“พวกเราเป็นหนี้โชอึยชินอีกครั้ง… ขอบคุณที่ช่วยชำระล้างย่านอึนกวางให้บริสุทธิ์”
น้ำเสียงและบรรยากาศแตกต่างจากคิมชินรกที่ฉันรู้จักโดยสิ้นเชิง
ดูไม่เหมือนกับครูบุคลิกอบอุ่นที่เคยแวะมาขอบคุณฉันที่หอพักพร้อมกับซองซีวาน
สีหน้าคิมชินรกในตอนนี้ ยากที่จะอ่านความคิด
‘ดูไม่เหมือนมนุษย์เลยแฮะ’
เสือแดง
คิมชินรก
เหตุการณ์สัตว์อสูรบุกโรงยิมสอบเข้า
เผ่าเสือและเผ่าหมี
สถานที่แห่งนี้
ฉันจัดระเบียบความคิดทีละหนึ่ง
แม้ยากที่จะเชื่อลง แต่ข้อมูลทั้งหมดนำไปสู่หนึ่งข้อสรุป
“คุณไม่ใช่มนุษย์…”
โอกาสที่เผ่าแท้จะมีลูกด้วยกันเอง หรือมีลูกกับมนุษย์ ก็ล้วนแล้วแต่ต่ำมาก และถึงจะให้กำเนิดทายาทได้ แต่ทายาทก็จะไม่ได้เป็นเผ่าแท้
ในกรณีของเสือขาว เสือเหลือง และเสือแดง เหล่าพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นเทพนิยายที่ถูกบันทึกไว้ในเทพนิยายแกชอน จึงกลายเป็นเผ่าแท้ได้
ยงเจกอนก็เกิดจาก ‘ลูกแก้ววิเศษ’ ของ ‘ราชันเทพมังกร’ ที่เป็นหนึ่งใน ‘เบื้องบน’
‘ไม่อยากจะเชื่อ’
มีโอกาสที่คิมชินรกจะเป็นลูกหลานของเสือแดง หรือไม่ก็ลูกหลานเผ่าเสือ
แต่ถ้าเป็นลูกหลานเผ่าเสือทั่วไป คงไม่ถูกเผ่าหมีจัดการได้ง่ายนักในโรงยิมสอบเข้า
ลูกหลานเผ่าเสืออ่อนแอกว่าเผ่าแท้ก็จริง แต่ก็ไม่มีทางถูกจัดการได้ในเวลาสั้นๆ โดยที่ไม่มีใครรู้ตัวเลย
ทว่า เรื่องราวจะต่างออกไปถ้าคิมชินรกเป็นลูกหลานของเผ่าหมีด้วย
เพราะลูกหลานของเผ่าแท้ จะมิอาจขัดขืนเผ่าแท้ของตัวเองได้
“คุณคือลูกหลานของเผ่าเสือและเผ่าหมี”
คิมชินรกคือผู้สืบสายเลือดของทั้งเผ่าเสือและเผ่าหมีในคนเดียวกัน
หรือถ้าพูดให้ชัดก็คือ เขาเป็นทายาทของเสือแดงและอุงเนีย*จอมคร่ำครวญ (อุงเนีย = หมีสาว ลังเลอยู่ว่าจะแปลหรือทับชื่อ)
“ฉลาดมาก สมแล้วที่เป็นซูเปอร์โนว่าไร้นาม”
คิมชินรกที่ตอบพลางยิ้ม ดูไม่เหมือนมนุษย์สักเท่าไร
“ใช่แล้ว ครูเป็นลูกหลานของทั้งเผ่าหมีและเผ่าเสือ”
สมกับเป็นเกมกากแห่งชาติ
ตัวละครที่ตายไปโดยไม่มีบทบรรยายสักบรรทัดในเกม แท้จริงแล้วเป็นบุคคลสำคัญที่มีภูมิหลังซับซ้อน
“อย่างที่เธอทราบ ทายาทของเผ่าแท้จะถูกพันธนาการโดยสายเลือด ครูจึงโจมตีเผ่าหมีและเผ่าเสือไม่ได้ ทำให้ถูกเผ่าหมีเล่นงานอย่างง่ายดาย”
คิมชินรกยิ้มพลางชี้ไปยังปลายโถงทางเดินอันมืดมิด
“ไปกันเถอะ ท่านเสือแดงกำลังรออยู่”
เสือแดงในเกมจะสวมแต่ชุดดำไปจนวันตาย
บางที นั่นอาจเป็นการไว้ทุกข์ให้กับคิมชินรกผู้เป็นทายาทของเขา
เมื่อเดินตามคิมชินรกไปจนสุดทางเดิน ฉันได้พบกับเสือแดง
“เสือขาว โชอึยชิน ข้าควบคุมตัวเผ่าหมีไว้แล้วก็จริง แต่มันสลบอยู่”
ภายในห้องทดลองที่เสือแดงนำทางไป
ชเวย็อนทึกกำลังกระเสือกกระสนอยู่ข้างๆ ผู้ฝึกสัตว์เผ่าหมีที่สูญเสียแขนทั้งสอง
ชเวย็อนทึกมองไปทางคิมชินรกด้วยดวงตาเบิกกว้าง
“ค…ครูคิม มาพอดีเลย! ด…ดูเหมือนจะมีการเข้าใจผิดกันในหมู่คุณครูนะครับ! ผ…ผม”
“ต่อหน้าเสือขาวและเสือแดง แกไม่มีสิทธิ์พูดตามอำเภอใจ”
คิมชินรกขว้างหมุดโลหะใส่คางชเวย็อนทึก
“อ๊ากกก!”
หมุดปักเข้าไปในคางชเวย็อนทึกอย่างแม่นยำ
มีเลือดไหลซึมจากโลหะที่เสียบอยู่
‘ก็พอจะเข้าใจอยู่หรอก ว่าทำไมต้องใช้ความรุนแรงกับชเวย็อนทึก แต่ว่า…’
ทำไมล่ะ?
ทำไมต้องเป็นหมุดโลหะ?
ฉันส่งสายตาสงสัยไปทางคิมชินรก
“นักเรียนและครูบางคนยังชอบกระดานข่าวแบบกระดาษมากกว่า ครูก็เลยพกติดตัวตลอดเวลา”
แคร่ก!
คิมชินรกเขย่ากล่องพลาสติกใบเล็กที่เต็มไปด้วยหมุดโลหะ
เขาหยิบหมุดออกมาสองอันแล้วใช้ปลายนิ้วโยนเล่นพลางมองไปทางชเวย็อนทึก
“เธออยากจะถามอะไรเขาไหม”
คิดว่าเสือแดงจะเป็นคนสอบปากคำเสียอีก…
คิมชินรกพูดด้วยรอยยิ้มปั้นแต่งที่ดูไม่เหมือนมนุษย์
“พอดีฉันชำนาญเรื่องพวกนี้… มากยิ่งกว่าท่านเสือแดงเสียอีก”
“ให้เขาจัดการเถอะ โชอึยชิน”
ชเวย็อนทึกพลันสะอึกกับคำพูดเสือแดง พลางมองมาทางฉันแล้วสูดลมหายใจยาว
“อะไรนะ…? โชอึยชิน? ซูเปอร์โนว่าไร้นามคือจอมโจร…!”
“ตอบเท่าที่ถูกถาม”
“อ๊ากกกก!”
คิมชินรกดีดหมุดโลหะสองอันที่ควงเล่นใส่หน้าผากชเวย็อนทึก
ไม่มีข้อกังขาอีกแล้ว
คิมชินรกชำนาญด้านนี้จริงๆ
“ผมสงสัยแค่เรื่องเดียว”
แค่หนึ่งคำถาม
เพราะสำหรับประเด็นอื่น ฉันรู้เกือบทั้งหมดแล้ว หรือไม่ก็สืบหาได้ไม่ยาก
สิ่งที่ฉันสงสัยคือข้อมูลที่แม้แต่ในเกมก็ไม่เคยเปิดเผย
“ในบรรดาพันธมิตรจักรราศี… ใครทำลายบาเรียของโรงเรียน”
ได้ยินคำถามฉัน ทั้งแบคโฮกุน เสือแดง และคิมชินรกต่างหรี่ตาลง
ส่วนคำตอบของชเวย็อนทึก
“ฉ…ฉันพูดไม่ได้!”
ครืด—
คิมชินรกเทเครื่องเขียนลงตรงหน้าชเวย็อนทึก
ไส้ปากกาลูกลื่น กรรไกรซิกแซก มีดคัตเตอร์ หมุดโลหะ กบเหลาดินสอ…
ทั้งหมดคือเครื่องเขียนทั่วไป แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคิมชินรก พวกมันกลับดูน่าเกรงขามเป็นพิเศษ
สัมผัสถึงสายตาของฉัน คิมชินรกตอบพลางยิ้ม
“พอดีว่าฉันเป็นครูมาสักพักแล้ว”
ขณะพูด เขายกไส้ปากกาลูกลื่นขนาด 0.38 มม. ขึ้นมาจ่อดวงตาชเวย็อนทึก
“ก็เลยชำนาญการใช้เครื่องเขียนเป็นพิเศษ”
ได้ยินแบบนั้น ชเวย็อนทึกแหกปากโวยวายทันที
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นธาตุแท้ของคิมชินรก ‘ลูกหลานเผ่าแท้’ ที่ปลอมตัวเป็นครูหน้าตาใสซื่อ
อีกหนึ่งครูที่ไม่ควรไปหาเรื่องสินะ…
ผ่านไปราวสามสิบนาที
คิมชินรกทดสอบเครื่องเขียนไปราวสิบชนิดเห็นจะได้ จนกระทั่งชเวย็อนทึกยอมจำนนด้วยเสียงคร่ำครวญ
“ฉ…ฉันไม่รู้จริงๆ! ในตอนที่บาเรียพัง ฉันเห็นแค่เงาของหางยาวๆ … ใช่แล้ว หางยาว!”
คิมชินรกตรวจสอบการกลอกตา อัตราการเต้นหัวใจ และการสั่นผิวหนังของชเวย็อนทึก จากนั้นก็หันมาพยักหน้าให้ฉัน
น่าจะเป็นความจริง
ตามข้อตกลงที่ทำไว้ล่วงหน้า หากคิดจะทำลายบาเรีย สิบสองพันธมิตรจักรราศีต้องจำแลงกายเป็นร่างอวตารของสัตว์ชนิดนั้น
‘หางยาว… จากบรรดาทั้งสิบสอง มีแค่หนู วัว เสือ มังกร งู ม้า ลิง และหมาที่หางยาว… ถ้าตัดเสือกับมังกรที่เป็นผู้บริสุทธิ์ออกไปก็จะเหลือหก’
หนู วัว งู ม้า ลิง หมา
เผ่าหนู เผ่าวัว เผ่างู เผ่าม้า เผ่าลิง เผ่าหมา
จากบรรดาหกเผ่าแท้ข้างต้น มีหนึ่งเผ่าทรยศเผ่าเสือ
ตอนนี้ยังระบุไม่ได้ แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา
‘ตอนนี้ยังเป็นแค่ช่วงเริ่มเกม ยังเหลือเวลาอีกมาก’
เมื่อจบคำถามของฉัน คิมชินรกเริ่มถามบ้าง
“ทำไมแกถึงเล็งตำแหน่งครูประจำชั้นปีหนึ่งห้องหนึ่งกับที่ปรึกษาสมาคมปีกธรณี? ก่อนหน้านี้เคยปฏิเสธมาตลอดไม่ใช่รึไง? คิดจะทำอะไรในโรงเรียนแสงเงินกันแน่”
“ฉ…ฉันไม่รู้… พวกเขาแค่บอกให้ฉันทำ…!”
ได้ฟังคำตอบ คิมชินรกหยิบหมุดโลหะหลากสีออกมาควงเล่น
ชเวย็อนทึกเห็นดังนั้นจึงรีบตอบอย่างลนลาน
“นะ…นักเรียนหัวกะทิ! พวกเขาบอกว่าต้องการเหยื่อสังเวย!”
เมื่อพูดถึงนักเรียนหัวกะทิกับเหยื่อสังเวย ฉันนึกถึงเหตุการณ์หนึ่ง
ภายในเกม สมาคมปีกธรณีจะถูกกวาดล้างในปีหน้า
เด็กปีหนึ่งส่วนใหญ่รอดมาได้เพราะจูซูย็อกกับอันดาอินช่วยไว้
‘ฆ่าลูกหลานเผ่าเสืออย่างคิมชินรกเพื่อลดขุมกำลังของโรงเรียนแสงเงิน และจับชเวย็อนทึกนั่งตำแหน่งสำคัญเพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดหาเครื่องสังเวย’
ก็พอจะเดาเนื้อเรื่องได้อยู่ แต่ไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากครูของโรงเรียนโดยตรง
การสอบปากคำและคำสารภาพยังคงดำเนินต่อไป
‘…จบไม่สวยแน่’
สร้างตึกโลกีย์และทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าเสือต้องมัวหมอง
จับนักเรียนพรสวรรค์สูงไปเป็นนักสู้ทาสในไฟต์คลับ
จับนักเรียนที่มีพลังหายากไปขายงานประมูล
ลอบจู่โจมครูที่มีฝีมือเพื่อหวังแย่งตำแหน่ง…
ประกายไฟฟ้าสีแดงกะพริบรอบเสือแดงเป็นระยะ
ดวงตาของเสือขาวยิ่งทวีความเย็นชา
ความชั่วช้าของชเวย็อนทึกยังมีอีก…
‘กลั่นแกล้งนักเรียนและรับเงินใต้โต๊ะ… แต่เพราะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวพันกับเผ่าเสือโดยตรง พวกเขาคงไม่สอบปากคำ’
คิมชินรกที่สอบปากคำจนพอใจแล้ว หันมาถามความเห็นจากเสือแดงและฉัน ก่อนจะใช้ใบมีดคัตเตอร์ปากคอชเวย็อนทึกเพื่อไม่ให้ส่งเสียงร้อง
ระหว่างนั้น เสือแดงนำเครื่องทรมานที่เป็นเชือกเปื้อนเลือดมัดอยู่กับแผ่นไม้ออกมาโน!วลกูดoทคอม
‘นั่นอะไร…’
เครื่องทรมานสีแดงในมือเสือแดง
ความคิดที่ยากจะพรรณนาและคำสาปอันน่าสะพรึง พรั่งพรูออกจากเครื่องทรมานชิ้นนั้น
แค่มองก็แทบจะหายใจไม่ออก
ราวกับเป็นนรกขนาดพกพา
“อ…อะ!”
ชเวย็อนทึกที่รู้สึกไม่ชอบมาพากลเริ่มดิ้นรนขัดขืน
คิมชินรกยังใจดี ช่วยอธิบายเกี่ยวกับนรกที่ชเวย็อนทึกต้องเผชิญในอนาคต
“หลังจากท่านเสือแดงก่อบาปมหันต์ เขาถูกสิ่งนี้พันธนาการเป็นเวลาประมาณ 4,900 ปี และหยุดการลงทัณฑ์เมื่อโลกเริ่มขัดแย้งกับต่างโลก หรือเมื่อราวหนึ่งร้อยปีก่อน”
เครื่องทรมานที่เคยใช้กับเสือแดง?
เรียกว่านรกขนาดพกพาก็คงจะไม่ผิด
‘นับแต่นี้ไป ชเวย็อนทึกต้องลิ้มรสนรกไปจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต’
นี่คงเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้บอกลาชเวย็อนทึก
ฉันทิ้งท้ายก่อนจะกลับ
“ที่ผ่านมาฉันต้องทนฟังเสียงเห่าหอนของแกในคาบเรียนมาตลอด… ขอให้อายุยืนนะ ชเวย็อนทึก”
ตามปกติแล้ว คำอวยพรวันเกิดก็มักขอให้เจ้าภาพอายุยืนเป็นเรื่องปกติ
ฉันหันหลังให้ชเวย็อนทึกที่นอนก้มหน้าในสภาพมิอาจส่งเสียงกรีดร้อง
คิมชินรกยังไม่ไปไหนเพื่อคอยเก็บกวาด ส่วนเสือขาวกับเสือแดงเดินมาส่งฉันขึ้นลิฟต์กลับมาที่ล็อบบี้ตึกเงาเงิน
‘เป็นเพราะแบคโฮกุน เราจึงยังมีแรงเหลือเฟือ’
ดีแล้ว เพราะยังมีสิ่งที่ฉันอยากไปทำ
ฉันพูดขณะมองกลับไปหาเสือแดงและเสือขาว
“ยังเหลือตึกที่ต้องรื้อถอนอยู่ มีใครอยากไปกับผมไหม”
ตึกห้าหลังที่มีชเวย็อนทึกเป็นเจ้าของ ซึ่งตั้งอยู่รอบโรงเรียนแสงเงิน
ต้องพังให้ราบคาบเท่านั้น
ฉันมีแผนถอนรากถอนโคนให้เสร็จก่อนที่พายุฝนจะหยุด และก่อนจะทำลายทิ้งต้องแวะเข้าไปรับของกำนัล
เนื่องจากเผ่าเสือมีกลุ่มทุนวังมยองกรุปหนุนหลัง พวกเขาจึงไม่ต้องการเงิน ดังนั้นทรัพย์สินทั้งหมดที่ปล้นมาได้จึงตกเป็นของฉัน
“ไปกันเถอะ”
“ข้าจะไปกับเจ้า โชอึยชิน”
ทั้งสองพยักหน้าพร้อมกัน เผ่าเสือช่างพึ่งพาได้จริงๆ
แรงงานฟรีที่มีคุณภาพสูงลิบลิ่ว
เมื่อเดินออกจากตึกเงาเงิน สายฝนด้านนอกยังคงโปรยปราย
แม้จะเต็มไปด้วยแสงไฟจากห้องทดลองและเรือนกระจกที่เปิดตลอดทั้งคืน แต่บรรยากาศก็ยังไม่สว่างนัก
ซ่า!
‘พายุฝนคงไม่หยุดง่ายๆ แน่’
แต่ก็คุ้มที่จะฝ่าออกไป
‘ตั้งแต่ตอนที่เล่นเกมแล้ว ฉันอยากจะทำลายตึกที่เกิดอีเวนต์จังไรมาตลอด’
เว้นเสียแต่จะมีกลไกพิเศษในเกม ไม่ว่าตัวละครจะแข็งแรงเพียงใด แต่ก็ไม่มีทางทำลายอาคารและฉากได้
‘แต่ไม่ใช่กับตอนนี้’
ตราบใดที่มีพลัง ทุกสิ่งสามารถทำลายได้
ท่ามกลางพายุฝน เราสามคนออกตระเวนถล่มอาคารผิดกฎหมาย
เป็นงานง่ายๆ เนื่องจากมีพิมพ์เขียวอยู่ในมือ จึงกำหนดจุดทำลายได้สะดวก
สำหรับฉัน งานหลักคือการปล้นตู้เซฟที่มีอยู่มากมาย
ได้เห็นการ์ดเงินสดและไอเท็มเรียงรายในหน้าต่างไอเท็ม ฉันมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
‘งานง่ายๆ รายได้ดี!’
เลยเที่ยงคืนมาแล้ว ตอนนี้จึงเป็นช่วงเวลาเช้าตรู่ของวันเสาร์
เมื่อคืนถือเป็นศุกร์หรรษาโดยแท้จริง
ฉัน แบคโฮกุน และเสือแดง สนุกสนานไปกับการทำลายอาคารในค่ำคืนศุกร์หรรษา
* * *
คืนศุกร์หรรษาจบลง รายชื่อผู้ติดต่อที่ถูกบันทึกไว้ในอุปกรณ์เพิ่มจำนวนขึ้น
ที่เพิ่มมาคราวนี้คือแบคโฮกุน
ฉันกับแบคโฮกุนแลกโค้ดกันก่อนจะกลับหอพัก
‘น่าแปลก แบคโฮกุนพูดเป็นกันเองกับเรา’
เสือเหลืองกับเสือแดงยังพูดสุภาพในครั้งแรกที่เจอกัน แต่เสือขาวพูดอย่างเป็นกันเอง
หรือเพราะว่าเขาคือตัวละครที่เราควบคุมมานานกว่าสิบปี?
เสือเหลืองกับเสือแดงเป็น NPC แต่แบคโฮกุนต่างออกไป
‘ในเมื่อแบคโฮกุนไม่ถือ เราจึงพูดเป็นกันเองกับเขา’
ส่งผลให้เสือแดงเหล่มองด้วยสายตาไม่เข้าใจ
‘อากาศดีชะมัด’
มองออกไปนอกหน้าต่าง ฝนหยุดลงแล้ว
ตอนนี้เป็นบ่ายวันเสาร์
ร่างกายของเราสมบูรณ์มาก เพราะได้นอนเต็มอิ่มโดยไม่ฝัน
‘ใกล้ได้เวลาที่ฮัมกึนยองจะส่งข้อความมาหาแล้ว…’
ติ๊งต่อง! นั่นปะไร ฉันได้ยินเสียงข้อความ
[ฮัมกึนยอง] มาที่หอพักครูตอนบ่ายสอง
บางที ฮัมกึนยองคงอยากติดต่อฉันทันทีที่ช่วยเม็งเฮียวทงเสร็จ
แต่เขาคงเดาออกว่าเมื่อคืนฉันผ่านอะไรมา จึงปล่อยให้มีเวลาได้พักผ่อนนอนหลับ
งั้นก็ไปกันเถอะ
ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกจากหอพัก
* * *
ห้องรับรองในหอพักครูปลอดคนเนื่องจากเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์
“สวัสดีครับ”
“อาฮะ… เชิญนั่ง”
ฉันนั่งฝั่งตรงข้ามฮัมกึนยอง
เขาพูดเสียงขรึมด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
“เม็งเฮียวทงกำลังตรวจร่างกายอย่างละเอียดที่โรงพยาบาล 1 ในเขตส่วนกลาง ตอนนี้ผลอย่างละเอียดยังไม่ออก แต่ผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมลงความเห็นว่า มีร่องรอยการใช้ไอเท็มฟื้นฟูเกินขนาด”
ร่องรอยการใช้ไอเท็มฟื้นฟูเกินขนาด
ตามชุดนักเรียนของเม็งเฮียวทงเต็มไปด้วยรอยเย็บปะ
ถูกเอนามีไล่ล่า
สัญญาณเตือนเอนามีจากเพลเยอร์ SAT-K ไม่ทำงาน
ฮัมกึนยองคงพอจะเดาสิ่งที่เกิดขึ้นได้
“ก่อนหน้านี้เธอบอกครูแค่ว่า ให้ช่วยปกป้องเม็งเฮียวทงที่จะหลบหนีมาทางประตูหน้า จากนั้นก็แจ้งสมาคมเพลเยอร์… ยังมีอะไรที่อยากจะเล่าอีกไหม”
ฉันตัดสินใจเล่าเฉพาะสิ่งที่เขาจะได้รับรู้จากข่าวในอนาคต
รวมถึงวีรกรรมของชเวย็อนทึก และสิ่งที่เม็งเฮียวทงต้องเผชิญ
ฟังฉันอธิบายเสร็จ ฮัมกึนยองเตรียมลุกขึ้นยืน
“…เข้าใจแล้ว ไปหาเม็งเฮียวทงด้วยกันเถอะ”
หา?
ฉันเก็งไว้ว่าจะถูกถามกลับ จึงกำลังคิดหาคำตอบที่เหมาะสม
แต่ดูเหมือนฮัมกึนยองจะไม่สนใจ
“ครูไม่อยากถามบ้างหรือ”
“ถ้าเธอไม่อยากเล่า ครูก็ไม่อยากฟัง”
ไม่เข้าใจเลย
สิ่งที่ฉันเล่าคือข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับคดีของครูชเวย็อนทึกและเม็งเฮียวทง
เป็นธรรมดาที่จะถูกสงสัยว่า ฉันมีข้อมูลเหล่านี้ได้อย่างไร
แต่กลับไม่ถาม?
“ครูเคยเห็นนักเรียนที่มีจิตใจใฝ่ความยุติธรรม มีพลังพิเศษโดดเด่น และมีช่องทางการสืบข้อมูลที่น่าทึ่งมามาก ส่วนใหญ่นักเรียนประเภทนี้จะไม่ละทิ้งจุดยืนของตัวเอง… แม้เราจะเพิ่งรู้จักกันแค่หนึ่งเดือน แต่ครูเชื่อว่าเธอคือหนึ่งในกลุ่มนั้น”
ฮัมกึนยองลุกขึ้นยืน
“ถ้าครูใช้ไหวพริบและพยายามขุดคุ้ยหาความจริง นักเรียนเหล่านั้นจะเจ็บปวด ครูไม่อยากทำร้ายนักเรียน”
“ครูฮัมกึนยอง…”
ฉันเคยเห็นบทพูดนี้มาก่อน
เป็นสิ่งที่ฮัมกึนยองพูดกับจูซูย็อก
ประโยคดังกล่าวทำให้ฉันเผลอคิดว่า ‘คงไม่มีครูคนไหนพูดแบบนี้แน่’ เกมก็คือเกมวันยังค่ำ
“ถ้าเล่าไม่ได้ก็ไม่ต้องเล่า โชอึยชิน หากวันใดเธอต้องการความช่วยเหลือ ติดต่อมาได้ทุกเมื่อ ครูจะช่วยโดยไม่ถาม”
ฉันดีใจเหลือเกินที่มีเขาเป็นครูประจำชั้น
* * *
ฮัมกึนยองกับฉันเดินทางไปยังเขตส่วนกลางด้วยแอร์บอร์ด
หลังจากโดยสารแอร์บอร์ดแล้วขึ้นบิน ทิวทัศน์แรกที่เห็นคือท้องฟ้าสีคราม
‘สวยชะมัด…!’
ฝนหยุดตกแล้ว แม้อากาศจะค่อนข้างเย็น แต่ท้องฟ้ายังคงสดใสและมีสายลมสดชื่นพัดผ่าน
หลังจากจบเที่ยวบินระยะสั้น ใครบางคนกำลังยืนรอพวกเราอยู่ที่เขตส่วนกลาง
ชายคนดังกล่าวยิ้มขณะเดินมาหาฉันและฮัมกึนยอง
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ อึยชิน”
บุคคลดังกล่าวแต่งกายด้วยโค้ทยาวยี่ห้อดรอว์ฟิต (Draw-fit) ที่กำลังพัดกระพือ
ฮงกยูบิน หัวหน้าทีมสื่อที่ 1 ของสมาคมเพลเยอร์สาขาเกาหลี
—
MasterGU.edited = ฝีมือเมื่อ->มีฝีมือ, เสือแดงกับเสือแดง->เสือเหลืองกับเสือแดง, ไม่ใช้ไหวพริบ