ตั้งแต่ยังเล็ก เธอไม่เคยพลาดอันดับหนึ่ง
ได้รับคำชมและกวาดประกาศนียบัตรเป็นว่าเล่น
พลังพิเศษที่ตื่นขึ้นมาก็โดดเด่นและแข็งแกร่ง เป็นเด็กที่เพียบพร้อมสมบูรณ์แบบ
เธอได้รับกำลังใจและความอิจฉาจากคนรอบข้างเสมอมา จนกระทั่งสอบเข้าโรงเรียนแสงเงิน
‘ในฐานะโรงเรียนอันดับหนึ่งของเกาหลี เราไม่ควรโลภมาก อยู่สักท็อป 10% ก็น่าจะพอ’
แต่ไม่นานความคิดนั้นก็เลือนหายไป
ในโรงเรียนแสงเงินที่เต็มไปด้วยอัจฉริยะจากทั่วประเทศ เธอต้องเผชิญความจริงอันโหดร้าย
ความสุขในโรงเรียนจบลงอย่างรวดเร็ว
ข้อสอบยากขึ้นเรื่อยๆ
หญิงสาวเผชิญความสิ้นหวังเมื่อได้เห็นคะแนนและอันดับที่เพิ่งเคยได้รับเป็นครั้งแรก
‘ถ้าอยู่อันดับกลางๆ ได้ก็คงดี…’
เป้าหมายลดลงในทุกๆ วัน
อย่าว่าแต่อันดับกลางๆ เลย ครั้นจะหลุดพ้นจากอันดับบ๊วย 10% ให้ได้ก็ยากเต็มที
มาอยู่ชมรมวารสารไหม? งานที่นี่เบากว่าชมรมหนังสือพิมพ์มาก
ได้ฟังข้อเสนอของครูที่ปรึกษาชมรม เธอรีบพยักหน้าตอบรับ
“เข้าใจแล้ว… ยังมีอะไรอยากจะพูดอีกไหม”
เป็นคำถามจากเจ้าหน้าที่คนหนึ่งของสมาคมเพลเยอร์
เพลเยอร์ที่ชื่อ ‘หัวหน้าทีมฮง’ ทำตัวเย็นชากับเด็กนักเรียนอีกสี่คนที่เลือกเดินทางผิด ยกเว้นกับเธอ
เขาใจดีกับเธอมาก
ถึงจะยังไม่เข้าใจเหตุผล แต่นั่นทำให้เธอกล้าขอร้องในบางเรื่อง
“…ขอส่งข้อความหาพ่อแม่กับเพื่อนได้ไหมคะ”
“ตอนนี้เธอยังอยู่ภายใต้อิทธิพลของคำสาป ตามกฎแล้วทางเราสามารถอ่านได้ทุกข้อความที่เธอส่ง ยกเว้นเฉพาะข้อความที่คุยกับทนายเพลเยอร์… ถ้าเป็นข้อความส่วนตัวที่ละเอียดอ่อน ฉันขอแนะนำให้ส่งวันหลัง”
พ่อแม่ที่คอยให้กำลังใจเสมอมา
และเพื่อนคนเดียวที่มีในโรงเรียน
อันดาอินซึ่งช่วยชะลอความรุนแรงของคำสาป โดยไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังตกเป็นเป้าความอิจฉา
มีบางสิ่งที่เธออยากจะบอกคนเหล่านั้น ก่อนทุกอย่างจะสายเกินไป
“ฉันแค่อยากบอกกับพวกเขาว่า… ขอโทษ”
* * *
หลังเลิกเรียน คิมยูรีเดินไปยังห้องสภานักเรียนอย่างอารมณ์ดี
ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ เด็กห้อง 1/0 มีแผนจะไปปิกนิกด้วยกัน
รองหัวหน้าห้องอย่างโชอึยชิน ที่ดูเหมือนจะเฉยเมยกับไอเดียในการปิกนิก เป็นฝ่ายออกปากชวนครูฮัมกึนยองก่อนเธอเสียอีก
‘ครูฮัมกึนยองก็รับปากว่าจะทำตัวให้ว่าง… พวกเราจะได้ไปปิกนิกด้วยกัน!’
เมื่อจินตนาการถึงสุดสัปดาห์ที่กำลังใกล้เข้ามา หญิงสาวอารมณ์ดีจนต้องฮัมเพลง
คิมยูรีหยุดฮัมเพลงขณะแตะบัตรนักเรียนลงบนเครื่องตรวจสอบสิทธิ์หน้าประตู
ประมวลผลอยู่สักพัก ในที่สุดประตูห้องก็เปิดออก
วันนี้มาเร็วไปรึเปล่านะ?
ในห้องสภานักเรียนยังมีแค่โดวอนอู—ประธานนักเรียน—และอูซังฮี—เลขานุการ
“ซังฮี วันที่ 5 พฤษภาว่างไหม? ฉันมีแผนจะพาพ่อแม่ไปเที่ยว…”
“จะไปไหนล่ะ? ที่จริงก็ว่างอยู่ แต่ฉันไม่อยากไปไหนมาไหนกับนาย วอนอู”
“ไม่ต้องเกรงใจไป พ่อแม่ของฉันเป็นคนพูดเองว่าถ้าซังฮีจะมาด้วยก็ไม่มีปัญหา”
“วอนอู สมองนายเพี้ยนไปแล้วรึไง? ลองโดนสักหมัดดูไหม? เผื่อจะกลับมาเข้าที่เข้าทาง ฉันช่วยได้นะ”
โดวอนอูมองอูซังฮีอย่างมีความสุขทั้งที่เป็นฝ่ายถูกตำหนิ
ทั้งสองคนยังคงสนทนากันต่อไปในลักษณะดังกล่าว จนคิมยูรีลังเลไม่กล้ากล่าวคำทักทาย
อูซังฮีที่กำลังด่าทออีกฝ่ายด้วยเสียงอ่อนโยน ฉีกยิ้มกว้างทันทีที่เห็นคิมยูรียืนอยู่หน้าห้อง
“ยูรี! เข้ามาสิ!”
“ซังฮี… สรุปว่าวันเด็กว่างไปเที่ยวกับฉันไหม?”
“วอนอู รุ่นน้องเดินเข้ามาในห้องแล้วยังไม่รีบทักทายอีก! มารยาทไปไหน”
“ส…สวัสดี”
โดวอนอูยอมทักทายคิมยูรีแม้จะทำหน้าไม่พอใจ
สองคนนี้เป็นแบบนี้มาสักระยะแล้ว คิมยูรีจึงไม่ถือสา
“สวัสดีค่ะ!”
ครืด!
ประตูห้องเปิดออกอีกครั้งขณะคิมยูรีกล่าวทักทาย
สองคนที่เพิ่งเดินเข้ามาคืออันดาอินและจีมยองซู—รองประธานนักเรียน
“หวัดดี”
“สวัสดีค่ะ”
จีมยองซูโยนกระเป๋าสะพายลงบนโต๊ะแล้วทิ้งตัวนั่งบนโซฟา
“จุนยอลบอกว่าวันนี้มาไม่ได้ เห็นว่าต้องซ้อมอะไรสักอย่าง”
“จุนยอลกำลังจริงจังกับบางเรื่องอยู่สินะ… บางทีในอีกไม่ช้า คำว่า ‘น้อย’ อาจจะหายไปจากฉายาที่เพลเยอร์ SAT-K ตั้งให้เขาก็ได้ แต่นั่นก็ต้องขึ้นอยู่กับความสำเร็จอีกที”
“ซังฮี แล้วเธอคิดยังไงกับฉายาของฉัน? ถ้าเธอต้องการ ฉันจะทำงานหนักเพื่อเปลี่ยนมันให้ได้!”
“หืม… วอนอู ฉันไม่เคยสนใจฉายาของนายเลย… ว่าแต่มันคืออะไรล่ะ…?”
โดวอนอูถึงกับอึ้งเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของอูซังฮี ส่วนจีมยองซูข้างๆ พยายามกลั้นขำสุดชีวิต
นี่คือบรรยากาศตามปกติของห้องสภานักเรียนที่คิมยูรีคุ้นชิน
แต่มีอยู่หนึ่งคนที่ทำตัวผิดธรรมชาติ นั่นคืออันดาอิน
ปกติไม่ค่อยพูดก็จริง แต่วันนี้แปลกออกไปชัดเจน
เพื่อนสนิทอันดับหนึ่งอย่างคิมยูรีย่อมดูออก
“ดาอิน เกิดอะไรขึ้น?”
“อ้อ… เรื่องนั้น…”
อันดาอินหรี่เสียงลงจนเหมือนการกระซิบ
“เพื่อนข้างห้องของฉันน่ะ… อยู่ๆ เธอก็ไม่กลับห้อง ไม่เข้าเรียน ติดต่อทางอุปกรณ์ก็ไม่ได้… แต่เมื่อครู่เพิ่งส่งข้อความมาบอกว่าขอโทษ”
คิมยูรีครุ่นคิดหลังจากได้ฟัง
ขอโทษ
คงเป็นไอ้นั่นล่ะมั้ง…
หนึ่งในนักเรียนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีโกงข้อสอบกลางภาค
ได้ยินว่าโดนคำสาปเพราะเข้าไปพัวพันกับการทดลองอันตรายของครู เพื่อแลกเปลี่ยนกับโพยข้อสอบกลางภาค
ตอนนี้คงถูกทางสมาคมกักตัวอยู่นอกโรงเรียน
ซึ่งอันดาอินก็คงรู้เรื่องพวกนี้อยู่แล้ว
“…อาฮะ”
“อื้อ… ก็เลยเป็นห่วงน่ะ”
คิมยูรีดีใจที่ได้ทราบว่าอันดาอินมีเพื่อนที่หอพัก
บรรยากาศอันท่วมท้นรอบตัวอันดาอินมักทำให้คนอื่นไม่กล้าเข้าหา
แถมยังมีนิสัยชอบเก็บตัว ยิ่งทำให้มีเพื่อนยากกว่าปกติ
อาจมีหลายคนชื่นชมอันดาอิน แต่นั่นใกล้เคียงกับคำว่าสาวกมากกว่าเพื่อน
‘หืม… ช่วยยังไงดีนะ’
คิมยูรีตัดสินใจไม่ขุดคุ้ยประเด็นเพื่อนข้างห้อง
“ดาอิน หลังเลิกเรียนไปชอปปิ้งกันไหม? ในย่านดงมันมีร้านเครื่องประดับแฮนด์เมดเปิดใหม่ ฉันเคยไปกับเพื่อนร่วมห้องมาแล้ว มีของน่ารักๆ ขายเพียบเลย แถมยังออกใหม่ทุกวัน”
“…เอาสิ”
เธอดูออกหรือว่าฉันพยายามปลอบใจ?
อันดาอินยิ้มเล็กๆ ตรงมุมปาก
* * *
หลังเลิกเรียน
ชมรมหนังสือพิมพ์กำลังวุ่นวายเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนักเรียนชมรมวารสาร
ดูเหมือนครูประจำชั้นทุกห้องจะแจ้งข่าวกับนักเรียนของตนในช่วงโฮมรูมเย็น
“ถึงจะเสียใจที่มีเรื่องอื้อฉาวเกิดขึ้นในโรงเรียน แต่พอคิดว่าต่อไปนี้ครูแจกอลจะไม่ต้องปวดหัวกับชมรมวารสารแล้ว ฉันกลับดีใจแปลกๆ ล่ะ”
มุนแซรอนพูดพลางนั่งเลือกรูปที่ดีที่สุดของห้อง 2/0 ที่เธอถ่ายด้วยตัวเองเมื่อวาน
สมาชิกชมรมหนังสือพิมพ์เกือบทุกคนพยักหน้าเป็นนัยว่าคิดเหมือนกัน
ความขัดแย้งระหว่างสองชมรมทำให้งานของจูเก่อแจกอล—หัวหน้าฝ่ายธุรการ—เพิ่มขึ้นมาก
แต่ในวันนี้ ถึงจูเก่อแจกอลจะกำลังยุ่งจนมาที่ชมรมไม่ได้ แต่บรรยากาศภายในชมรมกลับดีขึ้นถนัดตา
คาบชมรมจบลงโดยไม่มีเหตุการณ์พิเศษ
จากนั้น ฉันเดินทางมาพบกับคนที่นัดไว้
“พอลองสืบดู เด็กพวกนั้นโดนคำสาปรุนแรงเอาเรื่องอยู่นะ… ไอ้พวกครูคิดจะย้ายคำสาปมาอยู่กับครูแจกอล… เศษสวะชัดๆ”
“พวกเราแสดงออกมากไม่ได้เพราะในห้องมีทั้งเพื่อนและครูคอยจับตาดูอยู่ แต่ไอ้พวกเวรตะไลมันน่าหงุดหงิดจริงๆ ให้ตายสิ… น่าจะจับมากระทืบให้เข็ดก่อนส่งตำรวจ!”
ฉันนัดพบกับกึมชานซอลและวังชานซอลแห่งปี 2/0 เพื่อคืนเสื้อของจูเก่อแจกอลที่ผ่านการซักรีดแล้ว
ดูท่าทั้งสองจะไม่ได้บอกใครถึงความจริงเบื้องหลังการปิกนิกของห้อง 2/0
เก็บความลับได้ว่าเก่งแล้ว แต่การสั่งให้นักเรียนห้อง 2/0 ทำตามแผนได้โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ความจริงนั้นยอดเยี่ยมยิ่งกว่า
“ช่วงนี้ครูแจกอลอาจยุ่งไปอีกสักพัก แต่ในอนาคตจะไม่ต้องคอยปวดหัวกับชมรมวารสารแล้ว”
“เยี่ยมเลย”
“ใครที่คิดจะผูกขาดชมรมหนังสือพิมพ์ต้องเจอแบบนี้!”
ตัวละครของฉันช่างเป็นที่รักของผู้คน
ถ้าเป็นสองคนนี้คงไว้ใจได้สินะ
พวกเขาปกป้องจูเก่อแจกอลด้วยความเคารพจากก้นบึ้ง
“ดีแล้ว… ช่วยปิดเรื่องนี้ให้เป็นความลับจากครูต่อไปด้วยล่ะ”
“ไม่ต้องห่วง ถ้าเกิดครูสงสัยหรือพยายามขุดคุ้ย พวกเราจะห้ามไว้เอง”
“ใช่! ที่จริงฉันมีแผนในใจอยู่แล้ว ต่อให้ครูไม่สงสัย แต่ก็อยากลองเอามาใช้ดูเหมือนกัน”
คิดจะทำอะไรกับตัวละครของฉันเนี่ย
เบาๆ เด้อ
กึมชานซอลที่รับเสื้อผ้าในถุงไปถือ มองมาทางฉัน
“อันที่จริง ฉันอยากรู้ว่านายใช้เสื้อผ้าของครูแจกอลตบตาครูของโรงเรียนแสงเงินได้ยังไง… ถ้าพวกเราทำแบบนั้นได้บ้าง ความหลากหลายในการเล่นสนุกคงเพิ่มขึ้นมาก”
“กึมชาน เรื่องนั้นถือเป็นความลับทางการค้า เป็นพวกเราก็คงไม่อยากบอกเหมือนกัน มีจรรยาบรรณหน่อย”
“ที่วังชานพูดก็จริง… ถึงจะน่าเสียดาย แต่ช่างเถอะ ถ้านายมีเรื่องสนุกๆ ก็มาแบ่งปันกับเราได้ทุกเมื่อ! ถือเป็นการส่งต่อจิตวิญญาณการเล่นสนุกของเด็กห้องศูนย์!”
กึมชานซอลและวังชานซอลพูดคุยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ฉันมีบางสิ่งอยากถามพวกเขา และบรรยากาศแบบนี้ถือว่าเข้าทาง
“ผมมีคำถาม”
“พวกเราคิดแพงนะ”
ทั้งสองพูดพร้อมกัน
เป็นคำพูดเดียวกับในวันแรกที่เจอกัน แต่สีหน้าแววตาแตกต่างกันลิบลับ
ฉันถามสิ่งที่อยากรู้กับสองหัวโจกของพวกเด็กแสบ
“เอ่อ… พอดีอยากรู้จักร้านทำเสื้อแก๊งน่ะ”
ถึงเวลาทำหน้าที่รองหัวหน้าห้อง 1/0 แล้ว
* * *
เช้าวันถัดมา
ปี 1/0 มารวมตัวเช้ากว่าทุกที
คิมยูรีเขียนประโยคหนึ่งลงบนกระดานดำอิเล็กทรอนิกส์หน้าห้องโนlวลกูดอทคoม
[คิดคำพูดที่จะเขียนบนเสื้อแก๊ง]
“อึยชินของเราได้ร้านทำเสื้อแก๊งมาแล้ว ถือว่าเร็วมาก! ถ้าคิดคำเสร็จก็พร้อมสั่งทำทันที”
“รองหัวหน้าห้อง ทำได้ยังไง?”
“สุดยอด! เห็นยุ่งๆ แบบนี้ไม่คิดว่าจะมีเวลาว่าง”
วังชานซอลที่พ่อแม่เป็นเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการเสื้อผ้า ให้เบอร์ติดต่อร้านทำเสื้อแก๊งคุณภาพดีแต่ราคาย่อมเยามา
กึมชานซอลและวังชานซอลแนะนำว่าอย่าใช้สีสะท้อนแสง เพราะพวกเขาเคยใช้ไปแล้ว ให้เลือกเสื้อแขนสั้นสีขาวจะดีกว่า
“ถึงจะเรียบง่ายไปนิด แต่ก็ดูสะอาดและสวยดี”
“อื้อ!”
เสื้อแก๊งแขนสั้นสีขาวที่พิมพ์ข้อความด้วยตัวหนังสือสีดำหนา
‘ถึงพื้นจะเรียบ แต่ข้อความต้องเด่นสะดุดตาสุดๆ แน่’
กึมชานกับวังชานที่แสร้งทำเป็นหวังดี เสนอแนะลวดลายนี้มาให้
มองจากไกลๆ ยังโดดเด่นแม้จะไม่ได้ใช้สีสะท้อนแสง
แต่ฉันไม่ถือ ขอแค่ตัวละครของฉันกับเพื่อนร่วมห้องมีความสุขก็พอ
“มาสุ่มจับฉลากหาคนที่จะเขียนข้อความลงบนเสื้อกันเถอะ! อันดับแรก เริ่มจากคนที่เขียนให้ครูฮัมกึนยอง!”
คิมยูรีเปิดแอปฯ สุ่มชื่อขึ้นบนกระดานดำอิเล็กทรอนิกส์
และคนที่ได้เขียนข้อความลงบนเสื้อครูฮัมกึนยองก็คือ…
วังจีโฮ
‘เวรละ…’
ดวงตาวังจีโฮที่ค่อนข้างอิดโรยเพราะมัวแต่วิจัยหนังสือโบราณ ส่องประกายขึ้นมาทันที
“ฮะฮะฮะ! เขียนอะไรลงไปดีนะ”
ใครก็ได้ที่ไม่ใช่หมอนี่!
ฮัมกึนยองคือหนึ่งในตัวละครของฉัน
อย่าคิดจะเขียนคำแปลกๆ ลงไปเชียวล่ะ
วังจีโฮมองไปรอบๆ สักพักก่อนจะพิมพ์ข้อความลงบนกระดานอิเล็กทรอนิกส์ราวกับนึกอะไรดีๆ ออก
ผลลัพธ์ก็คือ
[คนคิดคติพจน์กากๆ]
โครม!
เม็งเฮียวทงที่เห็นข้อความ รีบใช้หัวโขกลงบนโต๊ะเรียนเซรามิกเสริมแกร่งพิเศษ
เฮียวทง ช่วยถนอมทรัพย์สินของโรงเรียนด้วย
ซาวอลเซอึมที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ทำหน้างงงวย แต่เมื่อได้ฟังคำอธิบายจากอีเรนาก็เริ่มขำตามเพื่อนคนอื่น
“ฮ…ฮะฮะฮะ!”
“โอ๊ย… ทำยังไงดี หยุดขำไม่ได้เลย… ฮึบ”
ขำกันอยู่สักพัก ห้องเรียนกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
“วังจีโฮ! เปลี่ยนเถอะ!”
เม็งเฮียวทงพยายามคัดค้านด้วยใบหน้าแดงก่ำ และวังจีโฮก็ใจกว้างเปลี่ยนให้
[เข้าเรียนให้ตรงเวลา]
สุดท้ายก็หนีจากคติพจน์ไม่พ้น
ถึงจะดูแปลกๆ เวลาอยู่บนเสื้อครู แต่ก็ถือเป็นคติพจน์ที่ฮัมกึนยองชื่นชอบ จึงไม่ได้ดูผิดผีอะไรนัก
คิดว่าล่ะนะ
“ในเมื่อได้ข้อความบนเสื้อครูแล้ว ต่อไปเป็นเสื้อของพวกเรา!”
นักเรียนค่อยๆ สุ่มเลือกไปทีละคน
เริ่มจากฉัน
ฉันจับได้เม็งเฮียวทง
[โชอึยชิน → เม็งเฮียวทง: เม็งเฮียวทงผู้แกร่งดุจหินผา]
“เฮ้ย! รองหัวหน้า! หมายความว่ายังไง!”
“เหมาะดีออก!”
“ใช่ เข้ากับนายดีนะ!”
เป็นชื่อเล่นที่มอบให้จากความมุมานะที่แสดงให้เห็นตอนสอบกลางภาค
เม็งเฮียวทงทำหน้าไม่พอใจ แต่หลังๆ เริ่มคล้อยตามเพราะเพื่อนคนอื่นเห็นด้วย
ทว่า เม็งเฮียวทงที่เป็นคนถัดไปสุ่มจับได้ฉัน
[เม็งเฮียวทง → โชอึยชิน: โชอึยชิน รองหัวหน้าห้องผู้น่าสงสัย]
“ฮะฮะฮะฮะ!”
“ตอนที่ทำหน้าครุ่นคิด นายดูน่าสงสัยมากเลยรู้ไหม”
“เอ่อ… จะพูดยังไงดีล่ะ…”
ท่ามกลางเสียงหัวเราะของวังจีโฮ เพื่อนคนอื่นอ้ำๆ อึ้งๆ
ในเมื่อเป็นสิ่งที่ตัวละครของฉันเลือกให้ จะให้คัดค้านก็คงไม่ดีเท่าไร
มีแต่ต้องก้มหน้ายอมรับ
[ซาวอลเซอึม → อีเรนา: นักไวโอลิน อีเรนา]
“ขอโทษด้วยนะ ฉันคิดอะไรแบบนี้ไม่ค่อยเก่ง…”
“ไม่เลย! อันนี้ดีแล้ว!”
“ใช่! เข้ากันมาก”
เป็นบรรยากาศแห่งการให้กำลังใจ
[อีเรนา → คิมยูรี: คิมยูรี หัวหน้าห้องคนเก่ง! ขอบคุณสำหรับทุกเรื่อง!]
“ฉันก็ต้องขอบคุณเหมือนกัน ในอนาคตจะพยายามให้มากยิ่งขึ้นนะ!”
“อื้อ!”
คิมยูรีและอีเรนาต่างยิ้มแย้ม
[คิมยูรี → ฮันอี: ฮานี่ Honey ฮันอี]
“น่ารักจัง!”
“ดีใจที่ชอบนะ”
ฮันอีดูจะชอบมาก
ต่อไปเป็นฮันอี
[ฮันอี → วังจีโฮ: หยุดขำได้แล้ว วังจีโฮ]
“เห็นด้วยเลย”
“เฉียบ!”
“…จะดีหรือ?”
คงเพราะสนิทกันผ่านมวยพยัคฆ์ ฮันอีจึงกล้าอำวังจีโฮ
เป็นข้อความที่แทนใจฉันได้มากทีเดียว
การสนับสนุนอย่างออกนอกหน้าจากฉันและเม็งเฮียวทงทำให้มันถูกอนุมัติ
[วังจีโฮ → ซาวอลเซอึม: เอฟเฟกต์สกิลบินน่ารำคาญ]
“เห…? ไม่เขียนชื่อด้วย?”
“ฮะฮะฮะฮะ!”
“เอาจริงหรือ?”
วังจีโฮเอาแต่หัวเราะโดยไม่พูด
แต่เขาทำถูกแล้ว คงไม่ดีนักถ้าจะให้ซาวอลเซอึมเดินไปรอบแม่น้ำฮันโดยที่แปะชื่อตัวเองอยู่บนเสื้อ
ท่านประธานกำลังเป็นห่วงนักเรียน?
หรือแค่เพราะรำคาญเอฟเฟกต์ของพรคุ้มครองจากเผ่าระกาจริงๆ ?
* * *
สุดสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคม
นักเรียนปี 1/0 ทุกคนสวมเสื้อแก๊งไปปิกนิกที่แม่น้ำฮัน
ระหว่างทางก็สวมแจ็กเกตทับไว้ด้านนอก
พวกเรามีแผนจะนั่งเรือเป็ด จึงนัดเจอกันแถวสวนยังฮวา ใกล้กับสะพานยังฮวา
ที่นั่น ฉันได้พบกับบุคคลไม่คาดคิด
“รุ่นพี่ซงมันซอก ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ”
บุคคลที่เดินเข้าไปทักทายคือฮัมกึนยอง
แขนเหล็กซงมันซอก หัวหน้าทีมจักรยานแม่น้ำฮัน
—
MasterGU.edited = พฤกษาคม->พฤษภาคม