ณ ตึกระฟ้าที่เป็นสำนักงานใหญ่ของทีมสิงโตแดงในย่านจองโน 1a, กรุงโซล
ชั้นใต้ดินของที่นี่กลายเป็นลานฝึกส่วนตัวของย็อมจุนยอล
ปึก!
เสียงอันหนักแน่นและเย็นยะเยือกของลูกเบสบอลกระทบกับมิตต์*ดังขึ้น (ถุงมือรับลูกเบสบอลอันใหญ่ๆ)
ลูกบอลที่ย็อมจุนยอลขว้าง พุ่งใส่มิตต์ที่ย็อมบังยอลสวมอยู่อย่างแม่นยำ
มังกรคราม—ผู้นำเผ่ามังกร—ซึ่งทำหน้าที่เป็นกรรมการ ตะโกนขานเสียงดัง
“ลูกที่ยี่สิบ! อีกหนึ่งสไตร์ค! สมบูรณ์แบบมากจุนยอล!”
“สมแล้วที่เป็นลูกชายฉัน!”
ผู้นำเผ่ามังกร—มังกรคราม—และหัวหน้าทีมสิงโตแดง—ย็อมบังยอล—กำลังเอะอะมะเทิ่ง
เผ่ามังกรและสมาชิกทีมที่กำลังถ่ายท่าขว้างของย็อมจุนยอลจากมุมต่างๆ พากันส่งเสียงเชียร์
“ทั้งการควบคุม ทิศทางการหมุน ปริมาณสปิน วิถีของบอล… ไม่มีข้อบกพร่องเลยสักนิด!”
“จุนยอลของพวกเราเก่งมาก!”
ลูกบอลที่ย็อมจุนยอลขว้างมีขนาด น้ำหนัก และวัสดุเดียวกับลูกเบสบอลที่ใช้แข่งทางการ แต่ด้านในมีเซนเซอร์ฝังไว้
ผลการขว้างของย็อมจุนยอลที่วิเคราะห์จากเซนเซอร์ในลูกเบสบอล ถูกฉายขึ้นโฮโลแกรมขนาดใหญ่ในลานฝึก
ย็อมจุนยอลส่ายหน้าให้กับสถิติเหล่านั้น
“ระยะเวลาหลังจากตั้งท่าขว้างไปจนถึงเริ่มขว้างยังดูไม่สม่ำเสมอ ผมขอขว้างอีกสิบลูก”
“…จุนยอล ยังไงก็โยนแค่ลูกเปิดสนามลูกเดียวไม่ใช่หรือ ต้องเอาจริงเอาจังขนาดนั้นเลย? จะอยากสมบูรณ์แบบกว่านี้ไปทำไม? แค่นี้ลูกก็มีแฟนคลับเยอะจนรับมือไม่ไหวแล้วนะ”
“ถูกต้อง! ย็อมบังยอลพูดได้ดี!”
“ใช่! เดี๋ยวหัวไหล่ก็บาดเจ็บหรอก! อย่าทุ่มเทกับเบสบอลมากเกินไปจนส่งผลเสียต่อร่างกาย!”
“เผาสนามทิ้งซะดีไหม!”
เมื่อเห็นว่าย็อมบังยอลกับมังกรครามทำท่าจะเผ่าลานฝึก ย็อมจุนยอลกล่าวอย่างใจเย็น
“ผมไม่บาดเจ็บหรอก อย่าทำแบบนั้นเลย”
“เข้าใจแล้ว… อย่าทำ!”
น้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยพลังของผู้นำเผ่ามังกร—มังกรคราม—ดังกังวานไปทั่วลานฝึก
แม้เนื้อหาจะฟังดูไม่น่าเกรงขามสักเท่าไร แต่เผ่ามังกรที่เหลือต่างก็รีบปิดปากสนิท
“อยู่ๆ เจ้าก็บอกว่าอยากขว้างลูกเปิดสนาม ไม่คิดไม่ฝันเลยนะ…”
“เดี๋ยวนี้ไม่ไล่ตามจอมโจรผาแดงแล้ว ไม่ทำงานของสภานักเรียนด้วย เลิกเรียนก็ตรงกลับบ้านมาซ้อมขว้างอย่างเดียว เห็นแล้วน่าปลื้มใจจริงๆ”
“จะว่าไป มีคนมาหาเรื่องจุนยอลที่โรงเรียงใช่ไหม? ไอ้คนที่ทำให้หญ้ากระดุกกระดิกได้ อวดดีนักนะ!”
“…เชือดทิ้งซะดีไหม?”
“ข้าได้ดูวิดีโอที่ยงเจกอนถ่ายมาแล้ว จุนยอลจัดการเจ้านั่นได้ด้วยการโจมตีแค่ไม่กี่ครั้ง ถ้าอ่อนแอขนาดนั้น ปล่อยให้จุนยอลใช้ระบายอารมณ์ไปเถอะ”
“เอางั้นก็ได้ ตอนนี้ให้เขาได้สนุกไปกับเบสบอลและชีวิตในโรงเรียนก่อนก็แล้วกัน”
สมาชิกทีมและเผ่ามังกรที่ไม่รู้เหตุผลเบื้องหลังต่างทำหน้าตื้นตัน
แต่ตรงข้ามกับสิ่งที่พวกเขาคิด ย็อมจุนยอลอยากฝึกขว้างให้ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด เพื่อสร้างความประทับใจแก่อาจารย์คนใหม่ของเขา—จอมโจรผาแดง
‘จอมโจรผาแดงมอบโจทย์ให้เราสามข้อ หนึ่ง เป็นคนขว้างลูกเปิดสนาม สอง อยู่ดูการแข่งจนจบ และสาม ปิดเรื่องการขว้างเป็นความลับจนกว่าจะถึงวันแข่ง’
เสียงเชียร์ดังขึ้นอีกครั้งเมื่อลูกบอลที่ย็อมจุนยอลขว้างพุ่งเข้าไปในมิตต์
ย็อมจุนยอลยิ้มพลางครุ่นคิด
‘ทั้งสามข้อต้องสมบูรณ์แบบ และเมื่อการแข่งจบลง จอมโจรผาแดงจะกลายเป็นอาจารย์ของเรา!’
ในทางกลับกัน มีเผ่ามังกรคนหนึ่งเฝ้าสังเกตย็อมจุนยอลด้วยสายตาแตกต่างจากคนอื่น
ครูประจำของโรงเรียนแสงเงิน ยงเจกอน
เขาไม่ได้พูดอะไรกับเผ่ามังกรคนอื่น แต่แอบตั้งคำถามอยู่ในใจ
‘ไม่มีทางที่ย็อมจุนยอลจะยอมแพ้เรื่องจอมโจรผาแดงง่ายเช่นนี้ ต้องมีเบื้องหลังอยู่แน่’
ยงเจกอนพยายามค้นหาจากความทรงจำ
รูปแบบการใช้ชีวิตของย็อมจุนยอล
เนื้อหาของคำพูด
ยงเจกอนประกอบเบาะแสเข้าด้วยกันประหนึ่งกำลังเล่นหมากรุกในหัว
‘อยู่ๆ เขาก็กลับบ้านอย่างอารมณ์ดีหลังจากสอบกลางภาคเสร็จ วันนั้นเป็นวันเดียวกับที่ขอเป็นคนขว้างเปิดสนาม’
แน่นอน ยงเจกอนไม่คิดจะปากโป้ง
ดูท่าย็อมจุนยอลจะไม่อยากให้ใครรู้ แม้กระทั่งมังกรครามกับย็อมบังยอล
‘ปิดปากเอาไว้คงน่าสนุกกว่า… เราแค่คอยปกป้องไม่ให้จุนยอลบาดเจ็บก็พอ’
ติ๊ง!
ขณะเดียวกัน ข้อความจากหัวหน้ากลุ่มย่อยหมากรุกถูกส่งมาถึงอุปกรณ์ของยงเจกอน
‘รายชื่อผู้เข้าแข่งหมากรุก’
ยงเจกอนมองดูท่าขว้างของย็อมจุนยอลสลับกับอ่านเนื้อหาในโฮโลแกรม
เมื่ออ่านรายชื่อจบครบ มุมปากยงเจกอนยกขึ้นทันที
‘ซูเปอร์โนว่าไร้นาม…!’
ในนั้นมีชื่อของโชอึยชิน หนึ่งในนักเรียนที่ยงเจกอนให้ความสนใจ
* * *
วันถัดมา หลังเลิกเรียน
ห้องชมรมหนังสือพิมพ์ของเด็กปีหนึ่ง
“ฮะฮะฮะฮะ! ต้องขอบคุณรุ่นพี่ย็อมจุนยอล มีบทความให้เขียนเรื่อยๆ เลยแฮะ!”
มุนแซรอนกำลังเปิดโฮโลแกรมพลางเขียนบทความอย่างตื่นเต้น
บทความเกี่ยวกับย็อมจุนยอล?
ใกล้ถึงวันที่ย็อมจุนยอลจะขว้างลูกเปิดงานแล้วก็จริง แต่ฉันค่อนข้างมั่นใจว่าเขายังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใคร
“ดูท่ารุ่นพี่มาจินซึงก็ฝึกมาหนักเหมือนกัน แต่คู่ต่อสู้เป็นรุ่นพี่ย็อมจุนยอลแบบนี้ แทบไม่ต้องลุ้นผลเลย”
อ้อ… การดวลระหว่างมาจินซึงกับย็อมจุนยอล
“อยากรู้รายละเอียดไหม? มุนแซรอนคนนี้รู้ทุกซอกทุกมุมเลยล่ะ!”
มุนแซรอนรีบอธิบายเหตุการณ์อย่างตื่นเต้น
ในพักหลัง ย็อมจุนยอลแอบซุ่มฝึกบางสิ่งอย่างลับๆ ในช่วงเช้าและหลังเลิกเรียน
เป็นเหตุให้เกือบเข้าเรียนสาย และของดกิจกรรมของสภานักเรียนสักระยะ
ไม่รู้ว่าเห็นแบบนั้นแล้วไม่ชอบใจหรืออย่างไร มาจินซึงตัดสินใจขอท้าดวล แต่ย็อมจุนยอลก็บ่ายเบี่ยงท่าเดียวด้วยข้ออ้างว่าไม่ว่าง
มาจินซึงจึงฉุนจัด และยั่วยุอีกฝ่ายด้วยคำว่า ‘มังกรแดงน้อย’
‘มาจินซึง… ใจนายมันได้’
แม้จะทำตัวแย่ไปนิด แต่ก็ถือว่ากล้าหาญสมกับเป็นตัวละครของฉัน
ลงเอยด้วย ลูกหลานเผ่ามังกรยอมรับคำท้าด้วยความเดือดดาล
การต่อสู้จบลงโดยที่มาจินซึงถูกศาสตร์แห่งเพลิงเล่นงานอยู่ฝ่ายเดียว
“หน้าที่ของนักข่าวคือการไม่ลำเอียง! ไปสัมภาษณ์รุ่นพี่มาจินซึงกันเถอะ!”
มุนแซรอนทำหน้าเบิกบาน
‘ดูจากการที่มุนแซรอนไม่รู้เรื่องการขว้างเปิดงาน เขาเก็บความลับได้ดีทีเดียว’
ทางนี้ก็สมกับเป็นตัวละครของฉัน
ฉันรู้สึกโล่งใจที่แผนการยังคงดำเนินไปตามที่คิดไว้อย่างราบรื่น
* * *
หลังจบคาบชมรม ฉันแวะไปที่คฤหาสน์ของวังมยองโฮ
“อึยชินอปป้า! สวัสดีค่ะ!”
“สวัสดีครับ!”
“ส…สวัสดีครับ…”
สิ่งแรกที่รอต้อนรับฉันคือสามพี่น้องเสือเงิน
วันนี้เสือแดงก็ยังไม่อยู่
ส่วนเจ้าบ่วงกำลังถูกแบคโฮกุนจับอาบน้ำ
‘…ว่าไงนะ!’
ตัวละครของฉัน แบคโฮกุนผู้ทำอะไรไม่เป็นนอกจากต่อสู้คนนั้น
จินตนาการภาพแบคโฮกุนกำลังจับเจ้าบ่วงอาบน้ำอย่างสงบสุขไม่ออกเลย
“ผ…ผมถ่ายรูปไว้ด้วย…”
น้องเล็กอึนแจโฮเปิดอุปกรณ์แล้วฉายโฮโลแกรม
เป็นภาพของแบคโฮกุนกำลังอาบน้ำเจ้าบ่วงโดยมีฟองเปื้อนอยู่บนใบหน้าอันเฉยเมย
ดูไม่เข้ากันเลยสักนิด
บอกว่าเป็นมีมตัดต่อยังจะน่าเชื่อถือกว่า
เจ้าบ่วงทำหน้าเหมือนกลัวน้ำ แต่ก็ฝืนอดทนไว้
‘ต้องเซฟเก็บไว้!’
ขณะฉันกำลังเซฟรูปหายากของตัวละครตัวเองและสัตว์เลี้ยงแสนรัก
“โชอึยชิน ไปกันเถอะ”
วังจีโฮที่แทบไม่พูดมาทั้งวัน เร่งเร้า
ดูจากท่าที เขาคงอยากเล่าทันทีโดยไม่รอให้แบคโฮกุนจัดการธุระเสร็จ
‘ชักเริ่มคุ้นกับห้องนั่งเล่นที่นี่แล้วสิ…’
ฉันเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นที่บรรยากาศยังเหมือนเดิมแม้เครื่องประดับจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ชาและของว่างวันนี้คือชาบ๊วยที่สกัดจากบ๊วยเหลืองสุก และขนมยักกวาที่มีรูปร่างคล้ายนกกางเขนนั่งอยู่บนดอกบ๊วย
เป็นการเสิร์ฟตามความต้องการของวังจีโฮที่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน
วังจีโฮเข้าเรื่องทันที
“หนังสือโบราณถูกถอดรหัสเสร็จตั้งแต่เมื่อคืนตามที่ส่งข้อความไป อยากเห็นเนื้อหาเลยไหม?”
“ไม่มีปัญหา จะส่งเป็นเอกสารมาก็ได้ หรือจะเล่าปากเปล่าก็ได้”
ได้ยินคำพูดฉัน วังจีโฮทำตาโตสักพักด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“มีอะไร?”
“โชอึยชิน ในที่สุดก็ทำตัวเหมือนมนุษย์สักทีนะ”
“หมายความว่ายังไง”
“ฉันไม่ได้ ‘แปล’ มันออกมา แต่ ‘เข้าใจ’ และ ‘ถอดรหัส’ … แม้ภาษาจะเป็นแนวคิดทางการสื่อสารที่ดี แต่มันก็มีขีดจำกัด… สิ่งที่ฉันทำได้ไม่ใช่การแปลให้เป็นภาษาของมนุษย์ แต่ทำความเข้าใจสัญลักษณ์และร่องรอยของเบื้องบนหรือบางสิ่ง ที่ยังหลงเหลืออยู่ด้านใน”
งั้นหรือ
นั่นสินะ วังจีโฮไม่เคยใช้คำว่าแปลเลยสักครั้ง
การแปลคือการเปลี่ยนข้อความจากภาษาหนึ่งเป็นอีกภาษาหนึ่ง
ส่วนการตีความและถอดรหัส คือการทำความเข้าใจเนื้อหาของประโยคหรือวัตถุ
สรุปโดยสั้น สองคำนี้แตกต่างกัน
“สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ฉันจะแสดงผลของการตีความให้ดู โชอึยชิน”
ซู่ว!
วังจีโฮและหนังสือโบราณถูกคลุมไว้ด้วยแสงทองอร่าม และหน้าที่มีอักขระโบราณเรียงรายถูกกางออกตรงหน้าฉัน
ขณะฉันกะพริบตาเพราะเผชิญหน้ากับแรงกดทับและแสงสว่างที่กำลังพุ่งเข้าใส่
〈สกิล ‘พลังโชคชะตา’ ทำงาน〉
ราวกับพลังโชคชะตาเกิดขึ้นได้ตามใจนึก
เมื่อครั้งล่าสุด พลังโชคชะตาได้มอบหนังสือเล่มนี้ให้ฉัน
…คราวนี้จะเกิดการแทรกแซงแบบสุ่มในลักษณะไหนอีก?
‘แถวนี้ไม่มีศัตรู ถ้าใครจะเห็นก็มีแค่วังจีโฮ และนั่นคงไม่เป็นไร’
เมื่อแสงสว่างดับลง
ตำแหน่งที่ฉันกำลังยืนไม่ใช่ห้องนั่งเล่นอีกต่อไปโน!วลกูดoทคอม
ไม่มีใครอยู่รอบๆ ตัวฉัน
“…วังจีโฮ?”
ไม่มีคำตอบ
มิติอันว่างเปล่าแห่งนี้มีแค่ฉัน
ซู่ว!
ทันใดนั้น เงาสีขาวไหววูบอยู่ตรงหน้า
หรือถ้าระบุให้ชัด มันคือเงาที่ดูคล้ายกับคน
“การนำทางและการแทรกแซงของโชคชะตา เกิดขึ้นโดยไม่มีข้อผิดพลาด”
เสียงที่ซ้อนทับกันหลายสิบ หรืออาจจะหลายร้อยชั้นดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง
ด้วยเสียงที่ผสมปนเป จึงยากที่จะบอกได้ว่าฉันเคยได้ยินมาก่อนหรือไม่
“โธธ ขอบใจเจ้ามากที่ช่วยเปิด ‘เส้นทาง’ ขึ้นมา”
…โธธคือเบื้องบนที่มอบพรคุ้มครองให้จูเก่อแจกอลสินะ
ดูท่าผู้พิทักษ์แห่งหอสมุดรายนี้ จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระตุ้นพลังโชคชะตาคราวก่อน
“รับไปสิ โชอึยชิน”
เงาสีขาวยื่นไอเท็มการ์ดสีโปร่งใสให้ฉัน
ตามปกติแล้ว เราสามารถดูเกรดของการ์ดได้จากสีขอบ
‘แต่ไม่เคยเห็นการ์ดโปร่งใสมาก่อน…’
รับการ์ดมาถือ เงาสีขาวค่อยๆ เลือนหายไป
ทางฉันมีหลายเรื่องอยากจะถามแท้ๆ แต่คิดจะหายตัวไปทั้งอย่างนี้?
“เมื่อ ‘ผู้กอบกู้โลก’ ติดต่อกับ ‘ความลึกลับอันไกลโพ้น’ … เขาจะได้รับพลังแห่งโชคชะตามาครอง”
“เดี๋ยวก่อน! ขอคำอธิบายเพิ่ม…”
ผู้กอบกู้โลก?
หมายถึงอะไรกันแน่
มองย้อนกลับไปในชาติที่แล้ว ฉันไม่เคยมีความทรงจำทำนองนั้นเลย
หรืออย่างน้อยโลกในเกมที่ฉันเล่น ก็พินาศย่อยยับจนไม่เหลือชิ้นดี
เกมกากแห่งชาติ—เพลเมโก—จบลงด้วยความสิ้นหวัง ไร้อนาคต และไร้ความปรานี นั่นคือการกอบกู้โลกตรงไหน?
เหลวไหล
ขณะฉันเหยียดแขนไปหาเงาสีขาวที่ค่อยๆ จางลง
“เป็นยังไงบ้างโชอึยชิน? การตีความของฉัน”
ฉันถูกส่งกลับมายังห้องนั่งเล่นอีกครั้ง
เงาสีขาวหายไปแล้ว มีแค่วังจีโฮกำลังยืนทำตาเป็นประกาย
‘…การตีความที่ไม่ช่วยให้เข้าใจอะไรเลย’
แต่อย่างน้อยก็ยังมีการ์ดสีใสอยู่ในมือ
“อย่างที่นายเห็น ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าใครเขียนหนังสือโบราณเล่มนี้ แต่มันคือการตกผลึกทางนามธรรมของเบื้องบน หรือบางสิ่งที่เทียบเท่า หรือบางสิ่งที่เหนือยิ่งไปกว่านั้น… เป็นเพราะนาย ฉันถึงมีโอกาสได้เห็นใบหน้าของเหล่าเบื้องบน”
ดูท่าสิ่งที่วังจีโฮเห็น จะเป็นคนละอย่างกับที่ฉันเห็น
ถึงจะไม่เข้าใจหลักการ แต่เป็นเพราะการกระตุ้นพลังโชคชะตาของวังจีโฮ หนังสือเล่มนี้จึงเชื่อมต่อกับบางสิ่งที่อยากส่งมอบการ์ดใบนี้ให้ฉัน
“ดูเหมือนเบื้องบนที่พูดเก่งจะพึมพำว่า… พลังโชคชะตาคือสิ่งที่จะได้รับจากการกอบกู้โลก… คิดไว้แล้วต้องเป็นพลังที่เผ่าแท้หรือเบื้องบนมิอาจแตะต้องได้”
แต่ฉันเห็นแค่เงาสีขาวเองนะ
“แต่โลกคงไม่เผชิญวิกฤติง่ายๆ แน่… หรือต่อให้เผชิญจริง คิดว่าจะมีใครกอบกู้ได้ตามลำพังหรือไง?”
วังจีโฮทำหน้าไม่พอใจ
“ตอนแรกก็ไม่เข้าใจความคิดทวยเทพอยู่แล้ว… เจอแบบนี้ยิ่งไม่เข้าใจไปใหญ่ ทำไมถึงพยายามเผยแพร่ของแบบนี้ในโลกปัจจุบัน? ฉันรู้สึกสมเพชตัวเองนิดหน่อยที่มีปัญญาตีความได้แค่หางอึ่ง”
นี่เป็นหนังสือโบราณที่แทบไม่มีสิ่งใดเขียนไว้ตั้งแต่ต้น
สามารถตีความได้ขนาดนี้ก็นับว่าน่าทึ่งแล้ว
เก่งมาก วังจีโฮ
“ยังไม่แน่ใจว่าไอ้พลังโชคชะตาเนี่ย เลเวลของมันจะขึ้นอยู่กับผลงานของผู้กอบกู้โลกด้วยไหม… แต่คิดว่าแค่เลเวล 1 ก็น่าจะยอดเยี่ยมมากแล้ว”
ในส่วนนี้สอดคล้องกับคำอธิบายของสกิลพลังโชคชะตา
ดูเหมือนว่าพลังโชคชะตาที่ฉันมี จะเป็นชนิดเดียวกับสิ่งที่วังจีโฮตีความได้
“ถ้ามีคนที่ครอบครองสุดยอดพลังแบบนี้อยู่จริง ฉันก็อยากเจอหน้าสักครั้ง… แต่คงเพ้อฝันไปหน่อย ใครจะไปมีพลังแบบนั้นได้”
ก็อยู่ตรงหน้าเอ็งแล้วนี่ไง
พลังโชคชะตาเลเวลสาม
ฉันกลืนคำเหล่านั้นลงคอ
ชากับของว่างวันนี้ควรจะหวาน แต่ฉันกลับไม่รู้สึกถึงรสชาติเลย
เมื่อเดินออกจากห้องนั่งเล่น เจ้าบ่วงที่ถูกเป่าขนจนแห้งกำลังนั่งรอฉัน
บ๊อก!
จากปลายเท้าแบคโฮกุน เจ้าบ่วงเงยหน้ามองมา
สายตาเปี่ยมด้วยความคาดหวัง
‘หืม… อารมณ์ดีแบบนี้ ปกติจะต้องวิ่งมาหาแล้วแท้ๆ’
ท่าทีของเจ้าบ่วง
อีกฝ่ายเพิ่งอาบน้ำเสร็จ
เมื่อลองไตร่ตรองดู ไม่นานก็ได้พบคำตอบ
‘กำลังจะบอกว่า ฉันอาบน้ำเสร็จแล้ว รีบเข้ามาชื่นชมเร็วเข้า! ใช่ไหม?’
ทันทีที่เข้าใจเจตนาของอีกฝ่าย ฉันรีบสืบเท้าเข้าไปหาแล้วย่อตัวลงเพื่ออุ้มเจ้าบ่วง
ถึงจะเป็นหมาขนฟูเหมือนเจ้าบ่วงตามปกติ แต่วันนี้ทั้งอบอุ่นและนุ่มนิ่มขึ้นหลายเท่า
“เก่งมากเจ้าบ่วง ฉันภูมิใจในตัวแกจริงๆ!”
บ๊อก!
ดูท่าฉันจะคิดถูก เจ้าบ่วงถึงได้กระดิกหางยังกับมอร์เตอร์ไฟฟ้า
‘เพิ่งอาบน้ำในรอบหลายวันสินะ งั้นยังไม่ลูบหัวก็ได้’
ทว่า เจ้าบ่วงกลับทำหน้าเหมือน ‘ทำไมยังไม่ลูบหัวอีก?’
และเอาแต่ขยับหัวมาทางมือของฉัน
“ทำไมถึงฉลาดและขี้อ้อนขนาดนี้…!”
สุดท้ายฉันก็ต้องลูบหัว
วังจีโฮที่มีสีหน้าอ่อนเพลียเพราะถอดรหัสหนังสืออยู่ทั้งคืน มองมาด้วยสายตาดูหมิ่น แต่ฉันมิได้แยแส
เนื่องจากเจ้าบ่วงไม่ยอมลงจากแขน ทางนี้ก็เลยต้องเดินอุ้มจนไปถึงหอพักทั้งที่มีสายจูง
และเช่นเคย แบคโฮกุนรับหน้าที่จูงมันกลับคฤหาสน์
โล่งอกไปทีที่คืนดีกันได้แล้ว
* * *
ภายในห้องพักของฉัน
สิ่งแรกที่ทำคือการตรวจสอบ ‘การ์ดโปร่งใส’
〈เรียกดูข้อมูลไอเท็ม〉
[ชื่อไอเท็ม] โชคชะตาไร้ชื่อ
[ลักษณะ] อาวุธ
[เกรด] N~EX
[ความชำนาญ] 0%
[เอฟเฟกต์] ยังไม่กำหนด
[คำอธิบาย]
อาวุธที่จะเปลี่ยนชื่อ เกรด และเอฟเฟกต์ตามประสบการณ์ ความคาดหวัง ความคิด เป้าหมาย และความเชื่อของผู้ใช้
ผู้ที่ใช้ได้มีเพียงเจ้าของพลังโชคชะตาเท่านั้น
———
‘ไอเท็มที่ไม่มีในเกม’
ฉันได้รับอาวุธที่เป็นนามธรรมเหมือนกับโชคชะตา
ปริศนาเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเรื่องแล้ว
‘ผู้กอบกู้โลกที่ได้ติดต่อกับความลึกลับอันไกลโพ้น…’
ฉันอาจจะยังไม่เข้าใจนิยามของ ‘ผู้กอบกู้โลก’ แต่พอจะเดาได้ว่า ‘ความลึกลับอันไกลโพ้น’ คืออะไร
จักรวาลเหนือรูป
ถึงจะยังไม่มีเบาะแส แต่ก็พอมีช่องว่างให้อนุมาน
‘โชคชะตาไร้ชื่อ…’
การ์ดโปร่งใส่ที่มีแค่ตัวอักษร ‘โชคชะตาไร้ชื่อ’ เพียงอย่างเดียว
ฉันเก็บมันใส่หน้าต่างเมนูแล้วข่มตานอนหลับ
พรุ่งนี้มีงานต้องทำอีกเพียบ จำเป็นต้องถนอมเรี่ยวแรงไว้ให้มาก
ฉันหลับโดยไม่ฝันเหมือนกับทุกวัน
จนกระทั่งย่างเข้าวันที่ 5 พฤษภาคม วันเด็กแห่งชาติ