📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 286

บทที่ 286 - ผู้สิงสถิต
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ซูอี้เดินเตร่อยู่ด้านหน้ากำแพง คล้ายกับว่าค้นพบอะไรบางอย่าง พลันสีหน้าเขาเต็มไปด้วยความคิด

หลังจากผ่านไปหนึ่งถ้วยชา

ซูอี้ก็มาหยุดอยู่ด้านหน้าภาพวาดฝาผนังด้านทิศตะวันออก แม้ภาพวาดฝาผนังนั้นจะแตกและเลือนราง ทว่าสามารถมองออกอย่างคลุมเครือ ว่าภาพที่วาดอยู่บนนั้นคือยอดเขาที่เหมือนมีมังกรขนาดใหญ่พันรอบอยู่

คล้ายกับยอดเขารูปมังกรที่พวกเขาอยู่ในยามนี้มาก

เพียงแต่ บนยอดเขาสูงในภาพวาดฝาผนังนั้น ไม่มีเจดีย์เก้าชั้น ทว่าใต้เชิงเขากลับวาดใต้พิภพอันมืดมิดแทน!

“หืม?”

ซูอี้เหลือบเห็น ภาพจิตรกรรมฝาผนังแสดงภาพใต้โลกออกมาไม่ค่อยสมบรูณ์ ทว่ากลับมีลวดลายคล้ายกับระลอกคลื่นสีเลือดปรากฏอยู่ตรงนั้น

ข้างใต้ระลอกคลื่นสีเลือดนั้น มีฐานบัวอยู่ฐานหนึ่ง และมีพระพุทธรูปนั่งอยู่

ภาพเหล่านี้เลือนรางมาก ทว่าเมื่อเห็นสิ่งนี้ จู่ ๆ ซูอี้ก็นึกถึงบางอย่าง

ภายในข้างใต้ส่วนลึกหุบเขามารบุปผาโลหิต ก็มีระลอกคลื่นสีเลือดขนาดใหญ่ และมีลานพิธีกับแท่นบูชาโบราณ!

“ข้างใต้เจดีย์เก้าชั้น ณ ลานฌานปัญญาแห่งนี้ มีผนังกั้นมิติอยู่หรือ?”

ซูอี้เลิกคิ้ว

ผนังกั้นมิติ ประตูที่แบ่งแยกสองโลกไม่ให้เชื่อมหากัน!

“สหายเต๋า เจ้ารีบมาดูเร็ว”

ทันใดนั้น หนิงซือฮวาที่อยู่ไม่ไกลก็เอ่ยขึ้นมาอย่างตกใจ

ซูอี้หันไปมองตาม เห็นกลุ่มซากศพบนวัดซ่างหลินที่นองไปด้วยโลหิต กำลังหายสาบสูญไปอย่างเงียบงัน

และบนพื้นที่ถูกย้อมด้วยเลือด ก็ปรากฏลายค่ายกลยันต์โลหิตออกมา ซึ่งดูลึกลับและแปลกประหลาดมาก

ซูอี้เดินไปด้านหน้า สำรวจอยู่ครู่หนึ่ง พลางเอ่ยขึ้นทันที “นี่คือประตูคนตายที่ถูกปิดผนึกไว้ และต้องใช้วิธีเซ่นไหว้ด้วยเลือดถึงจะสามารถเปิดออกได้”

ประตูคนตายที่ปิดผนึก?

ทันทีที่หนิงซือฮวาและคนอื่น ๆ นึกมาถึงตรงนี้ จู่ ๆ ก็มองเห็น แผ่นหินที่มีรูปดอกบัวขนาดใหญ่บนพื้นตรงกลางตำหนักหายไปอย่างเงียบ ๆ

ไม่นาน ตรงนั้นก็ปรากฏทางเข้าใต้ดินประมาณสามจั้งออกมา!

“ที่แท้เจดีย์เก้าชั้นก็เป็นเพียงแค่วัตถุสะกด เพื่อซ่อนความลี้ลับที่อยู่ภายใต้ยอดเขารูปมังกรนี้….”

ซูอี้เอ่ยทันที “ไป พวกเราลงไปดูกัน”

เขาเดินนำไปก่อน

หลังจากเข้าไปในนั้น มีบันไดหินเป็นชั้น ๆ มุ่งลงสู่เบื้องล่าง ระยะทางทุก ๆ สามจั้ง จะมีโคมไฟสัมฤทธิ์ที่จุดไฟแขวนไว้ เพื่อปัดเป่าความมืดมิด

กลุ่มของซูอี้เดินเข้าไปข้างใต้เป็นเวลาครึ่งเค่อเต็ม ๆ เดินผ่านบันไดหินไปไม่รู้เท่าใด ในที่สุดก็เดินไปถึงภายในถ้ำที่เหมือนกับข้างใต้โลก

ที่แห่งนี้กว้างใหญ่มาก มีพระพุทธรูปสูงราว ๆ เก้าจั้งตั้งตระหง่านอยู่หลายรูป ประหนึ่งกลุ่มพระพุทธรูปที่เรียงติดต่อกันยาว

บ้างก็นั่งพับเพียบ คีบดอกไม้ด้วยนิ้วแล้วยิ้ม

บ้างก็นั่งเอียงบนสัตว์เทพ มือถือกระถางสัมฤทธิ์

บ้างก็มีสามหัวหกแขน ดวงตาโกรธเกรี้ยว

บ้างก็…

พอเหลือบมองออกไป ราวกับเผชิญหน้ากับพระพุทธเจ้าที่อยู่เต็มท้องฟ้า ทำให้พวกเขาตกตะลึงเป็นอย่างมาก

“ระวังหน่อย ดูผังพระพุทธรูปเหล่านี้สิ ด้านบนเป็นขุนพลสวรรค์นับไม่ถ้วน ด้านล่างเป็นขุนพลนรกแปรสภาพ ภายในมีเก้าวัง โลกจักรวาล ตำแหน่งสัตว์เทพสี่ทิศ และยังมีการเปลี่ยนแปลงหยิน หยาง ความว่างเปล่า และความสมบูรณ์…”

ซูอี้กวาดสายตาครู่หนึ่ง “ค่ายกลนี่เหมือนกับแท่นบูชาหนึ่งร้อยแปดแท่นในหุบเขามารบุปผาโลหิต ล้วนเป็นค่ายกลที่ใช้ปิดผนึก”

หนิงซือฮวาและมู่ซีเหลือบมองหน้ากัน “สหายเต๋า หรือว่าที่แห่งนี้จะสะกดผนังกั้นมิติเอาไว้?”

“เป็นเช่นนั้น”

ขณะที่ซูอี้เอ่ยอยู่ ก็พาผู้คนเดินไปข้างหน้า เคลื่อนไหวไปมาระหว่างพระพุทธรูปที่แตกต่างกัน

เมื่อดูอย่างละเอียดแล้ว ก็เห็นว่าบางครั้งซูอี้เดินเลี้ยวลดคดเคี้ยว บางครั้งก็ลอยขึ้นไปในอากาศ บางครั้งก็ถอยออกมาอีกหลายก้าว และอ้อมเดินเข้าไปด้านหน้า

เมื่อเดินหมุนเวียนสับเปลี่ยนเช่นนี้ ทำให้หนิงซือฮวาและคนอื่น ๆ ตาพร่ามัวไปหมด และต่างก็จ้องมองกัน

คนที่เหลือแอบถอนหายใจ หากไม่ใช่ซูอี้นำทาง เมื่อเผชิญหน้ากับค่ายกลปิดผนึกที่ลึกลับซับซ้อนนี้ เกรงว่าพวกเขาคงจะมิอาจก้าวข้ามไปได้แน่

“รอก่อน”

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง จู่ ๆ ซูอี้ก็หยุดยืนอยู่ด้านหน้าพระพุทธรูปองค์หนึ่ง

พระพุทธรูปองค์นี้สร้างสูงเก้าจั้งเหมือนกัน นั่งขัดสมาธิ สองมือทับกันอยู่ด้านหน้าหนีบดอกบัวไว้ ด้านหลังมีรูปมังกรคดเคี้ยวพันรอบ หัวมังกรอยู่ตรงตำแหน่งไหล่

ท่าทางของพระพุทธรูปนี้แตกต่างจากพระพุทธรูปอื่น ๆ รูปร่างงามพริ้งอ่อนโยน ใบหน้าสงบนิ่ง

“ที่แท้ก็เป็นเจ้า…”

ซูอี้นึกขึ้นมาได้ ลักษณะของหลวงจีนสวมชุดขาวที่ขี่มังกรท่องเที่ยวไปในท้องฟ้ากว้างเต็มไปด้วยดาว…

เพียงแค่นี้ เขาก็กล้าบอกอย่างแน่ชัดแล้วว่า หลวงจีนสวมชุดขาวผู้นั้นจะต้องออกมาจาก ‘ลานฌาณปัญญา’ แน่!

“ขอบเขตการฝึกฝนที่มีอยู่ในโลกแห่งนี้เมื่อนานมาแล้ว ครั้งหนึ่งเคยมีความสามารถมากพอที่จะท่องไปบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว มหาทวีปคังชิงนี้ยิ่งมีความน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ…”

แววตาซูอี้ลุ่มลึกโนเวลกูดoทคอม

“สหายเต๋า ล่วงเกินแล้ว”

ซูอี้ก้มกราบพระพุทธรูปองค์นี้เล็กน้อย จากนั้นยืดตัวขึ้น สองมือประสาน ปะทุแสงสีครามลึกลับเลือนรางออกมา

ตูม!

ทันใดนั้น พระพุทธรูปนี้ก็เกิดแสงสว่างเจิดจ้า

ในสายตาหนิงซือฮวาและคนอื่น ๆ พระพุทธรูปนี้คล้ายกับตื่นขึ้นมาจากความมืดอนธกาล ดวงตาเปิดขึ้น พลันปลดปล่อยอานุภาพที่ยากจะเอ่ยเปรียบเทียบออกมาได้

ในระหว่างนั้น จิตใจของพวกเขาถูกจู่โจม และสมองพลันขาวโพลน

ไม่รู้ว่านานเท่าใด เมื่อหนิงซือฮวาและคนอื่น ๆ ได้สติ ถึงได้ค้นพบ ว่าเหตุการณ์แปลกประหลาดที่เห็นเมื่อครู่ได้หายไปแล้ว

พระพุทธรูปนั่นยังคงตั้งตระหง่านอยู่ในความมืดเหมือนเดิม ไม่เกิดสิ่งผิดปกติใด ๆ ขึ้น

ครั้นมองไปที่ซูอี้ ก็เห็นเขานั่งขัดสมาธิอยู่ด้านข้าง กำลังนั่งทำสมาธิอยู่

หนิงซือฮวาและคนอื่น ๆ มองออก ซูอี้เหมือนสูญเสียพลังไปมาก ลมปราณอ่อนแรง ไม่เหมือนกับท่าทางสงบนิ่งก่อนหน้านี้

หลังจากผ่านไปหนึ่งก้านธูป

ซูอี้ถึงได้ตื่นขึ้นมาจากการนั่งทำสมาธิ การขับเคลื่อนลมปราณทั่วร่างได้รับการฟื้นฟูจนถึงสภาวะสูงสุดแล้ว

หนิงซือฮวาที่รออยู่ตรงนั้นมาโดยตลอดอดที่จะถามขึ้นมาไม่ได้ “สหายเต๋า หรือว่าพระพุทธรูปองค์นี้คือจุดกำเนิดค่ายกลปิดผนึกขนาดใหญ่นี่?”

“ถูกต้อง” ซูอี้พยักหน้า

เมื่อครู่ เพื่อทำลาย ‘จุดกำเนิดค่ายกล’ นี้ เขาเกือบจะสูญเสียการฝึกฝนไปทั้งหมด

แต่โชคดีที่สามารถทำลายค่ายกลนี้ได้

ซึ่งที่แท้ ก็เป็น ‘ค่ายกลกักหมู่มาร’ นี่เองที่ปิดกั้นผนังกั้นมิติของที่แห่งนี้เอาไว้!

“ไปกันเถอะ”

ซูอี้ไม่รอช้า เดินไปข้างหน้าต่อ

เมื่อใดก็ตามที่มีพระพุทธรูปอยู่ข้างหน้า แค่เขาสะบัดแขนเสื้อ พระพุทธรูปบริเวณรอบ ๆ ก็จะขยับไหว และปรากฏทางเดินออกมา

ภาพนี้ทำให้หนิงซือฮวาและคนอื่น ๆ ต่างก็มั่นใจ ค่ายกลปิดผนึกลึกลับนี้ ถูกซูอี้ควบคุมไว้แล้ว!

ไม่นานกลุ่มพวกเขาก็เดินผ่านค่ายกลขนาดใหญ่นั้นไป และเห็นระลอกคลื่นสีเลือดขนาดใหญ่

ระลอกคลื่นนี้ทอดยาวออกไปในอากาศ มีขอบเขตประมาณสามร้อยจั้ง ประหนึ่งม่านฟ้าแหวกออกเป็นบาดแผลเลือดขนาดใหญ่ ในยามที่หมุนโคจร ทำให้ระหว่างอากาศบริเวณใกล้ ๆ เกิดการบิดเบี้ยวขึ้นมา และเกิดเสียงดังสนั่นขึ้น

ข้างใต้ระลอกคลื่นสีเลือด คือฐานดอกบัวหนึ่งฐาน

ฐานดอกบัวกว้างเก้าฉือ ทุกส่วนราวกับหยกทมิฬขัดเงา บนฐานดอกบัวมีเศษชิ้นส่วนสีเลือดกระจายตกอยู่ ประหนึ่งเศษเปลือกไข่ที่แตก

ภาพนี้ แทบจะเหมือนกับภาพวาดจิตกรรมฝาผนังที่ซูอี้เห็นบนเจดีย์ชั้นหนึ่งเมื่อครู่

เพียงแต่บนฐานดอกบัวในภาพวาดฝาผนังนั้น มีร่างของพระพุทธเจ้านั่งอยู่ ทว่าในยามนี้ที่เห็น คือเศษชิ้นส่วนสีเลือดเหล่านี้

“ที่แห่งนี้เหมือนกับหุบเขามารบุปผาโลหิตจริง ๆ มีผนังกั้นมิติปิดผนึกไว้”

หนิงซือฮวาและมู่ซีต่างก็เผยสีหน้าเคร่งขรึมออกมา

ในตอนนั้นพวกเขาเคยเดินทางไปกับซูอี้

พวกเขาต่างรู้ดี อีกด้านของผนังกั้น อาจจะเป็นโลกฝึกบำเพ็ญที่ไม่รู้จักอีกโลกหนึ่ง!!

เป็นในตอนนี้เอง หลานซัวอดไม่ได้ที่จะเอ่ย “ข้าก็เคยเห็นระลอกคลื่นสีเลือดแบบนี้ในส่วนลึกของหุบเขามารหมื่นแมลง มันเหมือนกันจริง ๆ”

หนิงซือฮวาและมู่ซีต่างก็แปลกประหลาดใจ ส่วนลึกของหุบเขามารหมื่นแมลงก็มีผนังกั้นมิติเหมือนกัน?

“ข้าอยู่ใกล้ระลอกคลื่นสีเลือดในหุบเขามารหมื่นแมลง และถูกหนอนปีศาจวิญญาณเร้นสถิตร่าง หากไม่ใช่เพราะได้รับความช่วยเหลือจากคุณชายซูในตอนหลัง เกรงว่าคงตายไปแล้ว…”

เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ หลานซัวเหลือบมองไปที่ซูอี้ และไม่รู้ว่านึกสิ่งใดขึ้นมา ใบหน้างามพลันร้อนขึ้นมา

“หากเป็นอย่างที่พูด แปดหุบเขามารใหญ่ในอาณาจักรต้าโจว ล้วนมีผนังกั้นมิติเช่นนี้อยู่หรือไม่?”

มู่ซีพึมพำ รู้สึกตกใจเล็กน้อย

“มีบางอย่างแปลก ๆ”

ในตอนนี้เอง ซูอี้ที่กำลังสำรวจฐานดอกบัวหยกทมิฬอยู่ด้านหน้า ขมวดคิ้วพลางเอ่ยทันที “น่าจะมีคนเคยมาที่แห่งนี้ เมื่อหลายปีก่อน!”

“อะไรนะ?”

หนิงซือฮวาและคนอื่น ๆ พากันเดินเข้ามา พลันมีสีหน้าแปลกประหลาดใจ ใต้โลกที่ปกคลุมด้วยค่ายกลปิดผนึก แม้แต่พวกเขายังต้องตามซูอี้เข้ามา ถึงได้มาถึงที่นี่ได้อย่างหวุดหวิด

แต่เมื่อก่อนใครกันที่มีความสามารถมากถึงขนาดที่ทำมาถึงขั้นนี้ได้?

“ชิ้นส่วนที่แตกเหล่านี้ คือ ‘ร่างดักแด้’ ที่ตกทอดมาจากอดีต”

ขณะที่ซูอี้เอ่ย เขาเดินขึ้นไปบนฐานดอกบัว เก็บชิ้นส่วนสีเลือดชิ้นหนึ่งขึ้นมา พลางสำรวจไปด้วยและเอ่ยไปด้วย

“หากข้าเดาไม่ผิด เคยมีผู้ฝึกตนต่างโลก ใช้วิธี ‘ร่างดักแด้’ นำพลังวิญญาณของตนก้าวข้ามมาโลกใบนี้ และสิงสถิตในร่างของผู้แข็งแกร่ง”

เขายื่นมือไปลูกชิ้นส่วนสีเลือดนี้เบา ๆ และเอ่ยคาดเดาออกมา “เรื่องนี้ น่าจะเกิดขึ้นในช่วงหลายสิบปี และมากสุดคงไม่เกินสามสิบปี เพราะกลิ่นอายของชิ้นส่วน ‘ร่างดักแด้’ นี้ ยังไม่สลายหายไปหมด”

หนิงซือฮวากับคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากัน และตกใจ

ในช่วงหลายสิบปี มีผู้สิงสถิตที่มาจากต่างโลกปรากฏตัวอยู่ที่นี่!?

ผู้สิงสถิตคนนั้น อาจจะมาจากอีกด้านหนึ่งของผนังกั้นมิติ!

และผู้ใดกัน… ที่ถูกสิงสถิต?

“ที่นี่มีแผ่นหยกอีกชิ้นหนึ่ง”

จู่ ๆ หนิงซือฮวาเอ่ยขึ้น ในตอนที่เอ่ยอยู่นั้น นางก้มตัวเก็บชิ้นส่วนขนาดสามชุ่นจากในเงามืดส่วนล่างสุดของฐานดอกบัวหยกทมิฬขึ้นมา แผ่นหยกนั้นสลักรูปหงส์ชนิดหนึ่ง

“สหายเต๋าเจ้าลองดู”

หนิงซือฮวาเดาไม่ออก จึงสั่งและส่งหยกแผ่นนั้นให้กับซูอี้

ซูอี้มองอยู่ครู่หนึ่ง พลางเอ่ย “ก็แค่หยกเพชรสีเขียวกลั่นเป็นแผ่นหยกก็เท่านั้น เป็นวัตถุธรรมดา ไม่ได้ล่ำค่าอะไร หากข้าเดาไม่ผิด นี่คงจะเป็นชิ้นส่วนของผู้แข็งแกร่งที่ถูกสิงสถิตคนนั้นเหลือเอาไว้”

มู่ซีเอ่ย “หากเป็นเช่นนี้ เพียงแค่สืบหาเจ้าของแผ่นหยกนี้ ก็จะรู้ว่าเขาใช่ผู้ที่ถูกสิงสถิตจากผู้ฝึกตนต่างโลกหรือไม่”

ตอนนั้นในหุบเขามารบุปผาโลหิต ก็เคยมีผู้ฝึกตนต่างโลกนี้ใช้วิธี ‘ร่างดักแด้’ ฝังวิญญาณไว้ภายในร่างจวิ้นอ๋องแห่งอู่หลิงเฉินเจิ้ง และพยายามจะบังเกิดขึ้นมาบนโลกนี้

สุดท้ายก็ถูกซูอี้กำจัดไป

ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าจะเป็นหนิงซือฮวา หรือว่ามู่ซี ต่างก็รู้สึกถึงปัญหาที่หนักหนานี้

ยามนี้อาจจะมีผู้ฝึกตนที่มาจากต่างโลกดำรงอยู่ภายในอาณาเขตต้าโจวนี้!!

ในเวลานั้น เป็นใครกันที่เข้ามาที่แห่งนี้ และโชคร้ายถูกสิงสถิตไป?

พรึบ!

ในระหว่างที่ทุกคนเกิดความสงสัย ทันใดนั้น แสงโลหิตที่แสบตา พลันพุ่งออกมาจากความมืดในที่ไกล แทงไปทางซูอี้ที่ยืนอยู่บนฐานดอกบัวหยกทมิฬ

เคร้ง!!!

เกิดเสียงอาวุธปะทะกันดังไปทั่ว แสงโลหิตที่ซุ่มโจมตีออกมา ถูกซูอี้ใช้ดาบนิลกาฬกลืนฟ้าต้านเอาไว้

ทว่าร่างกายสูงใหญ่ของเขา กลับถูกกระแทกจนกระเด็นลอยออกไปจากฐานดอกบัวหยกทมิฬ

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset