41. นอกชายแดน (12)
* * *
มกอูรัมเป็นคนผอมบาง แต่มือของเขาเต็มไปด้วยหนังด้านสมกับช่างทำไวโอลินวิเศษ
มกอูรัมที่จับข้อมือฉันแน่น มองหน้าฉันพร้อมกับกะพริบตาเชื่องช้า
‘น่าจะหลับอยู่ไม่ใช่หรือ ทำไมถึงตอบสนองได้’
ต่อให้ฉันไม่สังเกตเห็น แต่ไม่มีทางที่เขาจะตบตาวังจีโฮกับซอโดลได้
วังจีโฮดูค่อนข้างตกใจ คล้ายกับคาดไม่ถึงว่ามกอูรัมจะลืมตา
ฝ่ายหลังจ้องฉันสักพัก ก่อนจะปล่อยมือด้วยใบหน้าผิดหวัง
“…แปลก ฉันคิดว่ามิวส์อยู่ที่นี่ แต่ส่วนสูงกับขนาดตัวไม่ตรงกัน”
มกอูรัมเรียกหามิวส์ทันทีที่ตื่น
‘เต่าดำบอกว่ามกอูรัมเจอมิวส์แล้วสินะ…’
เขาฝันถึงมิวส์ที่ตัวเองค้นพบระหว่างทิ้งการเรียนเพื่อเตร็ดเตร่ไปทั่วโลก?
“สวัสดี”
มกอูรัมมองไปรอบห้องก่อนจะพยุงตัวขึ้นด้วยใบหน้าเจือความระแวง
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย คล้ายกับถูกอาการเจ็บกล้ามเนื้อเล่นงาน เนื่องจากเคลื่อนไหวร่างกายอย่างฉับพลัน
“ถ้าลำบากก็นอนคุยเถอะ”
“…ที่นี่คือที่ไหน พวกนายเป็นใคร คนเกาหลีหรือ”
มกอูรัมถามด้วยสำเนียงเกาหลีที่ตรงตามตำราเรียนของชาวต่างชาติ
…ภาษาเกาหลีแข็งแบบนี้ ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอาศัยอยู่ต่างประเทศมานาน หรือเพราะประหม่า
“ที่นี่คือเมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน ฉันชื่อโชอึยชิน นักเรียนห้อง 1/0 ของโรงเรียนแสงเงิน ทางนี้คือวังจีโฮ ห้องเดียวกัน ส่วนอีกคน…”
“ไม่จำเป็นต้องรู้จักเขาก็ได้”
“เสียมารยาท! ข้ากำลังอยากรู้ว่าโชอึยชินจะแนะนำข้ายังไง!”
อันที่จริง ฉันคิดจะข้ามการแนะนำตัวซอโดลแล้วพูดว่า ‘ไม่ต้องรู้จักเขาก็ได้’ อยู่แล้ว
มกอูรัมเมินเฉยเสียงล้งเล้งของซอโดล พลางมองสลับระหว่างฉันกับวังจีโฮ
“พวกนายเรียนโรงเรียนเดียวกับฉัน… ห้องเดียวกันด้วย!”
น้ำเสียงของเขาดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที
“ใช่ ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง”
“อื้อ! ร่างกายไม่เป็นอะไรแล้ว”
เขาดีใจที่ได้เจอเพื่อนร่วมชั้น?
เพิ่งตื่นจากการสลบยาวแท้ๆ … เด็กที่ไม่เข้าเคยเข้าเรียนเลยอย่างเขา ไม่น่าจะมีความสุขที่ได้เห็นใบหน้าของเพื่อนร่วมชั้น
ความกระฉับกระเฉงของมกอูรัมเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่ฉันรู้สึกไม่เข้าที
“จำเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้บ้างไหม ถ้าเป็นไปได้ช่วยเล่าอย่างละเอียดทีนะ ว่าบาดเจ็บมาได้ยังไง”
“ก่อนหน้านั้น ฉันมีเรื่องอยากถามพวกนาย”
มกอูรัมดูจริงจังขึ้นมา
ถึงกับเคลียร์ลำคอ คงไม่ได้ถามเรื่องธรรมดาแน่
‘คิดจะถามอะไร… เกี่ยวกับเต่าดำ? หรือเรื่องที่เราอยู่จีน?’
ระหว่างฉันเรียบเรียงความเป็นไปได้ของคำถาม วังจีโฮตอบพลางพยักหน้า
“ว่ามา”
“…นายสองคนเป็นเพลเยอร์ของโรงเรียนแสงเงิน ถูกต้องไหม”
“ใช่ ฉันกับโชอึยชินเป็นนักเรียนของโรงเรียนแสงเงิน เราเรียนห้องเดียวกับนาย ปีหนึ่งห้องศูนย์”
วังจีโฮฉายบัตรนักเรียนด้วยโฮโลแกรม
ฉันเองก็เปิดดีไวซ์แล้วฉายบัตรนักเรียนเช่นเดียวกัน
สีหน้ามกอูรัมดูสดใสยิ่งกว่าเก่า
“รู้จักนักไวโอลินควอนเจอินใช่ไหม”
“ใช่ ควอนเจอินทำงานอยู่ที่โรงเรียนแสงเงิน”
“หมายความว่า… พวกนายรู้จักมิวส์ของฉัน!”
แปลกๆ
กำลังจะบอกว่ามิวส์ของเขาคือควอนเจอิน?
ไม่มีทาง ถ้าเป็นแบบนั้นจริง มกอูรัมก็ต้องอยู่ที่อังกฤษต่อกับทีมทะเลสาบนิรันดร์
ในเมื่อทั้งสองฝ่ายรู้จักกันดี ก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องเดินทางไปทั่วโลก
วังจีโฮถามราวกับสงสัยเหมือนฉัน
“มิวส์? หมายถึงควอนเจอิน?”
“ไม่ใช่ นั่นมิวส์ของท่านอาจารย์… ควอนเจอินเป็นนักไวโอลินฝีมือฉกาจก็จริง แต่เธอไม่ใช่มิวส์ของฉัน”
“แล้วพูดถึงใคร”
มกอูรัมสูดลมหายใจยาวก่อนจะตอบ
“มิวส์ของฉันคือคนที่บรรเลงไวโอลินร่วมกับบลูไวโอลินิสต์ ขณะเผชิญหน้ากับกำแพงสมุทรในความมืด!”
มิวส์ของเขาคือควอนเลนา…!
ไม่น่าจะผิดตัวแล้ว แต่ฉันอยากยืนยันให้ชัดเจน จึงเล่นวิดีโอที่มุนแซรอนอัปโหลด
“หมายถึงเด็กคนนี้?”
“ใช่! คนนี้แหละ! มิวส์ของฉันอยู่ที่โรงเรียนแสงเงินใช่ไหม”
มกอูรัมยื่นหน้ามาจ่อโฮโลแกรม
เป็นควอนเลนาจริงๆ
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ตัวละครของฉันจะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครสักคน
“ใช่”
“ท่านผู้นั้นอายุเท่าไร ชื่ออะไร? ถ้าฉันไปโรงเรียน จะได้เรียนกับท่านผู้นั้นไหม… ไม่สิ ท่านผู้นั้นจะยอมเล่นไวโอลินวิเศษที่ฉันสร้างไหม”
มกอูรัมดูเปี่ยมไปด้วยกำลังวังชา ราวกับเมื่อตอนยังเป็นซากศพในมือเต่าดำคือเรื่องโกหก
…แต่สติคงยังไม่กลับมาเต็มร้อย คำนึงจากคำถามที่พรั่งพรูออกมา
“ตอบคำถามของเราก่อน”
“อื้อ! ได้สิ…! ถามมาได้เลย”
มกอูรัมที่นอนสลบมานาน เพิ่งตื่นเมื่อสักครู่ เสียงของเขาจึงแหบแห้งหลังจากพูดมากเกินไป
ฉันหยิบขวดน้ำจากตู้เย็นแล้วยื่นให้มกอูรัม
หลังจากเขาตะโกน ‘ขอบคุณ!’ และเริ่มดื่ม วังจีโฮหันมาพยักคางให้ฉัน
สื่อว่าให้ฉันเป็นฝ่ายถามก่อน
“เกิดอะไรขึ้นบ้างก่อนที่นายจะหมดสติ”
“อื้อ! ในช่วงต้นปี ฉันออกจากคาบสมุทรเกาหลีเพื่อค้นหามิวส์…”
นั่นคือเรื่องราวก่อนจะหมดสติก็จริง
…แต่ย้อนนานไปโว้ย
ฉันยกมือขึ้นเพื่อบอกให้หยุด แล้วตีกรอบให้แคบลง
“เกินอะไรขึ้นในช่วงหนึ่งเดือนก่อนที่นายจะหมดสติ”
มกอูรัมพยักหน้ารับแล้วเล่าสิ่งที่ตัวเองเผชิญ
เขาเตร็ดเตร่ไปทั่วโลกเพื่อมองหาบ่อเกิดแรงบันดาลใจ
ในช่วงที่เงินใกล้หมดไปกับค่าท่องเที่ยวและดูคอนเสิร์ต เขาพบวิดีโอที่ควอนเจอินบรรเลงผสานกับควอนเลนา และตัดสินใจกลับคาบสมุทรเกาหลีทันที
แต่เงินของเขาหมดเกลี้ยง จึงต้องเดินเท้ากลับและหาเงินด้วยการเคลียร์รอยแยกที่พบเจอระหว่างทาง
“นายสามารถทำเรื่องกู้เงินฉุกเฉินจากสมาคมเพลเยอร์ได้ และถ้าแจ้งให้โรงเรียนทราบ โรงเรียนจะช่วยพากลับบ้านได้ทันที”
“…มีตัวเลือกแบบนั้นด้วยหรือ”
มกอูรัมทำหน้าตกใจสุดขีด
ดูท่าช่างทำไวโอลินวิเศษจะขาดสามัญสำนึกทางโลกอยู่มากทีเดียว
ยังมีอีกหนึ่งจุดในเรื่องเล่าของมกอูรัมที่สะกิดใจฉัน
“เพลเยอร์ที่เก่งระดับสอบติดโรงเรียนแสงเงิน อุตส่าห์สละเวลาเคลียร์รอยแยก แต่กลับยังมีเงินไม่พอจองตั๋วเครื่องบิน?”
“ฉันต้องสู้มือเปล่า ก็เลยจัดการได้แต่เอนามีระดับต่ำ”
นั่นล่ะที่แปลก
ถ้าไม่ใช่เอนามีที่มีค่าหัว เอนามีระดับต่ำอาจมอบรางวัลไม่มากก็จริง
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่สมเหตุสมผลอยู่ดี ที่เขาจะหาเงินไม่พอซื้อตั๋วเครื่องบินโนเวลกูดอทคoม
ได้ยินข้อสงสัยของฉัน มกอูรัมอธิบาย
“หือ? ต่อให้ฉันจัดการเอนามีเกรด R ตามลำพัง เงินรางวัลยังแทบไม่พอจะจ่ายค่าอาหารและที่พักด้วยซ้ำ…”
มกอูรัมที่อ่อนต่อโลก คงถูกหลอกมาตลอด
ถึงจะไม่ทราบสัดส่วนที่แน่ชัด แต่ดูเหมือนเขาได้รับค่าจ้างไม่ถึง 1% จากที่ฉันได้
“นายต้องนำเรื่องนี้ไปเล่าให้ศูนย์ใหญ่ของสมาคมเพลเยอร์ฟัง”
“อ…อื้อ!”
ฉันก็ไม่แน่ใจว่าสมาคมเพลเยอร์สาขาตะวันออกกลางเป็นยังไง แต่คงปล่อยผ่านไปไม่ได้
เรื่องราวการเดินทางสุดระทมของมกอูรัมยังคงดำเนินต่อไป
“หลังจากผ่านตะวันออกกลางและเข้าใกล้ชายแดนจีน ฉันถูกทาบทาม”
“ทาบทาม? จากใคร”
“ไม่แน่ใจเหมือนกัน พวกเขาบอกให้ฉันตามไปเพื่อฟังรายละเอียด แต่ฉันปฏิเสธทันที”
หนึ่งวันหลังจากปฏิเสธ
มกอูรัมเริ่มถูกใครบางคนไล่ล่า
ช่วงแรกยังหนีได้เรื่อยๆ แต่เมื่อจำนวนผู้ไล่ล่าเพิ่มขึ้น วันหนึ่งก็ถึงจุดที่รับมือไม่ไหว
และในวินาทีแห่งความเป็นความตาย
“ภาพสุดท้ายที่ฉันเห็นคือชายผ้าสีดำ”
ฟังจากเรื่องราว ความทรงจำของมกอูรัมคงจบลงในที่ตอนเต่าดำเข้ามาช่วย
วังจีโฮถาม
“ในวันแรกที่ถูกโจมตี อีกฝ่ายเล็งดีไวซ์เป็นอันดับแรกสินะ… แปลว่าต้องไม่ใช่คนธรรมดา พอจะนึกอะไรออกบ้างไหม”
“มีเรื่องที่ฉันคาใจอยู่เหมือนกัน”
“เล่ามา”
“กลุ่มคนที่ไล่ล่าดูคล้ายกันมาก จนฉันคิดว่าเป็นแฝดสาม แฝดสี่…”
“เห็นหน้าชัดไหม”
“ทุกคนใช้ไอเท็มพรางตัว แถมยังสวมหน้ากากปกปิดอีกชั้น”
คำอธิบายว่า ‘ดูคล้ายแฝด’ ตงิดใจฉันชอบกล แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือประโยคหลัง
ไม่ใช่ฉันคนเดียวที่เอะใจ วังจีโฮรีบหันไปมองซอโดล อีกฝ่ายชูมือขึ้นพร้อมกับแผ่คลื่นพลังวิเศษ
ซู่ว…!
ควันสีเทาหนูควบแน่นกลายเป็นหน้ากากที่มีช่องว่างรูปทรง ‘เพชร’ แค่ตรงดวงตาสองข้าง
ไม่แน่ใจว่าเกี่ยวกับฝีมือของหัวหน้าดีไซเนอร์ไหม หน้ากากที่ซอโดลจำลองจากคลื่นพลังวิเศษ มีรายละเอียดน่าทึ่งมาก
มกอูรัมนึกชื่นชมขณะนอนมองฝีมือซอโดล
“หน้ากากแบบนี้ใช่ไหม”
“ใช่! เหมือนทุกอย่างยกเว้นสี”
ดวงตาของวังจีโฮกับซอโดลหรี่ลงทันทีที่ได้ยินคำตอบ
“นายเคยเห็นใบหน้าหลังหน้ากากไหม”
“ไม่… แค่ทำลายไอเท็มพรางตัวจนเห็นหน้ากากก็เต็มกลืนแล้ว”
น่าเสียดายที่เราไม่รู้ว่าด้านหลังหน้ากากเป็นใคร แต่มีหนึ่งสิ่งแน่ชัด
สัจจะสามอัศวินกำลังวางแผนบางอย่าง
ทีมนี้เชื่อมโยงกับการโจมตีมกอูรัม และการอาละวาดของคลื่นพลังวิเศษในศูนย์ฝึกเฉิงตู
ระหว่างนั้น วังจีโฮที่ตรวจสอบดีไวซ์ กล่าวพลางส่ายหน้า
“หนึ่งในจุดประสงค์ของเรากลายเป็นหมันแล้ว”
“เกิดอะไรขึ้น”
“ยังจำที่ฉันเล่าให้ฟังได้ไหม เกี่ยวกับเพลเยอร์ที่สามารถควบคุมแสงประทานได้ระหว่างกำลังคลุ้มคลั่ง”
“จำได้”
“คนคนนั้นถูกส่งมาสืบสวนเชิงลึกในคดีเพลเยอร์คลุ้มคลั่ง เราคงไม่ได้เจอกับเขาสักพัก”
จากเท่าที่ฟัง คงไม่ได้มีเพลเยอร์คลุ้มคลั่งแค่คนเดียวสินะ
การลอบทำร้ายมกอูรัม เพลเยอร์คลุ้มคลั่ง บุคคลปริศนาผมทอง สัจจะสามอัศวิน
ระหว่างที่ฉันเรียบเรียงข้อมูลในหัว มกอูรัมพูด
“พวกนายถามเสร็จหรือยัง เล่าเรื่องมิวส์ของฉันให้ฟังบ้างสิ!”
มกอูรัมที่น้ำเสียงแหบแห้ง กล่าวพลางวางขวดน้ำใบเปล่าลง
ฉันหยิบน้ำขวดใหม่จากตู้เย็นในห้องแล้วยื่นให้เขา:
“เด็กผู้หญิงในวิดีโอเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเรา”
“เพื่อนร่วมชั้น…! มิวส์ของฉันเรียนห้องเดียวกัน? ถ้าไปโรงเรียนจะได้เจอหน้าไหม”
“แน่นอน แต่ไม่ใช่ตอนนี้ เพราะเธออยู่ระหว่างหยุดยาว”
“อย่างนั้นหรือ… ท่านผู้นั้นชื่ออะไร”
มกอูรัมถามด้วยสำเนียงเกาหลีแข็งๆ ราวกับกำลังตื่นเต้นเกินเหตุ
ในสภาพรื้นไปด้วยน้ำตา เขาเล่นวิดีโอไวโอลินประสานด้วยดีไวซ์ของห้องสวีต ปากซักถามพลางชี้ไปบนหน้าจอ
ขณะตอบมกอูรัมไปตามจริง ฉันครุ่นคิด
‘ไม่ว่าเราถามอะไร เขาก็จะตอบอย่างซื่อตรง’
ยังมีอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ฉันอยากรู้จากเขา
ความคล้ายคลึงกันระหว่างคำอธิบายของ ‘โชคชะตาไร้ชื่อ’ กับไวโอลินวิเศษ
แต่ฉันถามไม่ได้ เพราะตอนนี้วังจีโฮกับซอโดลมองอยู่
หลังจากกล่าวคำอำลา ‘ไว้เจอกันที่บ้าน’ ฉันเดินออกจากห้อง
* * *
มณฑลเสฉวน, ชายแดนระหว่างเฉิงตูกับหย่าอัน
เต่าดำที่นุ่งห่มดำ ยืนตระหง่านท่ามกลางศพที่แข็งตัวในสภาพบิดเบี้ยว
แกร่ก แกร่ก…
หลี่เหว่ยเดินตามหลังเต่าดำโดยมีเสียงน้ำแข็งแตกเป็นพื้นหลัง
เต่าดำคาดตาด้วยผ้าไหมดำ แต่หันไปมองหลี่เหว่ยราวกับเห็นทุกสิ่ง
“หลี่เหว่ย บาดเจ็บตรงไหนไหม”
“ไม่ขอรับ ท่านเต่าดำจัดการให้เกือบทั้งหมดแล้ว”
ปัซ!
เมื่อเต่าดำสะบัดชายแขนเสื้อผ้าไหมแผ่วเบา บรรดาศพที่หัวยังติดกับตัว ถูกดึงมารวมกันในจุดเดียว
“ทีแรกก็ไม่คิดจะแทรกแซงถึงเพียงนี้ แต่ดูเหมือนข้าจะชื่นชอบ ‘ดาวรุ่งอรุณ’ มากกว่าที่คิด…”
เต่าดำใช้ผ้าไหมดำ หุ้มหน้ากากที่ทุกศพสวมไว้
หน้ากากทุกใบมีรูปทรงเดียวกัน บริเวณดวงตาถูกเจาะเป็นรูเพชร
“ข้าไปส่งเจ้าไปไม่ได้… แต่อย่างน้อยก็อยากอำนวยความสะดวกให้การเดินทางที่เหลือราบรื่น”
* * *
เมื่อกลับถึงโรงแรมที่ชมรมหนังสือพิมพ์พักอยู่
ระหว่างที่ฉันขังตัวเองอยู่ในห้องเพื่อเรียบเรียงความคิด โดยอ้างกับคนอื่นว่าเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้า
ปิ๊งป่อง!
มีข้อความเข้า
ผู้ส่งคือซาวอลเซอึม
[ซาวอลเซอึม] อึยชิน! ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน จีนใช่ไหม จะกลับเมื่อไร
บรรดาเพื่อนร่วมชั้นต่างทราบว่า ฉันกับวังจีโฮอยู่ระหว่างทัศนศึกษากับชมรมหนังสือพิมพ์
…เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นหรือไง
ยังไม่ทันจะได้ถามอะไร ซาวอลเซอึมส่งข้อความมาเพิ่ม
[ซาวอลเซอึม] ช่วยฮันอีด้วย!