการณ์อันยิ่งใหญ่และการนองเลือดในอดีต จะกลับมาอีกครา’

‘ก่อนที่หมอกหนาทึบจะถูกเปิดเผย เรื่องที่ผิดปกติทั้งหมด จะเป็นลางบอกเหตุ!’

…เมื่ออ่านคำทำนายนี้แล้ว ซูอี้ถึงได้ตกตะลึง และนึกถึงผนังกั้นมิติที่ตัวเองเห็นในหุบเขามารบุปผาโลหิต

นึกถึงว่า เมื่อไม่นานมานี้ในส่วนลึกขุนเขาปีศาจวัดวิปัสสนา มีผู้สิงสถิตที่เรียกตนเองว่า ‘ปราชญ์จี้เผิง’ แห่งลัทธิปีศาจแปลงดาราที่มาจากต่างโลก

ผนวกกับข่าวลือของขุนเขาปีศาจเพลิงเงิน หุบเขามารหมื่นแมลง หุบเขามารหลุมสวรรค์ และสถานที่อื่น ๆ ที่รู้มาจากหนิงซือฮวาก่อนหน้านี้

ซูอี้เข้าใจในทันที สิ่งที่เรียกว่า ‘พลังที่ถูกปิดผนึกไว้ข้างใต้’ อาจจะเป็นสิ่งของในวิถีปราชญ์ที่เคยสาบสูญไปในสมัยโบราณ

อย่างเช่น… ลานฌานปัญญา!

พลังของพระพุทธรูปองค์นี้ ติดตั้งค่ายกลกักหมู่มาร สะกดผนังกั้นมิติเอาไว้ และอาจจะมีหลวงจีนชุดขาวขี่มังกรท่องนภา

ในมหาทวีปคังชิงเมื่อนานมาแล้ว สิ่งของในวิถีปราชญ์อย่างลานฌานปัญญา คงจะมีอยู่ไม่น้อยเลย

“พลังที่ถูกปิดผนึกไว้ข้างใต้ จะต้องทะลวงออกมา… ประโยคนี้อาจจะมีความหมายแฝงอยู่ ผู้สืบสานและถ่ายทอดวิถีปราชญ์โบราณที่หายสาบสูญไปในอดีต อาจจะปรากฏออกมาบนโลกนี้อีกครั้ง”

“ส่วน ‘ทั้งหมดที่เคยถูกจองจำ’ ประโยคนี้ ก็เข้าใจได้ อาจจะหมายถึงผนังกั้นมิติที่ถูกสะกดไว้ ซึ่งสกัดไม่ให้ผู้ฝึกตนต่างโลกข้ามมาถึงมหาทวีปคังชิง”

เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ ซูอี้พลันขมวดคิ้วแน่น สิ่งที่เรียกว่า ‘เหตุการณ์อันยิ่งใหญ่และการนองเลือดในอดีต’ หรือจะบอกว่า เมื่อพลังวิถีปราชญ์โบราณปรากฏออกมา เมื่อผนังกั้นมิติที่จองจำเอาไว้พังทลาย มหาทวีปคังชิงนี้จะก้าวเข้าไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่?

น่าสนใจยิ่ง!

จู่ ๆ ซูอี้ก็รู้สึกคาดหวังเล็กน้อย

หากมหาทวีปคังชิงเป็นเพียงโลกที่มีพลังปราณวิญญาณเหือดแห้ง มันคงจะน่าเบื่อเกินไป

หากวันหนึ่งพลังวิถีปราชญ์โบราณปรากฏขึ้น และผู้ฝึกตนต่างโลกทยอยข้ามมาทีละคน เมื่อถึงยามนั้นมหาทวีปคังชิงจะเป็นอย่างไร?

อาจจะเป็น ‘แสงสว่างแห่งโลกกว้าง’ ดั่งที่บอกไว้ในแผ่นหยกนี้ก็ได้?

“ก่อนที่หมอกหนาทึบจะถูกเปิดเผย เรื่องที่ผิดปกติทั้งหมด จะเป็นลางบอกเหตุ…”

นี่เป็นคำทำนายประโยคสุดท้าย ซูอี้พิจารณาความหมายในประโยคนี้ และอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

เพราะประโยคนี้ คล้ายกับสิ่งที่เขาคาดเดาไว้มาก

ในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงเรื่องที่น่าสนใจและผิดปกติมากมาย ทั้งเคยปิดผนึกผนังกั้นมิติในส่วนลึกขุนเขาปีศาจวัดวิปัสสนาและหุบเขามารบุปผาโลหิตด้วยตัวเอง และเคยเดาว่า อย่างน้อยสามปี อย่างมากห้าปี พลังที่ถูกปิดผนึกไว้เหล่านั้นจะสูญสิ้นและสูญสลายไป และผู้ฝึกตนจากต่างโลกจะต้องทยอยพากันก้าวข้ามมา!

เมื่อถึงตอนนั้น สิ่งที่เรียกว่า ‘หมอกหนาทึบ’ ก็จะเผยออกมา!

ไม่นาน ซูอี้ก็รวบรวมความคิด และนำแผ่นหยกเหล่านั้นคืนให้กับหลวงจีนหงจี้ “หอสิบทิศของพวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าผู้ใดเก็บคำทำนายที่อยู่บนแผ่นหินในส่วนลึกหุบเขาเถาวัลย์อาถรรพ์ไว้?”

หลวงจีนหงจี้เอ่ย “เกรงว่านี่คงต้องไปถามราชากลืนสมุทร เก๋อฉางหลิงแล้วล่ะขอรับ เพราะตอนนั้นมีเขาเพียงผู้เดียวที่ค้นพบแผ่นหินนั้น”

ซูอี้นึกขึ้นมาได้ ในตอนนั้นบนสันเขามารดาภูตผีแห่งเมืองกว่างหลิง เขาเคยเก็บท้อไฟหยางบริสุทธิ์มาหลายผล และต้นท้อไฟหยางบริสุทธิ์นั้นก็เป็นของเก๋อฉางหลิง

ซูอี้เอ่ย “หากมีโอกาส ข้าจะไปพบคนผู้นี้ดู”

“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดี เก๋อฉางหลิงฝึกบำเพ็ญอย่างสันโดษอยู่บนหุบเขานภาเมฆซึ่งห่างจากมหานครหลวงอวี้จิงแปดสิบลี้”

เมื่อหลวงจีนหงจี้พูดมาถึงตรงนี้ ก็เอ่ยเปลี่ยนเรื่องขึ้นมา “คุณชาย ไม่ทราบว่าท่านคิดอย่างไรกับ ‘แสงสว่างแห่งโลกกว้าง’ ที่กำลังจะมาถึงนี้?”

ซูอี้เอ่ยอย่างไม่แยแส “สำหรับข้า นี่เป็นเรื่องที่ดีมาก สำหรับผู้ฝึกตนในโลกนี้ ก็อาจจะเรียกว่าเรื่องร้ายจะกลายเป็นเรื่องดี แม้จะบอกว่าเป็นแสงสว่างแห่งโลกกว้าง ทว่าต้องเกิดความโกลาหลและการนองเลือดขึ้นแน่ ส่วนตอนนั้นจะเป็นอย่างไร… ยามนี้ยังมิอาจพูดได้”

หลวงจีนหงจี้เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ความคิดเห็นของคุณชายซูตรงกับหอสิบทิศของเรา แสงสว่างแห่งโลกกว้างนี้มีสิ่งที่คาดไม่ถึงได้มากมาย และมิอาจคาดเดาพายุนองเลือดได้ ช่างน่าเสียดาย จนถึงยามนี้ก็ยังไม่มีผู้ใดเดาออกว่าแสงสว่างแห่งโลกกว้างนี้ ท้ายที่สุดจะเปิดฉากเมื่อใด”

เมื่อเอ่ยจบ เขาก็ถอนหายใจออกมา

ซูอี้เอ่ยเหมือนกำลังครุ่นคิดสิ่งใดอยู่ “เพราะเช่นนี้ หอสิบทิศของพวกเจ้าจึงต้องการสร้างสัมพันธไมตรีกับข้า เพื่อรับมือกับแสงสว่างแห่งโลกกว้างที่กำลังจะมาถึง?”

หลวงจีนหงจี้อดที่จะชื่นชมไม่ได้ และเอ่ยด้วยความจริงใจออกมา “คุณชายซูช่างเดาได้แม่นยำดุจเทพเซียน! เพียงแค่ไม่ทราบว่าท่านจะยอมร่วมมือกับหอสิบทิศของพวกเราหรือไม่?”

ซูอี้เอ่ยขึ้นทันที “ลองดูได้”

พลันหลวงจีนหงจี้มีสีหน้าที่ยิ้มแย้มทันที พลางเอ่ยด้วยความดีใจ “ในที่สุดอาตมาก็กลับไปรายงานผลให้กับนายท่านได้แล้ว! เช่นนั้นอาตมาไม่รบกวนคุณชาย ขอตัวลา!”

ขณะเอ่ยอยู่ เขาก็เร่งรีบเดินออกไปโน เวล กู ดoท คoม

“ช้าก่อน”

จู่ ๆ ซูอี้ก็เอ่ยขึ้น

“คุณชายซูยังมีเรื่องอันใดอีกรึ?”

หลวงจีนหงจี้หมุนตัวกลับมา

ซูอี้คิดครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยขึ้น “ข้อมูลที่เจ้านำมาให้ข้าไม่เลวเลย เพื่อเป็นการตอบแทน ข้าบอกกับเจ้าได้ว่า อย่างน้อยสามปี อย่างมากห้าปี การเปลี่ยนแปลงที่พวกเจ้าเรียกว่า ‘แสงสว่างแห่งโลกกว้าง’ จะเริ่มเปิดฉากในมหาทวีปคังชิงนี้”

หลวงจีนหงจี้อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึก ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความตกใจ

ไม่นาน เขาถึงได้คำนับด้วยความเคารพ “ขอบคุณคุณชายที่ชี้แนะ!”

ซูอี้โบกมือพลางเอ่ย “รีบไปเถิด”

หลวงจีนหงจี้ไม่รอช้า พลันเร่งรีบเดินออกไป

ซูอี้ที่เอนกายอยู่ในเก้าอี้หวาย จ้องมองท้องฟ้าที่มืดดำ นึกถึงเรื่องที่รับรู้ในคืนนี้ เป็นเวลานานถึงได้ยิ้มออกมา และเอ่ยกับตัวเอง “มหาทวีปคังชิงนี้… ยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วสิ…”

…..

เช้าวันถัดมา เป็นเช้าตรู่ในวันที่สิบเอ็ดเดือนสี่

ซูอี้ทานข้าวเช้าอยู่ในตระกููลเซียว และลาจากไป

เดิมทีเซียวเทียนเชวี่ย จื่อจิ่นและคนอื่น ๆ ตั้งใจจะไปส่งด้วยรถม้า ทว่าถูกซูอี้ปฏิเสธ

เมื่อได้ออกมาโลกภายนอก เขาก็ยิ่งชอบการเดินเท้ามากกว่า

เฉกเช่นไม่กี่วันก่อน ซูอี้เพียงคนเดียว เดินทางข้ามภูเขาและแม่น้ำ เดินทางทั้งวันทั้งคืน

ระหว่างทาง ก็ครุ่นคิดเรื่องเกี่ยวกับการฝึกตน

การต่อสู้กับเทพเซียนเดินดิน หลี่ฉางหนิงวัดเสวียนเยว่แห่งต้าฉิน แม้ว่าจะไม่ได้อันตรายถึงชีวิต ทว่าก็ได้ประโยชน์มาไม่น้อย ทำให้เขาจัดระเบียบและปรับแต่งธาตุวิถีใหม่

นั่นก็เป็นข้อดีของการต่อสู้

สำหรับซูอี้ การแสวงหาเส้นทางของวิถีดาบชัดเจนยิ่งกว่า การต่อสู้เป็นแค่วิธีการบรรลุเส้นทางแห่งดาบของตัวเองที่ได้ประโยชน์มากที่สุด!

เพียงแค่หลับตานั่งทำสมาธิและไม่ต่อสู้เพื่อฝึกฝน ก็เหมือนกับต้นไม้ที่ไม่มีราก มีความคิดแต่ไม่สามารถนำไปปฏิบัติจริงได้

นี่คือการฝึกดาบ

นักดาบคือทหารที่ดุร้าย!

หากแสวงหาเส้นทางแห่งดาบ ก็มิอาจแยกจากการต่อสู้ได้

ช่างน่าเสียดาย สำหรับซูอี้ในตอนนี้ แม้จะอยากจะต่อสู้อย่างดุเดือดเพียงใด ก็เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนัก

เพราะในโลกสามัญนี้ มีคนน้อยมากที่จะมาประลองกัน

นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ว่าเหตุใดเขาถึงได้รอคอย ‘แสงสว่างแห่งโลกกว้าง’ ที่กำลังจะมาถึงนี้

ผ่านไปสองวัน

ค่ำคืนเงียบสงัด ณ หุบเขานกกระทา

ฝนตกโปรยปราย หุบเขาเงียบสงบ บางครั้งมีเสียงคำรามของสัตว์ป่าดังออกมาจากที่ไกล

ในวัดทรุดโทรมระหว่างภูเขา

ชิงหว่านนั่งกอดเข่าตัวเองอยู่ด้านหน้าประตูวัดทรุดโทรม ใบหน้าเล็กน่ารักเงยขึ้นเล็กน้อย ดวงตาลึกล้ำคู่งามจ้องมองความมืดมิดที่อยู่ไกล ๆ อย่างเหม่อลอย

ซูอี้นั่งอย่างเกียจคร้านบนเก้าอี้หวายข้างกองไฟ จิตสัมผัสของเขาพุ่งออกไปอย่างเงียบ ๆ ราวกับหนวดเรียวเล็กที่กวาดไปในสายฝนโปรยปราย และแผ่ขยายออกในความมืดมิด

ใช้จิตสัมผัสกวาดมองไปทั่ว สิ่งที่ได้เห็นและรู้สึกนั้นแตกต่างกันมาก

เสียงฝนที่ตกโปรยปราย เสียงลม เสียงใบไม้ปลิวไสว เสียงแมลงเรไร มันชัดเจนเป็นพิเศษ การเปลี่ยนแปลงของกระแสลมต่าง ๆ ที่ไหลเวียนระหว่างชั้นฟ้าและแผ่นดิน ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว

ในเวลานี้ ซูอี้กำลังจับร่องรอยของทุกสิ่งในโลก เพื่อสัมผัสกับความมีชีวิตชีวาและความพิเศษ

นี่คือข้อดีของการมีจิตสัมผัส สามารถสังเกตทิวทัศน์ที่ละเอียดอ่อนที่สุดในโลก และสามารถสัมผัสกับความลึกลับที่ประสาทสัมผัสทั้งห้าไม่สามารถรับรู้ได้

และในความรู้สึกเหล่านี้ การบำเพ็ญของซูอี้คล้ายกับกระแสน้ำไหลเวียนอย่างเงียบ ๆ ไหลผ่านไปทั่วร่าง และไหลไปสู่ระหว่างเส้นลมปราณ สุดท้ายก็รวมกันกลายเป็นกระแสน้ำเดือดพล่าน ทะยานเข้าไปในอวัยวะทั้งห้า…

เวลาผ่านไป

ชิงหว่านที่กำลังเหม่อลอยจู่ ๆ ก็มีความรู้สึกบางอย่าง พลางหันหน้าไปมองซูอี้

พลันเห็นบนร่างซูอี้มีแสงเบญจธาตุสีแดง คราม และทองแผ่กระจายออกมา สว่างไสวงดงาม เปล่งแสงแวววับเจิดจ้า จนทำให้กองไฟแปรเปลี่ยนเป็นมืดขึ้นมา

แสงเบญจธาตุทั้งสามสีค่อย ๆ ขยายออก พุ่งออกไปในความมืด และยิ่งพุ่งสูงขึ้นผ่านละอองฝน หนึ่งร้อยจั้ง สามร้อยจั้ง ห้าร้อยจั้ง…

จนสุดท้าย ชิงหว่านมองไม่ชัดว่าแสงเบญจธาตุเหล่านั้นพุ่งสูงเท่าใด

ทว่านางกลับรู้สึกได้ว่า บนร่างของซูอี้ มีลมปราณที่เคลื่อนไหวอยู่กำลังเตรียมการ กำลังสะสมพลังขั้นสุดท้าย

ผ่าง!

แสงเบญจธาตุสีดำ จู่ ๆ ก็ปล่อยออกมาจากร่างซูอี้ทันที จากนั้นก็ลอยสูงขึ้น พุ่งออกไปบนท้องฟ้า

“นี่…”

ชิงหว่านตกตะลึงและค้นพบว่าการบำเพ็ญของซูอี้ ได้บรรลุในยามนี้แล้ว! ลมปราณทั่วร่างราวกับหน่อที่ผุดขึ้นหลังจากฝนตก ทันใดนั้นก็พุ่งสูงขึ้นเป็นอย่างมาก

“แค่นายท่านเอนกายนอนอยู่ตรงนั้นก็บรรลุแล้ว? นี่มันเก่งกาจเกินไปแล้ว!”

ริมฝีปากอมชมพูของชิงหว่านเผยอขึ้นเล็กน้อย พลันใบหน้าเล็กน่ารักเผยความตกใจออกมาอย่างมิอาจควบคุมได้

ในตอนนี้เอง ค่ำคืนผ่านไป เช้าวันใหม่โผล่ขึ้นมา

ภายใต้แสงยามเช้า สายลมโชยฝนตกโปรยปราย ทุกสิ่งสว่างไสว แสงเบญจธาตุสีแดง คราม ทอง ดำสี่สีเติมเต็มซึ่งกันและกันอยู่ในอากาศ ประหนึ่งการฝึกเต้นรำหลากสีสันในอากาศ

ทันใดนั้นซูอี้ที่อยู่บนเก้าอี้หวายลืมตาขึ้น พลันบนใบหน้าเผยความลังเลออกมาเล็กน้อย

เมื่อคืนที่รู้สึกบางอย่าง กลับไม่นึกเลยว่าจะเป็นการรู้แจ้งเห็นจริง และบรรลุอยู่ในวัดทรุดโทรมท่ามกลางความมืดมิด ก้าวเข้าสู่ขอบเขตปรมาจารณ์ขั้นสี่!

คาดไม่ถึงเป็นอย่างมาก

ทว่าก็ยอดเยี่ยมเกินคำบรรยาย

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset