ชั่วขณะที่หนิงซือฮวาหันกลับมามอง…
ก็เห็นซูอี้ลุกขึ้นจากท่านั่งขัดสมาธิกลางอากาศ
พร้อมกับท่าลุกขึ้นยืนของเขา ความอ่อนแรงหมดกำลังที่มีอยู่แต่เดิม ก็กลับมามีชีวิตชีวาราวกับน้ำในหนองที่เพิ่มสูงขึ้นยามฟ้าหลังฝน และเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ราวกับต้นไผ่แตกหน่อ
เมื่อร่างของเขายืนมั่นแล้ว ผลการฝึกของเขาได้ก้าวกระโดดเข้าสู่ขอบเขตหลอมกำเนิดขั้นที่สาม ปอดของเขาเดือดพล่านประดุจเตาหลอมไฟแรง มีประกายแสงศักดิ์สิทธิ์สีทองพุ่งออกมา
แสงวิถีปัญญาธาตุทอง!
ทว่าชั่วขณะนี้พลังลมปราณในตัวซูอี้ก็เดือดพล่านเช่นกัน ทำให้ชุดคลุมยาวสีเขียวของเขาพองตัว พละกำลังในตัวก็แข็งแกร่งไร้เทียมทานขึ้นมาเช่นกัน
หนิงซือฮวาสูดหายใจเต็มปอด
กำลังอานุภาพที่พัดหน้ามา ทำให้ไม่มีใครคาดคิดว่า นี่คือพลังที่คนหนุ่มปรมาจารย์ขั้นสามคนหนึ่งจะสามารถมีได้!
ซูอี้ในเวลานี้ นัยน์ตาดำขลับมีความราบเรียบ ยืนอยู่กลางอากาศ พลังที่เพิ่งบรรลุขอบเขตถูกปล่อยออกมาอย่างไม่เกรงกลัว ทำให้เขาแลดูอหังการราวกับดาบไร้เทียมทาน
“บรรลุขอบเขตแล้ว!?”
ไม่ไกลนัก เลี่ยวอวิ้นหลิว หวังถู เฮ่อเหลียนไห่ต่างก็ตื่นตะลึง สีหน้าเปลี่ยนไป
ก่อนหน้านี้ ที่พวกเขากล้าลอบฆ่าซูอี้โดยไม่มีความเกรงใจแม้แต่น้อย ก็เพราะรู้ว่าซูอี้กำลังหลอมโอสถ ร่างกายอยู่ในสภาพที่อ่อนแออย่างที่สุด
แต่ตอนนี้ ซูอี้ไม่อ่อนแออีกต่อไป อีกทั้งผลการฝึกยังก้าวหน้าไปมากกว่าเดิม!
อย่างไรเสียผลการต่อสู้อันน่าสยดสยองที่ผ่านมาของซูอี้ก็เผยให้เห็นอยู่ตรงนั้น นับตั้งแต่ตอนที่พวกของเลี่ยวอวิ้นหลิวตัดสินใจจะต่อกรกับซูอี้ พวกเขาก็ไม่เคยมองว่าซูอี้เป็นปรมาจารย์ธรรมดา
ตอนนี้ การบรรลุขอบเขตของซูอี้จึงเป็นเครื่องบ่งถึงความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์อย่างไม่ต้องสงสัย
สวบ!
พอซูอี้แบมือ เตาหลอมตำหนักม่วงชาดสูงจั้งกว่า ๆ ก็หดเล็กลงขนาดเท่ากับกำปั้น ร่วงสู่ฝ่ามือ
ซูอี้ถือเตาหลอมตำหนักม่วงชาดเล่นอยู่ในมือ สายตากวาดมองดูพวกของเลี่ยวอวิ้นหลิว กล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ในเมื่อข้า ซูผู้นี้ กล้าหลอมโอสถอยู่ตรงนี้ จะเป็นไปได้อย่างไรที่ไม่เตรียมการก่อนล่วงหน้า?”
“เจ้า… รู้ก่อนแล้วว่าพวกเราจะมา?”
เลี่ยวอวิ้นหลิวกล่าวเสียงสะท้าน สีหน้าของพวกเขาแต่ละคนมืดหม่นหมองมัว
“เปล่า”
ซูอี้หัวเราะสบาย “นับแต่อดีตจนปัจจุบัน มีกฎข้อห้ามสี่ข้อสำหรับผู้ฝึกตนในใต้หล้า หนึ่ง ห้ามหลอมโอสถโดยไม่มีคนคอยคุ้มกัน สอง โดนคนเล่นงานห้ามหลอมอาวุธ สาม ไม่ตั้งค่ายกลห้ามปิดตัวฝึกฝน สี่ วันข้ามผ่านขอบเขตห้ามเป็นวันที่ศัตรูมา ข้า ซูผู้นี้ ไม่มีทางทำผิดต่อเรื่องเช่นนี้อย่างแน่นอน”
พวกของเลี่ยวอวิ้นหลิวขมวดคิ้ว กฎข้อห้ามสี่ข้อสำหรับผู้ฝึกตน? เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ยินเช่นนี้…
“จะพูดพล่ามอีกเพื่อประโยชน์อันใด เห็นชัด ๆ ว่าคน ๆ นี้กำลังถ่วงเวลา! ถือโอกาสตอนที่เขาเพิ่งบรรลุขอบเขต รากฐานยังไม่มั่น รีบลงมือจะดีกว่า!!”
ไกลออกไป หลี่ตงหลิวที่กำลังต่อสู้กับมู่ซีร้องตวาดเสียงดังราวกับเสียงฟ้าผ่า
เลี่ยวอวิ้นหลิวกับคนอื่น ๆ อีกสามคนมองตากัน แล้วลงมือโดยไม่ลังเล
ชิ้ง!
หวังถูถือดาบยาวสามจั้งเริ่มลงมือก่อน เสียงดาบก้องไกล พลังดาบฉวัดเฉวียน สำแดงความลึกล้ำที่ซุกซ่อน
คำรามแห่งโลดแล่น!
เจ้าตำหนักจี้เซี่ยผู้มีรายนามอยู่ในสิบบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้ต่อสู้อย่างเต็มที่ แสดงท่าไม้ตายสุดท้ายของตัวเอง
ขณะเดียวกันนี้เอง เฮ่อเหลียนไห่ส่งเสียงร้องตวาดออกมา ท่าทีราวกับเสือสิงห์ ร่างผ่ายผอมของเขาขยายใหญ่น่ากลัว กล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งราวกับก้อนหินขยายใหญ่จนชุดที่ใส่ปริออก ลมปราณก็ขยายตามไปด้วย แข็งแกร่งราวกับเหล็กกล้า
พลังแห่งช้างและมังกร!
ครืน!
เฮ่อเหลียนไห่ตวัดหอกรบสีแดง ระเบิดประกายแสงสีแดงดังชาด ราวกับเทพนักสู้ออกศึก
เมื่อเลี่ยวอวิ้นหลิวขยับตัวก็มาอยู่กลางอากาศราวกับสายฟ้าแลบ ดาบวิถีขาวสว่างประดุจเกล็ดหิมะในมือชูขึ้นในเฉียบพลัน
สวบ!
ดาบสีเงินเป็นประกายระยิบระยับยาวสิบจั้งฟันลงมา!
ดาบเดียวฟันย้อนแสง!
บุคคลผู้ยิ่งใหญ่ในขอบเขตบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ทั้งสาม เวลานี้ต่างพากันแสดงกระบวนไม้ตายออกมา
“ให้ข้าจัดการเอง”
เห็นว่าหนิงซือฮวาเสนอตัวรับมือ ซูอี้ก็เอื้อมมือไปจับไหล่ของนางให้หยุดอยู่ข้างหลังตัวเอง
แทบจะขณะเดียวกัน
เขาสะบัดมือซ้าย
ครืน!
พลังสีทองเรืองอร่ามแผ่ประกายออกมาราวกับคมดาบ มีจังหวะวิถีมหัศจรรย์ไหลเวียนอยู่ภายใน สว่างไสวราวกับแสงตะวันยอ
ปัง!!!
‘คำรามแห่งโลดแล่น’ ที่หวังถูแทงมานั้นรวดเร็วแม่นยำถึงเพียงนั้น มีกำลังเข่นฆ่าไม่ละเว้น ทว่าเมื่อเผชิญกับกำลังสะบัดแขนของซูอี้กลับระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในพริบตา
กลายสายฝนแห่งแสงระเบิด ดาบยาวสามจั้งในมือหวังถูเล่มนั้นกระเด็นออกไป ตัวเขากระเด็นลอยออกไปอย่างแรงราวกับถูกวัวกระทิงแห่งบรรพกาลพุ่งชน
เอื๊อก!
ร่างของเขายังคงลอยอยู่กลางอากาศ ทว่าเลือดกลับไหลทะลักออกจากปากแล้ว สุดท้ายร่วงหล่นห่างไปไกลสิบกว่าจั้ง ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส
“ตาย!”
เมื่อเผชิญหน้ากับประกายหอกสีแดงชาดที่เฮ่อเหลียนไห่แทงเข้ามา ซูอี้เอื้อมมือดังหยกขาวออกไป
ฝ่ามือนี้ นิ้วยาวเรียวขาวเนียน บนฝ่ามือมีแสงสีทองระยิบระยับ ราวกับหยกงามที่ได้รับการแกะสลักอย่างประณีต ขณะที่ซูอี้พลิกฝ่ามือลง ทันใดเสียงดังกึกก้องก็ดังขึ้นกลางอากาศ ราวกับเทพเซียนกระแทกภูเขาใหญ่ทับ
ครืน!
ฝ่ามือสีทองขนาดใหญ่มหึมายาวถึงสามจั้งหล่นกระแทกลงมาลงมาจากฟ้า
ต่อหน้าฝ่ามือที่คล้ายกับฝ่ามือของเทพสวรรค์นี้ ต่อให้เป็นเฮ่อเหลียนไห่ผู้กลายร่างจนตัวสูงใหญ่น่าเกรงขามก็ยังแลดูเล็กน้อยผอมบางอยู่ดี
“ตายเสียโดยดี!”
เฮ่อเหลียนไห่ตะคอกเสียงดัง พลางแทงหอกรบสีเลือดเข้าหาโน เวล กู ดอท คอม
ผลที่ได้คือพลังอันรุนแรงจนสามารถแทงทะลุภูเขาของเขานั้นกลับทำได้เพียงสร้างความสั่นสะเทือนให้ฝ่ามือสีทองเท่านั้น จากนั้นยังคงกดทับลงมา
กดทับจนหอกรบสีแดงเล่มนั้นโค้งงอในฉับพลัน สุดท้ายก็ไม่อาจทนรับน้ำหนักไว้ได้ หักเป็นสองท่อนท่ามกลางเสียงระเบิดแตก!
ม่านตาของเฮ่อเหลียนไห่หดขยาย ร่ำร้องด้วยความบ้าคลั่ง สองเท้าดันพื้น กล้ามเนื้อแต่ละมัดขยายใหญ่ร่างขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง เลือดลมผิวพรรณราวกับมังกรนครา เกิดอานุภาพอันร้ายกาจ ราวกับช้างตัวยักษ์เหยียบย่ำอยู่บนพื้น
ทว่า ในสายตาตื่นตะลึงของหนิงซือฮวา…
มือสีทองขนาดใหญ่ของซูอี้ยังคงกดทับอยู่เช่นนั้น ไม่ว่าเฮ่อเหลียนไห่จะร่ำร้องอย่างบ้าคลั่งถึงเพียงใด ไม่ว่าจะใช้เคล็ดวิชาจนถึงขั้นเผาผลาญโลหิตลมปราณเพียงใด ก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้แม้แต่น้อย
ปัง!!
สุดท้าย เขาก็ซัดเฮ่อเหลียนไห่กระแทกกับพื้น สิ่งที่ตามมาพร้อมกันคือเสียงกระดูกหักแตกร้าว บนพื้นตรงนั้นคงเหลือแต่เพียงเนื้อเละเทะก้อนหนึ่ง มองไม่ออกว่าเป็นเฮ่อเหลียนไห่
เจ้าตำหนักสุ่ยเยว่ผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วสี่ทะเล เป็นบุคคลผู้ยิ่งใหญ่จนสามารถเบียดตัวเองติดอันดับสิบบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์แผ่นดินมหาอาณาจักรโจว กลับต้องมาตายเพราะถูกฝ่ามือซัด!!
หนิงซือฮวาถึงกับสูดปาก ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง
แค่สะบัดมือ หวังถูก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส
แค่ฝ่ามือเดียว เฮ่อเหลียนไห่ก็ถูกซัดจนตาย!!
เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นแทบจะเกิดขึ้นในชั่วพริบตา รวดเร็วจนเหลือเชื่อ ทว่าความสั่นสะเทือนที่สร้างกลับกระทบกระเทือนถึงจิตใจและวิญญาณของหนิงซือฮวาราวกับลมมรสุมพัดกระหน่ำ
นางจึงรู้ได้ว่า สำหรับพวกตนแล้ว ล้วนต่างว่าผลการฝึกตนของซูอี้เป็นเพียงแค่การบรรลุขั้นเท่านั้น
แต่สำหรับตัวของซูอี้เองแล้ว การบรรลุเช่นนี้คงจะทำให้ความสามารถในตัวเขาเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างไม่เคยมีมาก่อน!
ทว่าขณะนี้เอง เลี่ยวอวิ้นหลิวก็ใช้วิชา ‘ดาบเดียวฟันย้อนแสง’ บุกเข้ามา สถานการณ์คับขัน!
ซูอี้ชายตามองเล็กน้อย จากนั้นงอนิ้วเคาะ
เพียงแค่เบา ๆ
ทว่าเสียงเคาะที่บางเบานี้กลับส่งเสียงดังอย่างแรงราวกับเสียงค้อนใหญ่ในมือเทพเซียน ส่งเสียงดังห่างออกไปไกลสิบจั้ง จากนั้นก็ระเบิดกลางอากาศ พลังดาบแตกสานซ่านกระเซ็นประดุจสายฝน
เลี่ยวอวิ้นหลิวสีหน้าเปลี่ยนในทันใด
ร่างของนางยังอยู่กลางอากาศ พลันบิดตัวร่นถอยไปข้างหลัง ปฏิกิริยาตอบรับรวดเร็วมาก
“มานี่”
จากนั้นซูอี้ก็เอื้อมมือไปคว้าตัวในระยะไกล
ฉับพลัน เลี่ยวอวิ้นหลิวที่อยู่ไกลออกไปสิบกว่าจั้งก็ถูกมือใหญ่ไร้รูปร่างจับตัวไว้ ไม่ว่าจะดิ้นรนเช่นใดก็ไม่อาจดิ้นหลุดได้
สุดท้ายถูกจับมาอยู่ตรงหน้าซูอี้ราวกับแมลงตัวน้อยที่ถูกจับตัว
“ชีวิตของนาง มอบให้เจ้าเป็นคนจัดการ”
ซูอี้โยนเลี่ยวอวิ้นหลิวไปอยู่ตรงหน้าหนิงซือฮวา
หนิงซือฮวาก็ไม่เกรงใจแม้แต่น้อย ขยับง้าวจันทร์แรมเพลิงครามฟันคอเลี่ยวอวิ้นหลิว
เลือดสาดกระเซ็น
ผู้อาวุโสรองนอกสำนักแห่งสำนักดาบมังกรเร้นกลับต้องมาตายด้วยความคับแค้นใจ ก่อนตายตายังเหลือกถลนราวกับไม่อยากจะเชื่อ
“ขอบคุณสหายเต๋าที่สนับสนุนข้า”
หนิงซือฮวาหันมายิ้มให้ซูอี้ ใบหน้าอ่อนวัยสวยงามราวกับดอกไม้งามเบ่งบานหลังฝน
ก่อนหน้านี้ เป็นเพราะเลี่ยวอวิ้นหลิวฟันดาบโดนหลังของนางจนเป็นรอยแผลลึกจนเห็นกระดูก เลือดไหลย้อยไม่หยุด
ซูอี้ทำเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นการดูแลความรู้สึกของนาง ให้นางได้แก้แค้นด้วยตนเอง
“เกรงใจอันใดกัน ต่อไปไม่ต้องเกรงใจอีก”
ซูอี้พูดพลางเบนสายตามองไปไกล
คำพูดประโยคเดียวทำให้หนิงซือฮวาตระหนักแก่ใจว่าการที่ตนเองปกป้องซูอี้โดยไม่สนใจชีวิตของตัวเองเมื่อสักครู่ทำให้ซูอี้ยอมรับในตัวของนางแล้ว…
“ไปกัน!”
ไกลออกไป หลี่ตงหลิวกำลังต่อสู้กับมู่ซีอย่างดุเดือด
หวังถูได้รับบาดเจ็บสาหัส เลี่ยวอวิ้นหลิวกับเฮ่อเหลียนไห่ตายไปแล้ว ไม่อาจตอบโต้ได้อีก หลี่ตงหลิวมองเห็นภาพเหตุการณ์สยดสยองเหล่านั้นโดยตลอด ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวจนขนลุกขนพอง สันหลังหนาววาบ ไหนเลยจะยังลังเลอยู่อีก?
ครืน!
เขาสะบัดแขนเสื้อ ซัดหมัดใส่มู่ซีที่คอยตามล้างตามผลาญอย่างสุดกำลัง ในขณะเดียวกันก็ใช้มือซ้ายบีบยันต์หยกชิ้นหนึ่งแตกละเอียด
เพล้ง!
ควันสีดำกลุ่มหนึ่งครอบคลุมร่างของเขา ชั่วพริบตาเขาก็หายไปที่เดิม
หลีชางที่กำลังต่อสู้อยู่กับหลานซัวก็บีบยันต์หยกชิ้นหนึ่งแตกละเอียดเหมือนกัน ร่างของเขาพลันถูกควันสีดำครอบคลุมและหายไป
“ยันต์พรางตัว? ไม่มีประโยชน์หรอก”
ซูอี้ส่ายหน้าน้อย ๆ
เขาทำสัญลักษณ์มือ ฉับพลัน ‘ค่ายกลกักหมู่มาร’ ก็ขับเคลื่อน บนองค์พระแต่ละองค์ปล่อยแสงสีทองอันยิ่งใหญ่ออกมา ครอบคลุมโลกใต้บาดาลแห่งนี้
ปัง!
ไกลออกไปสามร้อยลี้ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เสียงระเบิดดังกึกก้อง ร่างของหลี่ตงหลิวถูกแสงสีทองกวาดโดน ถึงกับต้องถอยร่น
หลี่ตงหลิวตื่นตระหนก แผดร้องเสียงดุ “ซูอี้ เจ้าฆ่าข้าก็เท่ากับกำลังเปิดศึกกับสำนักดาบมังกรเร้น ผลที่ตามมาเจ้าสามารถรับไหวเช่นนั้นหรือ?!”
ครืน!
เสียงยังคงดังสะท้อน ร่างของเขาถูกพุทธรังสีสีทองอร่ามครอบคลุม เพียงชั่วพริบตาก็กลายเป็นฝุ่นละอองปลิวว่อนไปทั่วท้องฟ้า
เห็นได้ชัดว่าซูอี้ไม่ใส่ใจกับคำขู่เช่นนี้แม้แต่น้อย
อย่างรวดเร็ว หลีชางก็ถูกบีบให้ปรากฏตัวออกมา เวลานี้ผู้อาวุโสใหญ่นอกสำนักแห่งสำนักดาบมังกรเร้นผู้มีใบหน้าเมตตาอ่อนโยน ผมเคราขาวโพลนผู้นี้ อยู่ในอาการหวาดกลัวตื่นตระหนกราวกับลูกสุนัข ปากก็ร้องตะโกนด้วยความตื่นกลัว
“ข้ายอมแพ้! หวังว่าคุณชายซูจะละเว้น ไว้ชีวิต…”
ยังพูดไม่ทันจบ ไฟพุทธะก็ถาโถมลงมา ก็เผาผลาญร่างของเขาจนกลายเป็นผงธุลี
เดิมทีหวังถูคิดจะฉวยโอกาสหนี แต่เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมดนี้แล้ว เขาถึงกับล้มพับลงไปกองกับพื้นราวกับหมดอาลัยตายอยาก ท้อแท้หมดทางสู้
ก่อนหน้านี้ เจ้าตำหนักจี้เซี่ยผู้สง่างามท่านนี้ยังคงหัวเราะว่าตนเองเคยใช้ดาบยันต์วิถีต้นกำเนิดสีดำแอบบุกโจมตีซูอี้
ทว่าเวลานี้กลับสิ้นไร้ไม้ตอก น่าสมเพชเสียยิ่งกว่าสุนัข
“เดิมทีข้าคิดว่า ซูหงหลี่บิดาของเจ้าน่าจะเป็นปีศาจอสูรเฒ่าที่ถูกสิงสถิต ทว่าดูจากตอนนี้ เจ้า ผู้เป็นบุตรเสียอีกที่คล้ายกับปิศาจอสูรเฒ่า…”
ชั่วขณะนี้ อยู่ ๆ หวังถูก็ถอนใจยาว
คำกล่าวนี้ทำให้หนิงซือฮวากับคนอื่น ๆ พากันนิ่งตะลึง
ซูหงหลี่อาจถูกสิงสถิต?
ซูอี้ก็เลิกคิ้วเช่นกัน ทว่าเขาไม่คิดจะถามให้มากความไปกว่านี้ ยังคงควบคุมค่ายกลใหญ่ฆ่าหวังถูจนไม่เหลือแม้แต่เศษผง
ซูหงหลี่จะถูกสิงสถิตหรือไม่ ล้วนไม่ใช่เรื่องสำคัญ
รอให้ถึงนครหลวงแล้ว ใช้ดาบชำระบุญคุณความแค้นก็จบเรื่อง!