📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 282

บทที่ 282 - ดาบเดียวก็ทลาย!
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ที่แท้แล้วตรงไหนกันแน่ที่ไม่ชอบมาพากล?

ซูอี้สงบใจตั้งสมาธิ แล้วเพ่งจิตสัมผัสออกไป สัมผัสรับรู้ถึงตำหนักยิ่งใหญ่ชั้นที่หนึ่งของเจดีย์แห่งนี้ทั่วทุกซอกทุกมุม

ตำหนักแห่งนี้โอ่อ่ากว้างขวาง สามารถรองรับหลวงจีนนั่งวิปัสสนากรรมฐานสวดพระธรรมได้เป็นพันรูป เสาหินสามสิบหกต้นตั้งตระหง่าน บนเสาแต่ละต้นสลักอักษรสันสกฤตที่มีความลึกลับซับซ้อน

อืม?

เมื่อจิตสัมผัสของซูอี้ตรวจจับไปไกลเกือบจะถึงระยะยี่สิบจั้ง จู่ ๆ ก็เกิดความรู้สึกติดขัดขึ้นมา ในสมองปรากฏภาพค่ายกลขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง

“ที่แท้แล้วก็เป็นค่ายกลใหญ่ที่ซ่อนอำพรางตัวนั่นเอง…”

ฉับพลัน ซูอี้ก็เข้าใจได้ถึงสาเหตุของความไม่ชอบมาพากล

“พวกเจ้าระวังตัวกันหน่อย ที่ตรงนี้มีค่ายกลใหญ่ปกคลุม หากว่าข้าเดาไม่ผิด คงจะเป็นผู้บำเพ็ญตนของวัดซ่างหลินเหล่านั้นเป็นผู้ตั้ง”

ซูอี้กล่าวเตือนเบา ๆ

ทว่าเขากลับใช้กำลังแห่งจิตสัมผัสรับรู้ถึงความลี้ลับของค่ายกลใหญ่ซ่อนเร้นแห่งนั้นอย่างสงบ

หนิงซือฮวา มู่ซี กับหลานซัวจับอาวุธของตนเองอย่างพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมาย

หนิงซือฮวาถือง้าวจันทร์แรมเพลิงครามด้วยมือขวา ส่วนมือซ้ายกำดาบเรียวยาวดังปลาล้อน้ำสีแดงชาดทั้งเล่ม

มู่ซีถือหอกรบสีทอง เตรียมตัวพร้อม

คนที่เกินเหตุที่สุดคือหลานซัว นางหยิบจี้หยกอักขระลึกลับที่แขวนคอออกมา เหน็บมีดบินสีทองคู่ใจข้างเอว ใช้ดาบหยกแหลมเล็กสีม่วงเลื่อมทั้งเล่มเหน็บผม แล้วหยิบเกราะป้องกันข้อมือทั้งสองที่สลักอักขระซับซ้อนออกมาใส่…

คิดสักครู่ ราวกับยังไม่วางใจ นางหยิบยันต์หยกวิถีต้นกำเนิดปึกหนามาถือเต็มมือสองข้าง จากนั้นจึงพ่นลมออกจากปากด้วยความผ่อนคลาย ดวงตาใสหยดเยิ้มเริ่มคันไม้คันมือขึ้นมา

ภาพทั้งหมดนี้ทำให้มู่ซีตาแทบลาย!

เคยเห็นคนแต่งตัวพร้อมรบ แต่ไม่เคยเห็นใครถูกของวิเศษปกคลุมทั่วร่างเช่นนี้มาก่อน!

หนิงซือฮวาแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา หากว่านี่คือการจับกลุ่มรวมกันของผู้นิยมการต่อสู้ประเภทหนึ่ง ควรจะเรียกว่าเป็น… กลุ่มทุ่มเงินหรือไม่นะ?

คงรู้สึกอึดอัดที่ถูกคนทั้งสองมอง หลานซัวจึงเอ่ยขึ้นมาด้วยความขัดเขิน

“ตอนที่ข้าออกบ้านมา ผู้อาวุโสในบ้านยัดเยียดให้ข้า บอกว่าลูกผู้หญิงอยู่นอกบ้านจะต้องปกป้องดูแลตัวเองให้ดี เอ่อ… ไม่ต้องประหลาดใจไปหรอก”

หนิงซือฮวากับมู่ซีต่างก็เบนสายตาไปทางอื่น แอบทอดถอนใจว่า คนเรานี่นะ เกิดมาไม่เท่าเทียมกัน!

ชิ้ง!

เวลานี้เอง ซูอี้ตวัดดาบนิลกาฬกลืนฟ้าในมือ ดาบพุ่งออกไป

ฉับพลันที่ดาบสีดำฟาดฟันออกไป มันแฝงไว้ซึ่งจังหวะวิถีลี้ลับยากจะคาดเดา พุ่งเข้าไปในอากาศว่างเปล่าที่อยู่ไกลออกไปยี่สิบจั้ง

โครม!

สะเก็ดไฟแตกกระเซ็น ยันต์จำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น ค่ายกลใหญ่ที่ปกคลุมด้วยพุทธรังสีทองปรากฏท่ามกลางสายตาของทุกคน

ทว่าหลังจากที่ดาบของซูอี้ฟันลงไป ราวกับฟาดโดนหลังงู ฉับพลันค่ายกลใหญ่สีทองที่มีพลังยิ่งใหญ่นั้นมลายหายไปสิ้นพร้อมกับเสียงดึงกึกก้องราวกับกระดาษถูกฉีกเป็นเศษเล็กเศษย่อย

“นี่…”

“ผู้ใดกันที่บังอาจถึงเพียงนี้ กล้าทำลายงานใหญ่ของข้า?”

เสียงโกรธเกรี้ยวโหวกเหวกดังขึ้น

ลึกเข้าไปในตำหนักใหญ่มีหลวงจีนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ ต่างก็มองมายังซูอี้กับพรรคพวกด้วยสีหน้าโกรธไม่พอใจ

“โยมทุกท่านสามารถมีชีวิตจนมาถึงที่แห่งนี้ได้ เกินความคาดหมายของอาตมานัก”

ทันใดเสียงอันหนักหน่วงเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

ผู้ที่พูดก็คือเจวี๋ยเหิงนั่นเอง

หลวงจีนที่อยู่ข้างกายมีมากถึงสิบเจ็ดรูป บนตัวหลวงจีนแต่ละรูปล้วนมีพลังของบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์แผ่กระจาย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลวงจีนเฒ่าผู้เป็นหัวหน้าผู้มีคิ้วขาวเคราขาว พลังในตัวน่าเกรงขามที่สุด น่ากลัวยิ่งกว่าหลวงจีนอีกสิบเจ็ดรูปมาก

ทว่าจุดที่ไกลออกไปของตัวตำหนักกลับมีการต่อสู้อย่างดุเดือด

คน ๆ นั้นเป็นหลวงจีนหนุ่มรูปงาม สวมจีวรที่ทำจากผ้าเนื้อหยาบ หน้าตารูปลักษณ์น่ายำเกรง

มือหนึ่งของเขาประคองบาตรสีม่วง มือหนึ่งตวัดดาบตัดกิเลสสีขาวสว่างประดุจหิมะ พุทธรังสีในตัวส่องสว่างเจิดจ้าไปถึงหมื่นจั้ง อานุภาพน่าหวาดเกรง

สิ่งที่น่าตื่นตระหนกก็คือ คู่ต่อสู้ของหลวงจีนหนุ่มรูปนั้นคือมังกรแท้สีทอง! ขนาดของมันยาวจั้งกว่า ๆ มีพลังน่าหวาดกลัวแผ่กระจายออกมาจากทั่วตัว

เสียงร้องคำรามของมังกรดุจดั่งเสียงฟ้าผ่า อานุภาพมังกรอันน่ากลัวแผ่กระจายออกมาจากตัวมังกรที่ยาวจั้งกว่า ๆ ดุจดังคลื่นมหาสมุทรลูกยักษ์สามารถพังทะลายภูเขาได้

เพียงแค่มองดูไกล ๆ ก็รู้สึกหายใจติดขัดแล้ว

“ในโลกนี้มีมังกรอยู่จริงหรือ?”

มู่ซีตื่นตระหนกจนหนังหัวชาไปหมด

หนิงซือฮวากับหลานซัวก็ตื่นตระหนกกับภาพที่เห็นเช่นนี้ หลวงจีนของวัดซ่างหลินเหล่านี้ต้องการจะปราบมังกร ณ ที่แห่งนี้!!

หากว่าไม่ได้มาเห็นกับตา ใครกันจะกล้าเชื่อ?

“ในโลกนี้มีมังกรอยู่จริง แต่ตัวที่เห็นตรงหน้านี้ไม่ใช่มังกรแท้ แต่เป็นอานุภาพของหยดเลือดเข้มข้นของมังกรแท้หยดหนึ่งแสดงออกมา”

ดวงตาลุ่มลึกของซูอี้ลุกวาวโนlวลกูดoทคอม

มังกรแท้เป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตน่ากลัวที่สูงส่งและโบราณที่สุดในบรรดาสัตว์วิญญาณแท้จริง! มีอานุภาพยากเกินจะคาดเดา ดุจดั่งเทพเทวาที่ดำรงอยู่ในโลก มีความแกร่งกล้าอย่างเหลือเชื่อ

แม้กระทั่งในสายตาของผู้ฝึกตนขอบเขตจักรพรรดิ การดำรงอยู่ของมังกรแท้ก็ยังเป็นตัวตนที่เรียกได้ว่าดุร้ายไร้เทียมทาน แข็งแกร่งจนไม่อาจคาดประมาณได้

สิ่งมีชีวิตเช่นนี้ มีพรสวรรค์เกินธรรมดา มีมหาบารมีแต่กำเนิด ใหญ่จนสามารถสร้างความโกลาหลไปทั่วแผ่นฟ้า เล็กจนสามารถซ่อนตัวในผงธุลี ขี่เมฆขับวายุ เดินทางไปทั่วท้องนภา!

เพียงแต่ว่า มังกรแท้นั้นลึกลับจึงพบเห็นได้ยาก แทบจะดำรงอยู่แต่ในตำนานเท่านั้น

ณ เก้ามหาแดนดิน ในวันเวลาที่ยาวนานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ผู้ที่เคยพบเห็นสิ่งมีชีวิตลึกลับเช่นนี้จริง ๆ แทบสามารถนับจำนวนคนได้!

ส่วนใหญ่แล้ว ข่าวทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับมังกรแท้จะเป็นคำเล่าลือที่ไร้ซึ่งหลักฐาน

ถึงแม้เมื่อชาติก่อนจะเคยอยู่ในเก้ามหาแดนดิน ทว่าซูอี้เคยเห็นเพียงแค่รังที่มังกรแท้ทิ้งไว้และเก็บเกล็ดมังกรที่บิ่นแตกมาได้บ้างเท่านั้น

มังกรแท้ที่ยังมีชีวิตอยู่ เขาไม่เคยเห็นแม้แต่สักครั้ง

ทว่าตอนนี้ ณ ซากปรักหักพังซึ่งอยู่ในส่วนลึกของขุนเขาปีศาจวัดวิปัสสนาแห่งนี้ ภายในเจดีย์เก้าชั้นซึ่งอยู่บนยอดเขารูปร่างมังกรแห่งนี้ กับมังกรซึ่งแปลงมาจากโลหิตหนึ่งหยดแห่งมังกรแท้ปรากฏ!

ซูอี้ถึงกับตื่นตระหนก ไม่คาดคิดมาก่อน

เพราะที่แห่งนี้คือโลกธรรมดาสามัญ!

ขณะที่ซูอี้กำลังครุ่นคิด หลวงจีนสิบแปดรูปของวัดซ่างหลินก็โอบล้อมเข้ามา แต่ละคนดุดันน่ากลัว

“สถานที่แห่งนี้มีอันตรายร้ายแรง เชิญโยมทุกท่านย้อนกลับไปทางเดิม อย่าได้เอาชีวิตตัวเองเข้ามาเสี่ยง”

หลวงจีนเฒ่าคิ้วขาวเคราขาวพนมมือพลางกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เสียงดังราวกับเสียงระฆังยามทำวัตรเช้า มีความน่าเกรงขามไม่อาจบิดพลิ้ว

ซูอี้หัวเราะขึ้นมา พลางกล่าว “หลวงจีนทั้งหลาย ข้าช่วยพวกเจ้ากำราบสิ่งดุร้ายนี้เป็นอย่างไร?”

หลวงจีนเฒ่าคิ้วขาวกล่าวสีหน้าราบเรียบ “โยมทุกท่านมาถึงสถานที่แห่งนี้ได้ จักต้องเก่งเกินกว่าคนธรรมดาทั่วไปเป็นแน่ ทว่าหากไม่เชื่อฟังคำกล่าวเตือน ยังคงหลับใหลไม่ตื่น จักต้องเจอภัยถึงชีวิต”

ขณะนี้เอง หลานซัวมองไปที่หลวงจีนหนุ่มที่อยู่ไกลออกไปรูปนั้น ทันใดนั้นก็โพล่งออกมา

“ผู้อาวุโสจิงเหอ ข้าคือหลานซัวศิษย์สำนักดาบจรัสฟ้าจบแดน อาจารย์ข้าคือ ‘ท่านอวิ๋นหลางซ่างเหริน’ หากว่าต้องต่อสู้กัน จะไม่เป็นการดีต่อพวกเราทั้งสองฝ่าย ตามความเห็นของข้า สู้พวกเราช่วยกันสยบตัวรูปร่างมังกรนั้นร่วมกัน จากนั้นแบ่งปันโอกาสนี้อย่างเท่าเทียมกัน เป็นอย่างไร?”

พวกของหลวงจีนคิ้วขาวต่างก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป

ท่านอวิ๋นหลางซ่างเหริน!

เขาเป็นถึงผู้อาวุโสสูงสุดผู้มีกำลังการต่อสู้เป็นอันดับหนึ่งของสำนักดาบจรัสฟ้าจบแดน! เป็นหนึ่งในสามนักดาบผู้แข็งแกร่งที่สุดในต้าฉิน มีอานุภาพไปทั่วแปดดินแดนสี่ทะเล!

ทว่าตอนนี้ ศิษย์ผู้สืบทอดสายตรงของท่านอวิ๋นหลางซ่างเหรินมาถึงที่นี่แล้ว ใครจะกล้ามองข้าม?

พอเห็นสีหน้าของหลวงจีนเหล่านั้นแล้ว มู่ซีก็รู้แล้วว่าอาจารย์ของหลานซัวมีกิตติศัพท์น่าเกรงขามมากเช่นกัน

แต่ที่ผิดจากความคาดหมายของทุกคนคือ หลวงจีนหนุ่มจิงเหอที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือดกลับเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“อย่าว่าแต่เจ้าผู้เป็นเพียงแค่ศิษย์ของท่านอวิ๋นหลางซ่างเหรินเลย ต่อให้อวิ๋นหลางซ่างเหรินมาด้วยตนเอง ก็อย่าคิดเลยว่าจะแย่งโชคลาภในมือวัดซ่างหลินของพวกเราไปได้!”

น้ำเสียงแข็งกร้าวเด็ดขาด

หลานซัวหน้าสลดไปในทันใด บนดวงตางดงามปรากฏประกายความโกรธและอับอาย ราวกับไม่คาดคิดมาก่อนว่าผู้อาวุโสจิงเหอแห่งหอสยบมังกรของวัดซ่างหลินจะไม่ไว้หน้ากันถึงเพียงนี้

สีหน้าของหลวงจีนเฒ่าคิ้วขาวเปลี่ยนไป มีแต่ความความเย็นชา

“ทุกท่าน จงถอยไป!”

หลวงจีนเฒ่าคิ้วขาวกล่าวเสียงเคร่งเครียด สายตาน่ากลัวประดุจดวงไฟ

สีหน้าของหลวงจีนรูปอื่น ๆ ล้วนไม่เป็นมิตร

“เป็นผู้บำเพ็ญตน ทว่าจิตใจเข่นฆ่าและละโมบกลับรุนแรงถึงเพียงนี้ ไม่ได้แตกต่างอะไรไปจากวิถีอสูรร้ายเหล่านั้นเลย” ซูอี้ส่ายหน้า

เมื่ออดีตชาติ เขาเคยถกพระธรรมกับหลวงจีนผู้สามารถของ ‘แดนบูรพาน้อย’ อันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่งของสำนักพุทธ ความโอบอ้อมอารี จิตใจเอื้อเฟื้อ และสติปัญญาเช่นนั้นทำให้ซูอี้ชื่นชมและนับถือเป็นอย่างมาก

เมื่อเทียบกันแล้ว เหล่าหลวงจีนตรงหน้านี้ไม่คู่ควรเหมาะสมที่จะเรียกตนว่าเป็นผู้ฝึกธรรมเลย

“คนชั่ว เจ้ายังกล้าทำปากดีอีก สมควรลงนรกรับโทษตัดลิ้นยิ่งนัก!”

เจวี๋ยเหิงตะคอกด้วยความโกรธ ก่อนหน้านี้เขาเคยประมือกับซูอี้ มีความไม่พอใจอยู่ก่อนหน้าเป็นทุนเดิม พอเห็นว่าซูอี้ดูแคลนพวกเขา จึงแสดงความโกรธออกมาในทันใด

ซูอี้คร้านจะพูดพล่ามด้วย แล้วชูดาบนิลกาฬกลืนฟ้าในมือขึ้น ฟันออกไปในระยะไกล

สวบ!

พลังดาบส่องประกายสว่างเจิดจ้า ราวกับสายรุ้งยาวสีเขียวแฝงไว้ซึ่งกลิ่นอายแห่งความไร้เทียมทาน ฟันไปที่ตัวของเจวี๋ยเหิง

หลวงจีนเฒ่าคิ้วขาวขมวดคิ้ว ซัดฝ่ามือออกไปกลางอากาศ

ฟิ้ว!

ฝ่ามือสีทองส่องประกาย มีขนาดใหญ่ประมาณแท่นบด ปล่อยแสงสว่างเจิดจ้า อานุภาพยิ่งใหญ่

แต่เมื่อปะทะกับดาบของซูอี้แล้ว ฝ่ามือสีทองนี้ถูกฟันขาดเป็นสองท่อนในทันใด เกิดเป็นเสียงดังกึกก้องจนแสบแก้วหู

ทว่าพลังดาบของซูอี้ยังคงไม่ลดกำลัง พุ่งฟันไปที่ตัวเจวี๋ยเหิง

เจวี๋ยเหิงหลบโดยสัญชาตญาณ

ปัง!!!

ดาบพุ่งแทงจุดที่เจวี๋ยเหิงยืนแต่เดิมอย่างหวุดหวิด ขณะที่สะเก็ดไฟเจิดจ้าแสบตาของดาบแตกกระเซ็น แทงโดนผิวของเจวี๋ยเหิง เจ็บจนหน้าเปลี่ยนสี

เพียงแค่ดาบเดียว อานุภาพรุนแรง ทำให้หลวงจีนเฒ่าคิ้วขาวกับพรรคพวกพากันแสดงสีหน้าคลางแคลง รู้ถึงความร้ายกาจของซูอี้

“บาปกรรม ปล่อยไว้ไม่ได้ ศิษย์น้องทั้งหลายจงลงมือพร้อมกับข้า ฆ่าคนชั่วเหล่านี้ให้หมด ขจัดภัยร้ายแก่โลกมนุษย์!”

หลวงจีนเฒ่าคิ้วขาวกล่าวเสียงเครียด

“อมิตาพุทธ!”

หลวงจีนอื่น ๆ สิบเจ็ดรูปส่งเสียงรับพร้อมกัน

จากนั้น หลวงจีนวัดซ่างหลินจากอาณาจักรต้าฉินผู้อยู่ในขอบเขตบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์เหล่านี้ก็ลงมืออย่างดุดัน

ครืน!

อานุภาพในตัวของพวกเขาระเบิด แขนเสื้อพองโต หยิบอาวุธวิเศษออกมา เช่น ดาบตัดกิเลส ไม้เท้าสมาธิ ไม้เรียวตัดกิเลส กระบองยาว ดาบพิทักษ์กฎ บาตร เป็นต้น

จากนั้น พวกเขาเคลื่อนย้ายร่างกาย เพียงแค่ชั่วพริบตาเท่านั้นก็กลายเป็นค่ายกลต่อสู้ที่มีกลิ่นอายแห่งความน่ากลัวและดุดัน

ใบหน้าเรียวงามของหลานซัวเปลี่ยนไปเล็กน้อย ส่งเสียงกล่าวออกมาอย่างรวดเร็ว “นี่คือ ‘ค่ายกลพระโพธิสัตว์ปราบมาร’ ของอารามหลานฮั่นแห่งวัดซ่างหลิน โดยมีบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์สิบแปดรูปแสดงกำลังพร้อมกัน สื่อพลังถึงกันและกัน มีอานุภาพร้ายแรง สามารถกักขังเทพเซียนเดินดินได้!“

ไม่ได้กล่าวเกินกว่าเหตุเลย เมื่อหลายปีก่อน อาณาจักรต้าฉินเคยมีเทพเซียนเดินดินอยู่ท่านหนึ่ง แต่โดน ‘ค่ายกลพระโพธิสัตว์ปราบมาร’ ของวัดซ่างหลินจับกุมตัว สุดท้ายถึงแม้จะหนีการจับกุมได้ ทว่าได้รับบาดเจ็บอย่างแสนสาหัส!

ครืน!

ขณะที่พูด พวกของหลวงจีนเฒ่าคิ้วขาวก็บุกโจมตีเข้ามาโดยอาศัยอานุภาพของค่ายกลต่อสู้ บนตัวของแต่ละคนปล่อยแสงสว่างเจิดจ้า หน้าตาดุดันน่าสะพรึงกลัว

ทั้ง ๆ ที่มีด้วยกันถึงสิบแปดคน ทว่าต่างให้ความร่วมมือประสานรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ไร้ซึ่งช่องโหว่ ไม่อาจบุกโจมตีได้

ชั่วขณะนั้น หนิงซือฮวากับมู่ซีเพ่งสายตาอย่างพร้อมเพรียงกัน

ทว่าซูอี้กลับแสดงสีหน้าดูแคลนออกมา

“เช่นนี้ก็คู่ควรเรียกว่าค่ายกล? ก็เพียงแค่วิชารวมพลังต่อสู้ธรรมดามากวิชาหนึ่งเท่านั้น ดาบเดียวก็ทลาย!”

เสียงราบเรียบเพิ่งดังขึ้น ซูอี้ก็เดินไปข้างหน้า

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset