📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 219

บทที่ 219 - กรรมตามสนอง
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ในฐานะที่เป็นผู้นำกองกำลังเกล็ดแดงซึ่งรับหน้าที่เฝ้ารักษาการณ์ที่ใต้เชิงเขาประจิม หยวนลั่วอวี่มองเห็นพวกของโจวจือหลีลงมาจากเขาในทันใด

“องค์ชายหกชนะ?”

หยวนลั่วอวี่ตื่นตะลึงขึ้นมาในใจ

โจวจือหลีก็มองเห็นหยวนลั่วอวี่แล้วเช่นกัน สั่งกำชับ “เจ้าพากองกำลังเกล็ดแดงไปจัดการเก็บกวาดซากศพบนยอดเขา เก็บของทุกอย่างที่ยึดได้มาทั้งหมดแล้วส่งไปยังเรือนพำนักหินศิลา”

เก็บกวาดซากศพ!?

หยวนลั่วอวี่คาดเดาความน่าจะเป็นแล้ว ในใจรู้สึกสั่นสะท้านขึ้นมา

ขณะนี้เอง เมื่อเห็นคณะของโจวจือหลีเดินลงมาจากยอดเขา เสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็เงียบหายไป

คนทั้งหลายต่างก็หยุดพูดพลางเบนสายตามองอย่างพร้อมเพรียงกัน

“ฝ่าบาท บังอาจถามว่างานเลี้ยงน้ำชาในครั้งนี้ใครเป็นผู้ชนะใครเป็นผู้แพ้?”

มีคนทำใจกล้าถามขึ้น

ได้ฟังความ โจวจือหลีก็หยุดเดิน กวาดสายตามองดูใต้เท้าผู้ยิ่งใหญ่จากหกเขตปกครองในแคว้นกุ่นทีละคน

ถัดจากนั้น ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบเช่นนี้ องค์ชายหกแห่งอาณาจักรต้าโจวท่านนี้ก็ยิ้มขึ้นมาน้อย ๆ ชี้ไปที่มู่จงถิงผู้ซึ่งอยู่ข้างกาย แล้วกล่าวคำออก

“ขอแนะนำสักหน่อย นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ใต้เท้ามู่ มู่จงถิงคือเจ้าแคว้นคนใหม่แห่งแคว้นกุ่น”

ก้อนหินก้อนเดียวสร้างคลื่นพันชั้น

ใครกันอีกที่ยังไม่รู้ว่า งานเลี้ยงน้ำชาอันเป็นที่จับตามองในครั้งนี้ องค์ชายหกกลับกลายเป็นผู้ชนะคนท้ายสุด?

ผลที่ออกมาเช่นนี้ เกินความคาดคะเนของคนทั้งหลายที่อยู่ตรงนี้ จึงเป็นเหตุทำให้แต่ละคนแสดงสีหน้ายากนักจะเชื่อออกมา

ทว่าโจวจือหลีไม่ได้อธิบายอะไรอีก หลังจากพูดประโยคนี้ทิ้งท้ายแล้วก็พาพวกของมู่จงถิงจากไปอย่างรวดเร็ว

“ข้ารู้อยู่แล้ว มีคุณชายซูเข้าร่วมด้วย องค์ชายหกอยากจะแพ้ก็ยังยาก!”

หยวนลั่วซีกล่าวด้วยความดีใจ

หยวนอู่ทงกลับอยู่ในอาการตื่นตะลึงเนื้อกระตุกเป็นพัก ๆ เขาสังเกตเห็นว่าคณะของโจวจือหลีจากไปแล้ว ทว่าพวกของเซี่ยงเทียนชิวกลับไม่ยอมปรากฏตัวสักที

“หรือว่า คนเหล่านั้นถูกคุณชายซูฆ่าตายหมดแล้ว?”

นึกถึงตรงนี้ หัวสมองของหยวนอู่ทงรู้สึกมึนตึบ หากว่าเป็นเช่นนี้จริง ก็เท่ากับเป็นเรื่องใหญ่มาก!

“ท่านพ่อ เหตุใดจึงไม่เห็นคุณชายซู?”

หยวนลั่วซีรู้สึกสงสัย

หยวนอู่ทงสูดหายใจลึก ๆ ไปทีหนึ่ง จากนั้นกล่าวเบา ๆ “รออีกสักครู่ พี่รองของเจ้าพาคนขึ้นยอดเขาไปแล้ว เชื่อว่าอีกสักครู่ความจริงก็จะปรากฏ”

“ความจริงปรากฏ?”

หยวนลั่วซีตะลึง หรือว่าบนยอดเขาแห่งนั้นยังมีเรื่องอื่นซุกซ่อนอยู่อีก?

“เหตุใดจึงไม่เห็นพวกของใต้เท้าเซี่ยงปรากฏตัว?”

เวลานี้ มีคนมากมายตรงนั้นเริ่มรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ลูกพี่ใหญ่ระดับสุดยอดของแคว้นกุ่นอย่างเซี่ยงเทียนชิวกับอวี๋ไป๋ถิงกลับไม่มีใครสักคนลงมาจากเขา!

“เช่นนี้… พวกเขาคงไม่ได้ประสบเคราะห์ร้ายอันใดหรอกกระมัง?”

มีคนพูดพลางกลืนน้ำลายด้วยความยากลำบาก

“หรือว่าทุกท่านลืมไปแล้วว่า เมื่อสักครู่ ฉินฉางซานบุคคลระดับปรมาจารย์ขั้นที่ห้าผู้มีชื่อเสียงสั่นสะเทือนไปใต้หล้าได้ทำการต่อสู้ มองเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ฉินฉางซานพ่ายแพ้ไปแล้ว มิเช่นนั้น องค์ชายหกไหนเลยจะสามารถเอาชนะได้?”

มีคนแววตาส่อประกาย “ยังมีอีก เมื่อสักครู่อินทรีเกล็ดเขียวปรากฏตัวอยู่บนยอดเขา สงสัยว่าจะเป็นพาหนะของหนิงซือฮวาเจ้าตำหนักเทียนหยวน เช่นนี้จะหมายความว่าใต้เท้าตำหนักผู้มีความลึกลับท่านนี้ก็เข้าไปมีส่วนร่วมกับการแก่งแย่งกันในครั้งนี้ด้วย?”

“ไม่ต้องคาดเดากันไปเองหรอก รอให้คนของกองกำลังเกล็ดแดงลงมาจากยอดเขาแล้ว ก็สามารถเข้าใจเหตุการณ์ได้เอง”

ทุกคนพากันวิพากษ์วิจารณ์ ถึงแม้จะรู้ผลของงานเลี้ยงน้ำชาแล้ว ทว่ายิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกสงสัยขึ้นมา

“คุณหนูคิดว่าจะใช่ฝีมือของหนิงซือฮวาหรือไม่ที่เอาชนะฉินฉางซานผู้เก็บตนอยู่ที่บ่อมังกรได้?”

ลุงอิงรู้สึกมองเหตุการณ์ไม่ออกเช่นกัน หัวคิ้วขมวดแน่น

“เป็นไปไม่ได้”

ฮวาเหยียนปฏิเสธโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย “ก่อนหน้านี้ตอนที่ฉินฉางซานออกต่อสู้ ก่อให้เกิดปรากฏการณ์ประหลาดหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นไอดาบแหวกอากาศ หรือทะเลหมอกเดือดพล่าน ทว่าหลังจากที่ทุกอย่างสิ้นสุดลง อินทรีเกล็ดเขียวตนนั้นจึงบินมา เช่นนี้หมายความว่าผู้ที่เอาชนะฉินฉางซาน ไม่อาจเป็นหนิงซือฮวาไปได้”

“ถ้าเช่นนั้นเป็นผู้ใดกัน?”

ลุงอิงอดกลั้นไม่ไหว ไล่ซักขึ้นมา

“ซูอี้!”

ฮวาเหยียนลังเลสักครู่จึงกล่าว “เมื่อสักครู่ข้าได้ไปสังเกตดูมาแล้ว ตอนที่องค์ชายหกเดินลงมาจากยอดเขา ข้างกายขาดซูอี้กับหญิงรับใช้ของซูอี้ไป และเมื่อสักครู่ ทุก ๆ คนก็มองเห็นแล้วว่าอินทรีเกล็ดเขียวได้นำพาคนสองคนจากไป ซึ่งนั่นจะต้องเป็นซูอี้กับหญิงรับใช้ของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย”

นิ่งเงียบไปสักครู่ นางกล่าวต่ออีก “และนี่ก็แสดงให้เห็นเช่นกันว่า เหตุที่ทุกคนซึ่งอยู่ข้างกายองค์ชายหกล้วนไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือตาย เพราะมีแต่เพียงซูอี้เท่านั้นที่เป็นผู้ลงมือ! จนเอาชนะปรมาจารย์ขั้นที่ห้าอย่างฉินฉางซานมาได้”

พูดถึงตรงนี้ ดวงตางดงามของนางส่อประกายเคลือบแคลงสงสัย “เพียงแต่ว่า หากเขาเป็นผู้เอาชนะฉินฉางซานจริง แลดูเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อมากนัก…”

ลุงอิงก็นิ่งเงียบไปเช่นกัน เขาเข้าใจความหมายของฮวาเหยียนแล้ว

ตัวเขาเองก็ไม่อาจจะเชื่อเช่นกันว่าคนหนุ่มในขอบเขตรวบรวมลมปราณคนหนึ่งจะสามารถเอาชนะปรมาจารย์ขั้นที่ห้าได้

ทว่ากลับมีเพียงคนหนุ่มคนนี้เท่านั้นที่น่าจะทำถึงขั้นนี้ได้

ไม่ว่าใครก็ตามมีหรือที่จะไม่สงสัย?

ท่ามกลางการวิพากษ์วิจารณ์และสงสัยเคลือบแคลง ไม่นานนัก หยวนลั่วอวี่ก็พาคนทั้งหมดเดินลงมาจากยอดเขา

“ลั่วอวี่ สถานการณ์เป็นเช่นใด?”

เวลานี้ หยวนอู่ทงก็อดรนทนรอไม่ไหวแล้วเช่นกัน ถามขึ้นในทันใด

“พวกของใต้เท้าเซี่ยง… ตายหมดแล้ว…”

หยวนลั่วอวี่เอ่ยสามคำสุดท้ายออกมาจากปากเบา ๆ สีหน้าและแววตายังคงมีอาการตื่นตะลึง

ตายหมดแล้ว?

ทุกคนที่อยู่ใต้เชิงเขาพากันตะลึงกันไปก่อน ถัดมาจึงรู้สึกชาไปทั้งหัว สูดปากรับอากาศเย็น เข้าใจความหมายขึ้นมาได้

ฉับพลัน ทุกอย่างเงียบสงบอย่างประหลาดราวกับป่าช้า

ไม่ว่าจะตื่นตะลึงกันเพียงไหน ทุก ๆ คนล้วนเข้าใจร่วมกันว่า…

แคว้นกุ่นกำลังจะเกิดความวุ่นวายขึ้นแล้ว!nᴏᴠᴇʟɢu.ᴄoᴍ

วันเดียวกัน ข่าวเกี่ยวกับงานเลี้ยงน้ำชาบนยอดเขาประจิมแพร่สะพัดออกไปดังลมมรสุม

อย่างรวดเร็ว ทั่วทั้งแคว้นกุ่นก็ตกอยู่ในความโกลาหลครั้งใหญ่!

ตระกูลอวี๋

ในหออาคารแห่งหนึ่งที่ถูกตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตา

อวี๋ซวงหนิงรอจนกระทั่งเริ่มหมดความอดทน

เมื่อคืนนี้ บิดาของนางอวี๋ไป๋ถิงหัวเราะร่าเริงบอกกับนางว่า วันพรุ่งนี้ คนที่ชื่อซูอี้คนนั้นจะลาลับไปจากโลกนี้

เหตุนี้จึงทำให้อวี๋ซวงหนิงตั้งตารอ

นางไม่มีทางลืมหน้าตาท่าทีของซูอี้คนนั้นว่าน่าทุเรศเพียงใด ไม่เพียงแค่ทะนงตนเพราะถือว่าตนเองมีบุญคุณเท่านั้น ทั้งยังหยิ่งยโสยิ่งนัก

“บิดาไปจนเกือบจะสองชั่วยามอยู่แล้ว ควรจะกลับมาได้แล้วกระมัง?”

อวี๋ซวงหนิงเพิ่งนึกได้ถึงตรงนี้

ปัง!

ประตูหออาคารก็ถูกคนถีบเปิดจากด้านนอก

ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่คนหนึ่งพาผู้ติดตามจำนวนหนึ่งบุกเข้ามา

“อวี๋เซียว! นี่เจ้าจะทำอะไร?”

อวี๋ซวงหนิงตกใจ ทว่าเมื่อมองดูคนที่มาอย่างชัดเจนแล้ว ฉับพลันเกิดบันดาลโทสะ แผดเสียงตะคอก

อวี๋เซียว บุตรชายของผู้อาวุโสรองแห่งตระกูล ตลอดที่ผ่านมาเวลาแสดงท่าทีนอบน้อมเวลาที่อยู่ต่อหน้านาง เวลาที่เจอนางคล้ายกับหนูที่เจอแมว

ทว่าตอนนี้ อวี๋เซียวกลับพาคนถีบประตูเข้ามา!

อวี๋เซียวพินิจมองดูอวี๋ซวงหนิงด้วยสายตาไร้ซึ่งความหวาดกลัว จากนั้นจึงหัวเราะหึหึออกมา “น้องสาว ข้ามาก็เพื่อจะบอกเจ้าว่า ผู้นำตระกูลตายแล้ว นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป บิดาของข้าก็คือผู้นำตระกูล ส่วนข้า… ก็คือนายน้อย!”

“อะไรนะ? เจ้าพูดเหลวไหล! บิดาข้าจะตายได้เช่นใด?”

อวี๋ซวงหนิงสีหน้าเปลี่ยนไป สาวเท้าวิ่งออกไปจากหออาคาร

เพียะ!

ฝ่ามือหนึ่งตบลงบนหน้าของนาง ให้ความรู้สึกแสบร้อน ตบจนร่างของนางเซถลา ล้มไปนั่งกับพื้น

สาวน้อยผู้ถูกเลี้ยงดูเอาใจมาตั้งแต่เด็กอย่างนางไหนเลยจะเคยถูกสบประมาทถึงเพียงนี้?

นางโมโหจนแทบคลั่ง!

“เจ้า…”

อวี๋ซวงหนิงกำลังจะพูดอะไรอีก ทว่าอวี๋เซียวกลับตะคอกเสียงเย็นชาขึ้นมา “จับนางขังเดี๋ยวนี้!”

“ขอรับ!”

ผู้ติดตามเหล่านั้นรุมจับนาง

ชั่วขณะนั้น อวี๋เซียงหนิงรู้สึกแทบคลั่งไม่เป็นผู้เป็นคน ที่แท้มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่? หรือว่า… บิดาไม่อยู่แล้วจริง ๆ?

ไม่ให้โอกาสนางได้ครุ่นคิด ผู้ติดตามเหล่านั้นก็จับนางมัดอย่างแน่นหนาแล้วพาตัวออกไป

วันนี้ หลังจากทราบข่าวการตายของอวี๋ไป๋ถิง ภายในตระกูลอวี๋ก็ตกอยู่ในสภาวะสั่นคลอนอย่างรุนแรง

เพื่อแย่งชิงตำแหน่งผู้นำตระกูล ผู้เป็นใหญ่ทั้งหลายในตระกูลอวี๋จึงเกิดความขัดแย้งกันอย่างดุเดือดเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด

คนทั้งหมดของฝ่ายอวี๋ไป๋ถิงทางนี้ล้วนกลายเป็นแพะที่กำลังรอการโดนเชือด

ในความโกลาหลครั้งนี้ อวี๋ซวงหนิงผู้เป็นบุตรสาวตกเป็นผู้ต้องหาถูกคุมขัง

มังกรไร้หัว จักต้องเกิดหายนะ

ยิ่งเป็นวงศ์ตระกูลใหญ่ การแย่งชิงอำนาจก็ยิ่งรุนแรง

ภาพเหตุการณ์ที่คล้ายกับตระกูลอวี๋ เกิดขึ้นกับตระกูลจ้าว ตระกูลไป๋ และตระกูลเสวีย

ตำหนักเทียนหยวน

ณ ผาสำนึกตน

ลมกระโชกแรงพัดเสียงดังฮือ ๆ ราวกับดาบอันคมกริบ

เซี่ยงหมิงปล่อยผมยาวปรกหน้านั่งอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง สีหน้าหม่นหมอง ในสายตาเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม โกรธเกรี้ยว และเจ็บแค้น

“ซูอี้ หากข้าได้ออกไป จะให้บิดาจัดการกับเจ้าในทันที หากไม่เชือดเฉือนเจ้าเป็นชิ้น ๆ ก็ไม่อาจระบายความแค้นในใจได้!”

“ศิษย์พี่เซี่ยง แย่แล้ว!”

ทันใด เสียงตื่นตระหนกเสียงหนึ่งดึงเข้ามาจากนอกถ้ำ

ขณะที่หนุ่มน้อยร่างอ้วนคนหนึ่งวิ่งมาถึงนอกถ้ำ เหงื่อก็ไหลไคลก็ย้อย บนใบหน้ามีแต่ความตื่นตระหนกตกใจ

“ใจเย็นหน่อย!”

เซี่ยงหมิงจ้องดูหนุ่มน้อยร่างอ้วนด้วยความไม่พอใจ “เคยบอกเจ้ากี่ครั้งกี่หนแล้ว ทุกครั้งที่เจอเรื่องใหญ่อันใดต้องสงบใจเข้าไว้ ต่อให้เป็นข่าวที่ย่ำแย่สักแค่ไหน ยังจะย่ำแย่ยิ่งกว่าสภาพในตอนนี้ของข้าอีกเช่นนั้นหรือ?”

หนุ่มน้อยร่างอ้วนด้านหนึ่งปาดเหงื่อ อีกด้านหนึ่งหอบหายใจ “ไม่ใช่ ศิษย์พี่เซี่ยง ครั้งนี้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วจริง ๆ ข้ายังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าทั้งหมดนี้เป็นความจริง ทว่าศิษย์ทั้งหลายในตำหนักล้วนพูดกันไปทั่ว…”

“ที่แท้แล้วคือเรื่องอันใดกัน?”

เซี่ยงหมิงขมวดคิ้วถาม

หนุ่มน้อยร่างอ้วนกล่าวอึก ๆ อัก ๆ “ศิษย์พี่ ข้าพูดไปแล้วศิษย์พี่อย่าได้เสียใจเลยเชียว และอย่าได้โกรธ เรื่องนี้ไม่เห็นจะเป็นความจริงไปได้…”

เห็นว่าเขามัวแต่พูดร่ำไรชักช้า เซี่ยงหมิงรู้สึกเบื่อหน่ายยิ่งนัก จึงแผดเสียงด่าเพราะทนไม่ไหว “ที่แท้แล้วเจ้าต้องการจะพูดอะไรกันแน่!?”

หนุ่มน้อยร่างอ้วนตกใจ จึงโพล่งออกไปภายใต้ความตื่นตระหนก “พ่อของเจ้าตายแล้ว!”

เซี่ยงหมิงตะลึง ร้องตะคอก “เจ้า… เจ้าบังอาจด่าข้า?”

หนุ่มน้อยร่างอ้วนร้องไห้หน้าเศร้า กล่าวขึ้นมาติด ๆ กัน “ศิษย์พี่ ข้าไม่ได้โกหก ท่านพ่อของเจ้าตายแล้วจริง ๆ พวกเขาคุยกันว่าจวนของศิษย์พี่ยังถูกคนยึดอีกด้วย อนุน้อยของท่านพ่อเจ้าเหล่านั้นล้วนถือโอกาสตอนวุ่นวายหอบเครื่องประดับเงินทองหนีกันไปหมดแล้ว กระทั่งนางรำที่เจ้าเลี้ยงไว้เหล่านั้นล้วนถูกคนครอบครองหมดแล้ว…”

เซี่ยงหมิงแทบระเบิด ลุกพรวดพราดขึ้นในทันใด ตวาดออกมา “คนสารเลวคนไหนที่สร้างข่าวลือ ข้าจะฆ่าเขาล้างตระกูล!!”

หนุ่มน้อยร่างอ้วนกล่าวด้วยความตื่นตระหนก “ศิษย์พี่เซี่ยง เรื่องนี้รู้กันไปทั่วตำหนักเทียนหยวนแล้ว พวกผู้อาวุโสเหล่านั้นก็กำลังพูดหารือกันอยู่ ว่ากันว่าในงานเลี้ยงน้ำชาบนยอดเขาประจิม ท่านพ่อของเจ้าถูกคนฟันหัวขาด…”

“พวกใต้เท้าผู้ใหญ่เหล่านั้นกำลังพูดหารือ…”

หัวสมองของเซี่ยงหมิงราวกับถูกสายฟ้าฟาด งุนงงไปหมด มือเท้าสั่นระริกไม่อาจควบคุมได้

เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?

ด้วยความสามารถและอำนาจของบิดา ในดินแดนแคว้นกุ่นแห่งนี้ แทบถือได้ว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ไม่มีใครเทียม เป็นไปได้เช่นใดที่ประสบเคราะห์ร้ายเช่นนี้?

“เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางเป็นไปได้อย่างเด็ดขาด…!!”

นานมาก ภายในถ้ำมืดสลัวมีเสียงคำรามราวกับสัตว์ป่าของเซี่ยงหมิงดังออกมา เสียงนั้นดังก้องไปไกล เต็มไปด้วยรสชาติของความโศกเศร้าสติแตกอย่างควบคุมไม่อยู่

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset