📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 275

บทที่ 275 - เดิมพันชีวิต
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

เมื่อได้ยินคำพูดคำจาของซูอี้ ดวงตาของซือถูกงก็หรี่ลงเล็กน้อย รัศมีที่เย็นเยียบและกระหายเลือดของเขาปะทุออกมา

หลี่กุ้ยชายหนุ่มชุดน้ำเงินสั่นเทาไปทั้งตัว ด้วยเกิดความปั่นป่วนที่ควบคุมไม่ได้ในหัวใจของเขา

พลังของบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์นั้นน่ากลัวเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย ทำให้เขามีความต้องการที่จะหลบหนี

เช่นเดียวกับชายในชุดสีทองที่อยู่ข้าง ๆ คิ้วของเขาเต็มไปด้วยความกลัวและวิตกกังวล

แม่นางเสี่ยวเหอเม้มปาก แต่นางค่อนข้างสงบ ดวงตาคู่สวยมองไปที่ซูอี้อย่างสงสัยใคร่รู้

ชายหนุ่มในชุดคลุมสีเขียวที่กล้าเผชิญหน้ากับดาบอาบเลือดซือถูกงผู้นี้แท้จริงแล้วคือผู้ใดกันแน่?

บรรยากาศในห้องโถงกดดันอย่างยิ่ง

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ซือถูกงก็หัวเราะออกมาด้วยดวงตาที่ลึกล้ำและกล่าวว่า

“บอกตามตรง ครั้งนี้ข้ามาที่นี่เพราะอยากได้ ‘โชคลาภ’ ของคุณชายด้วย แต่ไม่เหมือนคนอื่น ข้าต้องการเดิมพันกับคุณชาย”

ซูอี้จิบเหล้าหนึ่งอึก วางขวดไว้แล้วกล่าวด้วยความสนใจ “เดิมพันอะไร?”

ซือถูกงกล่าวว่า “ข้าและสหายอีกสี่คน แต่ละคนล้วนเดินข้ามผ่านกองภูเขาซากศพ ทว่าพวกเขาเหมือนกับข้าที่หลายปีมานี้ติดอยู่ในขอบเขตไร้แพร่งพราย ไม่สามารถก้าวหน้าได้…”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เขาถอนหายใจ ความเศร้าถูกเผยให้เห็นผ่านนัยน์ตา

การบรรลุถึงขอบเขตไร้แพร่งพราย กลายเป็นบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ หากมองตามสายตาของคนทั่วไป มันคือการล้างไขกระดูก ละสังขารเก่า และถือกำเนิดขึ้นใหม่ ซึ่งอยู่ห่างจากเทพเซียนเดินดินเพียงแค่หนึ่งก้าว

…แต่หนึ่งก้าวที่ว่า มันกลับเป็นดั่งคูน้ำที่ข้ามผ่านไม่ได้!

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกสามัญนี้ ผู้ที่สามารถทำลายกำแพงนี้และเหยียบย่างบนเส้นทางของวิถีต้นกำเนิดล้วนหายาก

ต้องเผชิญกับภัยอันตรายใหญ่หลวง หรือพบเจอ ‘โชคลาภ’

มีแค่หนึ่งในร้อยคนเท่านั้นที่ข้ามผ่านขอบเขต และกลายเป็นเทพเซียนเดินดินได้!

ซือถูกงยืดร่างยืนขึ้น ทำให้ไอเย็นเยียบจากกายแผ่ออกกว้าง ก่อนจะจับจ้องไปที่ซูอี้ ปากกล่าวว่า

“และจากมุมมองของข้า ‘โชค’ ในตัวคุณชาย จะช่วยให้ข้าฝ่าฟันไปได้”

“ดังนั้น พวกเราจึงต้องการเดิมพันกับคุณชาย!”

“หากแพ้ พวกเราแต่ละคนจะยกหินวิญญาณระดับสี่ จำนวนสิบก้อนให้คุณชาย”

“แต่ถ้าคุณชายพ่ายแพ้ ท่านจะต้องมอบ ‘โชค’ ในตัวให้พวกเราดีหรือไม่?”

หลังจากพูดจบ เขามองไปที่ซูอี้อย่างเงียบ ๆ

เมื่อเห็นเช่นนี้ เหวินฉงหยวนชายชราในชุดคลุมก็อดที่จะตะลึงไม่ได้ บรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ทั้งห้ามาเพื่อจัดการกับชายหนุ่มเพียงคนเดียว!?

นี่ไม่เป็นการรังแกกันเกินไปใช่หรือไม่?

ถ้าหากไม่ได้ยินกับหู คงไม่เชื่อว่าคำพูดที่หยาบคายดังกล่าวมาจากปากของบุคคลที่น่าเกรงขามเช่นดาบอาบเลือด ซือถูกง!

หลี่กุ้ย ชายหนุ่มชุดสีน้ำเงินและชายหนุ่มชุดทองก็ตกตะลึงเช่นกัน

หินวิญญาณระดับสี่จำนวนสิบก้อน!

นี่ไม่ใช่หินวิญญาณระดับสามจำนวนพันก้อนใช่หรือไม่?

เป็นที่รู้กันว่าสำหรับยอดยุทธ์แล้ว หินวิญญาณระดับสามนั้นเป็นสมบัติล้ำค่าอยู่แล้ว

แต่หินวิญญาณระดับที่สี่นั้นหายากกว่า ว่ากันว่าแม้แต่บรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ก็ยังถือเป็นขุมทรัพย์ จะนำมาใช้เพื่อความก้าวหน้าในผลการฝึกเท่านั้น

แต่ตอนนี้ ในการเดิมพัน บรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ทุกคนกลับคิดใช้หินวิญญาณระดับสี่ จำนวนสิบก้อนเป็นเดิมพัน

รวมทั้งหมดเป็นห้าสิบก้อน!

นี่มันเกินจินตนาการของหลี่กุ้ยและคนอื่น ๆ อย่างสิ้นเชิง ราวกับว่าขอทานได้ยินคำว่าทองคำหนึ่งหมื่นตำลึง แต่ไม่เคยเห็นทองคำมากขนาดนั้น แน่นอนว่าเขานึกไม่ออกเลยว่ามูลค่าของมันช่างน่าอัศจรรย์เพียงใด!

ทว่าหลี่กุ้ยและคนอื่น ๆ ก็ตระหนักดี ว่าการตกเป็นเป้าหมายของผู้ยิ่งใหญ่อย่างซือถูกงได้ ย่อมหมายความว่า ‘โชค’ ของชายหนุ่มสวมชุดคลุมเขียวผู้นี้คงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!

ชั่วขณะหนึ่ง สายตาของพวกเขาที่มีต่อซูอี้เปลี่ยนไป เหงื่อเย็นเยียบพาดผ่านหลังของพวกเขา

ก่อนหน้านี้ อีกฝ่ายเป็นเพียงชายหนุ่มขี้ขลาด แล้งน้ำใจ และน่าดูถูกเท่านั้น

ทว่าใครจะคิดเล่า ว่าชายหนุ่มผู้นี้จะเป็นที่ต้องการและถูกติดตามโดยซือถูกง หนึ่งในสิบบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่?!

น่ากลัวเกินไปแล้ว!

ทันทีที่พวกเขานึกถึงคำพูดที่พวกตนเพิ่งกล่าวไป หลี่กุ้ยและคนอื่น ๆ ก็รู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมา

สิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขาวางใจได้ขณะนี้ ก็คือว่าตอนนี้ซูอี้ดูเหมือนจะเผชิญกับความลำบาก และคงไม่มีเวลามาสนใจตัวละครเล็ก ๆ เช่นพวกเขา…

ส่วนแม่นางเสี่ยวเหอ นางคิ้วขมวดด้วยความกังวลและความโกรธ

นางงุนงงเป็นอย่างมาก เหตุใดบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์อย่างซือถูกงที่มีชื่อเสียงถึงได้ไร้ยางอายเช่นนี้ นี่คือการเดิมพันที่ไหนกัน …มาเพื่อปล้นกันชัด ๆ!

แต่ซูอี้กลับหัวเราะออกมา และกล่าวว่า “บรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ห้าคนร่วมกันสู้ ทั้งยังร่วมเดิมพัน …นี่ความกล้าของพวกเจ้าน้อยเกินไปหรือไม่?”

ชายหนุ่มใช้เสียงประชดเอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้าน

ทว่าซือถูกงกลับดูสงบนิ่งและไม่สนใจ “คุณชายซูสามารถสังหารราชาปราการเพลิงได้อย่างง่ายดาย สิ่งนี้นับว่าเหนือกว่าผู้ใดแล้ว จึงนับว่าสมเหตุสมผลสำหรับข้าที่จะระมัดระวัง”

สังหารราชาปราการเพลิง!?

เหวินฉงหยวน หลี่กุ้ย และคนอื่น ๆ ต่างพากันตกตะลึง ไม่รู้จะพูดอะไรดี

ซูอี้กล่าว “แม้ว่าเจ้าจะแสแสร้งเป็นเดิมพันเพื่อหมายหยิบฉวย ‘โชค’ จากข้า ทว่าหากจะเดิมพันด้วยหินวิญญาณเพียงเล็กน้อยเท่านี้ เช่นนั้นก็ไม่ควรจะเดิมพัน”

ซือถูกงขมวดคิ้ว เอ่ยถามว่า “เช่นนั้นคุณชายต้องการเดิมพันอะไร?”

“เดิมพันชีวิต”

ซูอี้พูดโดยไม่ลังเล “ถ้าข้าแพ้ ก็ตามแต่พวกเจ้าต้องการ ถ้าเจ้าแพ้ ชีวิตของเจ้าจะขึ้นอยู่กับข้า”

เพียงประโยคที่เอ่ยอย่างแผ่วเบา ฉับพลันบรรยากาศภายในโถงใหญ่กลายเป็นกดดันอย่างถึงที่สุด!

เหวินฉงหยวนและคนอื่น ๆ ประหม่าจนแทบจะหายใจไม่ออก ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึงอย่างถึงที่สุด พวกเขาไม่เคยคิดว่าชายหนุ่มอย่างซูอี้จะแข็งกร้าวถึงเพียงนี้!

ซือถูกงเงียบ

เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาตัดสินใจได้ผู้เดียวnᴏᴠᴇʟɢu.ᴄoᴍ

“เดิมพันกับเขา”

ท่ามกลางความมืดมิดนอกโถงใหญ่ จู่ ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา “ข้าเคยบอกแล้ว ว่าไม่ต้องลำบากขนาดนั้น ลงมือเลยก็หมดเรื่อง”

ชายสูงอายุที่มีเคราและผมบางเดินเข้ามาพร้อมกับเสียงพูด อีกฝ่ายสวมเสื้อคลุมสีเหลือง ดวงตาของเขาขุ่นมัว ในมือถือไม้เท้าอยู่

เมื่อเขามาถึง อากาศก็เปลี่ยนเป็นร้อนแผดเผาราวกับมีเตาหลอมขนาดใหญ่กำลังลุกโชนอยู่ และรัศมีอันน่าสะพรึงกลัวของเจ้าตัวก็ยิ่งขับเน้นให้ชายชราในชุดคลุมสีเหลืองดูมีพลังมหาศาล

เลี่ยหยาง!

เหวินฉงหยวนจำตัวตนของชายชราในชุดคลุมสีเหลืองได้อย่างรวดเร็ว

นี่คือบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ที่โด่งดังเมื่อหลายสิบปีก่อน เขาเคยดำรงตำแหน่งเจ้าแคว้น เคยต่อสู้ในสนามรบ มากด้วยชื่อเสียง!

ซูอี้ยังคงนั่งอยู่ที่นั่นเพียงลำพัง เหลือบมองชายชราในชุดคลุมสีเหลือง แล้วถอนสายตาออกไป

เขาไม่รู้ตัวตนของอีกฝ่าย และก็ไม่สนใจที่จะถาม

แต่จากคำพูดของอีกฝ่าย ในใจของคนผู้นี้ ซูอี้ถูกตัดสินประหารชีวิตไปแล้ว

“พี่ซือถูยังลังเลที่จะสังหารและขโมยสมบัติของเจ้า ดังนั้นเขาจึงใช้วิธีประนีประนอม แต่เห็นได้ชัดว่าสหายน้อยซูอี้ไม่คิดอย่างนั้น เนื่องจากเจ้าต้องการเดิมพันชีวิต เช่นนั้นก็เดิมพันเลย”

อีกเสียงหนึ่งดังขึ้น

ทันทีหลังจากนั้น สาวงามในชุดสีสันสดใสก็เดินเข้ามา ทว่าการแต่งหน้าที่สดใสนั้นไม่สามารถปกปิดความเย็นชาระหว่างคิ้วของนางได้

ดวงตาของนางฉายแววเย็นชาและเฉียบคมดั่งเส้นสายอัสนี ทันทีที่นางเข้ามา นางก็มองที่ซูอี้และกล่าวด้วยน้ำเสียงคล้ายสงสาร “ข้าแค่หวังว่าสหายน้อยผู้นี้จะไม่เสียใจภายหลัง”

แม่นางถงฮวา!

หัวใจของเหวินฉงหยวนกระตุกอย่างรุนแรง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง นี่คือปีศาจหญิงฝ่ายอธรรม เมื่อสามสิบปีที่แล้วนางโด่งดังไปทั่วแดนดิน การพูดถึงนางทำให้ผู้ฝึกตนบำเพ็ญจำนวนไม่น้อยต้องหน้าถอดสี

อันที่จริง ไม่ว่าจะเป็นเลี่ยหยาง แม่นางถงฮวา หรือดาบอาบเลือดซือถูกง ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เกือบทั้งหมดแทบไม่ปรากฏตัว ราวกับว่าพวกเขาเกษียณแล้ว

แม้เหล่าคนรุ่นหลังอาจไม่รู้เกี่ยวกับข่าวลือของตัวตนเหล่านี้ แต่เหวินฉงหยวนจะไม่รู้ได้อย่างไร?!

ริมฝีปากของซูอี้เผยส่วนโค้งจาง ๆ กล่าวว่า “ยังมีอีกสองคนใช่หรือไม่ ให้พวกเขาออกมาเถิด”

ท่ามกลางความมืดมิด เสียงดาบแผ่วเบาดังขึ้นนอกอารามอวิ๋นเทา

ชายร่างสูงและผอมบางในชุดขาวยืนอยู่แต่ไกล ลูบดาบด้วยฝ่ามือ ปากพึมพำว่า “หากเจ้าไม่กลัว กล้าเดิมพันชีวิต เช่นนั้นเหตุใดข้าจะต้องกลัวด้วย?”

เหวินฉงมองดูเขาจากระยะไกล เพียงรู้สึกว่าชายร่างสูงผอมในชุดขาวตัวตรงราวกับดาบ แม้ยืนอยู่ท่ามกลางความมืดก็มีอานุภาพทะลวงท้องฟ้า ทำให้หัวใจของเขาอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน นี่… บรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์คนใดกัน?

และในขณะที่เสียงของชายผิวขาวสูงและผอมบางเบาลง เสียงหัวเราะที่หนักแน่นและหยาบคายก็พลันดังก้องไปทั่วสวรรค์และแผ่นดิน…

“มาเถอะ มาสู้กัน!”

เสียงนั้นเสมือนฟ้าร้อง ทำให้บานหน้าต่างและกระเบื้องหลังคาสั่นสะเทือน

หลี่กุ้ยและพวกต่างรู้สึกแสบแก้วหู พลังปราณและเลือดปั่นป่วนยากควบคุม

เมื่อมองดูใกล้ ๆ ในความมืดนั้น มีชายอีกคนหนึ่งสวมมงกุฎโลหะ สวมชุดคลุมสีแดง และร่างกายของเขาก็เต็มไปด้วยรัศมีสีม่วงยืนอยู่!

ดวงตาของอีกฝ่ายราวกับคบเพลิงที่ลุกโชน ใครเห็นเป็นต้องตกอยู่ภายใต้มนต์สะกด!

เมฆม่วง โม่ฉิงชาง!

เหวินฉงหยวนจำอีกฝ่ายได้ในพริบตา ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตกใจ คนผู้นี้มากด้วยชื่อเสียงและแข็งแกร่งไม่ต่างจากซือถูกงเลย!

เมื่อหลายปีก่อน คนผู้นี้มีชื่อเสียงเทียบเท่ารองประมุขพรรคมารหยินฮวาหลิวเยว่!

ณ เวลานี้ บรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ทั้งห้าได้ปรากฏตัวขึ้นจากทั้งภายในและภายนอกอารามอวิ๋นเทาแล้ว!

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ซูอี้จึงลุกขึ้นยืนและเก็บเก้าอี้หวาย “ไปกันเถอะ ออกไปต่อสู้ อย่าให้ผู้บริสุทธิ์เหล่านี้ได้รับผลกระทบ”

เขาเดินออกไปจากอารามอวิ๋นเทาด้วยท่าทีสงบนิ่ง

ซือถูกงและคนอื่น ๆ มองหน้ากัน ก่อนเดินตามออกไป

สำหรับเหวินฉงหยวน หลี่กุ้ย และแม่นางเสี่ยวเหอในโถง พวกเขาถูกละเลยจากบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์เหล่านี้โดยสิ้นเชิง

ก็แค่ปลาและกุ้งฝอย ใครจะมาสน?

การถูกเพิกเฉยเช่นนี้ย่อมเป็นเรื่องเจ็บปวดใจไม่น้อยสำหรับคนอื่น ๆ ทว่ากับเหวินฉงหยวนและพวก คนเหล่านี้กลับรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างยิ่งแทน!

ถูกละเลยยังดีกว่ามีส่วนร่วม!

อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดถึงตอนแรกที่ซูอี้เตือนว่าสถานที่นี้อันตรายเกินไปและขอให้จากไป แต่พวกเขาไม่เพียงปฏิเสธ ทว่ายังพูดประชดประชันและวิพากษ์วิจารณ์ มาตอนนี้… พวกเขาจึงเพิ่งรู้สึกสำนึกผิดและเกิดความขมขื่นในใจ

ใครจะคิดว่าสิ่งน่าหวาดกลัวเช่นนี้จะเกิดขึ้นในถิ่นห่างไกลผู้คน?

ในค่ำคืนอันมืดมิด มีดวงจันทร์ที่สว่างไสวลอยอยู่สูงเหนือท้องฟ้า ฉายแสงอันเจิดจ้า

บริเวณโดยรอบของอารามอวิ๋นเทาเงียบสนิท ไม่มีแม้แต่เสียงแมลงร้อง จะมีก็แต่แรงกดดันที่กดทับจิตใจผู้คนเท่านั้น

ซูอี้ยืนอยู่ในที่โล่ง ซึ่งมีซือถูกง เลี่ยหยาง แม่นางถงฮวา โม่ฉิงชาง และชายร่างสูงผอมบางในชุดขาวยืนอยู่ไม่ไกลนัก

บรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ทั้งห้าซึ่งยืนอยู่ ณ จุดสูงสุดของต้าโจว พลังของแต่ละคนแข็งแกร่งพอที่จะทำให้ปรมาจารย์คนอื่นสิ้นหวัง…

แต่ซูอี้ไม่ใช่ปรมาจารย์พวกนั้น!

“คุณชายซู คุณชายแน่ใจหรือไม่ที่จะเดิมพันด้วยชีวิต?”

ซือถูกงถอนหายใจยาว ดวงตาของเขาฉายแววซับซ้อน

เมื่อมองดูใบหน้าที่สงบนิ่งของชายหนุ่มในชุดสีเขียว ในใจก็อดที่จะรู้สึกชื่นชมไม่ได้ เช่นเดียวกับความละอายใจเล็กน้อยที่ก่อตัวขึ้น

ชายหนุ่มที่กล้าหาญเช่นนี้หายากจริง ๆ!

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset