📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 27

บทที่ 27 - ศิษย์ยอดยุทธ์
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ทองคำสีชาดลายม่วงคือหนึ่งในวัตถุวิญญาณที่สามารถใช้เป็นวัตถุอันยอดเยี่ยมในการสร้างสมบัติวิเศษ

แม้ว่าแหวนมังกรนี้มีทองคำสีชาดลายม่วงผสมอยู่เพียงเล็กน้อย แต่หากทำการหลอมสกัดมันออกมาและเอามาผสมรวมใหม่กับแร่โลหะ ขึ้นรูปเป็นดาบ ดาบที่สร้างออกมาจะสามารถตัดเหล็กได้ราวกับเต้าหู้!

ส่วนทางด้าน ‘หินดำผลึกวิญญาณ’ ที่ฝังไว้กับตัวแหวนนั้นมีพลังวิญญาณอัดแน่นไว้อย่างถึงที่สุด ในสายตาของซูอี้ หินดำเม็ดนี้มีคุณสมบัติไม่ต่างอะไรกับ ‘หินวิญญาณระดับที่หนึ่ง’!

ที่เก้ามหาแดนดิน หินวิญญาณเป็นสิ่งที่ต้องมีเพื่อเอาไว้ใช้บ่มเพาะ

ขนาดของหินวิญญาณ ทั้งหมดล้วนมีมาตรฐานการแบ่งไว้ชัดเจน หินวิญญาณทั้งหมดถูกแบ่งออกเป็นเก้าระดับ

ระดับที่หนึ่งคือน้อยที่สุด และระดับที่เก้าคือมากที่สุด

แต่แค่เพียงหินวิญญาณที่ระดับต่ำกว่าสาม ก็เพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการของผู้บ่มเพาะทั้งหลายแล้ว

ในดินแดนแห้งแล้งเช่นต้าโจว ถึงแม้จะมีหินวิญญาณด้วยเช่นเดียวกัน …แต่พวกมันส่วนใหญ่ล้วนเป็นระดับที่หนึ่ง หรือไม่ก็ระดับที่สอง

แต่ด้วยความแห้งแล้งขาดแคลน แค่หินวิญญาณระดับหนึ่งหรือสองก็ถูกนับได้ว่าเป็นสมบัติอันล้ำค่า มีเพียงตระกูลอันสูงศักดิ์เท่านั้นที่ถือครองพวกมัน

ตัวอย่างเช่นสามตระกูลใหญ่แห่งเมืองกว่างหลิง แม้ว่าพวกเขาครอบครองกิจการภายในเมืองมากมายและมีทรัพย์สินมหาศาล กระนั้นแล้วหินวิญญาณระดับที่หนึ่งที่แต่ละตระกูลครอบครองกลับมีจำนวนไม่เกินไปกว่าร้อย!

แต่แล้วบนแหวนมังกรนี้มี ‘หินดำผลึกวิญญาณ’ ถึงสองเม็ด ซึ่งมันเทียบเท่ากับการครอบครอง ‘หินวิญญาณระดับที่หนึ่ง’ ถึงสองก้อน อีกทั้งแหวนวงนี้ยังสร้างจากทองคำสีชาดลายม่วง มูลค่าของมันจึงสูงล้ำอย่างมาก

“คงต้องรอก่อน เมื่อใดเข้าเมืองไปหาช่างตีเหล็กได้ ค่อยใช้ทองคำสีชาดลายม่วงเป็นส่วนประกอบ หลอมเป็นดาบสักเล่มและใช้งาน…”

ระหว่างครุ่นคิด ซูอี้เคาะปลายนิ้วรัวเร็ว ‘หินดำผลึกวิญญาณ’ ที่ประดับบนตัวแหวนกลิ้งในฝ่ามือ มันส่องแสงอย่างเป็นประกาย

ถัดจากนั้น ซูอี้นั่งขัดสมาธิ ถือหินดำผลึกวิญญาณไว้ทั้งสองมือ พร้อมโคจรพลัง

พลังวิญญาณบริสุทธิ์จากหินดำไหลหลากเข้าสู่กายซูอี้ทันทีราวอุทกภัย หลังโคจรพลัง ร่างกายเริ่มยุบและพองขึ้นเป็นจังหวะ พลังวิญญาณและเลือดลมทั้งร่างกายสูบฉีดรุนแรงราวเดือดพล่าน

ผลลัพธ์นี้ มันดีเสียยิ่งกว่าการฝึกที่ป่าหม่อนริมแม่น้ำต้าฉางถึงหลายเท่า!

ความรู้สึกของซูอี้กระจ่างชัด เลือดและเนื้อภายในกายกำลังอยู่ภายใต้การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และเมื่อไรที่เสร็จกระบวนการ ร่างของซูอี้จะแกร่งกว่าเดิมไม่ต่ำกว่าสิบเท่าแน่นอน!

จันทร์เสี้ยวเฉิดฉายอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆ บางตระกูลเบิกบานยินดี แต่บางตระกูลกลับเศร้าเสียใจสุดแสน

ในค่ำคืนเดียวกันนี้ ภายในโถงใหญ่ตระกูลหลี่ หนึ่งในตระกูลของเมืองกว่างหลิง ขณะนี้กลับเต็มด้วยความหมองหม่น

ปัง!!

หลี่เทียนหาน ผู้นำตระกูลหลี่ทุบโต๊ะน้ำชาแหลกคามือ

“เรื่องนี้ มันยังไม่จบ!” ใบหน้าหลี่เทียนหานดำมืด เผยซึ่งจิตสังหาร

ผู้ยิ่งใหญ่ของตระกูลหลี่ที่นั่งอยู่ทั้งสองฟากข้างของโถงใหญ่ต่างตัวสั่น พวกเขาล้วนเงียบงันไม่กล้าเอ่ยวาจาใด

เรื่องราวที่เกิดขึ้นที่งานเลี้ยงวันเกิดนายหญิงเฒ่าตระกูลเหวินในวันนี้ พวกเขาล้วนทราบแล้ว

กระนั้นหาได้มีผู้ใดคาดคิด ว่าหวงอวิ๋นชงผู้นำตระกูลหวงจะถึงขั้นแปรเปลี่ยนต้านกระแสน้ำ!

และที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจมากยิ่งกว่า คือการที่แม้แต่เจ้าเมืองฟู่ซาน รวมถึงผู้บัญชาการเนี่ยเป่ยหู่ต่างก็ไปเยือนและสนับสนุนตระกูลเหวินกันด้วยตนเอง!

สุดท้ายแล้ว ผู้นำตระกูลหลี่เทียนหานและบุตรชายหลี่โม่อวิ๋นจึงทำได้เพียงล่าถอย

มันคือความอัปยศอับอาย!

แม้จะไม่อยากให้ใครอื่นรับรู้ แต่ข่าวคราวนี้ย่อมต้องแพร่กระจายสู่ทั้งเมืองกว่างหลิง และมันจะกระทบต่อชื่อเสียงและเกียรติของตระกูลหลี่อย่างไม่ต้องสงสัย

“รายงานนายท่าน ผู้นำตระกูลหวงมีการตอบรับ”

ข้ารับใช้เฒ่าชราผู้หนึ่งเร่งรีบเข้ามาในโถง พร้อมโค้งกายรายงานต่อหลี่เทียนหาน

“หวงอวิ๋นชงกล่าวถึงเรื่องนี้อย่างไร!” หลี่เทียนหานรับคำสีหน้าเคร่งเครียด

ตัวเขาไม่ใช่โกรธจนดวงตามืดบอด ในใจเขาทราบดี เรื่องราวที่เกิดขึ้น ณ ตระกูลเหวินวันนี้มันแปลกเกินไป หลายสิ่งอย่างผิดแปลกจนเกินควร

ดังนั้นยามกลับถึงบ้าน เขาจึงส่งคนไปยังบ้านตระกูลหวง เพื่อพยายามสืบทราบปากคำของหวงอวิ๋นชง

ข้ารับใช้เฒ่าชราลังเลไปครู่ ก่อนจะพูดตะกุกตะกัก “ผู้นำตระกูลหวงกล่าวบอก แนะนำให้พวกเราอย่าได้ตั้งตัวเป็นศัตรูกับตระกูลเหวินในภายหน้า หากไม่แล้ว หายนะภัยอันยิ่งใหญ่จะมาเยือนอย่างไม่อาจหลีกหนี…”

กลุ่มคนที่รับฟัง ต่างต้องประหลาดใจ

หลี่เทียนหานชะงักงันไปครู่ ก่อนที่สีหน้าจะกลายเป็นดำมืดและกล่าวคำ “ตาเฒ่านั่นกล่าวเช่นนี้จริงหรือ?”

ข้ารับใช้เฒ่าชราเร่งรีบพยักหน้า “ข้ารับใช้เฒ่าชราผู้นี้ไม่กล้าเอ่ยคำบิดเบือน”

“เขาไม่กล่าวถึงสาเหตุหรือไร?” หลี่เทียนหานเอ่ยถามโนlวลกูดอทคoม

ข้ารับใช้เฒ่าชราส่ายศีรษะ

“หวงอวิ๋นชงจะต้องทราบเรื่องราวใดแน่ แต่ไม่กล่าวบอกออกมา เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ธรรมดา!” ผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของตระกูลหลี่กล่าวคำกราดเกรี้ยว

ผู้อื่นต่างพยักหน้ารับ พวกเขารู้สึกว่าคำตอบของหวงอวิ๋นชงครั้งนี้ผิดแปลกอย่างมาก!

“ท่านพ่อ ข้ามีเรื่องขอพูดคุยกับท่านโดยลำพัง” ทันใดนี้เอง หลีโม่อวิ๋นที่เงียบมาโดยตลอดก็เอ่ยปากขึ้น

หลีเทียนหานขมวดคิ้ว ก่อนจะโบกมือ “พวกเจ้าออกไปก่อน”

บรรดาผู้ยิ่งใหญ่แห่งตระกูลหลี่ต่างลุกขึ้นและจากไปอย่างทราบความ หาได้มีผู้ใดกล้าทำให้เกิดความขุ่นเคืองไม่

ภายในตระกูลหลี่ ผู้นำหลี่เทียนหานเปรียบดังราชา คำบอกคือคำสั่ง

ยามเมื่อเหลือเพียงสองพ่อลูก หลี่เทียนหานเอ่ยถาม “เจ้าคิดกล่าวอะไร?”

“ตามความเห็นข้า ปัญหานี้ล้วนเป็นเพราะเหวินหลิงเจา!”

หลี่โม่อวิ๋นกล่าวคำอย่างสงบใจ “ท่านจำได้หรือไม่ ครั้งนั้น พวกเราไปยังโถงหลักตระกูลเหวิน แม้ตอนที่ท่านพ่อกล่าวเรื่องแบ่งกิจการสมุนไพรครึ่งหนึ่งของตระกูลเหวิน หวงอวิ๋นชงหาได้เอ่ยคำโต้แย้งใดไม่”

หลี่เทียนหานตระหนักทราบเข้าใจ จึงพยักหน้ารับและตอบคำ “ก็ถูก เวลานั้นเมื่อพ่ออ้างอำนาจตระกูลหวงร่วมกดดันตระกูลเหวิน หวงอวิ๋นชงก็ยังไม่ได้แสดงท่าทีใด”

“แต่เมื่อครั้งเรากล่าวบอกขอเหวินหลิงเจาถอนสมรส หวงอวิ๋นชงกลับแทรกขึ้นมาด้วยตนเอง เรื่องนี้ผิดปกติ”

ดวงตาหลี่โม่อวิ๋นทอประกาย “เหตุใดบุคคลเช่นผู้นำตระกูล ถึงเข้าแทรกแซงเรื่องราวของรุ่นเยาว์? ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้หาได้เกี่ยวข้องใดกับตระกูลหวง!”

นัยน์ตาของหลี่เทียนหานหรี่ลงเล็ก เขาสงบใจลงได้มากแล้ว พร้อมนึกย้อนถึงรายละเอียดเรื่องราวที่จวนตระกูลเหวิน พลันได้ตระหนักว่าเรื่องนี้ผิดปกติ

หลี่โม่อวิ๋นสูดลมหายใจเข้าลึก ถ้อยคำเอ่ยต่อ “ถัดจากนั้น ไม่ว่าเนี่ยเป่ยหู่หรือฟู่ซาน พวกเขาที่มาถึง พวกเขาไม่ได้เอ่ยคำคัดค้านเรื่องตระกูลหลี่แบ่งกิจการสมุนไพรตระกูลเหวินครึ่งหนึ่ง แต่กลับกัน พวกเขาแสดงท่าทีอันเด่นชัดเข้าแทรกแซงเรื่องของซูอี้ เรื่องนี้… ไม่แปลกงั้นหรือ?”

“ผิดปกติทั้งสิ้น… แท้จริงแล้วเกี่ยวข้องกับซูอี้และภรรยางั้นหรือ?”

หลี่เทียนหานขมวดคิ้วเล็กน้อย “ทว่าซูอี้เป็นตัวตนอันไร้ค่า เรียกว่าไร้ค่าโดยสมบูรณ์ ส่วนเหวินหลิงเจา แม้ว่าเข้าร่วมการฝึกฝนที่ตำหนักเทียนหยวนได้ นางก็เป็นเพียงศิษย์ผู้หนึ่ง ไม่คู่ควรที่ตาเฒ่าเช่นหวงอวิ๋นชง ฟู่ซาน และเนี่ยเป่ยหู่จะต้องออกหน้า”

หลี่โม่อวิ๋นส่ายศีรษะกล่าวคำต่อ “ท่านพ่อ ท่านอาจยังไม่ทราบ แต่ข้าให้ความสนใจเรื่องราวของเหวินหลิงเจามาโดยตลอด เมื่อวานนี้ ข้าเพิ่งได้รับข่าวใหญ่ข่าวหนึ่ง”

“ข่าวใด?” หลี่เทียนหานชะงัก

ดวงตาหลี่โม่อวิ๋นทอประกายวาวโรจน์อันรุนแรงพร้อมกล่าวคำ “เหวินหลิงเจาได้รับความโปรดปรานจาก ‘จู้กู่ชิง’ ผู้เป็นรองเจ้าตำหนักเทียนหยวน จนเขาตัดสินใจ ‘จัดพิธีรับศิษย์’ ในอีกสามเดือนนับจากนี้ เพื่อรับเหวินหลิงเจาเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการ”

หลี่เทียนหานเผยสีหน้าแปรเปลี่ยน กระทั่งสูดลมหายใจเข้า “เป็นเช่นนี้นี่เอง!”

จู้กู่ชิง!

หนึ่งในสามรองเจ้าตำหนักเทียนหยวน หนึ่งในยอดยุทธ์*[1] เพียงไม่กี่คนของเขตปกครองอวิ๋นเหอ

นางคือยอดยุทธ์ผู้มีวัยเพียงสามสิบหกปี ดังนั้นพรสวรรค์จึงนับว่าเลิศล้ำ

ตามการเล่าขาน ทักษะวิถีดาบของนางลึกล้ำยากคาดเดา อีกทั้ง ‘เพลงดาบหมอกอรุณรุ่ง’ ของนางยังมีชื่อเสียงโด่งดัง ทั้งยังได้รับคำชมจากยอดยุทธ์อาวุโสทั้งหลาย

หากเหวินหลิงเจาได้เป็นศิษย์ของนาง สถานะและตัวตนจะแปรเปลี่ยนอย่างมหาศาล!

ศิษย์ของยอดยุทธ์ผู้หนึ่ง มากพอจะทำให้ผู้นำตระกูลบางส่วนรับรองเป็นแขกทรงเกียรติ!

“ไม่แปลกใจที่หวงอวิ๋นชง ฟู่ซาน และผู้อื่นไม่ลังเลที่จะเผชิญหน้าตระกูลหลี่ของเราเพื่อตระกูลเหวิน กลายเป็นว่าตระกูลเหวิน ถึงกับมี ‘ศิษย์ยอดยุทธ์’ คงอยู่ผู้หนึ่ง…”

ถึงตรงนี้ หลี่เทียนหานค่อยทราบ กระนั้นอารมณ์ก็ยังคงหนักอึ้ง

ตลอดช่วงปี เขาพยายามฮุบกิจการสมุนไพรของตระกูลเหวิน พยายามหลายครั้งในการเข้าแทรก

เหมือนดังงานเลี้ยงวันเกิดนายหญิงเฒ่าเหวินในวันนี้ หากไม่ใช่เพราะเกิดเรื่องราว ตระกูลเหวินย่อมมีชะตาต้องส่งมอบกิจการสมุนไพรครึ่งหนึ่ง!

กระนั้นสถานการณ์ตอนนี้แปรเปลี่ยน ด้วย ‘ศิษย์ยอดยุทธ์’ เช่นเหวินหลิงเจา ทั่วทั้งเมืองกว่างหลิง ผู้ใดจะกล้าหาเรื่องต่อตระกูลเหวิน?

“แผนการข้าจะทำอย่างไรดี?”

หลี่เทียนหานเงียบงันไปครู่ ก่อนจะมองยังหลี่โม่อวิ๋น

ศิษย์ยอดยุทธ์ผู้หนึ่ง ทั้งยังสมรสแล้ว ไม่แปลกใจเลย หากตัวนางจะยากแตะต้อง

หลี่โม่อวิ๋นกล่าวคำด้วยอาการสงบ “ท่านพ่อ แม้การบ่มเพาะของเหวินหลิงเจาจะเฉิดฉายเพียงใด มันก็ไม่อาจกลบความต่ำตมของซูอี้ได้ อาจกล่าวได้ว่าซูอี้คือมลทิน ตัวมันมีแต่จะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของเหวินหลิงเจา”

หลังเงียบไปครู่ เขาจึงกล่าวต่อ “แม้จะไม่ทราบว่าเหตุใดนายหญิงเฒ่าเหวินจึงคัดค้านสถานะสมรส แต่ข้ามั่นใจว่ายิ่งสถานะเหวินหลิงเจาสูงส่งมากเท่าไหร่ นางก็จะยิ่งปฏิเสธซูอี้เท่านั้น”

หลีเทียนหานขมวดคิ้ว “โม่อวิ๋น เจ้าคิดจะกล่าวสิ่งใด?”

หลี่โม่อวิ๋นเผยยิ้มบางกล่าวคำตอบ “บุตรผู้นี้เติบโตมาพร้อมเหวินหลิงเจาตั้งแต่ยังเยาว์ ความรู้สึกที่ข้ามีต่อนางไม่เคยแปรเปลี่ยน แม้เพียงนิดก็ไม่”

“ฉะนั้นข้าพร้อมจะทำทุกหนทางเพื่อนาง!”

ถ้อยคำนั้นสงบ ทว่าแน่วแน่

นัยน์ตาของหลี่เทียนหานหรี่ลง “เจ้าคิดสังหารซูอี้?”

“เป็นเช่นนั้น ตราบเท่าที่ซูอี้ตาย สถานะสมรสย่อมจบสิ้นเช่นกัน มันจะเป็นผลดีต่อหลิงเจา ดีต่อข้า รวมถึงดีต่อทั้งตระกูลเหวิน!”

หลี่โม่อวิ๋นมั่นใจล้นพ้น “ดังนั้นซูอี้จึงต้องตาย! มันก็แค่เศษเดน หาได้มีความจำเป็นที่จะต้องเสนอหน้ารอดชีวิตในโลกนี้!”

หลี่เทียนหานจับจ้องบุตรชายครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ ออกมา ทั้งยังกล่าวอย่างโล่งใจ “ลูกชาย เจ้าเติบโตแล้วจริง ๆ แนวคิดและทางเลือกล้วนเด็ดเดี่ยวสมบุรุษผู้องอาจ”

“แต่การสังหารซูอี้ ต้องไม่ใช่บุ่มบ่าม”

“ขณะนี้ทุกคนทราบแล้วว่าเจ้ามีความชื่นชอบเหวินหลิงเจาเป็นพิเศษ ทั้งยังเผยเจตนาในงานเลี้ยงวันเกิดของนายหญิงเฒ่าแห่งตระกูลเหวิน ดังนั้นหากซูอี้ตกตายกะทันหัน ผู้คนจะสงสัยเจ้า”

หลังรับฟัง หลี่โม่อวิ๋นพยักหน้าตอบ สีหน้ายังคงสงบและมั่นใจ พร้อมรับคำ

“ท่านพ่อคลายกังวลได้ ราชสีห์ขย้ำกระต่าย ย่อมไม่ต้องใช้เรี่ยวแรงทั้งหมด แน่นอนว่าข้าย่อมไม่ขาดความระวัง และข้าจะไม่ตกเป็นผู้ต้องสงสัย!”

“ดี ด้วยฐานะบิดา พ่อจะรอให้เจ้านำ ‘ศิษย์ยอดยุทธ์’ ของตระกูลเหวินกลับมาตระกูลเรา!”

หลี่เทียนหานหัวเราะเบาพร้อมตบไหล่บุตรชาย ทั้งยังกล่าว “เมื่อถึงตอนนั้น พ่อจะเข้าแทรกแซงด้วยตนเอง พ่อเชื่อว่าตระกูลเหวินจะไม่ปฏิเสธการตบแต่งกับตระกูลหลี่”

หลี่โม่อวิ๋นถอนหายใจโล่งอก แต่ยังคงกังวลเล็กน้อย

เหวินหลิงเจาขณะนี้คือผู้ได้ก้าวขึ้นเป็นศิษย์ของยอดยุทธ์

ด้วยตัวตนอันโดดเด่นนี้ นางจะยังยินดีเหลียวมองมายังหวานใจครั้งยังเยาว์บ้างหรือไม่?

“ไม่ว่าด้วยอะไร พวกเราจะต้องสู้อย่างสุดตัว!”

หลังสูดลมหายใจเข้าลึก หลี่โม่อวิ๋นจึงตั้งใจมั่น ว่าไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำให้ได้!

[1] ยอดยุทธ์ ฉายาของผู้บ่มเพาะขอบเขตหลอมกำเนิดหรือก็คือขอบเขตที่สามของวิถียุทธ์

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset