📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 233

บทที่ 233 - หนึ่งหมัดและหนึ่งดาบ
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

หนิงซือฮวาและเชินจิ่วซงเข้าใจความหมายที่อยู่ในคำพูดของเหล่ยเจิ้ง

เหล่ยเจิ้งหวาดกลัวว่าพวกเขาสองคนจะเข้าไปแทรก ทว่าก็ไม่ปล่อยวางความคิดที่จะลงมือกับซูอี้!

นี่ทำให้แววตาของทั้งสองเปลี่ยนเป็นลุ่มลึกขึ้น

คนผู้นี้… ช่างรนหาที่ตายเสียจริง…

ซูอี้ยิ้มออกมา “ข้ารับรองว่าพวกเขาจะไม่เข้ามาแทรกแน่นอน”

ดูเหมือนเหล่ยเจิ้งจะไม่เชื่อ จึงหันไปมองหนิงซือฮวากับเชินจิ่วซง “พวกท่านทั้งสองว่าอย่างไร?”

หนิงซือฮวาเอ่ยด้วยแววตาสงสาร “จากวันนี้เป็นต้นไป จวิ้นอ๋องต่างสกุลสิบแปดคนแห่งอาณาจักรต้าโจว เกรงว่าคงจะเหลือสิบเจ็ดคนแล้วล่ะ”

เชินจิ่วซงยิ้มออกมาโดยไม่เต็มใจ “ในเมื่อเจ้าอยากตาย เหตุใดจะต้องห้าม? เชิญ”

“ช้าก่อน!”

หวังฉุนตู้สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ทำการห้ามไว้ทันที และเขายิ่งรู้สึกแปลกมากขึ้นเรื่อย ๆ “จวิ้นอ๋องแห่งไฮว่หยาง ฟังคำแนะนำข้า เรื่องนี้ให้มันจบแต่เพียงเท่านี้ ไม่เช่นนั้น…”

เหล่ยเจิ้งเอ่ยขัดด้วยสีหน้าเย็นชา “หากสามารถสั่งสอนเขาที่…. แทนนายท่านในตอนนี้ได้ ข้าจะปล่อยไปได้อย่างไร พี่หวังมิต้องชี้แนะข้าอีก!”

หวังฉุนตู้เงียบงันพูดไม่ออกทันที

ทว่าต่อมา ภาพที่เกิดขึ้นก็ยิ่งทำให้เขาตะลึง

จู่ ๆ เซวียนโหยวหลงที่เงียบมาตลอดก็เอ่ยขึ้นทันที “ก่อนที่จะต่อสู้กัน ข้าต้องการยืนยันเรื่องบางอย่างกับคุณชายซูผู้นี้”

สายตาของทุกคนจ้องมองไปที่เขา

“เรื่องอันใด?” ซูอี้ถาม

“ผู้ว่าการเขตปกครองอวิ๋นเหอ ฉินเหวินเยวียน ถูกท่านสังหารหรือไม่?”

นัยน์ตาที่ราวกับกักเก็บเส้นสายอัสนีเอาไว้ของเซวียนโหยวหลง จ้องเขม็งไปที่ซูอี้

ฉินเหวินเยวียน!

พลันสีหน้าของหวังฉุนตู้ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

เป็นถึงเจ้าตำนักหลูหยาง เขาต้องรู้อยู่แล้ว ในตอนที่ฉินเหวินเยวียนยังหนุ่มเคยฝึกบำเพ็ญที่ตำหนักหลูหยางหลายปี และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเซวียนโหยวหลง ประหนึ่งเป็นพี่น้องกันก็ไม่ปาน

ก่อนหน้านี้ หลังจากเซวียนโหยวหลงรู้ข่าวการตายของฉินเหวินเยวียน ถึงกับสูญเสียการควบคุม ระเบิดความโกรธอย่างบ้าคลั่ง และสาบานว่าจะแก้แค้นแทนฉินเหวินเยวียน

เรื่องเหล่านี้ หวังฉุนตู้ก็รู้ดี

แต่เขากลับไม่นึกเลยว่า มือสังหารที่ฆ่าฉินเหวินเยวียน อาจจะเป็นซูอี้!

“ถูกต้อง”

ซูอี้พยักหน้าอย่างไม่หวาดหวั่นต่อสิ่งใด และเขาเอ่ยด้วยความแปลกใจเล็กน้อย “ทำไม เจ้าวางแผนจะแก้แค้นแทนเขารึ?”

“ใช่!”

พลันนัยน์ตาเซวียนโหยวหลงเปลี่ยนเป็นน่ากลัวขึ้นมาทันที พลังทั่วร่างประหนึ่งพายุคลื่นทะเลก็พรั่งพรูออกมา

ชายวัยกลางคนที่ร่างผอมแห้ง ไหล่กว้างเอวแคบนี้ ก่อนหน้านี้ไม่อยู่ในสายตามากนัก

ทว่ายามนี้ กลับเป็นเหมือนภูเขาไฟเงียบสงบลูกหนึ่งที่กำลังจะระเบิดออกมาทันที นัยน์ตาราวกับสายฟ้าฟาด อานุภาพช่างน่าหวาดกลัวมาก

สิ่งนี้ทำให้หนิงซือฮวากับเชินจิ่วซงรู้สึกแปลกใจ ต่างก็ไม่นึกเลยว่า รองเจ้าตำหนักหลูหยางอย่างเซวียนโหยวหลงจะมองซูอี้เป็นศัตรูด้วย

“เจ้าทำเรื่องให้มันวุ่นวาย!”

สีหน้าหวังฉุนตู้ขรึมขึ้น “เซวียนโหยวหลง เจ้าเป็นถึงรองเจ้าตำหนักหลูหยางที่สง่าผ่าเผย เหตุใดยามนี้ถึงได้ใช้อารมณ์เช่นนี้?”

“หากศัตรูที่ฆ่าศิษย์น้องฉินอยู่ตรงหน้า ข้าจะเมินเฉยได้อย่างไร?”

เซวียนโหยวหลงสูดหายใจเข้าลึก แววตาแน่วแน่ “พี่หวัง นี่คือเรื่องความแค้นระหว่างข้ากับเขา และมันจะไม่ไปพัวพันกับตำหนักหลูหยางแน่”

“เจ้า…”

ไม่ว่าหวังฉุนตู้จะเป็นคนเช่นไร ทว่ายามนี้ใบหน้าชราภาพนั้นกลับดำคร่ำเครียดด้วยแรงโทสะเกรี้ยวกราด

แค่เหล่ยเจิ้งเพียงผู้เดียว ก็ทำให้เขาปวดหัวแล้ว และยามนี้ก็ดีขึ้นแล้ว แต่เซวียนโหยวหลงกลับลุกขึ้นมายืนกรานที่จะไม่ปล่อยซูอี้ไปอีก

มันทำให้เขาทั้งกังวลทั้งโมโห และมิรู้ว่าควรทำอย่างไรถึงจะดี

“สหายเต๋าหวัง ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปห้ามปรามอีก”

หนิงซือฮวาเอ่ยเสียงเบา

หวังฉุนตู้ถอนหายใจยาวออกมา จู่ ๆ เขาก็เอ่ยกลับทันที “เจ้าตำหนักหนิง เจ้าไม่กังวลแทนซูอี้สหายเจ้ารึ?”

หนิงซือฮวาฉีกยิ้มมุมปากขึ้นมาเล็กน้อย “ข้าเพียงแค่รับปากว่าจะไม่เข้าไปแทรก”

พลันสีหน้าหวังฉุนตู้เผยความลังเลออกมาครู่หนึ่ง

ในใจเขายิ่งรู้สึกแปลกขึ้นไปอีก

แต่ไม่รอให้เขาได้เอ่ยสิ่งใดอีก

ชิ้ง! ชิ้ง!

ดาบคู่ที่อยู่ด้านหลังถูกเซวียนโหยวหลงดึงขึ้นมาไว้ในมือ “ซูอี้ กล้าต่อสู้กับข้าสักรอบหนึ่งหรือไม่?”

น้ำเสียงที่เยือกเย็น จิตสังหารที่ทำให้คนกลัว

ในตอนนี้เอง เหล่ยเจิ้งกลับไม่สบายใจเล็กน้อย “พี่เสวีย ซูอี้คือทายาทของนายท่านข้า หากจะต้องจัดการ ก็มิอาจให้เจ้าทำได้! อีกอย่าง ซูอี้จะเป็นหรือตาย มีเพียงแค่นายท่านข้าผู้เดียวเท่านั้นที่ตัดสินใจได้!”

พลันสีหน้าเซวียนโหยวหลงก็ครึ้มลง “หากข้าไม่ยินยอมล่ะ?”

เหล่ยเจิ้งเอ่ยอย่างเย็นชา “พี่เสวีย ข้าไม่หวังให้เจ้ากลายเป็นศัตรูกับข้าเพราะซูอี้”

น้ำเสียงที่แข็งกร้าว ไม่มีอ่อนข้อให้เลยสักนิด

ภาพเหตุการณ์นี้ ทำให้หนิงซือฮวา เชินจิ่วซงที่มองอยู่ต่างก็รู้สึกทั้งงงงันทั้งขบขัน

เพราะเรื่องการลงมือทำให้คนทั้งสองทะเลาะกันขึ้นมา หรือว่าในสายตาของพวกเขาซูอี้เป็นเพียงลูกแกะน้อยที่สามารถกดขี่อย่างไรก็ได้รึ?

ซูอี้รู้สึกขบขันอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยแสดงความเห็น “มิสู้พวกเจ้าทั้งสองเข้ามาด้วยกันสิ จะได้ส่งพวกเจ้าออกเดินทางไปด้วยกัน และบนเส้นทางสู่อีกโลกหนึ่ง ก็ย่อมยังเป็นพี่น้องที่ตกทุกข์ได้ยากร่วมกันได้”

“ช่างรนหาที่ตายนัก!”

เซวียนโหยวหลงตะโกนออกมา พลันกวัดแกว่งดาบคู่ที่อยู่ในมือ และกระโจนเข้าไปสังหาร

ตูม!

พลังที่ออกมาของเขาราวกับสายรุ้ง ธาตุวิถีทั่วร่างของปรมาจารย์ขั้นสี่เผยออกมา ทำให้ทรายและหินที่อยู่ใกล้ ๆ ปลิวว่อน อากาศปั่นป่วนระเบิดดังไปทั่ว

พลันดาบคู่ที่อยู่ในมือเขา ก็ม้วนเอาเงาแสงที่ละลานตาขึ้นมา กวัดแกว่งไปทางซูอี้อย่างทรงพลัง รวดเร็วและรุนแรง

คล้ายกับพลังสามารถตัดภูเขาแยกออกจากกันได้!nᴏᴠᴇʟɢu.ᴄoᴍ

“เซวียนโหยวหลง เจ้าออกไปให้พ้น!”

เหล่ยเจิ้งที่เห็นเช่นนี้ ก็ไม่ลังเลที่จะสะบัดหอกยาวที่อยู่ในมือ แทงเข้าไปในอากาศ คล้ายกับขัดขวางเซวียนโหยวหลงไว้

ทว่าในตอนนั้นเอง ซูอี้เพียงแค่ดีดนิ้วเดียว

เคร้ง!

หอกยาวที่เหล่ยเจิ้งแทงออกไปสั่นขึ้นมาทันที และถูกแรงนิ้วที่รุนแรงดุดันเบี่ยงเบนไปอีกทาง

เกือบจะในขณะเดียวกัน แขนเสื้อของซูอี้ก็ปลุกปั่นสั่นไหวขึ้น และสะบัดไปในอากาศ

ตูม! ตูม!

มีเสียงสองเสียงดังขึ้นในตอนที่สะบัดเบา ๆ เท่านั้น ดาบคู่ที่เซวียนโหยวหลงกวัดแกว่งออกมากลับถูกกระแทกจนเกือบจะหลุดมือไป พลันการโจมตีก็สลายหายไป

หนึ่งนิ้ว หนึ่งการสะบัด เกิดขึ้นเร็วมาก

และการโจมตีของเซวียนโหยวหลงกับเหล่ยเจิ้ง ก็สลายไปราวกับถูกทำลายย่อยยับอย่างง่ายดาย!

ทั่วทั้งสนามเงียบสงัด

รูม่านตาของหวังฉุนตู้หดเล็กราวกับเข็ม ภายในใจสั่นไหว ในที่สุดก็เข้าใจเหตุใดหนิงซือฮวากับเชินจิ่วซงถึงได้ใจเย็นเช่นนั้น

เพียงแค่การโจมตีสองครั้งที่ใช้ออกอย่างง่ายดายของซูอี้เมื่อครู่ ก็ทำให้ปรมาจารย์อย่างหวังฉุนตู้สัมผัสได้ว่า ซูอี้ชายหนุ่มที่มีวิถียุทธ์แค่ขอบเขตรวบรวมลมปราณ ที่จริงแล้วเป็นบุคคลที่น่าหวาดกลัวยิ่ง!

ลองคิดดู มีแค่ขอบเขตรวบรวมลมปราณเท่านั้น ทว่าทลายการโจมตีของปรมาจารย์ขั้นสี่สองคนได้อย่างง่ายดาย นี่ยังไม่เรียกว่าน่าหวาดกลัวอีกรึ?

ในขณะเดียวกัน เซวียนโหยวหลงกับเหล่ยเจิ้งสีหน้าเปลี่ยนไป สายตาจ้องมองไปที่ซูอี้ ใบหน้าเผยความเคร่งขรึมและประหลาดใจออกมา

ระหว่างวิถียุทธ์ขอบเขตไร้แพร่งพรายกับวิธียุทธ์ขอบเขตรวบรวมลมปราณ มีความต่างไม่เพียงแค่หนึ่งแต่เป็นสองขอบเขต!

ทว่าเมื่อครู่ เพียงพลังที่ซูอี้ปล่อยออกมาโดยไม่ใส่ใจนั้น กลับทำให้กระบวนท่าที่ใช้ออกสลายหายไป! นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไป!!

“ข้าบอกให้พวกเจ้าโจมตีเข้ามาพร้อมกัน เหตุใดถึงทำร้ายกันเองล่ะ? คิดว่าข้าซูผู้นี้เป็นผักปลาที่อยู่บนเขียงให้กดขี่จริง ๆ รึ?”

ซูอี้เอ่ยอย่างไม่แยแส “ยามนี้ จะดีที่สุดหากพวกเจ้าใช้กำลังทั้งหมด ไม่เช่นนั้น ข้ารับรองได้เลยว่าพวกเจ้าต้องตายอย่างรวดเร็วแน่”

คำพูดที่ดูเหมือนธรรมดา ทว่าเต็มไปด้วยความโอหัง ประหนึ่งคู่ต่อสู้ทั้งสองไม่ได้อยู่ในสายตา

หนิงซือฮวาและเชินจิ่วซงสีหน้าเหมือนปกติ และไม่ประหลาดใจ

ทว่าหวังฉุนตู้กลับตากระตุกไม่หยุด เจ้าหนุ่มนี่… ไม่มีความถ่อมตัวเลยจริง ๆ…

“ได้ตามที่เจ้าต้องการ!”

เมื่อสูดหายใจเข้าลึก พลังของเซวียนโหยวหลงก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ร่างผอมแห้งเปล่งแสงสีแดง คราม ทอง และดำ อันเป็นซึ่งลำแสงทั้งสี่แห่งสภาวะพลังสุดขั้ว

นี่คือการแสดงอานุภาพของปรมาจารย์ ยามที่หลอมกลั่นอวัยวะภายในทั่วร่างกาย ก่อนเบิกใช้มวลพลังทั้งหมดนั้น สภาวะพลังสุดขั้วในร่างก็ยิ่งพรั่งพรูกลิ่นอายพิเศษสี่ชนิดออกมา

และเมื่อบรรลุไปถึงปรมาจารย์ขั้นห้า อวัยวะทั้งห้าดุจเตาหลอมจะผสานเป็นหนึ่งเดียวเฉกเช่นธาตุทั้งห้าที่รวมกันเป็นหนึ่ง และสภาวะพลังสุดขั้วพิเศษทั่วร่างก็จะประสานหลอมรวมเข้าด้วยกัน ถึงวาระนั้น มันจะเป็นขอบเขตปรมาจารย์ขั้นสมบูรณ์

เหมือนกับฉินฉางซานที่ตายด้วยน้ำมือของซูอี้ในตอนนั้น ก็เป็นปรมาจารย์ขั้นห้ายอดฝีมือแบบนี้เช่นกัน

“สังหาร!”

สิ้นเสียงแผดตะโกน เซวียนโหยวหลงย่ำฝ่าเท้าลงพื้น ก่อนทะยานร่างขึ้นฟากฟ้า สองมือกวัดแกว่งดาบ สะบั้นคมจากเบื้องบนสู่เบื้องล่าง

ตูม!

ม่านนภาดุจผืนภาพวาดนั้น ถูกฟาดฟันฉีกเป็นสองส่วน ปราณดาบโหมกระพือ ประหนึ่งสายฟ้าฟาดจากอากาศสู่เบื้องล่าง

สะบั้นแหวกขุนเขา!

นี่คือพลังสูงสุดในวิถียุทธ์ของเซวียนโหยวหลง ภายใต้การโจมตีนี้ สามารถเปิดภูผาทลายขุนเขาได้!

และเกือบจะในเวลาเดียวกัน

เหล่ยเจิ้งก็เคลื่อนไหว หอกยาวในมือสั่นอยู่ครู่หนึ่ง พลันระเบิดแตกเป็นส่วนแหลมคมสีเลือดนับหมื่นเล่มออกมา เงาปลายแหลม ปกคลุมไปทั่วฟ้า ราวกับพายุฝนสีเลือดสาดเทลงมา ทำให้เกิดเสียงระเบิดสะท้านไปทั่วหล้า

หอกโลหิตพิรุณสังหารมาร!

เป็นวิชาระดับสูงที่หายสาบสูญ

การถ่ายทอดที่รับมาจากซูหงหลี่ผู้นำตระกูลซู เป็นเคล็ดวิชาสังหารในสนามรบอย่างแท้จริง เมื่อฝึกมาถึงระดับสูงสุดแล้ว เพลงหอกที่แทงออกไป จะทรงพลังองอาจห้าวหาญยิ่ง!

และตอนนี้ เมื่อเหล่ยเจิ้งใช้พลังการบำเพ็ญปรมาจารย์ขั้นสี่ทั้งหมดเปิดวิชาที่หายสาบสูญ ทันใดนั้นพายุโลหิตพลันบังเกิด เสียงร่ำไห้ของวิญญาณดังกึกก้อง พร้อมอานุภาพแกร่งกล้าไร้เทียบเทียม

ไม่ต้องสงสัยเลย เวลานี้ไม่ว่าเซวียนโหยวหลง หรือเหล่ยเจิ้ง ล้วนแล้วแต่มิอาจสะกดจิตสังหารไว้ได้แม้แต่น้อย ต่างทำการจู่โจมเต็มกำลัง!

ภาพนี้ ทำให้เชินจิ่วซงที่มองดูอยู่หวาดกลัวไปครู่หนึ่ง และสูดอากาศเย็นเข้าไป ได้แต่เอ่ยถามกับตัวเอง หากเปลี่ยนเป็นเขาล่ะก็ คงมิกล้าไปตอบโต้โดยตรง ทำได้เพียงแค่หลบแสงแหลมคมเท่านั้น

หวังฉุนตู้จ้องไปที่ซูอี้ อยากจะดูว่าชายหนุ่มที่มีขอบเขตรวบรวมลมปราณอย่างซูอี้ จะคลี่คลายการโจมตีสุดกำลังของปรมาจารย์ทั้งสองคนอย่างไร

ซูอี้ส่ายหน้าเล็กน้อย มีความผิดหวังฉายอยู่บนใบหน้า

หากเทียบกับฉินฉางซานแล้ว ถึงอย่างไรคู่ต่อสู้ทั้งสองก็ยังเทียบเขาไม่ติด

ชายหนุ่มคร้านที่จะปัดป้องอะไรอีก จึงตั้งใจจบการต่อสู้ให้เร็ว

ตูม!

เมื่อศัตรูกวัดแกว่งศาสตราวุธจากเบื้องบนสู่เบื้องล่าง ซูอี้ก็เคลื่อนตัวทันที พลางกำหมัดที่มือขวา ชกเข้าไปในอากาศทันที

ภายใต้การลงมือครานี้ พลังทั่วร่างพลันรวมกันอยู่ในหมัดอย่างสมบรูณ์

ตูม! ตูม!

หมัดแข็งแกร่งที่ใสพร่างพราว แฝงไปด้วยท่วงทีลึกลับมิอาจคาดเดา ราวกับภูผาใหญ่ที่มิอาจทลายได้ ชกปะทะกับคมดาบทั้งสองจนเกิดเสียงสั่นสะเทือนขึ้นมา และกระเด็นลอยออกจากมือ

จากนั้น แรงต่อยนี้ยังคงไม่ลดลง พุ่งเข้าไปชกบนร่างของเซวียนโหยวหลง

ความแข็งแกร่งของปรมาจารย์ขั้นสี่ผู้นี้ ถูกโจมตีด้วยหมัดกระเด็นออกไป เหมือนกับตัดเส้นว่าวก็ไม่ปาน กลิ้งออกไปข้างนอกราว ๆ สิบกว่าจั้ง

หน้าอกของเขายุบลงด้วยรอยหมัด พลันกระอักเลือดออกมา อวัยวะภายในร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส

อานุภาพของหมัดหนึ่ง น่ากลัวอะไรเช่นนี้!

ทว่ายังไม่จบ

เพราะในขณะที่ปล่อยหมัดออกไป

หอกยาวของเหล่ยเจิ้งดุจแสงแหลมคมราวกับพายุฝนสีเลือด ก็ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า และน่าสะพรึงกลัวมาก

พลันซูอี้ก็ใช้สองนิ้วมือซ้ายดั่งดาบ วาดลงไปในอากาศทันที

ปราณดาบแนวยาวสิบจั้งกวาดทั่วท้องฟ้า งอครึ้มน่าเกรงขามดุจมังกร แฝงไว้ด้วยท่วงทีที่ลึกลับและลวงตา ลอยอย่างเบาบางแล้วตัดลงไป

พลันเงาหอกสีเลือดที่เต็มท้องฟ้าก็ระเบิดออก ราวกับเป็นฟองลวงตาก็ไม่ปาน

เคร้ง!!!

เมื่อดาบนี้ฟันหอกยาวของเหล่ยเจิ้ง ก็เห็นจิตวิญญาณของหอกยาวถูกโจมตีราวกับถูกทลายจนสูญสิ้น กลายเป็นรูปงอโค้งขนาดใหญ่ทันที

จากนั้นก็มีเสียงแตกหักขาดออกจากกัน

เมื่อถูกจู่โจมด้วยด้วยแรงกระแทกที่รุนแรงและรวดเร็ว แม้เหล่ยเจิ้งเลือกหลบทันที ก็ยังถูกปราณดาบนั้นตัดแขนไป และแขนที่ถูกตัดก็เป็นแขนขวาที่ถือหอกยาวไว้เสียด้วย

พลันเลือดแดงฉานก็สาดกระเส็นออกมาราวกับน้ำตก!

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset