📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 209

บทที่ 209 - มีข้าอยู่ อยากจะแพ้ก็ยังยาก
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

หลายวันถัดมา

เรือนพำนักหินศิลาสงบร่มรื่น ซูอี้ก็พลอยสงบใจขึ้นมาด้วยเช่นกัน

เพียงแต่นอกเหนือจากการฝึกตนแล้ว บางครั้งก็นึกถึงเหวินหลิงเสวี่ยขึ้นมา ในใจยังคงรู้สึกกลัดกลุ้มอยู่บ้างเล็กน้อย

ทว่ายังดีที่จิตใจไม่ถึงกับทรุดโทรมตามไปด้วย

ฉาจิ่นยังคงเหมือนเดิมตามปกติ รับผิดชอบงานจุกจิกต่าง ๆ เช่น ซักผ้าพับผ้าห่ม ต้มชาต้มน้ำ เป็นต้น เพียงแต่ว่าแตกต่างไปจากเมื่อก่อน นางได้ตั้งความฝันไว้มากมายในชีวิตวันข้างหน้า

หลังจากที่ฝึกฝนคัมภีร์ลี้ลับเก้าถ้ำคลุมเครือแล้ว นางจึงเข้าใจแล้วว่าในอดีตตนเองโง่เขลาตีบตื้นถึงเพียงไหน และในที่สุดก็เข้าใจถึงความอัศจรรย์แห่งการฝึกตน

เคล็ดวิชานี้คล้ายกับเป็นการเปิดโลกใบใหม่ทั้งใบให้แก่นาง ทำให้วิสัยทัศน์ ทัศนคติ รวมถึงความเข้าใจในการฝึกตนของนางล้วนมีความเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าหงายแผ่นดิน

โดยธรรมชาติ ในที่สุดนางก็เข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดซูอี้ที่อายุยังน้อยจึงสามารถกุมพลังอันน่ากลัวซึ่งเทียบเท่ากับพลังของเทพเซียนได้

หาใช่เพราะเขาเป็นเทพเซียนที่แท้จริงไม่ แต่เป็นเพราะวิธีการฝึกตนที่เขาเรียนรู้ก้าวไกลเกินกว่าคนบนโลกใบนี้จะเทียบเคียงได้!

เพียงแต่ว่า ทุกครั้งเวลาที่เข้าสู่ยามวิกาล ฉาจิ่นจะรู้สึกอึดอัดขึ้นมา

นางเข้าใจกลลวงของซูอี้แล้ว อาศัยเหตุบอกว่าชี้แนะวิธีฝึกตนให้แก่ตนเอง ลับ ๆ กลับมีจุดประสงค์อื่น!

ทว่า ฉาจิ่นไม่ได้เปิดโปงกลลวง เพราะทุกคืนเวลาที่ได้ยินซูอี้ร่ายพรรณนาความอัศจรรย์ในการบำเพ็ญตนเหล่านั้น นางได้รับผลดีมากมาย

กระทั่งรู้สึกว่าลิ้มลองแล้วครั้งหนึ่งอยากจะลิ้มลองเป็นครั้งที่สอง เริ่มรอคอยการได้ไปหาซูอี้ที่ห้องทุกคืน…

คืนวันนี้

โจวจือหลีพาฉางกั้วเค่อ เจิ้งเทียนเหอมาคารวะ

เมื่อพบกับฉาจิ่น โจวจือหลีอดตะลึงไม่ได้ ต่างไปจากเดิมจนแทบไม่กล้าทัก

เทียบกับเมื่อก่อน ฉาจิ่นในตอนนี้สะอาดผุดผ่องไปทั้งตัว ทว่าทุกอากัปกิริยาอาการกลับเปล่งประกายเสน่ห์อันเฉิดฉายเพริศพริ้ง ความงดงามเช่นนั้นเปรียบประดุจดอกบัวที่แย้มบานท่ามกลางลมวสันต์อันแสนอบอุ่น สวยสะคราญ โดดเด่นไม่เป็นรองใคร

ในฐานะที่เคยผ่านประสบการณ์มา โจวจือหลีเข้าใจได้เป็นธรรมดาว่าเป็นเพราะเกิดเหตุอันใดขึ้น จึงอดเสียใจขึ้นมาไม่ได้

พูดแล้ว ตอนนั้นเขาหลงใหลในตัวฉาจิ่นอยู่ไม่น้อย

ทว่าโชคชะตาช่างเล่นตลก ฉาจิ่นในตอนนี้ เขาทำได้เพียงจ้องมองอยู่ไกล ๆ ไม่กล้าคิดเลยเถิด

“พี่ซู กำหนดการงานเลี้ยงน้ำชากำหนดเป็นวันพรุ่งนี้รุ่งเช้า จัดขึ้นที่ยอดเขาประจิมห่างจากนอกเมืองไปสิบลี้”

โจวจือหลีแสดงจุดประสงค์ในการมาอย่างรวดเร็ว

ซูอี้พยักหน้า แล้วกล่าว “เจ้าจัดเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว?”

โจวจือหลีคิดสักครู่ ส่ายหน้าพลางกล่าว “ถึงแม้ข้าจะจัดเตรียมไพ่ใบสุดท้ายไว้บ้างแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังคาดเดาไม่ถูกว่าที่แท้เซี่ยงเทียนชิวเตรียมแผนการไว้มากน้อยเพียงใด”

พูดถึงตรงนี้แล้ว เขากลั้นต่อไปไม่ไหวถอนใจออกมา พลางกล่าว “เมื่อก่อนในฐานะที่เป็นองค์ชาย ไม่ว่าเจอใครล้วนต้องให้ความเคารพต่อข้า แต่เมื่อเกี่ยวข้องกับการแย่งชิงอำนาจ ข้าจึงพบว่าความเคารพยำเกรงเหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งจอมปลอม คล้ายกับแคว้นกุ่นแห่งนี้ แม้กระทั่งตระกูลยิ่งใหญ่เหล่านั้นก็ยังกล้าคิดขัดแย้งกับข้า”

ซูอี้ไม่ต้องการจะฟังเขาทอดถอนใจ จึงกล่าวตามตรง “ยังมีเรื่องอื่นอีกหรือไม่?”

โจวจือหลีรีบตอบ “พี่ซู ข้าเพิ่งได้ข่าวมา พี่รองของข้าอาจจะหาบุคคลระดับปรมาจารย์ที่ร้ายกาจมาช่วย”

ซูอี้จึงแสดงสีหน้าสนใจออกมา กล่าว “ร้ายกาจเพียงใด?”

โจวจือหลีรีบตอบทันควัน “ว่ากันว่า มีคนอำมหิตที่สามารถเบียดตัวเข้าไปอยู่ในสามสิบอันดับแรกของ ‘รายนามปรมาจารย์แห่งต้าโจว’ แต่ว่า ข้าไม่มั่นใจมากนักว่ามีใครบ้าง”

“รายนามปรมาจารย์แห่งต้าโจว?”

ซูอี้นิ่งไป เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินรายนามเช่นนี้

โจวจือหลีอธิบายด้วยความใจเย็นขึ้นมา

ทุก ๆ ครึ่งปี ‘หอสิบทิศ’ จะทำการแก้ไขและประกาศ ‘รายนามปรมาจารย์แห่งต้าโจว’

ผู้ที่มีชื่อติดอันดับต้น ๆ ล้วนเป็นบุคคลระดับสุดยอดในขอบเขตปรมาจารย์แห่งต้าโจว

ส่วนผู้ที่สามารถเบียดตัวเองเขามาอยู่ในสามสิบอันดับแรกได้ นับเป็นลูกพี่ใหญ่ในขอบเขตปรมาจารย์แทบจะทั้งสิ้น!

แต่ละคนหากไม่ใช่เพราะมีการฝึกตนอันแก่กล้า ก็ต้องมีพรสวรรค์อันกล้าแกร่ง

ตามคำกล่าวของโจวจือหลี ผู้ที่มีรายชื่อสามสิบอันดับแรกส่วนใหญ่แทบจะมาจากนครหลวงแทบทั้งสิ้น อีกทั้งแต่ละคนยังมีการฝึกตนขอบเขตปรมาจารย์ขั้นสี่ขึ้นไป!

แน่นอน ยังมีคนหนุ่มรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยที่มีพรสวรรค์ล้ำเลิศเบียดเข้ามาอยู่ในรายชื่อสามสิบอันดับแรก ทว่าเทียบกันแล้วมีจำนวนน้อยมาก

เฉกเช่น ‘ฟ่านหัวอิ๋ง’ ศิษย์คนสุดท้ายของหงเซินชาง ราชครูแห่งอาณาจักรต้าโจว คนผู้นี้ก็คือบุคคลผู้มีพรสวรรค์ที่เบียดตัวเข้ามาอยู่ในอันดับที่สิบเก้าของรายนามปรมาจารย์แห่งต้าโจว

ฟังจบ ซูอี้ถึงกับส่ายหน้า แล้วกล่าวคำออก “เพียงแค่รายนามเท่านั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะรวบรวมบุคคลผู้เป็นปรมาจารย์แก่กล้าในโลกนี้ได้ทั้งหมด”

โจวจือหลีหัวเราะพลางกล่าว “เรื่องนี้เป็นธรรมดา แต่ขอเพียงเบียดตัวเข้าไปอยู่บนรายนามได้ ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าไม่ใช่บุคคลที่มีแต่ชื่อเท่านั้น”

ซูอี้พยักหน้า “ไม่ผิด ใช่แล้ว หอสิบทิศแห่งนี้เป็นสถานที่เช่นใด?”

โจวจือส่ายหน้า กล่าว “หอสิบทิศนั้นมีความเร้นลับยิ่งนัก มีกำลังซุกซ่อนอยู่ในที่มืด สมาชิกในความควบคุมแผ่กระจายไปทั่วอาณาจักรต้าโจว อาณาจักรต้าเว่ย และอาณาจักรต้าฉิน”

“ปกติพวกเขาจะไม่สนใจเรื่องราวโลกสามัญ ข้าเคยได้ยินเสด็จพ่อเอ่ยถึงในบางครั้งเมื่อตอนอดีต คาดเดาว่าผู้นำหอสิบทิศคงจะเป็นเทพเซียนเดินดินที่มีความแก่กล้ามากคนหนึ่ง”

นิ่งไปสักครู่ โจวจือหลีจึงกล่าวต่อ “หอสิบทิศมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักไปทั่วเพราะมีข่าวสารที่ฉับไว มุ่งมั่นในการเก็บและสืบข้อมูลลับในโลกหล้าทุกรูปแบบทุกชนิด ทุก ๆ ช่วงระยะเวลาหนึ่งจะประกาศข่าวคราวซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับผู้ฝึกยุทธ์ออกมา”

ซูอี้กล่าว “น่าสนใจ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หากว่าวันข้างหน้าต้องการจะสืบเรื่องอันใด สามารถเริ่มหาได้จากหอสิบทิศก่อน”

โจวจือหลีส่ายหน้าพลันกล่าว “พี่ซู คนในใต้หล้าต่างก็รู้ นอกเสียจากสมาชิกของหอสิบทิศจะปรากฏตัวออกมาเอง ไม่เช่นนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะหาตัวพวกเขาพบ”

ซูอี้ร้องอ้อขึ้นมาทีหนึ่ง ไม่ได้แสดงท่าทีอันใดออกมาอีก

คุยกันต่อได้สักครู่ โจวจือหลีจึงพาฉางกั้วเค่อกับเจิ้งเทียนเหอลากลับ

วันพรุ่งนี้รุ่งเช้า งานเลี้ยงน้ำชาก็จะเริ่มขึ้นบนยอดเขาประจิม องค์ชายหกพระองค์นี้ยังมีเรื่องที่ต้องทำอีกจำนวนไม่น้อย

“คุณชาย ท่านคิดว่าองค์ชายหกมีโอกาสชนะหรือไม่?”

ฉาจิ่นถามด้วยความสงสัยอยากรู้

“ไม่มี”

ซูอี้ตอบโดยไม่ต้องคิดมาก “เขาดูท่าทางฉลาดอยู่บ้าง แต่ความจริงแล้วยังอ่อนหัดอยู่มาก ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกผู้เฒ่าที่ชอบใช้กลยุทธ์มานานหลายปีเหล่านั้น”

นิ่งเงียบไปสักครู่ เขากล่าว “แน่นอน มีข้าอยู่ เขาอยากจะแพ้ก็ยังยาก”

แววตาของฉาจิ่นผิดประหลาดไป มีที่ไหนพูดยกยอตัวเองเช่นนี้? คุณชายจะอ่อนน้อมถ่อมตนสักหน่อยไม่ได้เลยเช่นนั้นหรือ?

ทว่า มาคิดพิจารณาดูให้ดี ดูเหมือนว่าซูอี้ไม่จำเป็นต้องถ่อมตนในเรื่องเช่นนี้เลย…

ฉาจิ่นเอ่ยขึ้นเบา ๆ “แต่ข้ารู้สึกว่า องค์ชายหกพระองค์นี้ดูจะไม่ค่อยมั่นใจในตัวท่านเต็มที่มากนัก ไม่เช่นนั้น คงไม่ต้องถึงกับแสดงท่าทีกลัดกลุ้มใจเช่นนี้ ”

“คนในเหตุการณ์ดูสถานการณ์ไม่ออกก็เท่านั้น แต่ละคนล้วนต้องการรู้ไพ่ใบสุดท้ายของฝ่ายตรงข้าม ตามคำกล่าวที่ว่ารู้เขารู้เรา แต่เวลาที่ต้องงัดข้อกันจริง ๆ มีใครสักกี่คนที่สามารถทำเช่นนั้นได้?”

ซูอี้กล่าวด้วยสีหน้าราบเรียบ “วิเคราะห์ให้ถึงแก่น ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะตัวเขาเองอ่อนแอเกินไป หากว่ามีความแข็งแกร่งพอ ไม่เห็นต้องสนใจว่าเป็นผีหน้าวัวเทพหน้างูหรือมีแผนการร้ายอันใด บดขยี้ไปตลอดทางก็เพียงพอแล้ว”

ฉาจิ่นเม้มปากหัวเราะขึ้นมา ในสายตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนɴᴏᴠeʟɢu.ᴄᴏm

ไม่รู้เช่นกันว่าเพราะเหตุอันใด ท่าทีและแววตาที่ดูเงียบสงบคล้ายกับเมฆบางลมเบา ทว่าความจริงไม่เคยมองเห็นหัวใครของซูอี้เช่นนั้น ทำให้นางรู้สึกหลงใหลมากขึ้นทุกที…

“รีบไปเตรียมอาหารเย็นเถอะ” ซูอี้ลุกเดินเข้าไปในห้อง

ฉาจิ่นมองดูท้องฟ้าคำนวณเวลา พบว่าเวลานี้ใกล้จะมืดแล้ว

ไม่รู้เช่นกันว่านึกเรื่องอะไรขึ้นมาได้ จู่ ๆ ใบหน้าสวยของนางก็แดงระเรื่อ รีบหมุนตัวออกไปซื้ออาหารเย็น

——

รุ่งเช้าถัดมา

ฉาจิ่นผู้หลับใหลสะดุ้งตื่นเพราะเสียงเคาะประตูที่ดังมาแต่ไกล

ริมฝีปากแดงอิ่มเอิบของนางบ่นพึมพำด้วยอาการงัวเงีย ยื่นมือไปปัดอุ้งมือที่วางพาดอยู่บนหน้าอกตัวเองออก จากนั้นจึงลุกขึ้นนั่ง

ด้านหนึ่งสวมใส่เสื้อผ้า อีกด้านหนึ่งฉาจิ่นเอ่ยขึ้นเบา ๆ “คุณชาย คงจะเป็นองค์ชายหกมา ข้าไปเปิดประตู”

ขณะที่พูดนางลุกเดินออกจากห้องไปแล้ว

หลังจากผ่านไปครึ่งเค่อ

ซูอี้ล้างหน้าบ้วนปากเสร็จสรรพ ขณะที่เดินส่ายอาด ๆ ออกมาจากห้องก็เห็นคนจำนวนหนึ่งยืนรออยู่ในสวนแล้ว

โจวจือหลี ฉางกั้วเค่อ ชิงจิน เจิ้งเทียนเหอ มู่จงถิง รวมถึงชายสุขุมวัยกลางคนผู้ที่มีกลิ่นอายหนังสือคละคลุ้งเต็มตัว

“พวกเจ้า?”

สายตาของซูอี้เบนไปยังผู้ชายสุขุมวัยกลางคน รู้สึกราวกับเคยเห็นฝ่ายตรงข้ามมาก่อน

ผู้ชายสุขุมวัยกลางคนยิ้มขึ้นมาน้อย ๆ เป็นฝ่ายคารวะขึ้นมาก่อน “ผู้น้อยเสวียหนิงเยวี่ยน คารวะคุณชายซู เมื่อหลายวันก่อน พวกเราเคยพบหน้ากันแล้วครั้งหนึ่ง คุณชายคงจะจำไม่ได้”

ซูอี้เพียงแต่พยักหน้าไม่ได้กล่าวอะไร จากนั้นจึงบอกกับทุกคน “ไปกัน”

“คุณชาย ข้าอยากจะไปกับคุณชายด้วย”

ฉาจิ่นร้องขึ้น

“ได้”

ซูอี้รับปากในทันใด “ใช่แล้ว เตรียมอาหารการกินไปสักหน่อย เก้าอี้หวายตัวนั้นของข้าก็พกติดไปด้วย”

คนอื่น ๆ “…”

คนที่ไม่รู้คงจะเข้าใจว่าผู้ชายคนนี้คงจะเตรียมตัวไปเที่ยวพักผ่อนกระมัง?

ฉาจิ่นคุ้นเคยกับความเคยชินของซูอี้แล้ว จึงรีบออกไปตระเตรียม

ถือโอกาสนี้ โจวจือหลีกล่าวเบา ๆ “พี่ซู เรื่องในวันนี้…”

ซูอี้ชายตามองดูเขาครู่หนึ่ง กล่าว “ใกล้จะออกศึก กลับไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้ ถือเป็นข้อห้าม หลังจากที่ได้รับชัยชนะในงานเลี้ยงน้ำชาครั้งนี้แล้ว ข้าแนะนำให้เจ้าฝึกฝนจิตจะเป็นการดีที่สุด มิเช่นนั้น ตลอดชั่วชีวิตนี้คงจะไม่มีความก้าวหน้าอะไรนัก”

โจวจือหลีทำสีหน้าปั้นยาก ประสานมือประคองหมัดกล่าว “ขอบคุณพี่ซูที่ชี้แนะ ข้าจะจดจำฝังใจ”

“ดูท่าทาง งานเลี้ยงน้ำชาในครั้งนี้คุณชายซูมีความมั่นใจอย่างเต็มที่” เสวียหนิงเยวี่ยนยิ้มพลางกล่าว

ซูอี้มองไปยังผู้กุมอำนาจตระกูลเสวียคนนี้สักครู่จึงกล่าว “หากว่าไม่มั่นใจ เหตุใดต้องไปกับพวกเจ้าด้วย?”

รอยยิ้มบนใบหน้าของเสวียหนิงเยวี่ยนเจื่อนไป

ซูอี้ขี้เกียจจนไม่อยากจะพูดมากอีก เดินตรงออกไปที่นอกสวน

โจวจือหลีเห็นเช่นนี้แล้วรีบติดตามออกไป

“ผู้ชายคนนี้นับวันก็ยิ่งไม่เห็นหัวใครในสายตา” ชิงจินเบะปาก

นางเหมือนดังแต่ก่อน ดวงตางดงามคมเฉียบประดุจใบมีด สวยทว่าน่าหวาดเกรง แฝงด้วยกลิ่นอายเย็นชาไม่สนใจต่อสิ่งใด

เพียงแต่ว่า เวลาที่เผชิญหน้ากับซูอี้ จิตใจของนางกลับมีสภาพเปลี่ยนแปลงไปอย่างบอกไม่ถูก

นับคำนวณขึ้นมา นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้พบหน้าซูอี้ที่มหานครกุ่นโจว ทว่านางกลับเข้าใจทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับซูอี้มากขึ้น

ดังเช่นเมื่อหลายวันก่อน หลิ่วหงฉีผู้อาวุโสนอกสำนักของสำนักวงเดือนซึ่งเป็นปรมาจารย์ขั้นสอง ยังถูกซูอี้ฆ่าตายได้อย่างสบาย

นางเข้าใจดียิ่งกว่านั้นว่าองค์ชายหกฝากฝังความหวังที่จะได้รับชัยชนะในงานเลี้ยงน้ำชาครั้งนี้ไว้กับซูอี้ คนหนุ่มวัยสิบเจ็ดปีคนนี้!

ทว่าเมื่อเห็นผู้หญิงสวยพร้อมอย่างฉาจิ่นติดตามอยู่ข้างกายซูอี้ด้วยความแช่มชื่นเช่นนี้แล้ว ในใจของชิงจินก็เกิดความสับสนขึ้นมา

เป็นธรรมดาที่นางจะไม่มองว่าฉาจิ่นเป็นผู้หญิงขายศิลปะอีกต่อไป

ทว่านางกลับนึกภาพไม่ออกว่าเหตุใดศิษย์ผู้รับการถ่ายทอดโดยตรงของสำนักวงเดือนจึงยอมมาเป็นหญิงรับใช้อยู่ข้างกายซูอี้

อีกทั้งมองดูสีหน้าท่าทางของฉาจิ่นแล้ว เห็นชัดเจนว่านางยินยอมพร้อมใจ…

“หากว่าตอนที่อยู่บนเรือในครั้งนั้น ข้ารับปากยอมเป็นหญิงรับใช้ข้างกายเขา สถานการณ์จะเป็นเช่นใด?” นึกถึงตรงนี้ ชิงจินส่ายหน้าสลัดความคิดฟุ้งซ่านนี้ออกไป

ต่างคนล้วนมีเป้าหมายต่างกัน

นางไม่อาจทำเช่นนี้ได้

อย่างรวดเร็ว พวกเขาทั้งหมดก็ออกเดินทาง นั่งรถม้าออกจากมหานครกุ่นโจว มุ่งหน้าตรงไปยังเขาประจิมที่อยู่ไกลออกไปสิบลี้

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset