📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 305

บทที่ 305 - พันธมิตร ความลับ ผู้สิงสถิต
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

หลวงจีนหงจี้สูดหายใจเข้าลึก สีหน้าเปลี่ยนเคร่งขรึมขึ้น “คุณชายซู ไม่ทราบว่าท่านสนใจเข้าร่วมกับหอสิบทิศหรือไม่?”

ไม่รอให้ซูอี้ได้เอ่ยตอบ เขายิ้มและเอ่ยอย่างใจกล้า “หากคุณชายเข้าร่วม ก็จะได้รับตำแหน่งผู้อาวุโส และจัดการด้านงานต่าง ๆ ของอาณาจักร นอกจากนี้ ทุกเดือนยังจะได้รับศิลาวิญญาณระดับสี่หนึ่งร้อยก้อน และโอสถวิญญาณระดับสี่จำนวนห้าสิบเม็ด…”

เขาพูดไม่หยุด และเอ่ยประโยชน์ที่จะได้ออกมามากมาย

หากกล่าวโดยไม่เยินยอ เงื่อนไขดี ๆ เหล่านี้ก็มากพอที่จะทำให้บุคคลที่เป็นเทพเซียนเดินดินสนใจ

และที่สำคัญที่สุด เมื่อได้ตำแหน่งผู้อาวุโสของหอสิบทิศ ยังสามารถแลกเปลี่ยนรับรู้ข้อมูลที่เป็นความลับระดับสูงสุดของหอสิบทิศได้!

ทว่าซูอี้กลับไม่สนใจ ไม่ตื่นเต้นใด ๆ และเอ่ยถามกลับ “จู่ ๆ เหตุใดพวกเจ้าถึงเชิญข้าเข้าร่วมหอสิบทิศ?”

หลวงจีนหงจี้เอ่ยด้วยความรู้สึกอึดอัด “พูดตามตรง อาตมาถูกสั่งให้มาที่นี่ เอ่อ… นี่เป็นการตัดสินใจของนายท่าน นายท่านข้าคือหัวหน้าหอสิบทิศภายในอาณาเขตต้าโจว และมีตำแหน่งสูงสุดในบรรดาเจ็ดผู้อาวุโสของพวกเรา”

“ความคิดหัวหน้าผู้อาวุโสหอสิบทิศของพวกเจ้า?”

ซูอี้รู้สึกแปลกใจทันที

หลวงจีนหงจี้เอ่ยอธิบาย “เป็นหัวหน้าผู้อาวุโสภายในอาณาเขตต้าโจว หอสิบทิศที่อยู่ในแต่ละอาณาจักรจะมีตำแหน่งผู้อาวุโสเจ็ดท่าน”

ซูอี้ส่งเสียงตอบรับเป็นการเข้าใจและเอ่ย “คราแรกข้าคิดว่าตำแหน่งนี้ได้มายากนัก ที่แท้แต่ละอาณาจักรก็มีมากอยู่แล้วนี่เอง”

หลวงจีนหงจี้มีสีหน้าเจื่อน หากเป็นผู้อื่นกล้าเอ่ยเช่นนี้ เขาคงจะไม่เกรงใจสะบัดแขนเสื้อไล่ไปนานแล้ว

ใต้หล้านี้ ใครจะไม่สนใจผู้อาวุโสหอสิบทิศกัน?

แม้แต่เทพเซียนเดินดิน ยังต้องยอมให้สามส่วน!

แต่เมื่อเผชิญหน้ากับซูอี้ เขากลับมิกล้าโมโห และทำได้แค่เอ่ยด้วยรอยยิ้มเจื่อน “คุณชายซู หน้าที่ของผู้อาวุโสหอสิบทิศของพวกเรา ไม่ได้เป็นเหมือนกับที่ท่านคิดเช่นนั้นจริง ๆ หากนำมาเทียบกัน อย่างเช่นในตอนนี้อาตมาไปมหานครหลวงอวี้จิง ผู้นำตระกูลเก่าแก่เหล่านั้นก็ยังต้องให้ความเคารพ หรือแม้แต่เผชิญหน้ากับจักรพรรดิโจวองค์ปัจจุบัน ข้าก็ต้องได้รับการปฏิบัติอย่างแขกผู้มีเกียรติ…”

ซูอี้โบกมือขัดขึ้น “ไม่ต้องพูดแล้ว แม้เจ้าจะเอ่ยถึงคุณสมบัติมามากเพียงใด ข้าก็ไม่สนใจ แต่ก็ไม่ได้รังเกียจ เพียงแต่ข้าซูผู้นี้มีนิสัยเกียจคร้านมานานแล้ว คงมิอาจทนรับคนบงการและออกไปทำงานนอกสถานที่ได้”

หลวงจีนหงจี้ตกใจไปครู่หนึ่ง เขาถอนหายใจยาวออกมาคล้ายกับโล่งใจ “จริง ๆ แล้วอาตมารู้อยู่แล้วว่าบุคคลโด่งดังเช่นคุณชายซูคงไม่รับข้อเสนอนี้”

เมื่อพักไปครู่หนึ่ง เขาก็เอ่ยพร้อมกับยิ้มว่า “คุณชายซู หัวหน้าผู้อาวุโสยังบอกอีกว่า หากท่านปฏิเสธ ให้ลองถามท่านว่ายินยอมที่จะสร้างพันธมิตรกับหอสิบทิศของพวกเราหรือไม่”

“พันธมิตร?”

ครานี้ ซูอี้เผยสีหน้าสนใจออกมา “เจ้าลองเกริ่นมา”

หลวงจีนหงจี้กระแอมครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยอย่างจริงจัง “หอสิบทิศของเรายินยอมร่วมมือกับคุณชายซูในระยะยาว หากคุณชายซูต้องการสืบข่าวบางอย่าง เพียงแค่หอสิบทิศเรามีข้อมูล จะส่งมันให้กับคุณชายแน่นอน และไม่รับค่าตอบแทนใด ๆ”

พักไปครู่หนึ่ง เขาก็เอ่ยต่อ “ทว่าหากหอสิบทิศของเรามีเรื่องที่ต้องพึ่งพาอาศัย ขอเชิญคุณชายซูให้ความช่วยเหลือในตอนที่สะดวก และแน่นอนว่า คุณชายซูสามารถปฏิเสธได้”

“สรุปแล้ว จะช่วยหรือไม่ช่วย ก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของคุณชาย หอสิบทิศของเราจะไม่บังคับแน่นอน ถ้าหากว่าคุณชายตอบรับให้การช่วยเหลือ ทางหอสิบทิศเราจะมอบของขวัญแทนการขอบคุณอย่างแน่นอน!”

เมื่อฟังจบ ซูอี้เอ่ยด้วยท่าทางครุ่นคิด “ฟังดูแล้วไม่เลวเลย”

“ดังนั้น นี่ถึงได้เรียกว่าสร้างพันธไมตรีสินะ”

หลวงจีนหงจี้หัวเราะเสียงดังออกมา “หัวหน้ายังบอกอีกว่า เมื่อเผชิญหน้าบุคคลเช่นคุณชาย จักต้องตรงไปตรงมา และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีนี้ด้วยความจริงใจอย่างที่สุด”

ซูอี้ก็หัวเราะขึ้นมา “น่าสนใจ หัวหน้าผู้อาวุโสผู้นี้เป็นคนที่ไม่ธรรมดาเลย”

หลวงจีนหงจี้กระแอมออกมาพลางเอ่ยขึ้น “ไม่ปิดบังคุณชาย จริง ๆ แล้วหัวหน้าผู้อาวุโสเป็นสาวสวยวัยแรกแย้ม และยังเป็นคนที่มีความสามารถมาก สวยและฉลาด งดงามดั่งนางฟ้าที่อยู่บนสวรรค์! คุณชายซูไม่รู้หรอก ความงดงามของหัวหน้า มากพอที่จะจุดชนวนให้บ้านเมืองล่มสลายและทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดเคลิบเคลิ้มได้…”

เมื่อพูดเรื่องนี้ขึ้นมา หลวงจีนที่อ้วนท้วมผู้นี้ก็เปลี่ยนเป็นกระตือรือร้นทันที และพูดออกมาไม่หยุด

ทว่าซูอี้กลับชะงักไปครู่หนึ่ง

ต้อง… ชมแบบนี้ด้วยรึ?

เขามองดูรอบ ๆ ทันที และเอ่ยด้วยท่าทางครุ่นคิด “บริเวณใกล้ ๆ นี้… หรือจะมีปักษาเวคินอยู่?”

หลวงจีนหงจี้ที่กำลังกล่าวชมหัวหน้าผู้อาวุโสพลันมีสีหน้าปั้นยาก ถูมือและเอ่ยด้วยความรู้สึกอึดอัด “นี่… คุณชายซูสายตาดียิ่งนัก!”

ซูอี้อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา

เห็นได้ชัดว่าหลวงจีนผู้นี้หวาดกลัวหัวหน้าผู้อาวุโสผู้นั้นมาก และกลัวจนมิกล้าทำเรื่องพลาดแม้ด้วยคำพูดหรือการกระทำ

“เอ่อ…”

หลวงจีนหงจี้คิดครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยิบป้ายหยกกองหนึ่งออกมาจากในแขนเสื้อnᴏᴠᴇʟɢu.ᴄoᴍ

เขานำป้ายหยกส่งให้ด้วยมือทั้งสอง “คุณชายซู ที่อาตมามาในครั้งนี้ ยังนำข้อมูลลึกลับบางส่วนที่เกี่ยวกับท่านมา พอท่านอ่านท่านก็จะรู้เอง”

ซูอี้หยิบป้ายหยกมา

คุณภาพของป้ายหยกเหล่านี้ดีมาก ทั้งหมดเป็นหยกอ่อน ซึ่งง่ายแก่การแกะสลักข้อมูลไว้ภายในมาก

‘วันที่เจ็ดเดือนสี่ ต้าฉิน ต้าเว่ย สองอาณาจักรส่งคณะทูตเดินทางมามหานครหลวงอวี้จิงของต้าโจว ผู้นำคณะทางฝั่งต้าฉินคือจี้เหอ หัวหน้าผู้อาวุโสอารามหลานฮั่นแห่งวัดซ่างหลิน ฝั่งต้าเว่ยคืออวิ๋นจงฉี ผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักวงเดือน ทั้งสองเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตไร้เบญจธัญที่มีชื่อเสียงมาหลายปี’

“นอกจากนี้ ในคณะทูตของทั้งสองอาณาจักร ยังมีผู้ที่มีสถานะพิเศษเข้าร่วมในนั้นด้วย…”

เพียงแค่ข้อมูลแผ่นแรก ก็สามารถดึงดูดความสนใจของซูอี้ “คณะทูตทั้งสองอาณาจักรมาเพราะข้ารึ?”

หลวงจีนหงจี้รีบเอ่ย “คุณชายซูคงจะไม่รู้ ชื่อเสียงของท่านในยามนี้ได้เผยแพร่ไปถึงหูเหล่าผู้ฝึกตนทั้งต้าฉิน ต้าเว่ย ผนวกกับช่วงเวลาก่อนหน้าที่ท่านเคยเกิดเรื่องปะทะกับผู้แข็งแกร่งของสำนักวงเดือนและวัดซ่างหลิน ดังนั้น…”

ซูอี้พลันเข้าใจขึ้นมาทันที “พวกเขาต้องการมาแก้แค้น?”

หลวงจีนหงจี้เอ่ยด้วยสายตาแพรวพราว “ไม่ใช่ พวกเขาน่าจะมาเพราะของมีค่าบนร่างท่าน”

“ของมีค่า?”

ซูอี้ยิ้มเยาะ คร้านที่จะสนใจอีก พลางนำแผ่นหยกอันที่สองมาอ่าน

‘ในวันที่เก้าเดือนสี่ ‘หรั่นฉงหยาง’ ศิษย์คนที่สามของผู้อาวุโสสูงสุดสำนักเทียนอิ่น ปราชญ์หลิวฮั่วเดินทางเข้ามาอาณาเขตต้าโจว และเข้าพบเจ้าตำหนักเทียนสิง หวังจั๋ว’

‘และในคืนนั้น หรั่นฉงหยางได้ออกเดินทางไปทางทิศเหนือ คล้ายมุ่งมาที่มหานครหลวงอวี้จิง’

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ ซูอี้ก็อดแปลกใจไม่ได้ มาเร็วเช่นนี้เชียวรึ?

ยังจำได้ว่า คืนวันที่สี่เดือนสี่ ในจุดพักม้าหลงเฉียวท่ามกลางฝนตกหนัก เขาโจมตีหวังจั๋วจนแตกพ่าย และทำลายจิตวิญญาณของปราชญ์หลิวฮั่วที่ซ่อนอยู่ในร่างแมวดาวทมิฬนั่น

และในยามนี้ เพิ่งจะห้าหกวันมานี้เอง ปราชญ์หลิวฮั่วผู้นั้นก็ส่งผู้สืบทอดเดินทางมาต้าโจว เห็นได้ชัดว่าตั้งใจจะมาคิดบัญชีกับข้า!

“หอสิบทิศของพวกเจ้ารู้อะไรเกี่ยวกับ ‘สำนักเทียนอิ่น’ บ้าง?”

ซูอี้เอ่ยถาม

เขาเคยได้ฟังหวังจั๋วพูดไว้ แม้สำนักเทียนอิ่นจะอยู่ในต้าฉิน ทว่ากองกำลังฝึกบำเพ็ญมาจากอาณาจักรต้าเซี่ย

และปราชญ์หลิวฮั่วผู้นี้ ก็เหมือนกับเป็นมหาปราชญ์สวรรค์ที่มาจากต้าเซี่ย!

“รู้ ทว่ารู้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น”

หลวงจีนหงจี้เผยสีหน้าเคร่งขรึมออกมา “กองกำลังนี้มาจากต้าเซี่ย และคุณชายซูก็รู้ดี ในมหาทวีปคังชิงนี้ ต้าเซี่ยนั้นสมชื่อกับการเป็นเจ้าผู้ปกครอง อำนาจยิ่งใหญ่ เจริญรุ่งเรือง กองกำลังฝึกฝนส่วนใหญ่จะมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ หากเทียบกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นต้าโจว ต้าเว่ย หรือว่าต้าฉิน ต่างก็เป็นเพียงแค่อาณาจักรเล็ก ๆ เท่านั้น ดังนั้นพื้นเพของทั้งสี่อาณาจักรจึงต่างกันลิบลับ”

เมื่อพักไปครู่หนึ่ง เขาก็เอ่ยต่อ “และสำนักเทียนอิ่นนี้ เป็นกองกำลังฝึกตนอยู่ในอาณาเขตต้าเซี่ย หอสิบทิศของเรารู้เพียงแค่ว่า ในกองกำลังนี้มีมหาปราชญ์สวรรค์บัญชาการ และมีการถ่ายทอดการฝึกบำเพ็ญเก่าแก่มากมาย ซึ่งลึกลับน่าสะพรึงกลัวมาก”

“ส่วนปราชญ์หลิวฮั่ว เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง น่าจะเมื่อยี่สิบปีก่อน ได้ปรากฏตัวในอาณาเขตต้าฉิน นางตามสืบหาเรื่องราวผิดปกติแปลกประหลาดเหล่านั้นมาโดยตลอด และสนใจเรื่องเกี่ยวกับต่างโลกมาก”

เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ หลวงจีนหงจี้ก็ถอนหายใจออกมา “ช่างน่าเสียดาย ไม่ว่าหอสิบทิศเราจะสืบหาอย่างไร จนถึงยามนี้ก็มิอาจรู้เบื้องลึกของปราชญ์หลิวฮั่วได้อย่าชัดเจน ยามนี้รู้เพียงแค่ มีศิษย์สามคนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของนาง แต่ละคนเป็นเทพเซียนเดินดินที่ก้าวเข้าสู่เส้นทางวิถีต้นกำเนิด”

“เฉกเช่นหรั่นฉงหยาง ที่มีการบำเพ็ญขอบเขตไร้เบญจธัญ”

เมื่อฟังจบ ซูอี้พลันเอ่ยขึ้น “พูดเช่นนี้ แปลว่าจนถึงตอนนี้พวกเจ้าก็ยังไม่รู้ ว่าจริง ๆ แล้วปราชญ์หลิวฮั่วก็เป็นมหาปราชญ์สวรรค์คนหนึ่ง?”

หลวงจีนหงจี้พลันตัวแข็งทื่อ และเอ่ยเสียงหลงออกมา “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้?”

ทันใดนั้น เขาก็รู้ว่าตัวเองเสียกิริยา จึงเอ่ยด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว “คุณชายซูอย่าได้ตำหนิเลย ก่อนหน้านี้เราก็สงสัยว่านางเป็นมหาปราชญ์สวรรค์ เพียงแต่ไม่มีวิธียืนยันมาโดยตลอด ถึงอย่างไรก็ไม่นึกว่าการมีอยู่ที่น่าสะพรึงกลัวนี้จะหลบเข้าไปในอาณาเขตต้าฉิน?”

มหาปราชญ์สวรรค์สามารถเรียกว่าน่าสะพรึงกลัวได้รึ?

ซูอี้ยิ้มออกมาครู่หนึ่ง ไม่เอ่ยสิ่งใดมาก พลางอ่านข้อมูลในแผ่นหยกที่สามต่อ

‘วันที่เก้าเดือนสี่ รองเจ้าสำนักดาบมังกรเร้น ฉือเฟิงหลิวปรากฏตัวอยู่ในมหานครหลวงอวี้จิง และพบปะกับราชครูหงเซินชาง…’

เมื่อเห็นข้อมูลนี้ ซูอี้ก็เลิกคิ้วขึ้น “ฉือเฟิงหลิวผู้นี้ก็มาเพราะข้ารึ?”

หลวงจีนหงจี้รีบเอ่ยอธิบาย “หรือคุณชายจะลืมแล้ว หลายวันก่อนในส่วนลึกขุนเขาปีศาจวัดวิปัสสนา ท่านลงมือสังหารหลี่ตงหลิว หลีชาง เลี่ยวอวิ้นหลิวทั้งสามคนด้วยตัวเอง และการเคลื่อนไหวของทั้งสามคนในตอนนั้น เป็นฉือเฟิงหลิวที่ส่งไป”

เขาพักไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยต่อ “เมื่อเอ่ยถึงฉือเฟิงหลิว ก็เป็นบุคคลที่พิเศษมาก หลายปีก่อน เขายังเป็นเพียงแค่อาจารย์ที่ยังไม่มีชื่อเสียงมากผู้หนึ่ง ไม่มีทางฝึกบำเพ็ญได้เลย แม้แต่จะฝึกยุทธ์ก็หาเป็นไม่”

“แต่ว่ากันว่ามีครั้งหนึ่งเขาเข้าไปเดินเล่นในภูเขา และได้รับของล้ำค่าชิ้นใหญ่มา ใช้เพียงแค่ไม่ถึงครึ่งปี ก็กลายเป็นปรมาจารย์ และหลังจากนั้นสามเดือน ก็เข้าร่วมฝึกบำเพ็ญกับสำนักดาบมังกรเร้น”

“หลังจากนั้นเป็นต้นมา เหมือนกับเขาได้เปิดทวาร การบำเพ็ญเขาพุ่งสูงขึ้น ตำแหน่งก็สูงดังน้ำขึ้น จนถึงยามนี้ยังไม่ถึงสิบปี เขาก็กลายเป็นรองเจ้าสำนักดาบมังกรเร้น และมีการบำเพ็ญขอบเขตไร้เบญจธัญอันแข็งแกร่ง”

เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ ใบหน้าหลวงจีนหงจี้เผยความแปลกใจออกมา “หอสิบทิศเราเคยสืบหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับฉือเฟิงหลิว สุดท้ายพอสืบหาถึงได้ค้นพบว่า ของล้ำค่าที่เขาได้รับมาตอนนั้น มาจาก ‘หุบเขาเถาวัลย์อาถรรพ์’ หนึ่งในแปดหุบเขามารใหญ่!”

เขายิ่งเผยสีหน้าแปลกใจมากขึ้น “เพราะเหตุนี้ หอสิบทิศของเราสงสัยมากว่า ฉือเฟิงหลิวอาจจะเป็น…”

จู่ ๆ เขาก็หยุดชะงักไม่เอ่ยสิ่งใดออกมา

เรื่องนี้ในหอสิบทิศ เป็นเรื่องลึกลับสำคัญมาก ถึงอย่างไรก็ไม่ง่ายเลยที่หอสิบทิศจะได้ข้อมูลของรองเจ้าสำนักดาบมังกรเร้นนี้มา

ทว่าซูอี้กลับยิ้มเยาะออกมาและเอ่ยขึ้น “นี่เจ้าเรียกว่าปกปิด? ไม่ใช่สงสัยว่าฉือเฟิงหลิวเป็นบุคคลที่ถูกสิงสถิตหรอกรึ?”

หลวงจีนหงจี้รับโบกมือ “คุณชายซู เรื่องนี้ข้าไม่ได้พูด จากนี้ไม่ว่าผู้ใดถามขึ้นมา ข้าก็จะไม่ยอมรับ!”

ซูอี้ไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้อีก และอ่านแผ่นหยกสุดท้ายต่อ

เมื่ออ่านข้อมูลในนั้นเข้าใจแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะตกใจเล็กน้อย

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset